Group Blog
 
<<
เมษายน 2568
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 เมษายน 2568
 
All Blogs
 
ไปเที่ยวโตเกียวและภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น

สวัสดีครับ ผมมีโอกาสไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 21-28 ตุลาคม 2566 ครั้งนี้ไปกันเองกับครอบครัว รวม 8 วัน เดินทางไปกลับด้วยสายการบินไทย การท่องเที่ยวจะใช้รถสาธารณะ และเช่ารถขับเอง โดยเน้นสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโตเกียว ภูเขาไฟฟูจิและสถานที่รอบ ๆ  ขอนำกำหนดการและภาพประกอบมาบันทึกไว้ในวันนี้ครับ


 

เมื่อถึงสนามบินนาริตะในเช้าวันรุ่งขึ้น เรานั่งรถไฟความเร็วสูง Keisei Skyline จากสนามบินนาริตะเพื่อไปลงยังสถานี Keisei Ueno ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่พักที่จองไว้ล่วงหน้าแล้ว
 







 

ถึงสถานี Keisei Ueno ลากกระเป๋าเดินภายในสถานีตรงไปยังสถานี JR Ueno จนถึง Tokyo Metro Ueno Station แล้วหาทางออกหมายเลข 3 (บันไดหรือลิฟต์) จะขึ้นมาบนถนนฝั่งเดียวกับโรงแรม เดินไปทางขวามืออีก 50 เมตรก็ถึงโรงแรมที่พัก คือโรงแรม Tosei Hotel Cocone Ueno
 


โรงแรม Tosei Hotel Cocone Ueno เป็นโรงแรมที่สะอาด เครื่องปรับอากาศสามารถปรับได้ ที่ชั้น 2 มีเครื่องชงกาแฟสด-โกโก้ บริการฟรีตลอด 24 ชม. มีไมโครเวฟ เตารีด เครื่องซักผ้า ให้บริการ การขึ้นลิฟต์ต้องใช้คีย์การ์ดแตะที่ปุ่มลิฟต์ก่อน

ชั้น 11 ของโรงแรมมีดาดฟ้าให้ชมวิวตัวเมืองด้วย แต่อาหารเช้ามีให้เลือกไม่มากนัก ยังมีร้านกาแฟ Doutor อยู่ด้านซ้ายมือติดโรงแรม ส่วน 7-11 อยู่ทางด้านขวามือ ห่างไปสัก 100 เมตร ร้านแฟมมิลี่มาร์ทตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน รวมทั้งร้านอาหารมากมาย และตลาดอมิโยโกะ

Front อยู่ที่ชั้น 2 จะเช็คอินได้ตั้งแต่เวลา 15.00 น. และถ้ามาถึงก่อนเวลาเช็คอิน สามารถฝากกระเป๋าไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเช็คอินได้ครับ


เราพักที่โรงแรมนี้ 2 รอบ รวม 5 คืน คือ 2 คืนแรก แล้วเช็คเอ้าท์ฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ ออกเดินทางไปพักยังที่พักบริเวณเชิงภูเขาไฟฟูจิ 1 คืน แล้วจึงเดินทางกลับมาเช็คอินเข้าพักรอบที่ 2 อีก 3 คืนครับ




 

วิวตัวเมืองเมื่อมองจากดาดฟ้าชั้น 11 ของโรงแรม





 

ไปชมโตเกียวสกายทรี

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) เป็นหอกระจายคลื่นและสังเกตการณ์ตั้งอยู่ที่เขตซูมิดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่เปิดใช้งานใน ค.ศ. 2012 ความสูงของโตเกียวสกายทรีในระยะเริ่มต้นโครงการนั้น ตั้งไว้ที่ประมาณ 610 เมตร


 

โดยในช่วงที่ริเริ่มโครงการตั้งใจให้เป็นหอกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุอิสระอันดับหนึ่งของโลก เมื่อเริ่มศึกษาแนวการก่อสร้างและขอบเขตงานและการพิจารณาจากอาคารสูงอื่นทั่วโลกประกอบ ก็ได้สรุปเป้าหมายเป็นการสร้างอาคารหอกระจายสัญญาญโทรทัศน์และวิทยุที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูงที่สรุปกันครั้งสุดท้ายที่ 634 เมตร ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 Guinness World Records จึงได้ทำการรับรองให้ โตเกียวสกายทรี เป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ที่ความสูง 634 เมตร




