"ฮอว์ก อาย" ไลน์แมนดิจิตอลในโลกเทนนิส
แฟนเทนนิสคงคุ้นเคยกับระบบ "ฮอว์ก-อาย" ดี เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวมีใช้กันในวงการโทรทัศน์ ที่ถ่ายทอดสดรายการเทนนิส ต่างๆ มานานแล้ว อย่างไรก็ตาม ฮอว์ก-อาย สร้างความฮือฮาให้กับวงการเทนนิสโลก เพราะสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ทดสอบแล้วยอมรับให้ใช้เทคโนโลยีนี้ ในการตัดสินชี้ขาดระหว่างแมตช์แข่งขัน ต่างๆ อย่างเป็นทางการ
นั่น อาจไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวงการอื่น แต่ในโลกของเทนนิสแล้วนี่ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่น้อยครั้งจะเกิดขึ้นกับวงการ การเปลี่ยนแปลงครั้งหลังสุดที่เกิดขึ้นกับวงการเทนนิส ก็คือการนำเอาระบบ ไท-เบรก (ระบบการนับคะแนนแบบแต้มต่อแต้ม เพื่อชี้ขาดการแข่งขันโดยเร็ว) มาใช้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อนเลยทีเดียว
อันที่จริงการพัฒนาของเกมการเล่นเทนนิส ที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยเป็นเมื่อหลาย ปีก่อนนั่นแหละ เป็นตัวการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การนำเอาเทคโนโลยี มาใช้ในวงการเทนนิส
เทนนิส ในยุคปัจจุบันเล่นด้วยพละกำลัง ผู้เล่นสามารถเสิร์ฟลูกได้ด้วยความเร็วมากกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตีโฟร์แฮนด์ได้ในระดับความเร็วลูกไม่น้อยกว่า 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยระดับความเร็วดังกล่าว เรื่องที่จะบอกให้แม่นยำว่า จุดตกของลูกอยู่ในหรือนอกเส้นที่กำหนดไว้ กลายเป็นเรื่องที่นอกเหนือความสามารถของสายตามนุษย์ไปแล้ว
มี ผู้เปรียบเปรยไว้ว่า มันเหมือนกับการพยายามอ่านข้อความบนป้ายทะเบียนเสียภาษี ที่ติดอยู่หน้ากระจกรถยนต์ ขณะที่กำลังวิ่งฉิวด้วยความเร็วราว 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
ระบบฮอว์ก-อาย เกิดขึ้นเมื่อปี 2544 ที่ผ่านมานี่เองจากการคิดค้นพัฒนาของดอกเตอร์พอล ฮอว์กินส์ ชาวอังกฤษ ที่เป็นทั้งผู้ก่อตั้ง และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ฮอว์ก-อาย ขึ้นในประเทศอังกฤษ เดิมมีจุดประสงค์เพื่อใช้สำหรับเสริมในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ เป็นการขยายภาพ รีเพลย์ เพื่อแสดงตำแหน่งจุดตกของลูกให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สถานีโทรทัศน์เริ่มนำเอาภาพอินสแตนท์ รีเพลย์ ของฮอว์ก-อาย มาใช้เมื่อปี 2545 และได้รับความนิยมแทบจะในทันที ส่งผลให้ในปี 2546 ถัดมา ฮอว์ก-อาย ได้รับรางวัลสำคัญของวงการโทรทัศน์ 2 รางวัล คือรางวัลเอ็มมี่ (ของสหรัฐอเมริกา) และรางวัลของราชสมาคมด้านกิจการโทรทัศน์ของอังกฤษ ในฐานะนวัตกรรมดีเด่นทางเทคโนโลยี
ความ นิยมดังกล่าวทำให้ ฮอว์ก-อาย ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในปีถัดมา บริษัทผู้คิดค้นระบบดังกล่าวได้พัฒนาเพื่อให้ระบบ มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองเทคโนโลยีนี้ ในฐานะเป็นเครื่องมือในการช่วยให้การ ตัดสินเกมการแข่งขันเทนนิส มีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น คลายความกังวลและอารมณ์ของผู้เล่นเรื่องความผิดพลาดของการตัดสินลง และลดความขัดแย้ง โต้เถียงระหว่างเกมลง
