สิงหาคม 2549

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
12
13
14
15
16
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
จะรักง่ายๆ ได้ยังไงกัน
หญิงสาวในชุดนักศึกษาเรียบร้อย มีหนังสือหอบใหญ่แนบอก แววตาทอดมองตรงตามทางเท้าที่เข้าสู่สถาบันฯ สองข้างทางมีต้นลั่นทมเรียงราย ดอกสีขาวร่วงหล่นเกลื่อนพื้น เธอหยิบดอกขาวที่เพิ่งร่วงมาแนบจมูกแล้วเก็บสอดไว้ในหนังสือเล่มหนาที่ถืออยู่

บริเวณลานกว้างหน้าหอสมุด นักศึกษามากมายรายล้อม ตรงกลางลานมีเวทีชั่วคราว เสียงปรบมือสลับกับเสียงพิธีกรประกาศ วันนี้มีประกวดโฟล์คซองนี่นา…

…ดาวน้อยเจ้าลอยอยู่หนแห่งใด เจ้านั้นจะรู้บ้างไหม มีใครถามถึงฉันบ้าง ตัวฉันนี้เดินอยู่ข้างทาง ไร้เพื่อนไร้คนเคียงข้าง อ้างว้างและไร้กำลัง…

เสียงเพลงที่ได้ยินทำให้หญิงสาวต้องชะงักเท้ามองไปยังที่มาของเสียง เธอขยับแว่นสายตาที่สวมอยู่เพื่อจะดูให้แน่ใจ แล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้…นายกั๊ต เมื่อจบเพลงแล้วก็ละความสนใจเลี่ยงเข้าไป ในหอสมุดที่เงียบสงบไม่มีเสียงรบกวนจากด้านนอกเธอหมดความสนใจคนบนลานดนตรีเท่านั้น

“หวัดดีคุณหนอน” ขณะที่กำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ ชายหนุ่มตัวสูงก็นั่งลงตรงข้าม ยื่นหน้ามาทักทายเบาๆ

“บ้า มาเรียกเค้าว่าหนอน นายสิหนอน” บูชิตาเถียงบ้าง ตะกี้ยังอยู่ที่เวทีดนตรีอยู่เลยตอนนี้มานั่งเสนอหน้าอยู่ตรงนี้แล้ว คนจอมกวน

“ก๊อ เห็นขยัน เป็นหนอนหนังสือไม่ใช่เหรอ” ว่าแล้วก็นั่งเท้าคางยิ้มแป้นแล้นจ้องหน้าเธอเสียดื้อๆ อย่างนั้น

“ไม่มีอะไรทำแล้วหรือไง นั่งเฝ้าอยู่ได้” เธอก้มหน้างุด ไม่บอกก็รู้ว่าอาย

“มีสิ ก็ทำแล้วไง ขอบใจนะที่ตะกี๊หยุดดูเรา” ชายหนุ่มยิ้มตาหยีอย่างรู้ทัน เขาเห็นเธอเดินมาแต่ไกลแล้วตอนที่เธอหยุดดู ถ้าไม่รีบเดินหนีมาก่อนเขาก็คงจะโบกมือให้และโยนปิ๊กกีตาร์ให้เหมือนนักร้องดังบางคนที่ชื่นชอบ

“แล้วมาทำไม ไม่รอฟังผล”

“ไม่ล่ะ เรารู้ ไม่ได้หรอกงานนี้เล่นเส้นเล่นสายกันจะตาย ถ้าที่คณะไม่ส่งจ้างให้เราก็ไม่ไปแหกปากให้คนอื่นโห่หรอก” พูดเหมือนน้อยใจขณะที่บูชิตาทำเป็นไม่ใส่ใจ แต่หูก็ฟังและพลั้งสนทนาด้วยเสียอีก

“นายก็เล่นดีนี่ ไม่เห็นไม่ใครโห่ซะหน่อย” เขายิ้มอย่างมีเลศนัย แหม..ทำเป็นไม่สนใจ ยายแว่นเอ๊ย

“พี่กั๊ต ข้างนอกเขาตามหาตัวกันให้วุ่นมาหลบอยู่นี่เองไปเร็ว อาจารย์รอจะมอบรางวัล” เท่านั้นเองทั้งบูชิตาและกษณะก็มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู

