กันยายน 2556

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
เรื่องสั้น : ผู้ปกครอง

ไม่มีใครรู้อนาคต... นั่นเป็นเรื่องจริง, และในบางครั้งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดถึงมาก่อน หากย้อนเวลากลับไปได้ แล้วเปลี่ยนแปลงในบางสิ่ง...
บางที โลกนี้อาจจะไม่มีสงคราม... แต่ก็ไม่แน่นัก เพราะใครๆ ก็ต้องการให้ตัวเองสมหวัง หากนาฬิกาถูกหมุนย้อนเวลากลับไป สงครามอาจจะรุนแรงกว่าเก่าก็เป็นได้... จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องดีแล้วที่ “เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้เท่ากับที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงอนาคต”

* * * * *

สายตาหลายคู่ที่มองมา เป็นสายตาของความเดียดฉันท์เกินครึ่งหนึ่ง และอีกบางส่วนเป็นสายตาแห่งความสงสัย ความลังเลไม่เชื่อใจ แต่ยังถือว่าเป็นโชค ที่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้มา “ไหว้” ก่อนที่จะจากกันไปนิรันดร์

แล้วเรื่องราวในความทรงจำ พรั่งพรูหลั่งไหล...

“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ เธอจะได้อยู่กับฉันไปนานๆ... แต่เธออย่าทิ้งฉันไปเชียวนะ ไม่งั้นล่ะก็...”

“ผมไม่ทิ้งคุณหรอก ก็คุณดีกับผมออกอย่างนี้ ถ้าไม่มีคุณก็ไม่มีผมในวันนี้เหมือนกัน”

ประโยคนี้เสียดแทงความรู้สึกนัก เมื่อต้องนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา.... จากชีวิตที่ดูเหมือนจะเลวร้ายที่สุดในตอนนั้น พ่อตายและแม่ติดคุกเพราะเป็นคนยิงพ่อ เหลืออยู่เพียงตัวคนเดียว ไร้สิ้นหนทางที่จะดำเนินชีวิตต่อไปได้ แต่โชคชะตาก็กำหนดมาให้ได้รับการยื่นมือเข้าช่วยเหลือจากคนผู้นี้... นั่นคือจุดเริ่มต้น...

“เอาอย่างนี้...เธอมาดูแลบ้านให้ครู ครูจะจ่ายเงินให้เธอเป็นค่าจ้าง เธอจะได้มีเงินไปจ่ายค่าเทอม”

จากเพียงทำหน้าที่ดูแลและทำความสะอาดบ้าน รถน้ำต้นไม้ ล้างรถในช่วงหลังเวลาเรียน ก็กลายเป็นการไปเปลี่ยนหลอดไฟ ในช่วงกลางคืน ไปเฝ้าบ้านให้เมื่อไม่อยู่ จนสุดท้าย...

“ไหนๆ เธอก็ต้องไปๆ มาๆ อยู่บ่อยๆ ครูว่าเธอย้ายมาอยู่ที่นี่เลยก็แล้วกัน เพราะครูเองก็อยู่คนเดียว เธอจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าหอพัก เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปอีกทางหนึ่ง

ไม่มีข่าวของความเสื่อมเสีย... เพราะภาพลักษณ์ของอาจารย์ผู้แสนดีกับนักศึกษาหนุ่มผู้อาภัพนั้น เสียงที่ได้ยินมาคือการยกย่องอาจารย์เป็นผู้ใจบุญเท่าๆ กับความโชคดีของนักศึกษาหนุ่มที่ได้รับกุศลผลบุญนั้น...

“อาจารย์น่ะ เป็นคนดีมีน้ำใจ ท่านเกิดมาเพื่อเป็นครูอย่างแท้จริง ทุกอย่างที่ท่านทำมีแต่สิ่งดีๆ” ใครๆ ก็พูดอย่างนั้น นานเข้าผู้มีพระคุณจึงได้กลายเป็น “ผู้ปกครอง” โดยนิตินัย เด็กหนุ่มวัยไม่ถึง 19 ปีหรือจะมีกังขากับพระคุณในคราวนั้น...

