Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
25 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
เสน่ห์ตุรกี : 8-ฮิปโปโดรม สุเหร่าสีน้ำเงิน วิหารเซนต์โซเฟีย และอ่างเก็บน้ำใต้ดิน

สถานที่ท่องเที่ยวในวันนี้ ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน สามารถเดินไปถึงกันได้ทั้งหมด ดังนั้นรถโค้ชจึงนำคณะของเรามาส่งที่จุดเริ่มต้น และนัดหมายจะมารับในตอนเย็น ภาคเช้าเราไปชมพระราชวังทอปกาปิมาแล้ว ภาคบ่ายยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก 4 แห่งครับ




หลังอาหารกลางวันแบบพื้นเมืองจากร้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณนั้น เราจะเดินไปที่ฮิปโปโดรม




ฮิปโปโดรม ( Hippodrome ) หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เม็ต เดิมเป็นสถานที่แข่งม้าและแข่งกรีฑาในสมัยโรมัน ปัจจุบันมีอนุสาวรีย์เหลืออยู่ 3 ส่วนคือ (1)เสาโอเบลิสก์แห่งกษัตริย์เธโอโดเซียส เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยมยอดแหลมที่เก่าแก่ที่สุด สร้างด้วยหินแกรนิต เดิมอยู่ที่โฮลิโอโปสิล ต่อมาจักรพรรดิเธโอโดเซียสย้ายมาตั้งไว้ที่อิสตันบูล มีความสูง 20 เมตร ยอดเสาแกะเป็นภาพฟาโรห์คุกเข่าถวายสักการะแด่สุริยเทพ และการรบชนะสงคราม




(2)เสาบรอนซ์รูปงู เดิมสูง 8 เมตร ชำรุดเสียหายคงเหลือในปัจจุบันแค่ 5 เมตร เป็นเสาแบบกรีกที่เก่าแก่ที่สุดในอิสตันบูล ตัวเสาเป็นงู 3 ตัวเกี่ยวกระหวัดรัดกันอยู่ ยอดที่หักเป็นส่วนของสามขาที่รองรับอ่างทองคำ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์โบราณคดี (3)เสาคอนสแตนตินได้ชื่อมาจากพระเจ้าคอนสแตนติน จักรพรรดิแห่งโรมัน เป็นเสาหินสูงประมาณ 32 เมตร สร้างในปี ค.ศ. 940 เดิมเป็นรูปเกษตรกรและชาวประมง




มัสยิดสุลต่านอาห์เมตหรือสุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque - บลูมอสก์) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1609 - 1616 มีแรงบันดาลใจการสร้างมาจากการต้องการเอาชนะหรือสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียของคริสต์ เพราะแต่เดิมนั้น วิหารเซนต์โซเฟียได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ทำให้สุลต่านแห่งออตโตมันหลายพระองค์ต้องการสร้างมัสยิดขนาดใหญ่ให้เทียบเท่าหรือใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟียมาแทบทุกยุคทุกสมัย แต่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ จนมาถึงในสมัยสุลต่านอาห์เมตที่ 1 มีสถาปนิกคนหนึ่งชื่อ เมห์เมต อาอา (Mehmet ) ผู้สร้างมัสยิดแห่งนี้ ต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าเขามีความสามารถเหนืออาจารย์และสถาปนิกที่ออกแบบวิหารเซนต์โซเฟีย จึงบรรจงออกแบบจนอลังการ




เหตุที่ผู้คนเรียกมัสยิดสุลต่านอาห์เมตที่ 1 (Sultan Ahmet I) ว่า บลูมอสก์ จนกลายเป็นชื่อจริงไปแล้วนั้น เนื่องมาจากสีของกระเบื้องอิซนิคบนกำแพงชั้นในที่มีสีฟ้าสดใส ตกแต่งเป็นลายดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น ฯลฯ