“เราเนี่ยนะ” กษณะชี้มือเข้าหาตัวเอง เสียงดัง คนทั้งหอสมุดหันมามอง

“ไปนะบู แล้วจะเอารางวัลมาฝาก” บูชิตาได้แต่หัวเราะคิกกับท่าทางงุนงงระคนดีใจของชายหนุ่ม

บูชิตาใช้เวลาอยู่ในหอสมุดจนถึงคาบเรียน และหลังเลิกเรียนเธอก็จะมานั่งที่หอสมุดเป็นกิจวัตร ทำรายงาน อ่านหนังสือจนมืดค่ำจึงกลับหอพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถาบันฯ และเกือบทุกวันจะมีชายหนุ่มร่างโย่งมาคอยเฝ้าและเดินไปส่งเธอ

“ถามจริง ไม่เบื่อหรือไง มานั่งเฝ้าเราทุกวัน”

“ถ้าเบื่อจะมาทำไม” เขาย้อนทันควัน แต่บางทีถ้าไม่มีเขาเธออาจจะเหงา

“มา.. ถือให้” ว่าแล้วก็แย่งหนังสือทั้งหอบไปถือเสียเอง

“หอบมาได้ทุกวัน หนักออก ตัวก็นิดเดียว บูนี่ขยันจริงๆ เลย เราไม่เคยเห็นบูไปแจ๋น เหมือนคนอื่นเลย เรียนเสร็จเข้าห้องสมุด โหย..พ่อแม่ภูมิใจแย่ ลูกเป็นเด็กดี” ไม่รู้ว่าชมหรือด่า แต่บูชิตาก็ชินเสียแล้วกับลักษณะการพูดแบบนี้ เธอรู้สึกถึงความจริงใจมากกว่าคำพูดของบางคนที่หวานหยดแต่ก้นเปรี้ยวจี๊ด

“เนี่ยวันนี้ทีแรกจะไม่ได้รางวัลแล้วนะ พวกคนดูเขาประท้วงให้ เพราะพวกอุตสาหกรรมหนะเล่นเส้นกันเห็นๆ แต่แหม คนมันมีฝีมือนี่นะ” แล้วก็ลงท้ายด้วยการยอตัวเอง บูชิตายังเงียบฟัง เธอไม่ชอบพูดนักแต่ก็เป็นผู้ฟังที่ดี เธอเชื่อว่าฟังมากย่อมดีกว่าพูดมาก

“โธ่ ไม่ดีใจกับเราเลยหรือไงนะบูนี่ เงียบเชียบ รำคาญมากหรือไง…ไม่พูดก็ได้” เขาเงียบอย่างที่บอกจริงๆ นั่นแหละ แต่แค่ห้านาทีเท่านั้น

“บู พรุ่งนี้จะเอาแมทซ์มาให้ติวให้ บทที่เจ็ดนะ แทงกิ้ว” ถึงหน้าหอพักเขาคืนหนังสือให้ แล้วก็เดินย้อนกลับหอพักตัวเองบ้าง บูชิตาอยากจะถามเขาหลายครั้ง ที่มาตามเกี้ยวอยู่ทุกวันนี้เพราะเธอเรียนเก่งหรือเปล่า เธอไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา แต่การติววิชาเรียนให้เพื่อนสักคนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เป็นสิ่งที่ดีด้วยซ้ำ คิดเท่านั้นแล้วก็ไม่ใส่ใจอะไรอีก.. ก็เพื่อนคนหนึ่งเท่านั้นนี่นะ---

บูชิตานั่งที่หอสมุด อ่านหนังสือรอคนที่บอกว่าจะมาติวแมทซ์ ดอกกุหลาบมอญสีขาวก็ถูกวางลงตรงหน้า เธอมองหน้าคนให้กุหลาบ

