Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2561
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
22 มิถุนายน 2561
 
All Blogs
 
เสน่ห์ฝรั่งเศส : 10-พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)

สวัสดีครับ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของกรุงปารีส จากผลงานที่จัดแสดงไปจนถึงความเก่าแก่และยิ่งใหญ่ของสถานที่ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับหนึ่งของฝรั่งเศส วันนี้ผมอยู่ในกรุงปารีสเป็นวันที่สองมีโอกาสได้เข้าไปชม จึงขอนำความงดงามที่พบเห็นมาเล่าให้ฟังครับ




พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มีชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะ ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าบริเวณที่เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบันนั้น เคยเป็นชุมชนมาตั้งแต่ยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ (8,000 – 6,500 BC) ทั้งช่วงปลายของยุคสำริดมาจนถึงยุคโลหะ



ความสำคัญของสถานที่แห่งนี้ปรากฏชัดเจนขึ้นในสมัยของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศส (1990 AD) เมื่อมีการสร้างป้อมปราการขึ้น ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นเขตชายแดนที่ได้รับความสำคัญ ก่อนที่พระเจ้าฟรองซัวที่ 2 กษัตริย์ฝรั่งเศสในสมัยถัด ๆ มา จะตัดสินพระทัยสร้างพระราชวังของพระองค์ขึ้นที่นี่ และกลายเป็นพระราชวังแห่งลูฟวร์ ซึ่งเป็นทั้งที่ประทับและที่เก็บรวบรวมศิลปวัตถุอันทรงคุณค่าของประเทศฝรั่งเศส รวมถึงฉากหลังที่ผู้มีอำนาจหลายคนใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจในการยึดครองฝรั่งเศสในช่วงสมัยปฎิวัติ และสมัยจักรวรรดิฝรั่งเศส ก่อนที่จะได้รับการบริหารจัดการใหม่เพื่อให้อยู่ในฐานะพิพิธภัณฑ์อย่างเต็มรูปแบบเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง



พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ถือเป็นหน่วยงานของรัฐบาลฝรั่งเศส โดยตั้งแต่ปี ค.ศ.2003 ได้มีความพยายามทำการแปรรูปขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการปรับลดงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจาก 75% เหลือเพียง 62% จึงมีความจำเป็นต้องหางบประมาณมาปรับปรุง อนุรักษ์ และฟื้นฟูด้วยตนเอง โดยในปี ค.ศ.2006 ภาพยนตร์ชื่อดังจากนวนิยาย เรื่อง ดาวินชี่โค้ด (The Davinci Code) ได้สนับสนุนเงินเป็นค่าใช้พื้นที่การถ่ายทำถึง 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี ค.ศ.2008 รัฐบาลฝรั่งเศสได้สนันสนุนงบประมาณ 180 ล้านเหรียญ จากงบประมาณที่ต้องการทั้งหมด 350 ล้านเหรียญ โดยส่วนที่เหลือได้มาจากเงินบริจาค และค่าเข้าชม



พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ถูกขยายให้ยิ่งใหญ่จนสามารถเปิดให้แก่สาธารณชนเพื่อเข้าชมความสวยงามทางศิลปะครั้งแรกในปี ค.ศ. 1793 ในปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นสถานที่เก็บรักษาผลงานศิลปะที่ทรงคุณค่าไว้มากกว่า 400,000 ชิ้น แต่นำมาจัดแสดงให้ชมเพียง 35,000 ชิ้นเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าผลงานศิลปะเหล่านี้ถูกเล่าต่อกันมาว่าเป็นสมบัติจากการที่ฝรั่งเศสนำมาจากประเทศที่ตนชนะสงคราม นำมาจากของบรรณาการจนถึงการอุปถัมภ์ศิลปินให้สร้างสรรค์ผลงาน จากบรรดากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์และพระชั้นผู้ใหญ่ในสมัยอดีตนั่นเอง



พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ปิดบริการทุกวันอังคาร ส่วนในวันอื่น ๆ มีเวลาเปิดทำการต่างกัน คือ วันจันทร์, วันพฤหัสบดี, วันเสาร์ และวันอาทิตย์ เปิดบริการ 9.00 น. – 18.00 น. วันพุธและวันศุกร์ เปิดบริการ 9.00 น. - 21.45 น. ราคาบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ราคา 15 ยูโร (ประมาณ 560 บาท) โดยราคานี้รวมค่าเข้าชมผลงานศิลปะทั้งที่จัดแสดงถาวรและชั่วคราวของพิพิธภัณฑ์ และหากนักท่องเที่ยวต้องการใช้บริการ Audio Guide จะมีค่าบริการเพิ่มอีก 5 ยูโร

