นิโคติน ช่วยให้มะเร็งเจริญเติบโตได้อย่างไร

ทุกคนเคยได้ยินได้ฟังกันมาจนชินหู จากสื่อต่างๆ มากมายหลายแบบ
และได้พบ ได้เห็น ได้เรียนกันมาตั้งแต่ในสมัยเด็กๆ กันเลยทีเดียว ว่าบุหรี่สูบแล้วเป็นมะเร็ง
ควันบุหรี่มีอันตรายมากมาย ทำให้เป็นมะเร็งปอด เล็บเหลือง

ขนาดได้ยินได้ฟังได้เรียนกันมาขนาดนี้ ก็ยังมีคนหลายคนที่สวมวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ บวกกับความอยากรู้
อยากทดลอง จนต้องวางแผนและลงมือทดลอง และพิสูจน์ด้วยตนเองว่าการสูบบุหรี่จะเป็นมะเร็ง จริงหรือไม่
ซึ่งเป็นการทดลองระยะยาวที่กว่าจะเห็นผล สุดท้ายก็สูบกันต่อมาเรื่อยๆ จะเนื่องจากติดแล้วเลิกสูบไม่ได้
ผู้ที่ติดบุหรี่นั้นเกิดจากการติดนิโคตินที่ไปมีผลต่อสมอง ซึ่งไปกระตุ้นให้ผู้ที่สูบบุหรี่รู้สึกสดชื่นในช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ต่อมาผู้สูบจะรู้สึกอ่อนเพลีย และต้องการที่สูบมวนต่อไปให้รู้สึกสดชื่น อีกครั้ง
ซึ่งทำให้ผู้สูบเกิดอาการติดนิโคตินแบบค่อยเป็นค่อยไป จนในที่สุดเลิกไม่ได้
เพราะเมื่อหยุดสูบบุหรี่จะเกิดอาการ โกรธง่าย หงุดหงิด กระสับกระส่าย กระวนกระวายใจ และเครียด
จนทำให้บุหรี่เป็นสิ่งจำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้

ต่อมา มีงานวิจัยสนับสนุนเรื่องโทษของควันบุหรี่ อันพึงเกิดกับคนใกล้ตัวที่ไม่ได้สูบ
จึงเริ่มมีการรณรงค์กันในสังคมไทยมากขึ้นว่า “คนไม่สูบแต่อยู่ใกล้คนที่สูบยิ่งได้รับอันตรายมากกว่า”
เพียงแค่สูดดมเอาควันบุหรี่จากคนที่สูบอยู่ข้างๆ
ก็มีโอกาสได้รับสารก่อมะเร็งจากควันบุหรี่ได้มากกว่าคนสูบเองซะอีก ซึ่งการรณรงค์ในรูปแบบนี้
ได้สร้างแรงกดดันให้คนสูบอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทำให้หลายคนตัดสินใจที่จะเลิกสูบบุหรี่ไปเลย

แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีนักทดลองรุ่นใหม่หันเข้าร่วมโครงการสูบบุหรี่เพิ่ม ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่เป็นไร ยังมีมาตรการป้องกันอีกชั้น นั่นคือการขึ้นราคาบุหรี่
และการบังคับให้มีรูปน่ากลัว ซึ่งเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ติดอยู่ข้างซอง แต่นักสูบควันก็หาทางออก
โดยการเอาบุหรี่มาใส่ซองหรือกล่องอื่นๆ แทน และหันไปประหยัดรายจ่ายด้านอื่นเพื่อเก็บเงินเอาไว้สูบควันแทน
และไม่ว่าบุหรี่จะมีโทษขนาดไหน ก็ยังมีคนยอมเสี่ยงที่จะทดลองโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น

จากงานวิจัยที่รายงานการตรวจสอบเพื่อหาสารต่างๆ ในบุหรี่ มีข้อมูลที่น่าสนใจ
โดยบริษัทผู้ผลิตบุหรี่รายใหญ่ที่สุดในอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลไว้ในปี 2537 เกี่ยวกับสารต่างๆ ที่ใช้
ใส่ลงในบุหรี่ของบริษัทว่ามีมากถึง 599 ชนิด และกระทรวงสาธารณะสุขของประเทศแคนาดา
ก็ได้รายงานผลการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม
หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่ามีสารต่างๆ ในควันบุหรี่ มากกว่า 4,000 ชนิด

ส่วนนักวิทยาศาสตร์อย่างศาสตราจารย์จอห์น กอร์รอด (John Gorrod) นักเคมีที่ใช้เวลากว่า 25 ปีเลยทีเดียว
สำหรับการศึกษาเรื่องควันบุหรี่ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากองค์กรการกุศลเกี่ยวกับโรคมะเร็ง
และเงินทุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตบุหรี่ ท่านกล้าที่จะฟันธงเลยว่า “การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อตนเอง
แล้วก็ยังทำร้ายคนในสังคมอีกด้วย ท่านยังสนับสนุนให้มีการรณรงค์และชูประเด็น เรื่องการให้ข้อมูลที่เป็นความจริง
เน้นไปที่การศึกษา การให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนตื่นตัวและเข้าใจถึงพิษภัยของบุหรี่
และยังเน้นเพิ่มอีกว่า บุคลากรทางการแพทย์ต้องเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้กัน อย่างจริงจัง
ความจริงเกี่ยวกับบุหรี่เท่านั้น ที่จะช่วยทำให้ประชาชนตระหนักได้ถึงอันตราย จากบุหรี่”