“เอามาจากไหน” เธอถามขณะหยิบกุหลาบขึ้นมาดมกลิ่น

“เด็ดมาจากต้น” คนตอบไม่ได้มองหน้าคนถาม หากเตรียมพร้อมที่จะเริ่มติว ถ้าไม่เพราะจะสอบ อย่าหวังเลยว่าจะคิดเรียน กษณะย้ายเก้าอี้มานั่งข้างๆ ใกล้ชิด กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญจน์ ทำให้บูชิตารู้สึกแปลกๆ ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นไม่ปกติ

“นายถอยไปห่างๆ อีกนิดเถอะ”

“ทำไม ไม่ใกล้ไปหรอกน่า กลัวถูกกล่าวหาว่าเป็นแฟนเราหรือไง เออ.. นั่นสิ เดี๋ยวแฟนเพลงเค้าเข้าใจผิดเอาน้ำกรดมาสาดหน้าบู เสียโฉม” บูชิตาทุบเข้าอั้กหนึ่งก่อนจะผลักเขาให้ออกห่างๆ ถ้าอยู่ใกล้สิ จะได้ติวกันไม่รู้เรื่อง

สายตาคู่หนึ่งที่มองดูอยู่ห่างๆ แทบน้ำตาริน ถ้าไม่มีเพื่อนคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ บางทีเธออาจปล่อยโฮ

“ตัดใจเถอะไวน์ พี่กั๊ตเค้าชอบพี่บู” เพื่อนสาวพยายามปลอบโยน ไวน์ได้แต่เงียบ ถ้าเธอทำใจได้เธอจะไม่มานั่งร้องให้กับภาพที่เห็นนี้หรอก

“เราจะพูดกับพี่กั๊ต อีกครั้ง”

“ในเรื่องที่ผ่านไปแล้วนะเหรอ พี่กั๊ตเขาฑิฐิเยอะจะตายไป”

“เรายอมรับนะว่าที่ผ่านมาเราเป็นคนผิดที่ทำให้พี่กั๊ตเสียใจ” เพื่อนสาวไม่กล้าตอกย้ำเพราะกลัวจะเป็นการทำร้ายจิตใจเพื่อน ทั้งๆ ที่ก็รับรู้และเห็นมาตลอดว่าหญิงสาวผู้เป็นเพื่อนนี่เองที่ทิ้งเขาไปกับใครอีกคน แล้วเมื่อรู้ว่าการไปของตัวเองนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็คิดจะกลับมาหาคนเดิม แต่ตอนนี้กษณะไม่ยอมกลับไปเป็นคนเดิมของเธออีกแล้ว

“ถ้าหากว่าเราพูดกับพี่บูล่ะ....” เป็นคำถามที่ทำให้เพื่อนสาวอึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็ทำได้เพียงแอบถอนใจ ไวน์หมายมั่นไว้ในใจ ถ้าเจอบูชิตาจะคุยเรื่องนี้…

วันถัดมา กษณะเดินขึ้นลงทั่วตึกหอสมุด และแทบจะทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบแม้เงาคนคุ้นเคย

“ไปไหนนะ” เขาเดินหาให้พล่านแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหน เวลานี้บูชิตาไม่มีเรียนแน่และปกติก็จะมานั่งอ่านหนังสือที่หอสมุด เอ…หรือว่าไปแจ๋น แล้วเขาก็ได้แต่นั่งท้าวคางมองหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้า เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าไม่เห็นหน้ายายบูชิตาแล้วหงุดหงิด

“พี่กั๊ต” หญิงสาวนั่งลงตรงข้าม กษณะมองสบตา สบตาเพราะสงสัย..ไม่ใช่ชื่นชม

“ไวน์” เขาไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจิตใจไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว หากมันไปตามหาใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

“ไวน์จะมาขอโทษพี่กั๊ต เรื่องที่แล้วมา…ไวน์อยากให้ระหว่างเราเหมือนเดิม” กษณะไม่แปลกใจนักกับการมาของเธอแต่การกลับไป‘เหมือนเดิม’ ในความหมายของไวน์เขาทำไม่ได้ เธอมองสบตา อ้อนวอน

“ไวน์น่าจะมีใครที่ดีกว่าพี่”

“พี่กั๊ต ไวน์ไม่มีใครเลย”