โตเกียวสกายทรี เปิดให้ขึ้นชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00-20:00 น. โดยเข้าชมรอบสุดท้ายได้ในเวลา 19:00 น. ราคาค่าขึ้นชมมีให้เลือกตามระดับความสูง คือ 350 เมตร และ 450 เมตร และยังแตกต่างกันตามช่วงอายุ


ภาพต่อไปนี้อยู่ด้านบนโตเกียวสกายทรีแล้ว





ทิวทัศน์กรุงโตเกียวเมื่อมองลงมาจากด้านบน




มองเห็นภูเขาไฟฟูจิอยู่ทางทิศตะวันตกด้วย








โตเกียวสกายทรี ยามค่ำ จะเปิดไฟประดับสวยงาม






ไปชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซูมิดะ

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซูมิดะ (Sumida Aquarium) ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับโตเกียวสกายทรี คืออยู่ที่ชั้น 5 และ ชั้น 6 มีจุดน่าชมมากมาย เช่น “แท๊งก์น้ำขนาดใหญ่โอกาซาวาระ” ซึ่งจำลองทะเลของหมู่เกาะโอกาซาวาระที่เต็มไปด้วยฝูงปลาหลากสีสันแหวกว่ายไปมา, แท๊งก์น้ำเปิดขนาดใหญ่ระดับประเทศที่สามารถสังเกตการใช้ชีวิตของเพนกวินและแมวน้ำขนได้อย่างใกล้ชิด และ “Big schale” แท๊งก์น้ำทรงกลมที่มีแมงกะพรุนส่องแสงกว่า 500 ตัวลอยล่องไปมาอย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังมี “ห้องครัว” ซึ่งทำหน้าที่เตรียมอาหารให้สัตว์ต่างๆ หรือที่ “ห้องแล็บ” ซึ่งทำหน้าที่เลี้ยงและขยายพันธุ์แมงกะพรุนให้ชมอีกด้วย


 

เปิดทำการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-20.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ 9.00-21.00 น. ราคาบัตรเข้าชมคนละ 2,500 เยน สามารถซื้อบัตรคู่กับการขึ้นชมโตเกียวสกายทรีจะได้ราคาถูกลง



รับรถเช่าขับเอง ที่บริษัท Toyota Rent A Car

จากโรงแรมที่พักสามารถเดินไปรับรถเช่าจาก Toyota Rent A Car สาขาอุเอโนะ ระยะทางประมาณ 300 เมตร


ได้รถเช่าคันนี้ครับ เป็น Toyota Sienta พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลย



 

ไปชมหมู่บ้านน้ำใส

หมู่บ้านโอชิโนะฮักไก (Oshino Hakkai) ตั้งอยู่บริเวณโซนทะเลสาบฟูจิทั้งห้า ในจังหวัดยามานาชิ  ชื่อของหมู่บ้าน ‘Hakkai (八海)’ นั้นแปลตามตัวได้ว่า ‘ทะเลทั้งแปด’ โดยมีที่มาจากบ่อน้ำใส 8 บ่อภายในหมู่บ้านซึ่งเกิดจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ละลายในช่วงหน้าร้อน คนไทยจึงนิยมเรียกกันว่า “หมู่บ้านน้ำใส” นั่นเอง
 


หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับเลือกให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1934 และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมร่วมกับบริเวณรอบภูเขาไฟฟูจิเมื่อปี ค.ศ. 2013 ภายใต้ชื่อ “ฟูจิซัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจทางศิลปะ (Fujisan, Sacred Place and Source of Artistic Inspiration)” อีกด้วย