สำหรับสารตัวที่โดดเด่นในบุหรี่ที่เรารู้จักกันดีก็คือ “นิโคติน”
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ได้ให้ความหมายของ นิโคติน เอาไว้ว่า
“นิโคติน (คำนาม) สารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลคาลอยด์ มีลักษณะเป็นของเหลวข้น
มีขีดเดือด 247 องศาเซลเซียส เป็นพิษอย่างแรง มีปรากฏอยู่ในใบยาสูบ”

ข้อมูลการค้นพบกลไกการทำงานของนิโคติน กับการทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตเร็วขึ้น นี้ ได้ถูกศึกษาและค้นพบ
โดยทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเซ้าท์ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้เราอาจะเคยได้ยินหรือรับรู้เรื่องราว
เกี่ยวกับงานวิจัยที่ชี้ ให้เห็นว่า
คนไข้หญิงที่สูบบุหรี่และเป็นมะเร็งเต้านม จะมีแนวโน้มของการเกิดมะเร็งปอดตามมาด้วย
โดยเกิดขึ้นมากกว่ากลุ่มหญิงที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
และเมื่อทำการศึกษาวิจัยต่อมาก็พบว่า นิโคตินนี่เองที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็ง ปอด

ตัวแทนจากทีมวิจัยกล่าวว่า “พอเราศึกษามากขึ้น แล้วลงลึกในระดับโมเลกุล พบว่า
นิโคติน ทำให้มะเร็งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ตรงนี้เอง…ที่เป็นคำถามสำหรับการทดลองในครั้งนี้ ทีมวิจัยเราจึงเริ่มเพิ่งเล็งไปดูในระดับโมเลกุล
ดูสิว่าโมเลกุลของสารตัวใดที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับนิโคตินบ้าง และเมื่อเริ่มทดลอง โดยเอาเซลล์มะเร็งปอด
มาทดสอบกับสารนิโคติน ในปริมาณความเข้มข้นเท่ากับนิโคติน ที่อยู่ในกระแสเลือดของคนที่สูบบุหรี่วัน ละซอง
พบว่านิโคติน ไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งเพิ่มจำนวนขึ้น (replicate) เมื่อศึกษาลึกลงไปเรื่อยๆ จึงพบว่า
นิโคตินไปรบกวนการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่ต่อต้านการเกิดเซลล์ มะเร็ง (suppress tumour)
ทำให้การเติบโตของเซลล์มะเร็งแพร่กระจายและเจริญอย่างรวดเร็ว”

“จะเห็นได้ว่าการที่นิโคตินเข้าไปรบกวนการทำงานของโปรตีน ที่ต่อต้านการเกิด เซลล์มะเร็ง
จึงทำให้การเติบโตของเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และจากการวิเคราะห์เซลล์มะเร็ง 8 ใน 10 ชนิด
ทีมวิจัยของเราพบว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นกับโปรตีน ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง
ซึ่งผลที่ตรวจได้นี้ได้สนับสนุนแนวคิดของทีมวิจัยเรา ที่จะหาสารที่มายับยั้งการรบกวนการทำงานของโปรตีน
ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการ เกิดเซลล์มะเร็ง ถ้าทำได้ ก็จะทำให้เรามียาต้านการเกิดมะเร็งที่มีประสิทธิภาพเลยทีเดียว”

นอกจากนี้ยังมีรายงานไว้ว่านิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่นั้นมีฤทธิ์เป็นสารพิษ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ซึ่งอดีตเคยใช้สารนี้เป็นยาฆ่าแมลงและยาเบื่อหนู เมื่อพิจารณาถึงความรุนแรงต่อร่างกายของคน พบว่า
นิโคตินมีความร้ายแรงต่อร่างกายเป็นอันดับสองรองจากสารไซยาไนด์


สุทธิพงษ์ พงษ์วร
นักวิชาการ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)

เอกสารอ้างอิง
Gupta,M.K. 2006. Coffee and Tea .Food are killing you 5th ed. Pustak Mahal.,Delhi.
How nicotine helps cancer grow. – NewScientist.com news service. 21 Jul 2006. (Online).
What’s in a cigatette? – BBC worldservice. (Online). Available:
//www.bbc.co.uk/worldservice/sci_tech/features/health/tobaccotrial/inacigarette.htm (Retrieved 12/06/09).
Dasgupta, P. and et.al. (2004) Disruption of the Rb-Raf-1 interaction inhibits tumor growth
and angiogenesis. Mol. Cell Biol, 24(12): 9527-9541. (Online).
(Retrieved 12/06/09)


ที่มา //www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=4125
ภาพจาก benheine.deviantart.com

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552		1 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 12:57:14 น.
Counter : 1155 Pageviews.
Share Tweet