|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์อิตาลี : 4-พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Musium)
เมื่อคืนพักในโรงแรมที่กรุงโรมครับ และจะพักต่ออีก 1 คืน เช้าวันนี้มีรายการไปชมพิพิธภัณฑ์วาติกันและมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่อยู่ติดกัน ผมจะเล่าเป็น 2 ตอน โดยตอนแรกนี้จะเริ่มที่ทางเข้า (หมายเลข 1) อาคารพิพิธภัณฑ์วาติกัน (หมายเลข 2) และโบสถ์ซิสทีน (หมายเลข 3) ส่วนที่เหลือขอยกไปเล่าในตอนต่อไปครับ
วันที่ผมและคณะไปชมพิพิธภัณฑ์วาติกัน เป็นวันที่จะมีการฉลองให้กับพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ที่เพิ่งได้รับเลือกโดยทำพิธีกันในโบสถ์ซิสทีน ทางสำนักวาติกันจึงจะทำการปิดโบสถ์ซิสทีนไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป แต่เนื่องจากภายในโบสถ์นี้มีความสวยงามมาก ถ้าไม่ได้เข้าชมแทบจะเรียกว่าไปไม่ถึงพิพิธภัณฑ์เลยทีเดียว ไกด์จึงแนะนำให้พวกเราทำเวลาในส่วนของพิพิธภัณฑ์ โดยจะเลือกชมเพียงบางส่วนเพื่อเหลือเวลาเข้าชมโบสถ์ซิสทีนให้ทัน
พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Musium) ตั้งอยู่ภายในนครรัฐวาติกันในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงงานศิลปะที่สะสมโดยวัดโรมันคาทอลิกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี รวบรวมผลงานทางศิลปะที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังมีห้องแสดงศิลปะการตกแต่งฝาผนังรูปสลักแบบคลาสสิค และงานของนักวาดภาพคนสำคัญ ๆ ของอิตาลีในสมัยกลาง และสมัยเรอเนสซองส์ อาทิ จ็อตโต, ฟรา แองเจลิโก, ฟิลิปโป ลิปปี และโบสถ์ซิสทีนซึ่งเป็นผลงานของไมเคิลแองเจโล ที่วาดภาพเขียนสีเฟรสโก้ที่โด่งดังที่สุดของโลกคือ The Last Judgement
ห้องที่จัดแสดงผลงานประกอบด้วย 4 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ห้องราฟาเอล, พิพิธภัณฑ์อียิปต์, แกลลอรี่แผนที่ และ โบสถ์ซิสทีน แต่เนื่องจากความจำกัดของเวลาทำให้ผมและคณะได้ชมเพียง 2 ส่วนเท่านั้นคือ แกลลอรี่แผนที่และโบสถ์ซิสทีน น่าเสียดายจริง ๆ
แกลเลอรี่แผนที่(The Gallery of Maps) เป็นแกลเลอรี่ในพิพิธภัณฑ์วาติกันที่มีภาพวาดแผนที่ขนาดใหญ่ของอิตาลีที่วาดจากแผนที่ของนักภูมิศาสตร์ในระหว่างปี ค.ศ. 1580-1583 จำนวน 40 ช่อง (Panel) รวมเป็นระยะทางประมาณ 120 เมตร จัดเป็นห้องที่ใช้ทำการศึกษาภูมิศาสตร์ด้วยภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โบสถ์ซีสทีน (Sistine Chapel) เป็นสถานที่ๆใช้ในการประชุมของพระคาร์ดินัลเพื่อเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ซึ่งในการประชุมจะเป็นที่สิ้นสุดเมื่อมีผู้ที่ได้รับคะแนนที่โหวตอย่างน้อยสองในสามของเสียงทั้งหมด ซึ่งถ้าการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้แล้วก็จะมีควันสีขาว (จากการเผากระดาษที่กาโหวต) ลอยออกมาจากปล่องไฟ แต่ถ้าคะแนนเสียงไม่ถึงสองในสามก็ต้องมีการเลือกใหม่โดยจะเผาผลคะแนนทั้งหมดรวมกับฟางและสารเคมีเพื่อให้ควันเป็นสีดำ และเมื่อประตูโบสถ์ปิดลงเพื่อเริ่มการเลือกตั้งจะไม่มีการเปิดอีกจนกว่าการเลือกตั้งจะสิ้นสุด