เอกลักษณ์ของสุเหร่าสีน้ำเงิน โดดเด่นด้วยหอมินาเร็ต (หอสวดมนต์) 6 หอ ซึ่งปกติหอสวดมนต์ประจำมัสยิดทั่วไปจะมีหนึ่งถึงสองหอและลานด้านหน้าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดามัสยิดของออตโตมัน ส่วนการตกแต่งภายในก็ดูยิ่งใหญ่ด้วยหน้าต่างทั้งหมด 260 บาน สลับสล้างด้วยหน้าต่างกระจกสีอันวิจิตรและพื้นที่สำหรับละหมาดขนาดกว้าง ภายในบริเวณมัสยิดมีโรงเรียนสอนศาสนา โรงพยาบาล ที่พักแรกของขบวนคาราวานและโรงครัวต้มน้ำซุป (เรียกว่าคุลลีเย)




เมื่อเริ่มสร้าง องค์สุลต่านมีกระแสรับสั่งให้สร้างหอสวดมนต์เป็นทองคำ ซึ่งคำว่าทองคำในภาษาตุรกี เรียกว่า อัลทึ่น (Altin) สถาปนิกพยายามคิดหาทางออกที่ดี เพราะการสร้างหอทองคำต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากและเป็นการไม่สมควร แต่ก็ต้องให้สุลต่านอาห์เม็ตพอพระทัยด้วย จึงสร้างหอสวดมนต์ 6 หอ สร้างความพอพระทัยในความฉลาดของสถาปนิก จึงไม่ลงทัณฑ์แต่อย่างใด แต่ว่าเมื่อสร้างบลูมอสเสร็จแล้วกลับกลายเป็นว่ามีหอสวดมนต์เท่ากับสุเหร่าในนครเมกกะ ซึ่งเป็นการไม่สมควร จึงต้องเพิ่มหอขึ้นอีกหนึ่งแห่งกลายเป็น 7 หอ สุลต่านอาห์เมตได้ชื่นชมบลูมอสก์อยู่เพียงปีเดียว ก่อนสิ้นพระชนม์ด้วยวัยเพียง 27 พรรษา






การเยี่ยมสุเหร่าสีน้ำเงินต้องถอดรองเท้า ช่วงที่อากาศเย็นควรที่จะเตรียมถุงเท้าไปด้วย อนุญาตให้คนเข้าไปทำละหมาดได้ 24 ชั่วโมง ช่วงกลางคืนจะมีการแสดงแสงสีเสียงด้วย






แปลงดอกไม้รอบ ๆ ต้นไม้ใหญ่ หลังบลูมอสก์




วิหารเซนต์ โซเฟีย (Saint Sophia) หรือวิหารซันตาโซเฟีย เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เดิมเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์ สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิ คอนสแตนติน แห่งอาณาจักรโรมันตะวันออก เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี จึงแล้วเสร็จ ต่อมาถูกพวกเตอร์กบุกทำลาย พระจักรพรรดิจัสติเนียนจึงได้สร้างขึ้นใหม่ โดยใช้เวลาอีก 20 ปี จึงแล้วเสร็จ และได้นำสิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับเอาไว้มากมาย เมื่อสร้างเสร็จกลับเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เกิดการแตกร้าว จึงต้องซ่อมแซมอีกครั้ง จนอยู่ในสภาพเดิม




พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่2 เข้ามาสู่อำนาจเหนือตุรกี ต่อจากพระเจ้าจัสติเนียน พระองค์ทรงนับถือศาสนาอิสลาม จึงได้ดัดแปลงเป็นสุเหร่า แต่ยังคงรักษาความงามทางด้านศิลปกรรม เอาไว้เช่นเดิม




วิหารเซนต์ โซเฟีย แห่งนี้ เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบ ไบแซนไทน์ คือมีลักษณะผสมผสาน ระหว่างศิลปวัฒนธรรมกรีก และโรมัน กับศิลปวัฒนธรรมเปอร์เซีย จุดเด่นคือ มียอดโดมใหญ่อยู่กลางวิหาร ภายในวิหารใช้กระจกสีประดับ เหนือประตูหน้าต่างอย่างงดงาม




มีพื้นที่ประมาณ 700 ตารางเมตร ภายในมีเสาค้ำสลักและประดับประดาอย่างงดงามถึง 108 ต้น ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงความงดงามมาจนทุกวันนี้














บริเวณห้องโถงทางเดินภายในวิหาร จะสังเกตได้ถึงความใหญ่โต




ที่อาบน้ำของชาวโรมัน (Roman bath) อยู่ด้านนอกวิหารเซนต์โซเฟีย ตกแต่งด้วยไม้ดอกหลากสีสวยงาม




ออกจากวิหารเซนต์โซเฟีย เราเดินกันต่อเพื่อไปชมสิ่งมหัศจรรย์กลางเมืองอิสตันบูลอีก 1 อย่าง คืออ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Underground Cistern ) ถึงบริเวณทางเข้าแล้ว




อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน หรือ อุโมงค์ส่งน้ำเยเรบาตัน เป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครอิสตันบูล เป็นอุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินที่มีเสาแบบโครินเทียนค้ำยันถึง 336 ต้น แต่เดิมน้ำในอุโมงค์นี้เป็นน้ำใช้ในวังสมัยไบแซนไทน์ และใช้ในพระราชวังทอปคาปิ สมัยออตโตมัน

เมื่อเข้าไปภายในจะต้องเดินลงบันไดก่อน




ลักษณะเสาค้ำยันของอ่างเก็บน้ำใต้ดินมีความสวยงามและมีความแปลกตา จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์ ตอน From Russia With Love เมื่อปี พ.ศ.2506




ประดับไฟไว้ที่โคนเสาแต่ละต้นทำให้ได้ภาพที่สวยงาม และถึงแม้จะอยู่ใต้ดินแต่ก็มีการระบายอากาศที่ดี ผู้เข้าชมจึงไม่รู้สึกอึดอัดแต่ประการใด








ในบรรดาเสาเหล่านี้มีอยู่ 2 ต้น ที่มีลักษณะเด่นกว่าต้นอื่น ๆ เพราะมีรูปหัวเมดูซ่า (Medusa) ที่โคนเสา ต้นหนึ่งตะแคงอยู่เหนือน้ำ อีกต้นหนึ่งหัวคว่ำลงน้ำ




เมื่อสังเกตที่พื้นผิวน้ำพบว่ามีน้ำปุดขึ้นมาตลอดเวลา แสดงว่ายังใช้งานได้ถึงปัจจุบัน




และคุณภาพน้ำอยู่ในสภาพดี จึงเห็นฝูงปลาว่ายไปมาอยู่จำนวนหนึ่ง




ยุติการท่องเที่ยวประจำวันที่ห้าในตุรกีเพียงเท่านี้ ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีก แล้วพบกันใหม่ครับ.



Create Date : 25 เมษายน 2555
Last Update : 4 พฤษภาคม 2555 14:25:29 น. 14 comments
Counter : 10276 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

ตามมาดูนี่ตอนที่ 8 แล้ว ไม่น่าเชื่อ รายละเอียดเยอะมาก ๆ
นี่ถ้าไม่บันทึกไว้ นานเข้าคงจำอะไรไม่ได้แน่ ๆ

สนใจ 2-3 ภาพหลังนี่แหละค่ะ
เสาที่มีรูปหัวเมดูซ่าตะแคงอยู่เหนือน้ำ แหะ ๆ ตะแคงทำไม ...
ใช่ที่หัวมีงูเยอะ ๆ หรือเปล่าคะ จำรายละเอียดไม่ได้

น้ำที่ผุดขึ้นมาแค่นั้น มีปลาแหวกว่ายได้ด้วย น่าทึ่งจริง ๆ ^^








โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:10:08:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ท่องเที่ยวตุรกีบันทึกได้ละเอียดดีมากๆ
ถ้าได้ไปคงต้องตามมาดูอีกครั้ง

อากาศร้อนมากๆ มีไอติมมาฝากค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:10:24:44 น.  