“ทำไมล่ะ ในขณะที่มีพี่ไวน์ยังมีคนอื่นพร้อมๆ กันได้ แล้วตอนนี้…” กษณะจบคำพูดของตัวเองเท่านั้น เขารู้ ไวน์เข้าใจความหมายดีทีเดียว หากเธอจะรั้งหรือจะ ‘ลา’ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง เขาไม่โกรธเธอแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อมันเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ไม่รู้จะจดจำทำไมอีก แต่ยายแว่นหนอนหนังสือสิ.. หายไปไหนนะ

กษณะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปเรื่อยอย่างเซ็งๆ มันน่าเบื่อน้อยเสียที่ไหนเมื่อสิ่งที่คุ้นเคยหาย ไป เขาเดินเอื่อยไปจนถึงหน้าหอพักของบูชิตา บังเอิญเท่านั้นหรอก ภาพหญิงสาวร่างบางคุ้นตากับชายหนุ่มที่ดูภูมิฐานด้วยรถเก๋งสุดหรู กษณะหัวเสีย เขาเห็นบูชิตาพูดคุยอย่างสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้น

ชายหนุ่มยืนมองอยู่ห่างๆ จนรถเก๋งคันนั้นแล่นออกไปห่างจากสายตาจึงได้เข้าไป ‘ทักทาย’ บูชิตา

“มิน่าล่ะ ห้องสมุดถึงได้เงียบเชียบไร้ชีวิตชีวาเพราะคุณหนอนมีอะไรที่ดีกว่าการเข้าห้องสมุดนี่เอง”

“อย่าหาเรื่องได้ไหมนายกั๊ต”

“ใครหาเรื่อง ก็จริงมั้ยหละ เรารึอุตส่าห์ไปนั่งรอ ไม่เห็นแม้แต่เงา ที่แท้ก็ไปกับซีวิคนี่เอง”

“นั่นเรื่องของเรา แล้วนายล่ะสนุกนักสิที่ใช้เราเป็นเครื่องมือ เรื่องของไวน์ เรามันงี่เง่านี่นะหลงเข้าใจว่ามิตรภาพที่ได้มาคือความจริงใจ
อย่างแท้จริง แต่เราคิดผิด” พูดแล้วก็ชิงเดินหนีเข้าหอพักไป ปล่อยให้คนจะเถียงอ้าปากค้าง.. ถ้าไม่ใช่หอพักสตรีละก็จะเข้าไปคุยกันให้เข้าใจเลย

……………………………………………..

“บู โกรธเราเหรอ ให้โอกาสเราอธิบายหน่อยสิ” บูชิตายังเงียบ อ่านหนังสือตรงหน้าไม่ไยดีว่าเขาจะพูดอะไร

“เรากับไวน์ มันจบแล้วนะ มันไม่มีอะไรแล้ว” กษณะพยายามอธิบาย

“ไม่เกี่ยวกับเรา นายจะคบจะเลิกกับใครมันไม่ใช่เรื่องของเราเลย แล้วนายก็ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีกเลยนะ” ว่าแล้วก็ลุกจากตรงนั้น กษณะได้แต่ถอนใจ จะตามไปก็เท่านั้น ยายแว่นเกลียดคนเซ้าซี้เป็นที่สุด เฮ้อ หรือจะต้องยอมแพ้ ไม่มีทาง ไม่ใช่วิสัยชายอกสามศอกอย่างกษณะ แต่จะว่าไปยายแว่นก็ไม่เคยไยดีเขาเลยนี่นะ พูดด้วยก็เหมือนไม่เต็มใจจะพูดด้วย ทั้งวันก็เอาแต่เรียนเรียนและเรียน ท่าทางจะไม่รู้จักอะไรนอกจากในตำรา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมา ‘ชอบ’ ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่นคนนี้เลย เธอไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยจริงๆ หรืออาจจะเพราะความไม่มีอะไรที่น่าสนใจนี่ก็ได้ คือสิ่งที่น่าสนใจ คิดแล้วก็ปวดหัว.. ยายแว่นท่าจะทำให้เขาประสาทกิน

เวทีที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวกลางลานหน้าหอสมุด นักศึกษาคับคั่งไม่ต่างจากตอนที่มีประกวดโฟล์คซอง แต่วันนี้ไม่มีเสียงปรบมือชื่นชมดนตรีหากเป็นเสียงปรบมือสนับสนุนการประท้วง

