|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์ยุโรปตะวันออก : 8-เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) ไข่มุกเม็ดงามแห่งโบฮีเมีย
สวัสดีครับ ออกจากเมืองคาร์โลวี วารี เมื่อตอนที่แล้ว เราต้องนั่งรถอีกประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ เมืองสวยงามอีกเมืองหนึ่งของสาธารณรัฐเช็ก ผมจะพาไปชมในครั้งนี้เชิญติดตามไปด้วยกันครับ
เชสกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov) เป็นเมืองขนาดเล็กในภูมิภาคโบฮีเมียใต้ของสาธารณรัฐเช็กใกล้กับประเทศออสเตรีย มีประชากรประมาณ 14,000 คน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา (Vltava) มีชื่อเสียงจากสถาปัตยกรรมและศิลปะของเขตเมืองเก่าและปราสาทครุมลอฟ ซึ่งเขตเมืองเก่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1992
เชสกี้ ครุมลอฟเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ โดยเป็นสถานที่จัดเทศกาลและงานรื่นเริงต่าง ๆ มากมายในแต่ละปี ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ เทศกาลกุหลาบห้ากลีบ (Five-petalled Rose Festival) ซึ่งจะเฉลิมฉลองในวันสุดสัปดาห์ของเดือนมิถุนายน ในเขตใจกลางเมืองจะปิดการจราจรและประดับตกแต่งเหมือนเมืองในยุคกลาง พร้อมทั้งช่างฝีมือ ศิลปิน นักดนตรี และชาวเมืองที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบยุคกลาง ในเทศกาลมีกิจกรรมมากมาย เช่น การประลองบนหลังม้า ฟันดาบ เต้นรำพื้นเมือง และแสดงละคร กิจกรรมเหล่านี้จัดขึ้นที่ปราสาท สวนสาธารณะ ริมฝั่งแม่น้ำ และสถานที่อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟที่จัดขึ้นเหนือปราสาท
ด้วยเสน่ห์ความสวยงามของเมืองที่ยังคงสามารถรักษาบ้านเรือนเหมือนในอดีต และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เชสกี้ ครุมลอฟ จึงเป็นดั่ง ไข่มุกเม็ดงามแห่งแคว้นโบฮีเมีย
ศูนย์กลางของเมืองนี้คือปราสาทครุมลอฟ (Krumlov Castle) ซึ่งมีหอคอยสีชมพูตั้งเด่นเป็นสง่า มองจากจุดไหนในเมืองก็เห็น ปราสาทมีส่วนหนึ่งเป็นป้อมปราการในยุคกลางและอีกส่วนหนึ่งเป็นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนยอดหน้าผาอย่างโดดเด่นและสามารถมองเห็นวิวเมืองโดยรอบ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1250 ถือเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นดับสองของสาธารณรัฐเช็ก รองจากปราสาทกรุงปรากที่เราไปชมมาแล้วนั่นเอง
เราออกเดินทางจากเมืองคาร์โลวี วารี ตอนบ่าย และใช้เวลาอีกประมาณ 3 ชั่วโมง จึงจะมาถึงเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ มาถึงก็เป็นเวลาประมาณ 17.00 น. แล้ว แต่โชคดีที่ในช่วงเวลานี้ท้องฟ้าจะยังไม่มืดก่อนเวลา 21.00 น. จึงยังมีเวลาชมเมืองนี้ได้พอสมควร
มาดูแผนที่ในการชมเมืองนี้กันครับ รถโค้ชจะจอดให้ทุกคนลง ณ จุดหมายเลข 1 ซึ่งเป็นจุดชมวิว แล้วจะเดินไปยังจัตุรัสกลางเมืองเก่าที่จุดหมายเลข 2 หลังจากนั้นจะเดินข้ามสะพานหมายเลข 3 เดินชมเมืองไปจนถึงทางเข้าปราสาทครุมลอฟที่หมายเลข 4 เข้าชมภายในปราสาทหมายเลข 5 จนถึงทางออกจากปราสาทที่จุดหมายเลข 6
ทิวทัศน์ ณ บริเวณจุดชมวิวหมายเลข 1 มองเห็นตัวเมืองเก่าและแม่น้ำวัลตาวาที่ไหลผ่านเมืองนี้