ข้อมูลและภาพข้างบน เรียบเรียงมาจากวิกีพีเดีย (https://th.wikipedia.org/wiki/)


คณะของเราเดินทางมาถึงพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตั้งแต่เช้า




แต่ก็ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งมาถึงก่อนและรออยู่บริเวณพีระมิดแก้วแล้ว พีระมิดแก้วของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ออกแบบโดย ไอ หมิง เป (Ieoh Ming Pei) สถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1988 เป็นหนึ่งในโครงการที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีฟร็องซัว มิแตร็อง (François Mitterand) เพื่อใช้เป็นทางเข้าใหม่ของพิพิธภัณฑ์และถือเป็นทางเข้าหลัก




ด้านหน้าพีระมิดแก้วมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันบริเวณนี้




มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจีน กำลังรอคิวเข้าไปภายใน เพื่อจะลงบันไดเดินผ่านล็อบบี้ใต้ดินที่อยู่ใต้ฐานพีระมิด ไปยังทางเข้าพิพิธภัณฑ์ด้านล่างอีกทีหนึ่ง




บริเวณลานฝั่งตรงข้ามกับพีระมิดแก้ว ยังมีสิ่งก่อสร้างลักษณะประตูชัยของฝรั่งเศส แต่มีขนาดเล็กกว่า




วันนี้คณะของผมมีไกด์ท้องถิ่น (Local guide) ที่เป็นคนไทยในปารีส มานำชมพิพิธภัณฑ์ ไกด์แนะนำให้กลุ่มของเราไปเข้าพิพิธภัณฑ์ที่ทางเข้าเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังเก่า จะมีคนน้อยกว่า




เข้าไปแล้วเดินลงบันไดผ่านล็อบบี้ที่อยู่ชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านสินค้าแบรนด์เนมและร้านจำหน่ายของที่ระลึก






จนมาถึงบริเวณสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นพีระมิดกลับหัว (The Inverse Pyramid) เป็นพีระมิดแก้วเช่นเดียวกัน ฐานของพีระมิดนี้จะอยู่บนพื้นผิวระดับถนน สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1993




ทางเข้าพิพิธภัณฑ์ อยู่ใกล้ ๆ กัน มีนักท่องเที่ยวที่เดินลงบันไดมาจากพีระมิดแก้วด้านนอกกำลังรอคิวเข้าไปยังภายใน แต่สำหรับคณะทัวร์ที่มีไกด์ท้องถิ่นจะมีทางเข้าอีกช่องทางหนึ่งตามเวลาในตั๋ว ทำให้ไม่ต้องรอนาน




เราเดินเข้ามายังด้านในพิพิธภัณฑ์แล้ว จะเห็นป้ายชี้ทางลงไปยังห้องจัดนิทรรศการ แต่เราจะเดินขึ้นไปชมผลงานศิลปะที่จัดแสดงถาวรอยู่ในห้องต่าง ๆ ด้านบน






วันนี้ไกด์ท้องถิ่นของเราเป็นชายหนุ่มคนนี้ครับ




พาไปชมประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ในห้องแรก






แล้วนำไปชมห้องจัดแสดงผลงานที่สำคัญห้องต่อไป




มาถึงแล้ว เห็นภาพนี้ก็คงเดาได้นะครับว่าเป็นห้องอียิปต์




ภายในมีผลงานที่เป็นศิลปะวัฒนธรรมและของมีค่าของชาวอียิปต์โบราณมากมาย














ภายในห้องนี้ยังมีทางลงไปยังห้องด้านล่าง




เป็นห้องที่จัดแสดงโลงศพของกษัตริย์ ชนชั้นสูง รวมทั้งมัมมี่ ของชาวอียิปต์










ออกจากห้องอียิปต์ เดินต่อไปยังห้องที่แสดงผลงานประติมากรรม




มีผลงานจำนวนมากมาย แต่ละชิ้นแสดงให้เห็นความงามของสรีระร่างกายอย่างชัดเจน (ขอเบลอภาพตรงจุดที่สำคัญนะครับ)