“เราเป็นสถาบันการศึกษาท้องถิ่น เรารักถ้องถิ่น เราต้องทำเพื่อท้องถิ่นของเรา การจะให้คนต่างถิ่นมาแสวงหาผลประโยชน์ กอบโกยแต่พ่อแม่พี่น้องเราเดือดร้อนเรายอมไม่ได้” เสียงเฮ ปรบมือดีใจดังสนั่น น่าสนุก ไปเล่นดนตรีแจมด้วยท่าจะมัน ยังไม่ทันที่จะถึงเวทีอภิปรายด้วยซ้ำร่างสูงของชายหนุ่มต้องหยุดกึกกระทันหัน เขาแทบไม่เชื่อสายตา คนที่อยู่บนเวทีตรงหน้า…. ยายบูชิตาหนอนหนังสือ ภาพที่เห็นไม่ใช่บูชิตาที่เคยคุ้นหากเป็นหญิงสาวนักประท้วงหัวรุนแรงเลยทีเดียว เสียดาย ภาพเด็กเรียนหายไปหมด เขาเปลี่ยนใจที่จะเข้าไปร่วมประท้วงกับนักศึกษากลุ่มนั้น แต่ก็ยืนมองอยู่ห่างๆ จนกระทั่งผู้คนทยอยกันกลับ เป็นอันว่าวันนั้นสิ้นสุดลง

“เราไปส่ง” กษณะถือโอกาสตอนที่เธออยู่คนเดียวแล้วเข้าไปหา บูชิตาเพียงมองหน้า เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาทะเลาะกับเขา กษณะแย่งหนังสือในมือไปถืออย่างเคย

“วันนี้บูเท่มากเลยอ่ะ ไม่เคยเห็นมาดนักประท้วงสาว บูพูดมากด้วย ไม่เคยเห็นอีกแหละ”

“พูดมาก ไม่ได้หมายความว่าชอบพูด”

“ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องขององค์การนักศึกษาจัดการ แล้วบูเข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไง”

“เราเป็นประธานชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการนักศึกษา เป็นตัวแทนสถาบันฯ ในคณะกรรมการบริหารท้องถิ่น คำตอบพอไหมสำหรับเรื่องที่เราไปยุ่งด้วย”

“โห เก่ง เรียนก็ดี กิจกรรมก็เลิศ นี่แล้วเล่นกีฬาด้วยป่ะ จะได้เข้ากับคติ เรียนดีกีฬาเด่นดนตรีเป็นมารยาทเรียบร้อยไง”

“หมากล้อม”

“โหย.. นี่กีฬาใช้สมอง ยอดเลย นี่แหละสเปค”

“เหรอ ขอบใจ” ความสนิทสนมคุ้นเคยกลับคืนมา ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องอธิบายเรื่องของไวน์ซ้ำอีก บูชิตาไม่ใส่ใจแล้ว แต่เขากลับฉุนกึกขึ้นมาทันที เจ้าหนุ่มซีวิคสีบรอนซ์มาอีกแล้ว

“ขอบคุณนะ” บูชิตายิ้มให้เขา แต่แววตาเหมือนรื่นเริงดีใจที่ได้พบชายหนุ่มคนนั้นต่างหาก กษณะไม่ถามอะไรนอกจากเดินคอตกกลับหอพักอย่างหงอยๆ เฮ้อ.. จะกินแห้วเสียก็ไม่รู้เรา---

เรือกระดาษลำเล็กๆ พับจากกระดาษไขเขียนแบบในโหลแก้วใส ยายบูให้มาเนื่องในโอกาสที่เขาทำคะแนนแมทซ์ได้เกรดเอ…กษณะจะบ้าตาย