ภายในโบสถ์ซิสทีนมีภาพสีเฟรสโกของไมเคลแองเจโลที่วาดขึ้นในระหว่างปี 1535-1541 จำนวนมาก (Fresco เป็นกระบวนการวาดภาพบนผิวปูนในขณะที่ผิวปูนยังเปียก ซึ่งค่อนข้างซับซ้อนเพราะต้องทำทั้งขั้นตอนการผสมสีและผสมปูน) ภาพที่มีชื่อเสียงคือ "การพิพากษาครั้งสุดท้าย" (The Last Judgment)
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
โดยความเชื่อของชาวคาทอลิกที่ว่าคนตายจะได้รับการตัดสินหลังจากที่ตายว่าจะไปไหน ส่วนการพิพากษาครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นหลังจากที่มีการกลับมาของคนที่ตายไปแล้ว (The Resurrection of the Dead) ซึ่งวิญญาณและร่างกายจะกลับมาหลอมรวมกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโลก พระเจ้าจะทำการพิพากษามนุษย์แต่ละคนว่าใครควรจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ซึ่งความเชื่อและรายละเอียดในส่วนนี้จะแตกต่างกันไปตามศาสนาศริสต์นิกายต่างๆ
นอกจากภาพการพิพากษาครั้งสุดท้ายแล้วภาพที่เราคุ้นเคยและเห็นบ่อยๆตามโฆษณาหรืองานอาร์ตเวิร์คต่างๆที่เป็นผลงานของไมเคลแองเจโล ก็คือ "ภาพกำเนิดอดัม" (The Creation of Adam) ที่ปรากฏอยู่บนเพดานตรงกลางของหอสวดมนต์ เป็นรูปมือของพระเจ้ามีส่วนนิ้วชี้ ที่ชี้ออกมาจนเกือบจะสัมผัสกับมือของอดัม มนุษย์คนแรก
(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)
(ขอบคุณข้อมูลจาก //www.oknation.net/blog/print.php?id=795931)
ทราบประวัติความเป็นมาแล้ว ตอนนี้ผมจะพาเข้าไปชมของจริงกันครับ
มาถึงประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ ผมไปเป็นกลุ่มทัวร์ที่นำโดยไกด์ท้องถิ่น ทำให้ได้รับสิทธิพิเศษคือมี fast track ไม่ต้องไปต่อคิวตามปกติซึ่งยาวมาก ๆ และเสียเวลานานกว่าจะผ่านเข้าไปได้
ผ่านประตูเข้าไปก็ถึงขั้นตอนของความปลอดภัย คือเขาจะตรวจและเอ็กซเรย์กระเป๋าและสัมภาระที่ติดตัวเข้าไป คล้าย ๆ ในสนามบิน
เข้ามาภายในแล้ว มีรูปปั้นพระสันตะปาปาแสดงอยู่
ฟังไกด์ท้องถิ่นอธิบายการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ภาพด้านหลังคือพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบัน
บันไดวนที่จะขึ้นมายังพิพิธภัณฑ์ ปัจจุบันใช้สำหรับพระสันตะปาปาและพระคาร์ดินัลเท่านั้น
นักท่องเที่ยวจะขึ้นไปยังพิพิธภัณฑ์ได้ 2 วิธี คือเดินขึ้นบันไดวน(ซ้ายมือ) หรือขึ้นบันไดเลื่อน(ขวามือ) ไกด์ของเราพาขึ้นบันไดเลื่อนครับ
เข้ามาสู่ชั้นสอง มีลักษณะเป็นลานหรือสนามค่อนข้างกว้าง
ตรงกลางสนามมีลูกโลกสีทองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เป็นศิลปะร่วมสมัย ชื่องานว่า "Sphere Within Sphere" ของ Pomodoro
บริเวณด้านหนึ่งของสนามจะมีภาพพิมพ์ติดตั้งอยู่บนบอร์ดแสดงให้ดู เพื่อให้ทราบว่าด้านในพิพิธภัณฑ์ มีภาพอะไรอยู่ตรงไหน โดยจะมีอยู่ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ The Ceiling, The Last Judgement, และโบสถ์ซิสทีน (The Sistine Chapel) ไกด์จะพาทุกคนมาอธิบายให้ฟังก่อน
เราจะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ทางประตูนี้