ประติมากรรมนี้ชื่อ The Dying Slave ผลงานของ ไมเคิล แองเจโล (จิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดังชาวอิตาลี ศิลปินเอกยุคเรเนอซองส์) เป็นประติมากรรมสลักหินที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จากหินอ่อนที่มีความสูงเพียง 2.28 เมตร ข้อมือซ้ายมัดไว้กับด้านหลังของคอและรอบอกมีผ้าคาด แสดงสรีระส่วนต่าง ๆ ของมนุษย์ได้อย่างสวยงามชัดเจน






และมาถึงงานประติมากรรมชื่อ Venus de Milo หรือ the Milos Aphrodite รูปสลักเทพีกรีก เทพีวีนัส ผู้ที่ได้ชื่อว่างามที่สุดในเหล่าเทพีด้วยกัน ประติมากรรมนี้คาดว่าจะมีอายุมากกว่า 2,100 ปี ถูกค้นพบโดยบังเอิญที่เกาะมิโล แถบทะเลเอเจียน ขณะที่หักเป็นสองท่อน ไม่พบแขนทั้งสองข้าง ถูกยกให้เป็นงานประติมากรรมสตรีที่สวยที่สุดในโลก (บางท่านอาจจะจำได้ว่าเป็นภาพบนปกสมุดวาดเขียน สมัยที่เรายังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษานั่นเอง)








เดินต่อไปยังห้องที่อยู่ถัดไป






ห้องนี้มีงานประติมากรรมที่สวยงาม รวมทั้งภาพวาดบนผนังและเพดาน อีกเป็นจำนวนมาก


















โดยเฉพาะงานชิ้นนี้ เป็นประติมากรรมยุคกรีกชื่อ Sleeping Hermaphroditos ที่ดูเผินๆ ก็เป็นงานประติมากรรมสตรีนอนหันหลังมีส่วนโค้งเว้าสวยงามอ่อนช้อย แต่หากเดินไปชมอีกด้านหนึ่งจะเห็นของสงวนของเธอเป็นเพศชาย เฮอร์มาโฟรไดท์คือบรรพบุรุษของกะเทยแท้นั่นเอง (มีสองเพศในร่างเดียวกัน)






ออกเดินกันต่อไปยังห้องต่อไป




มาถึงบริเวณที่แสดงงานประติมากรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง เป็นเทพีแห่งชัยชนะ รูปสลักนางฟ้ามีปีกบนเรือหินอันสง่างาม หรือ Nike Winged Victory of Samothrace ผู้สร้างมีความสามารถในการแสดงให้เห็นถึงสรีระและความพลิ้วไหวของอาภรณ์ที่ห่อหุ้มร่างกายของนางฟ้าได้อย่างน่าพิศวง รูปสลักนี้มีอายุประมาณ 190 ปีก่อนคริสตกาล เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของกรีซในการรบที่ซาโมเทรซ เป็นงานประติมากรรมที่เกิดจากการนำผลงานเดิมที่แตกหัก มาประติดประต่อกันโดยนักโบราณคดี ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่แล้วเสร็จดีครับ






งานประติมากรรมชิ้นนี้ชื่อ Cupid and Psyche โดย Antonio CANOVA ศิลปินเอกยุคนีโอคลาสสิกชาวอิตาลี ที่สลักเสลาหินอ่อนได้เหมือนมีชีวิต






มาถึงห้องที่เคยเป็นพระราชวัง ภายในมีการจัดแสดงมงกุฎและสิ่งมีค่าอื่น ๆ ของกษัตริย์ ราชินี มีภาพเขียนสวยงาม ทั้งที่ผนังและเพดานห้องมากมาย














มาถึงป้ายบอกทางไปยังห้องแสดงภาพวาดที่สำคัญคือ โมนา ลิซ่า เดินเกาะกลุ่มกันไว้อย่าให้หลงนะครับ




เดินผ่านไปตามทางเดินนี้




มีนักท่องเที่ยวมากมาย ใคร ๆ ก็ต้องมาห้องนี้




เข้ามาถึงห้องแสดงภาพเขียนที่สวยงามมากมาย




มีภาพวาดงดงามติดไว้สองข้างของผนัง ล้วนเป็นงานที่มีคุณค่าทางศิลปะ






เดินเข้ามาถึงบริเวณแสดงภาพวาดที่สำคัญแล้ว เป็นภาพที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก จัดแสดงไว้ที่ผนังห้องด้านหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังห้อมล้อมอยู่แน่นขนัด