“นี่นั่งพับอยู่เป็นเดือนเลย พับจนปวดมือเพราะกระดาษไขมันแข็งมาก เรารู้นายต้องทำได้แน่ก็เลยเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ” นั่นล่ะที่เขาปลื้มจนนอนไม่หลับอยู่สองวัน มองโหลใสยังกับจะให้ทะลุไปถึงหัวใจคนให้ เธอจะชอบเขาบ้างมั้ยนะ คงไม่ เพราะเขาไม่มีอะไรจะเทียบได้กับชายหนุ่มคนนั้นเลยนี่นะ ความหล่อ พอสูสี .. แต่ซีวิคนะสิ คงต้องรอให้เรียนจบ

พักนี้ ยายแว่นหนอนหนังสือรบกวนหัวใจบ่อยจริงๆ

ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่กษณะจะลุกมาทำอะไรกลางดึก ที่จริงเขานอนแล้วหละเพียงแต่ยังไม่หลับ ก็หน้าคนให้เรือกระดาษลำจิ๋วมานะสิรบกวนใจอยู่ตลอดเวลา… ตั้งแต่ รู้จักกันมาเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อเธอบ้างเลย บางที ของขวัญวันเกิดนี้อาจจะทำให้ยายแว่นหนอนหนังสือยิ้มได้บ้าง

ว่าแล้วก็ลุกมานั่งขึงเฟรมกลางดึก มะรืนนี้เถอะ ภาพเขียนสีน้ำมันที่งดงามที่สุดจะเป็นของขวัญที่ยายบูจะต้องกระโดดหอมแก้มเขาฟ่อดใหญ่…

และในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศกำลังดีไม่มีเมฆมาก วันนี้แหละฤกษ์ดีที่จะสารภาพรักกษณะไปนั่งรอบูชิตาที่หอสมุดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งว่าเธอต้องมาแน่ ภาพเขียนถูกห่อด้วยกระดาษสาสีม่วงอ่อน ผูกริบบิ้นสีเหลืองสด คนถือมายิ้มแป้นอารมณ์ดี เขาเห็นยายบูเดินมาแต่ไกล มีคำพูดมากมายที่เตรียมไว้ บางคำพูดที่คิดว่าหวานหยดแบบที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อนถูกเขียนลงกระดาษใบเล็กๆ ท่องจำเพื่อรอที่จะบอกกับเธอ แต่แล้วสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดก็เกิดขึ้น รถเก๋งคันหรูจอดเทียบข้างทาง คนขับเดินอ้อมลงมาสนทนากับบูชิตาเพียงครู่เดียวแล้วบูชิตาก็ขึ้นรถไป กษณะมองตามอย่างงงๆ

“บางทีพี่กั๊ตก็ต้องเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงนะคะ” สาวน้อยหน้าใสคนรักเก่าเข้ามาทักทาย อย่างสะใจอยู่ลึกๆ ก็เธอเห็นเหมือนๆ กับที่กษณะเห็น แต่เธอ ‘รู้’ อะไรมากกว่าที่เขารู้ จึงแกล้งแหย่ให้เขาหัวเสียเล่น แล้วภาพเขียนชิ้นนั้นก็ลอยละลิ่วจากหน้าต่างชั้นสี่ของอาคารลงมา สองคนนิ่งเงียบ พักใหญ่จึงเดินลงมาดู ‘สิ่งที่เหลืออยู่’

“เสียดาย” ไวน์พูดเสียงเบา

“เสียดายเหมือนกัน” ว่าแล้วก็เก็บภาพเขียนที่พังยับด้วยฝีมือของตัวเองเดินคอตกกลับหอพัก

“พี่กั๊ต… ไวน์ขอโทษ เรื่องพี่บูไวน์ผิด” เธอสารภาพขณะที่เขายังงง

“ไวน์รักพี่กั๊ต และยังจะเป็นอย่างนั้น ถึงแม้พี่กั๊ตจะไม่กลับมาเหมือนเดิม ไวน์รู้ค่ะ ไวน์แพ้แล้ว”

“พี่ก็แพ้” เขานึกถึงคนที่บูชิตาให้ความสนิทสนมด้วยคนนั้น ไวน์ไม่พูดอะไรแม้จะรู้ความหมายในคำพูดของเขา บางทีกั๊ตกับบูอาจจะคุยกันเข้าใจมากกว่า เธอไม่ควรเป็นมือที่สาม