“ครูรักเธอเหมือนลูกแท้ๆ สิ่งที่ครูทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเธอ เธออาจจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง แต่หากเธอทบทวนดูให้ดีแล้ว สมบัติทั้งหลายของครูก็จะตกเป็นของเธอในอนาคต” ความตื้นตันในบุญคุณ ไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝงเช่นกัน...

แต่ความลับหรือจะมีในโลก... ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ทุกอย่างก็จะต้องเปิดเผย และนั่นทำให้ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” เมื่อบังเอิญได้พบเห็นผู้ปกครองโดยนิตินัย กับ “เด็กหนุ่ม” หน้าตาดีคนหนึ่งในสถานที่ไม่ควรได้พบ

* * * * *

เพราะความที่อยากมีรายได้เสริมจากการได้รับจาก “ผู้ปกครอง” และเพื่อตอบแทนบุญคุณ เขาจึงได้ไปทำงานพิเศษในร้านสะดวกซื้อใกล้กับแหล่งบันเทิงยามราตรี... บังเอิญที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในร้านด้วยกัน การจับมือถือแขน โอบกอดอย่างไม่ละอายต่อสายตาใครนั้นบ่งบอกได้ชัดว่าต่างก็มีแอลกอฮอล์ในร่างกายในปริมาณไม่น้อย

การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้ทั้ง “ผู้ปกครองและผู้ถูกปกครอง” เองก็ทำหน้าไม่ถูก... และแน่นอน วันนั้นคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกันต่างก็ไม่กลับบ้าน.... ในเหตุผลของคนที่อ่อนวัยกว่าคือความสับสน ความไม่เข้าใจ และความศรัทธาที่มีทั้งหมดถูกทำลายอย่างไม่มีเหลือ.... คนที่บอกเสมอว่า “รักเธอเหมือนลูก” กระทำในสิ่งที่ “ไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่างแก่ลูก” ความเชื่อมั่นจึงถูกบั่นทอน....

“ฉันขอโทษ”

“ไม่เห็นต้องขอโทษอะไรผม...คุณไม่ได้ทำอะไรผิด” เมื่อไม่ได้อยู่ในรั้วสถาบันฯ คำว่า “อาจารย์กับลูกศิษย์” จึงถูกวางไว้หน้ารั้วประตูมหาวิทยาลัยนั่นเอง...

“ฉันทำให้เธอผิดหวัง”

“ผมไม่รู้สึกอย่างนั้น”

“เธอรู้สึกสิ... เพราะตอนนี้เธอเย็นชาห่างเหิน”

“ผมต้องทำงานและต้องเรียนหนังสือ”

“เธอไม่ต้องทำงาน ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าฉันเลี้ยงดูเธอได้”

“ผมไม่อยากให้คุณลำบากอยู่คนเดียว”

“แต่ฉันเต็มใจ”

“คุณดีกับผมมากเกินไป”

“เพราะฉันรักเธอ”

การอยู่ร่วมชายคา... อยู่บนพื้นฐานของความหวาดระแวง ระแวดระวัง... แต่ก็ยังไม่หนักแน่นเท่ากับความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ซึ่งนั่นทำให้ไม่กล้าที่จะทำอะไรลงไป... แววตาครั้งแรกของผู้มีพระคุณนั้นเปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างแท้จริงที่จะรับอุปการะเด็กน้อยที่ไร้ญาติขาดมิตร แต่แววตาครั้งนี้ของคนเดียวกันไม่ได้มองมาแบบเดิมอีกแล้ว... แต่มันเต็มไปด้วยความรักฉันท์ชู้สาว ที่มิอาจแตะต้องเพียงเพราะเป็น “เด็กในปกครอง” แต่หากมองในแง่มุมกลับ คือ หน้าที่การงานมันค้ำคออยู่นั่นเอง... ใครเล่าจะยอมเอาตำแหน่งทางวิชาการที่เป็นถึงรองศาสตราจารย์และอนาคตที่กำลังก้าวหน้าของการเป็นรองคณบดีมาแลกกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น... ข้อครหาคงตามมา และการถูกสอบสวนเรื่องของวินัย... อนาคตทั้งหมดจึงวางอยู่ในมือของเด็กหนุ่มในปกครองโดยไม่รู้ตัว

“ผมยินดีทำทุกอย่างถ้ามันจะทำให้คุณมีความสุข และไม่ต้องออกไปกับนอนกับผู้ชายคนไหนอีก” ประโยคที่ออกจากปากนั้นตรึกตรองดีแล้ว... หากนั่นมันจะเป็นการตอบแทนผู้มีพระคุณได้... ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนัก เพราะเรื่องนี้จะไม่ได้รับการแพร่งพรายจากคนสองคนเป็นเด็ดขาด... ชาตะชีวิตที่สองคน “กำ” มันไว้ในมือ...