ในเดือนกรกฎาคมปี 2548 พอล ฮอว์กินส์ นำเอาระบบฮอว์ก-อาย ไปทดสอบมาตรฐานของไอทีเอฟ การทดสอบทำกันที่อาเธอร์ แอช สเตเดียม ในฟลัชชิ่ง เมโดวส์ สถานที่จัดการแข่งขันจริงของรายการเทนนิส ระดับแกรนด์สแลมอย่าง "ยูเอส โอเพ่น" ฮอว์ก-อาย ไม่ผ่านการทดสอบมาตรฐานในครั้งแรก ประการหนึ่งเนื่องจากไอทีเอฟตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก อีกประการหนึ่งเนื่องจากในระหว่างการทดสอบ มีการเปิดไฟจ้าเกินความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม ในการทดสอบดังกล่าว ฮอว์ก-อาย ก็ขานลูกที่ถูกยิงออกมา ด้วยความเร็วสูงจากเครื่องยิงได้ถูกต้องมากกว่า 90 ลูกจากจำนวนทั้งหมด มีผิดพลาดเพียงแค่ 3 ลูกเท่านั้น และ 1 ในจำนวนนั้นเป็นความคลาดเคลื่อนเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง
ดอกเตอร์ Paul Hawkins ผู้ประดิษฐ์ฮอว์ก-อายขึ้น (Hawk-Eye inventor)
อีก 4 เดือนให้หลัง ฮอว์ก-อาย ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ผ่านการทดสอบมาตรฐานของไอทีเอฟแบบสบายๆ ทำให้มีการนำมาใช้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในการแข่งขัน แนสแด็ก 100 รายการระดับมาสเตอร์ซีรีส์ ที่เมืองไมอามี สหรัฐ โดยให้โอกาสผู้เล่นสามารถแย้งคำตัดสินของกรรมการด้วยการขอดู ฮอว์ก-อาย ได้ 2 ครั้ง ใน 1 เซ็ต และจะเสียสิทธิในการแย้ง 1 ครั้งทุกๆ ครั้งที่ ฮอว์ก-อาย ชี้ขาดว่า ผู้เล่นเป็นฝ่ายผิดและผู้ตัดสินตัดสินถูกต้องแล้ว
ระบบฮอว์ก-อาย เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่เข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด ตัวระบบประกอบด้วย กล้องถ่ายภาพโทรทัศน์ความเร็วสูงจำนวน 5-6 ตัวที่ครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่คอร์ตเทนนิส สำหรับทำหน้าที่เป็นตัวจับความเคลื่อนไหว ของทั้งผู้เล่นและลูกเทนนิส
ข้อมูล ดังกล่าวจะถูกป้อนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ที่มีซอฟต์แวร์เพื่อการประมวลผลทรงพลัง ที่มีทั้งขีดความสามารถในการคำนวณและมีความรวดเร็วในการประมวลผล จนสามารถพล็อตออกมาเป็นภาพจำลอง 3 มิติของความเคลื่อนไหวของลูก จากเริ่มต้นกระทบหน้าไม้ไปจนถึงจุดตก และการกระดอนของลูกได้อย่างแม่นยำ
ซอฟต์แวร์ ดังกล่าวมีศักยภาพขนาดสามารถคำนวณ และประมวลผลการตีตอบโต้ระหว่างผู้เล่นชุด หนึ่งๆ ในรูปของสมการได้สูงสุดถึง 1,000 ล้านชุด และถ่ายทอดออกมาเป็นภาพจำลอง 3 มิติ ขนาด 60 เฟรมต่อวินาที
ฮอว์ก-อาย สามารถคำนวณได้ แม้กระทั่งค่าการบิดตัวของลูกเทนนิสเมื่อกระแทกกับพื้นคอร์ต ซึ่งจะส่งผลให้จุดศูนย์กลางของลูกเบี่ยงเบนไป ทำให้ค่าของความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่ภายในระยะแค่ 3 มิลลิเมตรเท่านั้น
ฮอว์ก-อาย ใช้เวลาในการติดตั้งระบบก่อนหน้าการแข่งขันประมาณ 2 วัน และคิดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบประมาณ 15,000-20,000 ดอลลาร์ (ราว 600,000-800,000 บาท) ต่อ 1 คอร์ตเทนนิสต่อระยะเวลา 1 สัปดาห์
ข้อมูลจาก มติชน ที่มา : //artsmen.net
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2553 14:38:27 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2177 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Louis Vuitton outlet online IP: 94.23.252.21 วันที่: 2 สิงหาคม 2557 เวลา:8:45:46 น. |
|
|
|
|
|
Louis Vuitton outlet online //www.ledpoollight.com/