นอกจากน้ำที่ใสสะอาดจนสามารถดื่มได้แล้ว หมู่บ้านโอชิโนะฮักไกก็ยังเป็นจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่ได้รับความนิยม ด้วยวิวอันงดงามของหมู่บ้านโบราณ บ่อน้ำใสจนเห็นปลาแหวกว่าย และมีภูเขาไฟตั้งตระหง่านเป็นฉากหลัง อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Lake Kawaguchiko) ทำให้มีผู้ไปเยือนเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปี





 

บ้านพักคืนนี้พักที่ Yoshimura Tenjoan ตั้งอยู่ในบริเวณรอบ ๆ ทะเลสาบคาวากุชิโกะ 


และอาหารเย็นวันนี้เป็นข้าวหน้าปลาไหล ร้านยอดนิยมของที่นี่ ชุดนี้ราคา 3,500 เยนครับ

 

ไปชมทะเลสาบคาวากุชิโกะ ทะเลสาบ 1 ใน 5 รอบภูเขาไฟฟูจิ

บริเวณนี้คือจุดสำหรับเช่าเรือ มีทั้งเรือเป็ด เรือเล็กสำหรับตกปลา และยังมีสปีดโบททัวร์ทะเลสาบ สำหรับใครที่อยากชมวิวมุมสูงของทะเลสาบคาวากุจิโกะและภูเขาไฟฟูจิแบบเต็ม ๆ ตา ห้ามพลาดที่จะมาแวะขึ้นกระเช้าลอยฟ้า “Kawaguchiko Mt. Fuji Panorama Ropeway” เพื่อไปชมวิวทะเลสาบมุมสูงจากด้านบนเขา





วิวทะเลสาบจากมุมสูง ขอนำภาพจากอินเทอร์เน็ตมาให้ชมก็แล้วกันครับ



 

ขับรถขึ้นไปชมวิวของภูเขาไฟฟูจิ ชั้นที่ 5



วันนั้นอากาศค่อนข้างหนาวเย็นและมีหมอกลงจัด เมื่อไปถึงมองไม่เห็นยอดภูเขาไฟฟูจิเลย
 








โชคดีที่ทัศนวิสัยดีขึ้น ท้องฟ้าเปิดในตอนเกือบเที่ยงวัน จึงได้เห็นยอดภูเขาไฟฟูจิ สมความตั้งใจในที่สุดครับ

 

ไปชมวัดอาซากุสะ

วัดอาซากุสะ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) เป็นวัดพุทธในย่านอาซากูสะ เขตไทโต โตเกียว เป็นวัดที่เก่าแก่และมีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว สถานที่ดั้งเดิมถูกระเบิดเผาทำลายไปเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2









ตัววัดปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด แรกเริ่มเคยเป็นวัดในสายเท็นได ต่อมาได้แยกเป็นอิสระหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเป็นวัดเก่าแก่กว่าพันปี ร่ำลือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ที่ขออะไรก็สมหวัง ผู้คนนิยมมาขอพรและซื้อเครื่องราง





 

ไปซื้อของฝากให้คนสำคัญ

นั่งรถไฟจากสถานีอุเอโนะไป 1 สถานี ลงที่สถานีอากิฮาบาร่า (Akihabara) เพื่อไปซื้อหุ่นกันดั้มฝากหลานชาย ที่ย่านอากิฮาบาร่า









 

ไปชมรูปปั้นฮาจิโกะที่ชิบูย่า เป็นกิจกรรมสุดท้าย

ฮาจิโกะ (Hachiko) คือ สุนัขยอดกตัญญูผู้ไปรอรับเจ้าของที่สถานีชิบูย่าทุกวัน แม้เจ้าของจะจากไปแล้ว มันก็ยังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมเวลาเดิมเป็นเวลานานถึง 10 ปีเต็ม ความภักดีนี้ทำให้ชาวญี่ปุ่นประทับใจและสร้างรูปปั้นฮาจิโกะที่หน้าสถานีชิบูย่า จนกลายมาเป็นจุดนัดพบสำคัญและเป็นจุดเช็คอินที่ต้องแวะไปเมื่อไปเยือนชิบูย่า




แม้คนไทยจะเรียกติดปากกันว่าฮาจิโกะ แต่อันที่จริงแล้วสุนัขตัวนั้นชื่อว่าฮาจิ (Hachi) ส่วนคำว่าโกะหรือโค (公) นั้นแปลว่ารูปปั้น