ความสัมพันธ์ทางนิตินัยจึงเป็น ผู้ปกครองกับเด็กในปกครอง แต่ความสัมพันธ์ทางพฤตินัยนั้นยากนักที่ใครจะคาดเดาได้ เพราะการวางตัวของทั้งสองคน “เนียน” จนหลอกตาใครๆ ได้ถึงความเป็น “อาจารย์กับลูกศิษย์” เมื่ออยู่ในสายตาคนอื่น แต่บนเตียงนอน... เป็นเรื่องที่สองคนเท่านั้นที่ “รู้กัน”

* * * * *

แต่ก็อีกนั่นแหละ... เด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีก็ย่อมเป็นที่หมายปองของเด็กสาววัยเดียวกัน เหมือนกับที่เขาเองก็ชื่นชอบในตัวเด็กสาวอายุไล่เลี่ยกันคนนั้น.... ความใกล้ชิดที่เกิดจากการมีกิจกรรมร่วมกันของคนวัยเดียวกันทำให้เกิดความรักแบบหนุ่มสาวได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และนั่นไม่ได้รอดพ้นสายตาของ “ผู้ปกครอง” ไปได้แม้สักน้อย...

“เธอควรเลิกคบหากับเด็กผู้หญิงคนนั้น”

“แต่ผมชอบเธอ”

“เธอไม่รักฉันแล้วหรือ”

“ผมรักคุณ แต่ไม่ใช่แบบเดียวกับที่รักเธอ”

“เธอทำให้ฉันเสียใจนะ”

“ผมไม่เห็นว่าจะต้องเสียใจอะไรเลย ในเมื่อผมก็ยังอยู่กับคุณและไม่ได้คิดจะจากคุณไปไหน”

“ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อเธอ เธอจะได้อยู่กับฉันไปนานๆ... แต่เธออย่าทิ้งฉันไปเชียวนะ ไม่งั้นล่ะก็...”

“ผมไม่ทิ้งคุณหรอก ก็คุณดีกับผมออกอย่างนี้ ถ้าไม่มีคุณก็ไม่มีผมในวันนี้เหมือนกัน”

แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นก็หายไปอย่างไร้แม้กระทั่งคำลา สอบถามจากเพื่อนเธอ ได้ความว่า เธอต้องลาออกเพราะถูกกล่าวหาว่าลักขโมย... เธอไม่อาจทนต่อสังคมที่รุมประณามได้จึงต้องลาออกไป

เขาเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องราวทั้งหมด... เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดี แม้กระทั่งโกหกสักครั้งเดียวก็ไม่เคย การลักขโมยที่เกิดขึ้นนั้น อาจเป็น “เกม” ที่ใครสักคนสร้างมันขึ้นมาเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามของหัวใจและรวมไปถึงการตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพราะความลับที่รู้กันเพียงสองคนจะยังต้องรู้เพียงสองคนเท่านั้น... ใครบางคนที่เล่นเกมนี้คิดเช่นนั้น

“คุณทำให้เธอลาออกใช่ไหม”

“ฉันไม่ต้องลงทุนขนาดนั้นเลย”

“คุณไม่อยากให้ผมรักเธอ”

“ฉันเตือนเธอตั้งแต่แรกแล้ว.... เธอนอกใจฉันไม่ได้”

“คุณร้ายกาจ”

“ทั้งหมดนี้ฉันทำเพื่อเธอ” ความรักที่ว่านั้นรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ... เขาไม่เคย “คลาดสายตา” ผู้ปกครองของเขาเลย ถึงแม้เขาจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตามในวันนี้ และหากเขาทำอะไรที่ไม่ยั้งคิดลงไปก็เท่ากับการ “ทรยศต่อผู้มีพระคุณ” ซึ่งเป็นการกล่าวโทษที่รุนแรงเกินกว่าที่เขาจะรับมันได้

“เธอทำให้ฉันมีความสุข เธอเองก็มีความสุขไม่ใช่หรือที่ได้อยู่กับฉัน เธอจะยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีก”

“ผมไม่มีอะไรที่จะต้องการมากไปกว่านี้”

แต่นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้น... ในเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่า...