คือภาพโมนา ลิซ่า (Mona Lisa) ผลงานอันโด่งดังของ ลีโอนาโด ดา วินซี เป็นภาพวาดหญิงสาวที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างงดงาม จุดเด่นตรงรอยยิ้มที่มุมปากและดวงตาที่มีเสน่ห์ราวกับมีชีวิต กล่าวกันว่าสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมงานศิลปะชิ้นนี้ได้ถ้าจ้องดูอยู่นาน ๆ




ผมแหวกกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายภาพนี้มาได้อย่างใกล้ชิด เธอช่างงดงามจริง ๆ




เดินผ่านห้องนี้มีภาพวาดขนาดใหญ่ และภาพวาดที่สวยงามอีกเป็นจำนวนมาก








ภาพนี้ชื่อ The Intervention of the Sabine Women โดยศิลปินชาวฝรั่งเศสชื่อ Jacques-Louis David วาดภาพนี้เมื่อ ค.ศ.1799 เป็นงานศิลปะที่แสดงถึงความกล้าหาญและเข้มแข็งของสตรีโรมัน ท่ามกลางคมหอกคมดาบของทหารทั้งสองฝ่าย






ภาพชื่อ The Raft of the Medusa โดย Théodore GÉRICAULT ศิลปินยุคโรแมนติก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใน ค.ศ.1816 เมื่อเรือฟรีเกตของกองทัพเรือฝรั่งเศสอับปางลงขณะมุ่งหน้าสู่เซเนกัล ความที่ปราศจากเรือชูชีพทำให้ต้องต่อแพกันเอง จากเจ้าหน้าที่บนเรือจำนวน 150 คน มีผู้เหลือรอดจากการใช้ชีวิตบนแพเพียงแค่ 10 คน จากการล่องลอยในทะเลถึง 13 วันถึงได้รับการช่วยเหลือ ศิลปินได้วาดภาพนี้จากการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิต 2 คน การจัดวางองค์ประกอบของภาพแม้จะสะท้อนความหดหู่แต่ก็ยังมีความหวัง ภาพนี้ถือว่าเป็นภาพไอคอนของยุคโรแมนติกแห่งวงการศิลปะ




ปิดท้ายด้วยภาพปูนปั้นเทพีวีนัสผู้งดงาม ในร้านจำหน่ายของที่ระลึกบริเวณทางออก




เชิญอ่านรายละเอียดของตอนอื่น ๆ ย้อนหลังได้ที่ Link ด้านล่างครับ

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 01-อารัมภบท

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 02-โมนาโก (Monaco)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 03-เมืองกาซิส (Cassis)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 04-สะพานส่งน้ำโรมัน (Pont du Gard)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 05-เมืองการ์กาซอน (Carcassonne)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 06-ปราสาทอองบัวส์ (Royal Chateau of Amboise)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 07-ปราสาทเชอนงโซ (Chateau de Chenonceau)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 08-มหาวิหารมงแซงมิเชล (Mont Saint-Michel)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 09-พระราชวังแวร์ซาย (Chateau de Versailles)

เสน่ห์ฝรั่งเศส : 11-มนต์เสน่ห์แห่งกรุงปารีส


Create Date : 22 มิถุนายน 2561
Last Update : 30 มิถุนายน 2561 9:33:52 น. 12 comments
Counter : 4157 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเรียวรุ้ง, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเนินน้ำ, คุณตุ๊กจ้ะ, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณmambymam, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills


 
ว้าวววววววถ่ายภาพได้สวยจังค่ะ

ตามมารำลึกความหลังว่าครั้งหนึ่งก็เคยไปเหยียบลูฟวร์มาแล้วเช่นกัน

แต่ภาพที่เคยเก็บมาไม่ยักสวยเหมือนที่นี่แฮะ
ดีจังนะคะมีไกด์ท้องถิ่นนำ รุ้งไปนี่ไม่มีไกด์ เดินดูไปเรื่อย ดูอย่างเดียวอะ โมนาลิซ่าก็ต้องไปดู ดูแล้วก็ไม่รู้อะไรมากกว่าเดิม

เดินดูทั้งวัน แต่ก็ยังไม่ทั่ว ยังเบื่อซะก่อนเลยค่ะ ดีที่ทำการบ้านไปดีไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะไปถึงปารีสแล้วก็ต้องไปเยือนให้ได้ใช่มั้ย ลูฟวร์เนี่ย


โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:11:16:02 น.  