“ไวน์ พี่ไปส่ง” เขายังหอบเฟรมเขียนภาพที่พังไปเพราะโยนลงจากหน้าต่าง เดินเคียงข้างไปส่งไวน์ เขาเพียงแต่เศร้าใจและอยากมีเพื่อนคุย

“พี่กั๊ตไม่เคยอ่อนแอ แต่วันนี้ไวน์ไม่แน่ใจ”

“พี่รักบู”

“ความรักทำให้เราทำอะไรได้หลายอย่าง แม้แต่อย่างที่ไม่เคยทำ ขอบคุณค่ะพี่กั๊ตที่มาส่ง ไวน์ดีใจค่ะที่เคยมีพี่กั๊ตเป็น..ความรัก” แล้วเธอก็แยกไป น้ำตาที่เอ่อก็ล้นขอบตาไหลอาบแก้ม แล้วเธอก็ได้รู้จากปากเขาเองในเรื่องที่อยากรู้ “พี่รักบู” คำพูดนี้ยังก้องอยู่ในหู ไวน์ยังจำวันที่พูดกับบูได้ แม้บูชิตาจะไม่แสดงออกถึงความรู้สึก แต่แววตาไม่อาจปกปิดได้ถึงความรู้สึกที่มีต่อกษณะ

“ไวน์ขอเวลาพี่บู ไม่นานค่ะ ไวน์เพียงแต่อยากรู้ความรู้สึกของพี่กั๊ต” บูชิตาเงียบ เธอเพิ่งรู้ว่าเด็กสาวรุ่นน้องคือคนรักเก่าของกษณะ ความหวั่นไหวลึกๆ เกิดขึ้นในใจ ถ้าหากกษณะกลับไปคืนดีกับไวน์.. เธอจะเสียใจหรือเปล่า? แล้วหลังจากนั้นมาบูชิตาก็ใช้วิธีการ ‘ลองใจ’ ทั้งใจตัวเองและใจของเขา เธอไม่แน่ใจตัวเองว่าความรู้สึกที่มีต่อกษณะ แค่เพื่อนเท่านั้นหรือเปล่า เพราะเรื่องที่เด็กสาวรุ่นน้องมาพูดคุยทำให้บูชิตาใจหาย เธอรู้อยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองกำลังทำอะไร การที่ให้ ‘เจ้าหนุ่มซีวิค’ ปรากฏตัวให้กษณะเห็นบ่อยๆ โดยไม่อธิบายนั้นเป็นความตั้งใจของเธอเอง

ในวันที่ท้องฟ้าหม่นหมอง ความเงียบและเหงายังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับบูชิตา ไม่มีกษณะมานั่งเฝ้าและคอยที่จะเดินไปส่งเธอถึงหอพัก ไม่มีชายหนุ่มหน้าทะเล้นมานั่งเย้าแหย่ให้รำคาญหู ไม่มีแม้เงาและข่าวคราว บูชิตาไม่มีสมาธิอ่านหนังสือนักหรอก บ่อยครั้งที่ชะเง้อออกนอกหน้าต่างเพียงเพื่อจะดูว่าคนจอมกวนผ่านมาหรือเปล่า และพาลทำให้เรียนไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่คิดถึง.. ป่านนี้ไปนั่งเฝ้าสาวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หรือบางทีอาจจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าแล้วก็ได้

เสียงประกาศจากทางสถาบันฯ ทำให้บูชิตาสะดุ้ง นักศึกษาได้รับอุบัติเหตุต้องการเลือดด่วน บังเอิญเลือดกรุ๊ฟเดียวกับบูชิตาเสียด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าคนเจ็บเป็นใคร รู้เพียงว่าเป็นนักศึกษาของที่นี่ชั้นปีเดียวกันแต่คนละคณะ บูชิตาไปที่ห้องพยาบาล บางทีเธออาจจะทำประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้าง