“ผู้ปกครอง” เริ่มไม่กลับบ้าน และมักจะหายไปทีละหลายวันอย่างไม่บอกกล่าว เขาไม่สามารถที่จะล่วงรู้หรือไต่ถามเอากับใครได้ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ควรรู้

“เฮ้ย, อาจารย์ ไม่มาสอนหลายวันแล้วนะ ไปไหนหรือเปล่าอ่ะ” เพื่อนร่วมชั้นวิชาเรียนเดียวกันถามไถ่

“ไปราชการต่างประเทศ” เขาตอบส่งๆ ไปอย่างนั้นเอง

และเมื่อผู้ปกครองของเขากลับมาถึงบ้านในหลายวันต่อมา ก็อดไม่ได้ที่ไต่ถามด้วยความห่วงใย

“ผมเป็นห่วง คุณไปไหนมา ไม่ไปทำงานตั้งหลายวัน”

“เธอจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือ แค่อธิการบดีคนเดียวก็น่าจะพอแล้ว”

“คุณโกรธผมหรือ”

“ฉันจะโกรธเธอเรื่องอะไร...”

“คุณไปกับเด็กหนุ่มคนอื่นอีกใช่ไหม”

“หึ... เธอหึงหวง หรือเธอเป็นห่วงกันแน่ หนุ่มน้อย” ว่าจบก็ดึงเขาเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด...และเรื่องราวก็จบลงบนเตียง แต่เขาก็ยังไม่รู้ถึงหาเหตุของการหายไปในคราวนั้น... แน่นอน ตอนนี้ มีหนึ่งความลับที่เป็นความลับส่วนตัวเพียงคนเดียว เขาไม่ได้ “ถือไพ่” เหนือกว่าอีกแล้ว....

ความเคลือบแคลงสงสัยมีมากขึ้นเมื่อผู้ปกครองของเขาเริ่มหายไปครั้งละหลายวัน... กระทั่งวันหนึ่ง...เขาเฝ้ามอง... ติดตาม และ จับผิด...

คอนโดมิเนียมสุดหรูคือสถานที่ที่รถยนต์คันโตเลี้ยวเข้าไป คนขับคือผู้ปกครองของเขา อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในด้านวิชาการ เป็นที่นับหน้าถือตาในแวดวงสังคม ด้านข้างของคนขับ เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีอายุไล่เลี่ยกับเขา และด้านหลังมีเด็กสาวสามคน ทุกคนล้วนหน้าตาดีและอยู่ในวัยรุ่น จนดูแล้วไม่น่าเกินมัธยมต้นเสียด้วยซ้ำ...

ผู้ปกครองของเขาเป็นคน “นำ” ทั้งหมดขึ้นไปบนอาคารสูงนั้น.... เขาไม่สามารถที่จะตามขึ้นไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นได้แต่ก็เฝ้ารอให้ทุกคนลงมา... ค่ำมืดแล้ว ทุกคนก็ยังไม่กลับลงมา เขาจึงกลับบ้าน... ตลอดเวลาเขาครุ่นคิดถึงเรื่องผู้ปกครองของเขากับเด็กวัยรุ่นเหล่านั้น... เขาไม่ได้คิดในทางที่ดีนัก เพราะภาพที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ไม่ใช่ภาพสวยงามในความทรงจำเท่าใดนัก เด็กหนุ่มคนนั้นอาจจะเป็นคนที่ผู้ปกครองของเขา “หิ้ว” ไปนอนด้วยก็จริง แต่เด็กสาวไร้เดียงสาทั้งสามคนนั้นเล่า? เขาเดาไม่ออก...