มองเห็นปราสาทครุมลอฟอยู่ไม่ไกล
อาคารบ้านเรือนในยุคกลางล้วนมีหลังคาเป็นสีอิฐแดง ส่วนหอคอยสูงสีชมพูที่เห็นตั้งอยู่ในปราสาทครุมลอฟ
ภาพพาโนรามาจากจุดชมวิวนี้ (คลิกที่ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น)
ระหว่างทางเดินเข้าไปยังจัตุรัสกลางเมือง จะมีป้ายแสดงแสดงแผนที่ของเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว
เข้ามาถึงจัตุรัสกลางเมือง (Town Hall Square) แล้ว
อาคารบ้านเรือนในบริเวณนี้มีรูปทรงและสีสันสวยงาม ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และโรงแรม
มีอนุสาวรีย์ที่ระลึกจากการพ้นภัยพิบัติอยู่บริเวณกลางจัตุรัส
อาคารหลังงามตรงกลางเป็นโรงแรม บริเวณเทอเรสหน้าโรงแรมจัดเป็นโต๊ะอาหาร
นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งนั่งรอการนัดหมายจากคณะของตน เวลา 18.00 น. แล้ว แต่ยังมีแสงแดดจ้า
เราจะเดินไปชมปราสาทครุมลอฟที่มองเห็นหอคอยสีชมพูอยู่ข้างหน้า
มองเห็นสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำวัลตาวาอยู่ข้างหน้าแล้ว สะพานนี้มีชื่อว่าสะพาน Barber Bridge
ทิวทัศน์สวยงามริมฝั่งแม่น้ำเมื่อมองบนสะพาน อาคารทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร
ข้ามสะพานมาแล้วจะเดินไปตามถนนคนเดินที่มีลักษณะเดินขึ้นเนินเขา สองฝั่งถนนเป็นร้านขายสินค้าพื้นเมือง เครื่องประดับ และของที่ระลึก
ร้านนี้จำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับที่ทำด้วยอำพัน (Amber)
เดินมาอีกสักพักหนึ่งก็ถึงประตูทางเข้าปราสาทครุมลอฟ
เดินผ่านเข้ามาแล้วมองหันหลังกลับไป
ตัวปราสาทครุมลอฟเปิดให้ชมฟรีในส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะชมอย่างละเอียดจะต้องเสียค่าเข้าชม (เปิดให้ชมทุกวันยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น.) โดยแบ่งเป็น 3 แบบ คือ แบบที่ 1. เน้นชมห้องต่างๆในปราสาท ใช้เวลา 50 นาที ค่าเข้าชม 250 โครูน่าเช็ก (ประมาณ 400 บาท) แบบที่ 2. เน้นประวัติของตระกูลชวาเซนแบร์ก (Schwarzenburg) ผู้ครอบครองปราสาทช่วงสุดท้ายก่อนจะตกเป็นสมบัติของรัฐบาล ใช้เวลา 50 นาที ค่าเข้าชม 240 โครูน่าเช็ก (ประมาณ 380 บาท) แบบที่ 3. ทัวร์ชมโรงละคร เป็นโรงละครสไตล์บารอคที่ยังรักษาวิธีการดั้งเดิมตั้งแต่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ คือต้องใช้แรงงานคนล้วน ๆ ในการเปลี่ยนฉาก ใช้เวลา 40 นาที ค่าเข้าชม 380 โครูน่าเช็ก (ประมาณ 600 บาท)
เนื่องจากคณะของผมเดินทางมาถึงเมืองนี้ก็เลยเวลาเปิดให้ชม(แบบเสียเงิน)ทั้ง 3 แบบแล้ว จึงทำได้แต่เพียงเข้าชมตัวปราสาทเท่านั้น เราจะเดินตรงไปข้างหน้า
มีป้ายแผนที่แสดงส่วนต่าง ๆ ของปราสาท
ปราสาทหลังใหญ่ประกอบด้วยหลายอาคารและเชื่อมต่อกันด้วยสะพาน เราจะผ่านเข้าไปยังส่วนที่ 1
เดินผ่านสะพานหินเชื่อมต่ออาคารที่ด้านล่างเป็นที่เลี้ยงหมี ทุกคนหยุดและชะโงกไปดูแต่ไม่มีใครพบเห็นเลย นอกจากกองอาหารที่มุมหนึ่ง
บริเวณนี้มองเห็นยอดหอคอยของปราสาทชัดเจนขึ้น
เข้ามายังบริเวณที่ 2 มีอาคารสวยงามหลายหลัง และมีที่นั่งรอฟังไกด์บรรยายรายละเอียดของส่วนนั้น ๆ
โดยเฉพาะผนังอาคารที่ดูเป็นเสาและก้อนอิฐที่นูนออกมานั้น แท้จริงเป็นภาพวาดบนพื้นปูนเรียบ
