พึงมีสติ เพื่อหยุดความตื่นกลัว
จำไว้ว่าอาการต่างๆทรงตัวอยู่เพียงชั่วครู่
อยู่ได้ไม่นานก็จะหายไปเอง
ส่วนอาการปวดต้นคอ ปวดบ่า ตึงไหล่
มวนในท้อง หัวใจสั่นหวิว เสียวแปลบในหัวใจ
เป็นเพราะความวิตกกังวล
ที่เกิดจากความกลัวยังวิ่งวนอยู่บนหัว
ส่งความคิดลบๆอารมณ์ร้ายๆ
ทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย
เกิดอาการตึงเครียด การเกร็งและยืดเหยียด
จึงถูกนำมาใช้เกร็งและคลายกล้ามเนื้อ
เป็นเครื่องมือบริหารร่างกายและบริหารจิตใจไปพร้อมๆกัน
ตัวอย่างเช่น เมื่อรู้สึกปวดมวนในท้อง
แขม่วท้องแล้วเกร็งค้างไว้
นับเลขในใจ 1-10 แล้วคลาย
นอนไม่หลับหรือนอนฝันร้าย
ลองเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก
ด้วยการหายใจเข้า นับ 1 -10 และคลาย
ส่งผลให้จิตใจฟุ้งแฟบและอาการเสียวแปลบสงบลง
เริ่มจากท่าหนึ่งท่าใดก็ได้
1. มือ กำมือให้แน่นหายใจเข้าแล้วเกร็งไว้
หายใจออกแบมือแล้วผลักไปข้างหน้าแล้วคลาย
คล้ายวิธีฝึกพลังลมปราณของวัดเส้าหลิน
2. ข้อมือและแขนส่วนล่าง
ทิ้งแขนลงไปตรงๆและกระดกข้อมือขึ้น
3.ต้นแขนกำหมัดให้แน่น
งอข้อศอกให้ต้นแขนและแขนแนบลำตัว
นับ 1-10 แล้วคลาย
4.หน้าผาก ขมวดคิ้วให้มากที่สุด
ค้างไว้ 1-10 แล้วคลาย
5.รอบดวงตาและดั้งจมูก
หลับตาให้แน่นที่สุด (ถอดคอนแทคเลนส์)
แล้วคลาย
6.แก้มและขากรรไกร ยิ้มให้กว้างที่สุด
7.รอบปาก เม้มปากให้แน่น
(ไม่ต้องเกร็งทั้งหน้า เม้มแค่ปากเท่านั้น)
8.หลัง เงยหน้าค้างไว้ นับ 1-10
9.คอก้มลงให้คางชิดอก
ค้างไว้1- 10 แล้วเงย (ท่านี้ปล่อยสบายๆไม่ต้องเกร็ง)
10.หน้าอก หายใจเข้าลึกๆ
แล้วกลั้นหายใจนับ 1-10 แล้วหายใจออก
11.หลัง นิ้วประสานกัน
ชูแขนทั้งสองข้างขึ้น
พร้อมๆกับยืดตัวและแขย่งปลายเท้า
นับ 1-10 ในใจแล้วคลายออก
12. ท้อง เกร็งให้หน้าท้องยุบ
คือแขม่วท้องมากที่สุดนับ 1-10 แล้วคลาย
13.สะโพกและก้น ขมิบก้นค้างไว้
นับ 1-10ในใจแล้วคลายออก
14.ต้นขา หนีบต้นขาเข้าหากันให้แน่น
ค้างไว้ 1-10 แล้วคลายออก
15. น่อง กระดกข้อเท้าขึ้นๆลงๆ
หรือเขย่งขึ้นๆลงๆเกร็งแล้วคลาย
เทคนิคการเกร็งและคลาย
สามารถปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
เช่น นอนอยู่บนเตียง
แขม่วท้องเกร็งหน้าท้องนับ 1- 10แล้วคลาย
นั่งทำงาน กระดกเท้าขึ้นๆลงๆ
ขณะทำงานบ้านขมิบก้นไปด้วย
แม้กระทั่งขณะขับรถ
ยิ้มกว้างๆค้างไว้แล้วคลาย
ส่วนการบริหารหน้าอก
คือการหายใจยาวๆทำได้ตลอดเวลา
เพราะวิธีนี้สามารถเป็นที่พักจิตใจให้มีที่ยึดเกาะ
ช่วยลดความตึงเครียดของร่างกายแล้ว
ยังช่วยลดความกลัว
และความวิตกกังวลที่เห็นผลในทันที
หยุดพักความสงสัย นำไปลงมือทำ
อาจารย์วัลลภ ปิยะมโนธรรม เคยบอกว่า
คนเป็นอัจฉริยะ คิดแล้วลงมือทำค่ะ
ส่วนคนเป็นโรคประสาท
คือ คิด คิด คิด ได้แต่คิดแต่ไม่เคยลงมือทำ
อยากเป็นอัจฉริยะ ก็ลงมือทำซะ
แอมอร