ชีวิตของเขากับผู้ปกครอง ต่างก็ดำเนินไปตามรูปแบบของตัวเอง เมื่ออยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งคู่ก็อยู่ในสถานภาพอาจารย์กับลูกศิษย์ ไม่มีใครสงสัยใคร่รู้ หรือถึงจะมีแต่ก็ไร้หลักฐานมาเป็นข้อกล่าวหา พระคุณของอาจารย์ที่มีต่อเขา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถที่จะทดแทนได้หมด... แต่มันอาจถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะออกไปเผชิญชะตากรรมของตัวเอง ถึงเวลาที่เขาจะต้องเลี้ยงดูตัวเองเพื่อการดำรงอยู่ในวันข้างหน้าหากไม่มีใครคอยเกื้อกูลชีวิตอย่างวันนี้...

“ผมจะออกไปอยู่หอพัก”

“เธอมีคนรักเหรอ”

“ไม่มีหรอกแต่ผมไม่อยากรบกวนคุณมากไปกว่านี้”

“ปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ...”

“ผมรบกวนคุณมาหลายปี ผมเกรงใจ”

“เธอน่าจะพูดประโยคนี้เมื่อสามก่อน”

“ผมขอโทษ”

“เธอไปไมได้ ฉันไม่อนุญาตให้เธอไป”

“ผมบรรลุนิติภาวะแล้ว”

“อ่อ เธอเรียนกฎหมายนี่นะ เธอย่อมรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะทรยศฉัน”

“ผมไม่ได้ทรยศ แต่ผมอยากจะเป็นตัวของตัวเอง”

“เธอกลัวความลับของเธอถูกเปิดโปง เพราะอีกไม่นานเธอจะเป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียง แต่เธอจะไม่ได้รับความไว้วางใจ ถ้าหากมีใครรู้ว่าเธออยู่กับฉันแบบไหน”

“คุณห่วงตัวเองเถอะเพราะผมมีความลับของคุณมากกว่าที่คุณคิดว่าผมรู้เสียอีก”

“เธอจะทำอะไรฉันได้ เธอมันก็แค่เด็กที่ฉันเลี้ยงดูไว้เพื่อสนองกำหนัดของฉันเท่านั้น”

ประโยคคำพูดนั้นเองที่ทำให้เขายั้งมือไว้ไม่อยู่... เขาตบฉาดเข้าที่ใบหน้านั้น แต่นั่นทำให้น้ำตาของเขาไหล... ผู้ปกครองของเขาไม่พูดว่าอะไร เขาก้มลงกอดขากราบกรานขอโทษในสิ่งที่ทำลงไปนั้น.. และนั่นทำให้เขาได้ออกมาอยู่หอพักสมปรารถนา จนกระทั่งจบการศึกษา เขาก็ไม่ได้พบหน้า “ผู้ปกครอง” ของเขาอีกเลยตั้งแต่นั้น...

“ความลับ” ก็ยังคงอยู่กับเราทั้งสองคน มันไม่ได้ถูกเปิดเผยออกจากปากใคร เพราะแท้แล้วความลับดังกล่าวมันก็คือ ยาพิษดีๆ นี่เอง หากแม้ใครพูดออกไปก็เท่ากับฆ่าตัวตาย ผู้ปกครองของเขาเองก็คงไม่อยากให้ตัวเองเดือดร้อนเช่นเดียวกับที่เขาเองก็ไม่ต้องการให้อดีตมาทำลายอนาคตที่กำลังงดงามบนเส้นทางการเป็นนักกฎหมาย

* * * * *

ข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ เรื่อง “เด็กสาวถูกล่อลวงให้ถ่ายวีซีดีโป๊” วางอยู่บนโต๊ะทำงาน พร้อมแฟ้มคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของเขา... เขาเปิดดูวีซีดีดังกล่าวเพื่อประกอบการทำคดี...

เด็กสาวสามคนที่มึนเมาอยู่ในภาพที่กำลังฉายอยู่ตอนนี้ คือ สามสาวที่เขาเห็นเมื่อหลายปีก่อนนั้น...เขาจำหน้าเธอได้ขึ้นใจ เพราะก่อนที่ทั้งหมดจะเดินเข้าอาคารไป หนึ่งในสามมองมาและยิ้มให้เขาด้วยในวันนั้น.... และรายชื่อของผู้ถูกกล่าวหาหนึ่งในนั้นคืออดีตผู้ปกครองของเขา อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ผู้มีความรู้ความสามารถในด้านวิชาการ เป็นที่นับหน้าถือตาในแวดวงสังคม นั่นเอง....