มีน้ำพุพุ่งออกมาจากปากประติมากรรมรูปหัวสิงโต
ปืนใหญ่โบราณและลูกกระสุน จัดแสดงไว้ที่มุมหนึ่ง
วิวสวยงาม ณ บริเวณนี้
อาคารบ้านเรือนด้านล่าง ที่มองเห็นระหว่างทางเดินที่เป็นสะพานเชื่อมต่ออาคาร
เข้ามาถึงส่วนที่ 3 ยังคงแสดงอาคารที่ใช้การวาดลวดลายสามมิติลงไปบนผนังปูนฉาบเรียบ
เดินลอดซุ้มประตูโค้งไปยังส่วนที่ 4
ส่วนนี้เป็นระเบียงเปิดโล่ง ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างได้กว้างไกล
รวมทั้งฝายกั้นน้ำในแม่น้ำวัลตาวา
และทิวทัศน์ของอาคารบ้านเรือนในยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี
เดินออกมาจนมาถึงส่วนสุดท้ายของปราสาท
บริเวณนี้มีนาฬิกาดาราศาสตร์อยู่ด้วยเรือนหนึ่ง ยังสามารถบอกเวลาได้
พอเดินเลยออกมาจะมีประตูเล็ก ๆ เปิดออกไปเป็นระเบียง จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพวิวของปราสาทเกือบทั้งหลัง
ได้วิวสวยงามของปราสาทครุมลอฟและอาคารบ้านเรือนด้านล่าง
รวมเป็นภาพพาโนรามาของเมืองเชสกี้ครุมลอฟ ที่สวยงามสมบูรณ์ คุ้มค่าที่เดินทางมาชมเมืองนี้ครับ (คลิกที่ภาพจะแสดงขนาดใหญ่ขึ้น)
ความสวยงามของยอดหอคอยปราสาทครุมลอฟ สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นมากกว่าตัวปราสาท ถูกสร้างใหม่ให้เป็นศิลปะแบบเรอแนสซองซ์ แทนของดั้งเดิมที่เป็นแบบโกธิก โดยสถาปนิกชาวอิตาเลียนเมื่อศตวรรษที่ 16
และโบสถ์เซนต์ไวตัส (St.Vitus) โบสถ์ใหญ่ของเมืองนี้ เป็นโบสถ์แบบโกธิกที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ภายในประดับด้วยภาพปูนเปียก(Fresco) ที่วาดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่สร้างโบสถ์
มาถึงประตูทางออกจากปราสาทแล้ว
เราจะเดินลงเนินเขาไปตามถนนที่อยู่ด้านหน้า
สองข้างทางเดินมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาแน่น จนดูเหมือนเดินอยู่ในป่า
แล้วขึ้นรถโค้ชเดินทางไปยังที่พักในคืนนี้ที่เมืองฮลูโบกา นาด วัลตาวู (Hluboka Nad Vltavou) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ ไปอีก 34 กม.
คือโรงแรมสวยงามหลังนี้
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม แล้วพบกันใหม่ครั้งต่อไปที่เมืองริมทะเลสาบงดงาม ฮัลล์สตัทท์ ครับ.
Create Date : 03 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 3 สิงหาคม 2558 11:14:16 น. |
|
9 comments
|
Counter : 6452 Pageviews. |
|
|
|
โดย: gynae วันที่: 3 สิงหาคม 2558 เวลา:21:42:25 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 4 สิงหาคม 2558 เวลา:2:39:53 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 6 สิงหาคม 2558 เวลา:1:24:13 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 6 สิงหาคม 2558 เวลา:23:15:01 น. |
|
|
|
โดย: หกพันไมล์ วันที่: 8 สิงหาคม 2558 เวลา:20:32:59 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 8 สิงหาคม 2558 เวลา:23:06:23 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
--------------------------------
ภาพสวยมากค่ะ โดยเฉพาะภาพพาโนรามาของเมืองเชสกี้ครุมลอฟ
อยากได้ภาพไปแปะที่ฝาบ้านจัง อิอิ
หลังคาดูเบียดเสียดกัน แต่กลับดูสวยไปอีกแบบ
เหมือนจะคุมโทนสีหลังคาให้เป็นสีเฉดเดียวกันด้วยหรือเปล่าคะ