“ขอให้คนเจ็บหายไวๆ ค่ะ” บูชิตาฝากอาจารย์พยาบาลถึงคนเจ็บ

“พี่บูพี่กั๊ตเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล” ไวน์นำข่าวมาบอกหลังจากที่บูชิตาออกมาจากห้องพยาบาล หรือว่าคนที่ต้องการเลือดคือกั๊ต สองสาวมองหน้ากันและไม่รีรอเลยที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการคนเจ็บ และทันทีที่ถึงห้องคนป่วย กษณะนอนแบ่บอยู่บนเตียงโรงพยาบาลมีผ้าสีขาวพันรอบศีรษะและเข้าเฝือกที่ขาซ้าย แต่กลับหัวเราะร่าเริงพูดคุยอย่างสนุกสนานกับคนเจ็บเตียงข้างๆ

“พี่โย สวัสดีค่ะ อย่าบอกนะคะว่าเป็นหมอเจ้าของไข้” บูชิตายกมือไหว้ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายที่เดินเข้ามาพร้อมกัน

“พี่ชายพี่เอง” บูชิตาแนะนำ ไวน์ยกมือไหว้ และเพียงยิ้มทักทายก่อนเลี่ยงไปดูคนเจ็บ ขณะที่คนเจ็บเองก็งง ก็ตาหมอนี่เป็นคนเดียวกับเจ้าหนุ่มซีวิคสีบรอนท์ที่ยายบูชิตาสนิทชิดเชื้อจนเขาอิจฉานะสิ

“พี่กั๊ตไปทำท่าไหนคะถึงได้แข้งขาหัก” ไวน์ถามไถ่อย่างห่วงใย

“ซิ่งแมงกะไซด์ชนท้ายปิ๊กอัพ”

“โห รอดมาได้ไงเนี่ย”

“ก็คนมันยังไม่ถึงที่นี่นา”

“สมน้ำหน้า” บูชิตาหมั่นไส้ แต่โล่งอกที่เขาปลอดภัย

“พี่โย ฝากด้วยนะคะ คนนี้แหละค่ะที่คิดจะดักตีหัวพี่เพราะเข้าใจว่าพี่เป็นแฟนบู” พี่ชายเพียงยิ้ม

“เฮ้ย เปล่าเสียหน่อย ใส่ร้าย ว่าแต่พี่ชายจะรับสมัครน้องเขยสักคนไหมครับ เนี่ยผมพยายามตามจีบน้องพี่จนจะหมดความพยายามอยู่แล้วนะ คนอะไรก็ไม่รู้ใจแข็งยังกะก้อนหิน” เขาหันไปเจื้อยแจ้วกับพี่โย ลืมอาการเจ็บป่วยเสียสนิท ทั้งพี่โย ไวน์และบูชิตาหัวเราะครื้นเครง ไวน์นึกในใจ เห็นท่าพี่กั๊ตจะไม่ละความพยายาม

บางที.. เขาอาจจะได้รับความเห็นใจ ที่มีความพยายามสูง…/


พิมพ์ ครั้งแรก : วัยน่ารัก 17 ; 257




Create Date : 19 สิงหาคม 2549
Last Update : 19 สิงหาคม 2549 10:42:56 น.
Counter : 1232 Pageviews.

1 comments
  
ไว้อ่านจบอย่างตั้งใจจะมาแสดงความเห็นนะค่ะ
โดย: พี่ Vol IP: 202.57.170.200 วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:2:20:23 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาริกามณี
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



Just Do it :


* มีอีกชื่อว่า หญ้าเจ้าชู้

* เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์บทประพันธ์
รักข้ามรั้ว (หญ้าเจ้าชู้)
ลุ้นสุดฤทธิ์ พิชิตรัก (หญ้าเจ้าชู้)
ภารกิจรักพิทักษ์เธอ (หญ้าเจ้าชู้)
ปีกแห่งฝัน (ดาริกามณี)

* เป็นสาวก 'รงค์ วงษ์สวรรค์
* เป็นแฟน คาราบาว
* เป็นกิ๊ก เฉลียง
* ฝืนอะไรที่เป็นอื่น ฝืนอัตตา
สูงเทียมฟ้าก็มิเท่า เป็นเราเอง

* การปรากฎตัวของคนคนหนึ่ง
อาจเปลี่ยนใครอีกคนไปทั้งชีวิต

* หากต้องการอ่านนิยายที่ใส่รหัส,
รบกวน "ฝากข้อความหลังไมค์" จ่ะ