ความ “เนียน” ในการสร้างภาพลักษณ์อันสวยงามของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่มีเกียรติ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงในเบื้องลึกเบื้องหลังฉากหน้านั้น... แต่คนที่ตกที่นั่งลำบากกว่าเห็นจะเป็นเขา... ในเวลานี้...

* * * * *

สายตาหลายคู่ที่มองมา เป็นสายตาของความเดียดฉันท์เกินครึ่งหนึ่ง และอีกบางส่วนเป็นสายตาแห่งความสงสัย ความลังเลไม่เชื่อใจ แต่ยังถือว่าเป็นโชค ที่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้มา “ไหว้” ก่อนที่จะจากกันไปนิรันดร์

อดีตผู้ปกครองของเขายิงตัวตายหนีความผิด... พร้อมกับ “ความลับ” ที่ได้กำมันลงนรกไปด้วย...

“ไม่มีใครรู้อนาคต... นั่นเป็นเรื่องจริง, และในบางครั้งสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่คาดถึงมาก่อน หากย้อนเวลากลับไปได้ แล้วเปลี่ยนแปลงในบางสิ่ง... บางที โลกนี้อาจจะไม่มีสงคราม... แต่ก็ไม่แน่นัก เพราะใครๆ ก็ต้องการให้ตัวเองสมหวัง หากนาฬิกาถูกหมุนย้อนเวลากลับไป สงครามอาจจะรุนแรงกว่าเก่าก็เป็นได้... จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องดีแล้วที่ เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้เท่ากับที่ไม่มีใครล่วงรู้ถึงอนาคต”

เขาเขียนไว้อาลัยแด่ผู้จากไป... ก่อนที่จะเดินออกมาจากศาลาสวดศพอย่างหดหู่ และโศกเศร้า... เขาเดินทอดอาลัย นึกในใจว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จริง เขาจะเริ่มต้นจากตรงไหน... เพราะเขาสามารถช่วยเหลือเด็กสาวทั้งสามคนได้ก่อนหน้านี้ในวันที่เขาตามคนเหล่านั้นไป... หรือจะย้อนไปถึงวันที่เขาเดียวดายย้ายเข้าไปอยู่

ใต้ชายคาเดียวกับอาจารย์ เพราะถ้าไม่มีวันนั้นเขาก็จะไม่มีวันนี้...

....หรือจะย้อนกลับไปเพียงสั้นๆ แค่ก่อนที่เขาจะได้รู้จักกับ “เด็กหนุ่ม” ที่รอเขาอยู่ที่บ้านตอนนี้ดี..../




หมายเหตุ ::

ผู้ปกครอง ตีพิมพ์ในสกุลไทย ฉ. 2665 นามปากกา "ปีขาล-๒๘๑๐"




Create Date : 13 กันยายน 2556
Last Update : 19 กันยายน 2556 13:08:14 น.
Counter : 2147 Pageviews.

5 comments
  
อยากได้รับการตีพิมพ์บ้างจัง
โดย: คนขับช้า วันที่: 24 กันยายน 2556 เวลา:21:00:48 น.
  
มีนิตยสารหลายเล่มนะคะ ที่รับต้นฉบับจากนักเขียน นอกอ่ะค่ะ ลองส่งไปให้ บก.เค้าพิจารณาดูนะคะ
โดย: ดาริ IP: 58.8.182.58 วันที่: 25 กันยายน 2556 เวลา:17:38:08 น.
  
แหม ไม่ได้อ่านอะไรแบบนี้นานมากแล้ว
นึกถึงและคิดถึงนางฟ้าฯเสมอนะ
โดย: พิมเอง IP: 202.29.4.124 วันที่: 26 กันยายน 2556 เวลา:11:53:33 น.
  
ไม่ได้เขียนอะไรแบบนี้นานแล้วเหมือนกัน - นานมากๆ เลยแหละ

คิดถึงเหมือนกัน
โดย: ดาริกามณี วันที่: 28 กันยายน 2556 เวลา:0:13:53 น.
  
อยากได้เป็นเรื่องย่อ
โดย: ฐิติมา บัวมาศ IP: 182.232.141.6 วันที่: 17 ธันวาคม 2562 เวลา:14:15:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