 
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Louvre Museum)
ใหญ๋โตโอฬารจนน่ากลัวจะเดินหลงพลัดกับเพื่อน ๆ ในกรุ๊ปทัวร์ที่ไป
ห้องอียิปต์มีอะไรน่าสนใจเยอะเลย แอบน่ากลัวนิด ๆ แหะ ๆ
งานประติมากรรมพวกรูปปั้นแกะสลักจากหินอ่อนก็ทำได้ดีราวกับมีชีวิต


โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:12:45:12 น.  

 
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ กว้างใหญ่อลังการมากค่ะ
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญระดับโลก
จัดเป็นอีกสถานที่ๆนักท่องเที่ยวต้องไปชม
แต่ละห้องมีเรื่องราวที่น่าสนใจ ทั้งประติมากรรม ทั้งจิตรกรรม
แต่ละชิ้นงานสุดยอดจริงๆ

ไว้แวะมาใหม่ค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:13:56:01 น.  

 
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์อยากไปค่ะ
แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ตอนกลางคืนสวยมีเสน่ห์มาก
ไม่ว่าจะข้างนอกข้างในอลังการไปหมด
ใครชอบงานศิลปะภาพวาดเดินชมเพลินเลย
โดนเฉพาะภาพโมนา ลิซ่า อยากไปยืนจ้องตาสักครั้ง

โหวตหมด ไว้แวะมาใหม่ค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:14:52:03 น.  

 
ตามมาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ด้วยค่ะ
จัดแสดงศิลปะวัฒนธรรมและของมีค่าของชาวอียิปต์โบราณด้วย ชาวอียิปต์คงอยากได้คืนเนาะ (เดาเอาค่ะ)
ชอบปฏิมากรรมแกะสลักมากค่ะ สวยงามพริ้วไหว อ้าว..เฮอร์มาโฟรไดท์เป็นกระเทยเหรอเนี่ย ด้านหลังสวยเชียวค่ะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:16:05:55 น.  

 
เหมือนได้เข้ามาทบทวนอดีต
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ป้าทุยบ้านทุ่ง Literature Blog ดู Blog
tuk-tuk@korat Travel Blog ดู Blog
toor36 Education Blog ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ตุ๊กจ้ะ วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:20:18:13 น.  

 
เป็นสถานที่ที่อยากไปมากที่สุดค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 22 มิถุนายน 2561 เวลา:21:06:19 น.  

 
มาส่งกำลังใจค่ะ
ขอบคุณเช่นกันค่ะ

ลูกสาวชวนไปเที่ยวระหว่างอังกฤษกับนอร์เวย์
เห็นภาพบล็อกนี้แล้วอยากไปเที่ยวปารีสค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 23 มิถุนายน 2561 เวลา:0:13:44 น.  

 
มาชมพิพิธภัณท์อีกรอบค่ะ

ขอบคุณคุณทองกาญจนาที่แวะชมหนามแดงค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 23 มิถุนายน 2561 เวลา:4:22:45 น.  

 
พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์มีชื่อเสียง มีความสำคัญ
รวบรวมผลงานศิลปะของศิลปินไว้มากมายแทบนับไม่ถ้วนนะคะ
ขอบคุณคุณทองกาญจนาสำหรับภาพสวยๆและประวัติค่ะ
แล้วจะตามคุณทองกาญจนามาเที่ยวต่อนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มิถุนายน 2561 เวลา:8:44:49 น.  

 
คุณทองกาญจนาเคยอยู่นครปฐมมาระยะหนึ่งนะคะ
ต๋าเคยแวะเวียนบ่อยหน่อยช่วงน้องสาวเรียนที่นั่นน่ะค่ะ
ขอบคุณคุณทองกาญจนาสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มิถุนายน 2561 เวลา:9:16:55 น.  

 
มากด Like ให้ค่ะ
ปักหมุดว่าสักวันจะต้องมา
มาที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ให้ได้ค่ะ
ขอบคุณที่นำภาพสวยๆ มาฝากค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มิถุนายน 2561 เวลา:9:01:48 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ทองกาญจนา
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทองกาญจนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.