ฮาจิคือสุนัขพันธุ์อากิตะ เพศผู้ เกิดในปี 1923 ยุคไทโช ในจังหวัดอากิตะ ต่อมาศาสตราจารย์อุเอโนะ ฮิเดซาบุโร่ ก็ได้รับไปเลี้ยงและพาไปอยู่ด้วยกันที่โตเกียว ศาสตราจารย์รักมันมากและตั้งชื่อให้ว่าฮาจิ




ศาสตราจารย์อุเอโนะ เป็นศาสตราจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโตเกียว (Tokyo Imperial University) ศาสตราจารย์จะเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบูย่าเพื่อไปมหาวิทยาลัยโดยมีเจ้าฮาจิมาส่งที่ทางเข้าสถานี และเมื่อถึงตอนเย็นที่กลับมาก็จะพบกับฮาจิที่มารอรับอยู่หน้าสถานีทุกวัน

ทว่าในวันที่ 21 พฤษภาคม 1925 ศาสตราจารย์เสียชีวิตอย่างกะทันหันที่มหาวิทยาลัย ด้วยอาการเลือดออกในสมอง ในวันนั้นฮาจิก็ยังคงไปรออยู่ที่สถานีชิบูย่าเหมือนอย่างทุกวัน โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของของมันจะไม่เดินออกจากสถานีมาหามันอีกแล้ว




หลังจากนั้นฮาจิก็ยังไปรอศาสตราจารย์อยู่ที่เดิมเวลาเดิมทุกเช้าทุกเย็นจนเป็นภาพที่คุ้นตาของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา จนในปี 1932 เรื่องราวของฮาจิโกะก็ได้ตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์และทำให้ฮาจิโกะเป็นที่รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นในชื่อ “ฮาจิโกะผู้ซื่อสัตย์”

รูปปั้นฮาจิโกะถูกสร้างขึ้นในปี 1934 ที่หน้าสถานีชิบูย่า บริเวณที่ฮาจินั่งรอเจ้าของของมันเสมอนั่นเอง


และเมื่อปี 2015 เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีที่ฮาจิจากไป ก็ได้มีการสร้างรูปปั้นศาสตราจารย์กับฮาจิโกะขึ้นที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวที่ศาสตราจารย์เคยสอน ฮาจิจึงได้พบกับเจ้าของในที่สุด ดีใจกับฮาจิด้วยนะ.




Create Date : 23 เมษายน 2568
Last Update : 5 พฤษภาคม 2568 8:20:12 น. 6 comments
Counter : 648 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSleepless Sea, คุณ**mp5**, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณปัญญา Dh, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณhaiku, คุณอุ้มสี


 
เช่ารถขับเดินทางไปเองด้วยเก่งมากๆ จ้า
เป็นเราไปกับทัวร์แน่นอนต่างบ้านต่างเมือง



โดย: หอมกร วันที่: 5 พฤษภาคม 2568 เวลา:9:08:04 น.  

 
ซาบซึ้งกับเรื่องราวของฮาจิกับศาสตราจารย์อุเอโนะ
โดยเฉพาะรูปปั้นภาพสุดท้าย ...

ทำให้คิดถึงสุนัขหลายตัวที่มีเรื่องราวคล้าย ๆ กันนี้
แอบซึ้งน้ำตาจิไหล


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 5 พฤษภาคม 2568 เวลา:9:25:03 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 5 พฤษภาคม 2568 เวลา:10:29:10 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปครับ


โดย: Sleepless Sea วันที่: 5 พฤษภาคม 2568 เวลา:17:15:09 น.  

 
หายไปนานมากเลยนะคะ
ดีใจที่อัพบล็อก


โดย: อุ้มสี วันที่: 6 พฤษภาคม 2568 เวลา:1:55:18 น.  

 
สวัสดีครับ


โดย: ปัญญา Dh วันที่: 6 พฤษภาคม 2568 เวลา:12:56:00 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทองกาญจนา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทองกาญจนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.