แพนิคหายไปที่เหลือทิ้งไว้คือความหวาดกลัว
เพราะความรักตัวกลัวตาย ที่เกิดจากการหายใจไม่ออก โดยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด ..ใครบ้างจะไม่กลัว
. เมื่อรู้ว่าอาการที่เกิดไม่สามารถทำให้ถึงตายได้
.จิตใจก็สบายขึ้น นี่คือวิธีเผชิญหน้ากับความกลัว ที่เคยใช้แล้วได้ผล...
วิธีที่หนึ่ง..ถอยออกมาตั้งหลัก นอนไม่ได้ก็ไม่ต้องนอน..หอบผ้าห่ม ออกไปนอนนอกห้องเพื่อให้ลืมความกลัว ใช้วิธีหลบหลีกหลีกหนี ไปหาสิ่งอื่นแทน..กระโดดโลดเต้น เล่นกีฬา ตีแบ็ต เตะบอล เต้นรำ ร้องเพลง ดูรายการตลก หัวเราะเสียงดังๆ ปลูกต้นไม้ ทำงานบ้าน คุยกับเพื่อน เพื่อให้ลืมความกลัว
เรียกว่าเฉไฉให้ลืม
วิธีที่สองคือสู้หัวชนฝาแบบอหิงสา ฉันคิดว่าแม้ไม่เป็นโรคอะไรก็ต้องตายอยู่ดี เลิกกลัวซะ ตายเป็นตายตั้งสติให้มั่น หายใจเข้าลึกๆหายใจออกยาวๆ เฝ้ามองความกลัวนิ่งๆ คิดเสียว่าอาการต่างๆที่เป็นอยู่ เป็นได้ก็หายได้ มันทรงตัวอยู่ได้ไม่นานหรอก ไม่มันก็เราที่ต้องตายกันไปข้าง
วิธีสุดท้ายเดินไปทีละก้าวเข้าหาความกลัว
.. กลัวห้องนอนใช่ไหม.. เข้าไปนอนในระยะสั้นๆก่อน เปิดม่านเปิดประตูหน้าต่าง.. เผื่ออาการกำเริบจะได้ออกมาทัน ฮา ฮา เริ่มจากเข้าไปนอนในตอนกลางวันก่อน.. เพิ่มจำนวนชั่วโมงของการนอนในห้องมากขึ้นเรื่อยๆ ทำอยู่อย่างนี้...ไม่นานนักก็เริ่มชิน
คล้ายๆที่เคยกลัวตุ๊กแก.. .เจอหน้ากันบ่อยๆก็หายกลัว หากกลัวการขับรถยนต์ ก็พยายามเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยบ่อยๆ ขับในระยะสั้นๆไปก่อน จากนั้นค่อยๆเพิ่มระยะทางมากขึ้นเรื่อยๆ หากยังไม่กล้า..หาคนนั่งเป็นเพื่อน จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน กลัวอะไรขยับเข้าใกล้สิ่งนั้น ไม่นานก็หายกลัว เหมือนคำพังเพย ที่ว่ากลัวครูไม่รู้วิชา กลัวภรรยาไม่มีลูก ฮา
แอมอร
Create Date : 23 กันยายน 2557 |
|
1 comments |
Last Update : 23 กันยายน 2557 22:04:35 น. |
Counter : 966 Pageviews. |
|
|
|
มาตบท้ายว่า กลัวครูไม่รู้วิชา กลัวภรรยาไม่มีลูก
นี่ซิ ทำให้รู้ว่า อารมณ์ขำนี่แหละที่แก้โรคได้สารพัดโรคจริงๆ
ยังคิดถึงครูมากเช่นเดิมครับ