 
สวัสดีครับคุณฟ้าใส,คุณปานตะวัน

ตามมาได้รวดเร็วจริง ๆ ครับ
ผมหาข้อมูลมาเพิ่มเติมเรื่องเสาที่มีรูปหัวเมดูซ่าครับ

เสาที่มีรูปหัวเมดูซ่าภายในอ่างเก็บน้ำใต้ดินมีอยู่ 2 เสา เสาหนึ่งตะแคง อีกเสาหนึ่งคว่ำหน้า สันนิษฐานว่าคงจะนำเสานี้มากจากโบราณสถานแห่งอื่น

เมดูซ่าเป็นตัวละครในตำนานของเทพนิยายกรีก-โรมัน มีเส้นผมเป็นงู หากใครจ้องตานางจะกลายเป็นหินทันที เพอร์ซิอุส (Perseus) ซึ่งเป็นคนครึ่งเทพตัดหัวของนางใส่ย่ามไว้ เวลารบกับข้าศึกก็ชูหัวของนางต่อหน้าฝ่ายตรงข้าม ทำให้กลายเป็นหิน

นี่อาจเป็นเหตุผลที่ต้องวางหัวนางเมดูซ่ากลับหัวแทนที่จะวางตรง ๆ กลัวว่าคนที่จ้องไปที่รูปปั้นหัวของนางจะกลายเป็นหินนั่นเอง !!!



โดย: ทองกาญจนา วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:10:41:16 น.  

 
แม่บุญอ่านรายละเอียดก่อน แล้วค่อยละเลียดชมภาพสวย ๆ ทีละภาพ ประวัติต่าง ๆ น่าสนใจมาก เล่าได้น่าติดตามแบบนี้ไมาโหวตให้ได้ไงกัน ???

แม่บุยรออ่านตอนต่อไปนะคะ อย่าลืมไปเคาะประตูบ้านนะ


โดย: Maeboon วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:12:28:56 น.  

 
สวยงามมากค่ะ =^_^=


โดย: ishi_imp วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:13:01:34 น.  

 
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:16:08:36 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามมาจากบ้านแม่บุญค่ะ
เพราะดอกไม้สวยๆจึงตามมา ตามมาแล้วตื่นตาตื่นใจกับภาพและเรื่องราวที่ได้ชมค่ะ ขอบคุณที่นำมาฝากกันนะคะ ตอนที่ 8 แล้ว ขออนุญาตตามไปอ่านตอนก่อนด้วยนะคะ


โดย: phunsud วันที่: 25 เมษายน 2555 เวลา:17:08:59 น.  

 
หายไปหลายวัน กลับมาก็เจอตอนแปดเลยเหรอคะนี่ เง่อ..

คงต้องทยอยอ่านย้อนหลังหละค่ะ


เดี๋ยวพรุ่งนี้มาโหวตให้นะคะ




ขออภัยที่เพิ่งได้มาตอบกลับนะคะ

ติดกิจธุระน่ะค่ะ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:8:15:40 น.  

 
vote ให้นะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:8:14:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณทองกาญจนา
รอดูตอนต่อไปค่ะ
วันนี้เป็นวันที่ร้อนที่สุด อากาศร้อนอย่าใจร้อนนะ
ทางโน้นอากาศร้อนไหมคะ ได้ยินว่ามีแผ่นดินไหวด้วย อยู่ใกล้หรือป่าวคะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

มีเต้าฮวยฟรุ๊ตสลัดมาฝากค่ะ




โดย: pantawan วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:21:09:57 น.  

 
สวยงามมากๆค่ะ
ชอบทุกจุดเลย อ่านไปได้ความรู้ด้วย

ไปเที่ยวเองหรือเปล่าคะ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 27 เมษายน 2555 เวลา:22:23:44 น.  

 
ขอบคุณที่อุตส่าห์ไปค้นข้อมูลมาเพิ่มเติมให้ด้วย
แวะมาชวนไปดูดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ค่ะ
ว่าง ๆ ขอเชิญด้วยนะคะ




โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 29 เมษายน 2555 เวลา:21:43:34 น.  

 
ตามไปอ่านบล็อกแรกมาแล้วค่ะ
ที่ถามเพราะโปรแกรมคล้ายกับทัวร์ที่หนึ่งเคยไปมากๆ
เหมือนได้รีวิวทริปที่ตัวเองเคยไปเลยค่ะ


โดย: AdrenalineRush วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:1:03:30 น.  

 
ดูแล้วทำให้อยากไปมาก....

คำว่า "อลังการงานสร้าง" ยังน้อยไปนะคะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 มกราคม 2556 เวลา:14:11:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทองกาญจนา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทองกาญจนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.