เข้าไปก็จะพบกับงานประติมากรรมจากหินอ่อนชุดนี้ สวยงามมาก
ถ้วยขนาดใหญ่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์
งานแกะสลักจากหินอ่อน ฝีมือประณีต สวยงาม หลายชิ้น ตั้งอยู่เรียงกันไปตามทางเดิน
ภาพวาดสวยงามบนเพดาน
แต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยงาม วิจิตร บรรจง และเกือบทั้งหมดเป็นหินอ่อน
การตกแต่งที่สวยงามบนเพดาน
รูปปั้นพระสันตะปาปาองค์หนึ่งชื่อ ลีโอที่ 13
เพดานที่สวยงามตามทางเดินที่ผ่านไป
ผ่านเข้ามาถึงห้องพรม เป็นพรมทอขนาดใหญ่เป็นภาพสวยงาม
ศิลปะการวาดภาพที่เพดาน สวยงามมีมิติ จนทำให้รู้สึกว่าเป็นปูนปั้นที่นูนขึ้นมา
ภาพนี้ชื่อ "Resurrection of Christ"
ภาพวาดที่ดูเหมือนปูนปั้นอีกจุดหนึ่ง
ภาพจิตรกรรมที่เพดาน ระหว่างทางเดินในห้องพรมและแผนที่
ดูรายละเอียดภาพบนเพดานอย่างใกล้ ๆ
ไกด์กำลังชี้ให้ดูแผนที่อาณาจักรโรมันโบราณบนพรมผืนใหญ่
นักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังเดินตามกันมา
ภาพสวยงดงามบนเพดาน อีกห้องหนึ่ง
ภาพบนพรมนี้ชื่อ "The Last Supper"
รูปปั้นพระแม่มารีและภาพวาดสวยงาม
ภาพวาดสวยงามบนฝาผนังก่อนที่ลงไปยังโบสถ์ซิสทีน
ทางเดินไปยังโบสถ์ซิสทีน นักท่องเที่ยวหนาแน่นมาก ถึงกับขั้นเบียดเสียดทีเดียว
และเมื่อเข้าไปภายในโบสถ์ซิสทีนแล้ว ได้แต่ชมความสวยงามอย่างเดียว เพราะไม่อนุญาตให้ใช้เสียงและห้ามถ่ายภาพทุกชนิด (มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูและตักเตือนอย่างใกล้ชิด) จึงไม่มีภาพมานำเสนอ แต่โชคดีที่เราสามารถชมภาพภายในโบสถ์นี้แบบสามมิติได้จากเว็บไซต์นี้ครับ www.vatican.va/various/cappelle/sistina_vr/index.html
ชมความงดงามในโบสถ์ซิสทีนด้วยความประทับใจประมาณ 30 นาที เราก็ออกจากห้อง แล้วเดินไปที่ทางออกของพิพิธภัณฑ์ เพื่อไปสู่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่เห็นผู้คนเข้าแถวด้านซ้ายของภาพนี้ เพื่อขึ้นชมวิวจากด้านบนอาคาร แต่กลุ่มของเราไม่ได้ขึ้นไป
ผ่านรูปปั้นพระสันตะปาปาที่สร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ก่อนถึงทางออก
ออกจากพิพิธภัณฑ์วาติกันด้วยความสุขและความประทับใจ ผมขอยุติเรื่องราวตอนนี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ.
Create Date : 17 เมษายน 2556 |
Last Update : 18 เมษายน 2556 14:45:18 น. |
|
14 comments
|
Counter : 9656 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:14:38:47 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 17 เมษายน 2556 เวลา:22:35:03 น. |
|
|
|
โดย: jewelmoda วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:5:10:17 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:11:08:44 น. |
|
|
|
โดย: ทองกาญจนา วันที่: 18 เมษายน 2556 เวลา:14:47:38 น. |
|
|
|
โดย: untalai วันที่: 19 เมษายน 2556 เวลา:20:20:33 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 20 เมษายน 2556 เวลา:6:51:30 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ วันที่: 22 เมษายน 2556 เวลา:0:15:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog