|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์เยอรมนี : 7-เยือนเมืองมิวนิค (Munich)
ลงจากยอดเขาซุกสปิทเซ่ในตอนที่แล้ว คณะของเราเดินทางต่อไปยังเมืองมิวนิค เพื่อชมความสวยงามของตัวเมืองเก่า และมีโอกาสรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัยเป็นมื้อแรก รวมทั้งพักค้างคืนที่เมืองนี้ด้วย เชิญติดตามไปด้วยกันครับ

มิวนิค (Munich) หรือที่เรียกในภาษาเยอรมันว่ามึนเช่น (Muenchen) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศเยอรมนี (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) เป็นศูนย์กลางธุรกิจและคมนาคมในเยอรมนีตอนใต้ เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย (Bavaria) หรือ บาเยิร์น (Bayern) ในภาษาเยอรมัน ตัวเมืองตั้งอยู่บนแม่น้ำอีซาร์ (Isar) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาแอลป์ผ่านเมืองมิวนิคไปบรรจบกับแม่น้ำดานูบ (Danube) รัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์

แม้มิวนิคจะไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศดังเช่นกรุงเบอร์ลิน แต่ก็เป็นเมืองใหญ่ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเมืองหลวงของประเทศเลย เป็นจุดเริ่มต้นและจุดศูนย์กลางของการเดินทางต่อไปยังเมืองอื่น ๆ ในยุโรป เป็นเมืองที่ผู้คนพลุกพล่าน หลายเชื้อชาติหลายภาษา อาศัยทำมาหากินอยู่ที่นั่น ค่าครองชีพมีราคาค่อนข้างสูง ถึงจะเป็นเมืองที่มีความทันสมัย มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทรกซึม แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งก็เป็นเมืองที่ยังคงมีมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมประเพณีพื้นเมืองแบบบาวาเรียนซ่อนเร้นอยู่ (พิพิธภัณฑ์ยานยนต์ BMW ก็ตั้งอยู่ในเมืองนี้)

มิวนิคเป็นบ้านของทีมฟุตบอลมืออาชีพจำนวนมาก รวมถึงสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิค ซึ่งเป็นทีมที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในเยอรมนี สนามฟุตบอลหลักที่ใช้คือ อัลลิอันซ์อาเรนา (Allianz Arena) ซึ่งมีลักษณะเหมือนห่วงยาง

เข้ามาในเขตตัวเมืองมิวนิคแล้ว

รถโค้ชมาส่งพวกเราที่บริเวณหน้าอาคารสวยงามหลังนี้ อาคารนี้คือ National Theatre Munich หรือโรงละครแห่งชาติ ตั้งอยู่ในบริเวณจัตุรัสแม็กซ์-โจเซฟ (Max-Joseph Platz) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังเดิม คือ Residenz Palace ปัจจุบันใช้เป็นโรงละครโอเปร่าที่หรูหราที่สุดแห่งเมืองมิวนิค (Munich's grand opera house) สร้างเมื่อปี ค.ศ.1811-1818 โดยสถาปนิกชื่อ Karl von Fischer

อาคารสวยงามหลังที่อยู่ถัดไปคือ Königsbau เป็นส่วนที่อยู่ด้านใต้ของพระราชวัง สร้างเมื่อ ค.ศ. 1826-1835 โดยสถาปนิกชาวฟลอเรนซ์ อิตาลี ชื่อ Leo Von Klenze


ปัจจุบันส่วนหนึ่งทำเป็นพิพิธภัณฑ์

มีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าแม็กซิมิเลียนที่ 1 (Maximilian I) กษัตริย์พระองค์แรกแห่งแคว้นบาวาเรีย อยู่ด้านหน้าโรงละคร ออกแบบโดยสถาปนิก Leo von Klenze

พระเจ้าแม็กซิมิเลียนที่ 1 มีชื่อว่าโจเซฟ จึงตั้งชื่อจัตุรัสนี้ว่า แม็ก-โจเซฟ (Max-Joseph Platz)

อาคารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ชื่อ Palais an der Oper สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1825 เดิมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง เคยใช้เป็นที่ทำการไปรษณีย์ ปัจจุบันใช้เป็นอาคารอเนกประสงค์ของเมือง

อาคารร้านค้าที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงละคร

ถนนบริเวณหน้าโรงละคร มีรถแท็กซี่สีเหลืองนวล จอดรอผู้โดยสารอยู่เป็นจำนวนมาก

และเป็นปกติของแท็กซี่เยอรมันที่เป็นรถยี่ห้อเมอร์ซีเดส-เบนซ์ เป็นส่วนใหญ่

ที่จอดรถยนต์อยู่ชั้นใต้ดิน สำหรับรถของผู้ที่มาชมละคร ส่วนรถจักรยานใส่กุญแจมัดติดไว้กับขอบรั้ว

เราจะเดินไปที่บริเวณศูนย์กลางเมืองเก่า ระหว่างทางมองเห็นหอคอยของโบสถ์ใหญ่ประจำเมือง คือโบสถ์เฟราเอน (Frauenkirche) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในมิวนิค สร้างตามแบบโกธิกตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1468

ด้านหน้ามีหอคอยคู่สูงถึง 99 เมตร จริง ๆ หอคอยทั้งสองควรจะมียอดแหลมตามแบบฉบับของโกธิก แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง ต่อมาภายหลังจึงได้ต่อเติมเป็นโดมหัวหอมขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันแทน ทำให้โบสถ์นี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิวนิค ผมไม่ได้ไปชมโบสถ์นี้ ขอนำภาพเต็ม ๆ จากอินเทอร์เน็ตมาให้ชมก็แล้วกันครับ

ผ่านอาคารสวยงามบริเวณนี้ ส่วนใหญ่เป็นร้านสินค้าแบรนด์เนม


มาถึงบริเวณจัตุรัสใจกลางเมืองแล้วครับ คือ มาเรียนพลาตซ์ (Marienplatz) คำว่า พลาตซ์ (platz) เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่าจัตุรัส

เดิมเป็นที่พบปะชุมนุม ติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า มานานหลายศตวรรษ ปัจจุบันเป็นลานกว้างสำหรับคนเดิน และจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองต่าง ๆ ของเมือง

อาคารที่เด่นเป็นสง่าตรงหน้าจัตุรัส คือศาลาว่าการเมืองหลังใหม่ เรียกว่า นอยเยอรัทเฮาส์ (Neue Rathaus) สร้างในสไตล์นีโอโกธิกในกลางคริสตศตวรรษที่ 19

มีหอคอยสูงกว่า 80 เมตร

ตรงกลางหอคอย เป็นหอนาฬิกาที่เรียกว่า Glockenspiel

ต่ำลงมา ทำเป็นเวทีการแสดงของตุ๊กตาเต้นรำ จัดให้ชมในเวลา 11 นาฬิกา และเที่ยงตรง ในหน้าร้อนจะเพิ่มรอบ 5 โมงเย็นอีกหนึ่งรอบ

ชั้นบนสุดเป็นพาเหรดของอัศวินเพื่อเฉลิมฉลองพระราชพิธีสมรสของกษัตริย์พระองค์หนึ่งในอดีต ส่วนอีกสองชั้นล่าง เป็นการเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองที่ชาวเมืองมีชีวิตรอดจากโรคระบาด

ตรงกลางจัตุรัสมีเสาพระแม่มารีทองคำ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อจัตุรัสแห่งนี้


ด้านขวามือของศาลาว่าการเมือง กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง

แฟนบาเยิร์นมิวนิคจำนวนมาก มาร่วมฉลองแชมป์ DFB Pokal ที่ทีมฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิค ชนะทีม ดอร์ทมุนต์ ที่บริเวณมาเรียนพลาตซ์ (ขอบคุณภาพจาก www.facebook.com/Piyanaselectric)

ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Altes Rathaus) ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กัน

โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ (Peterkirche) เป็นโบสถ์แห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดของมิวนิค

ไปถึงมิวนิคก็ต้องแวะโรงเบียร์กันหน่อย โรงเบียร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในมิวนิค (หรือในโลกก็ว่าได้) มีชื่อว่า ฮอฟบราวเฮาส์ (Hofbrauhaus โลโก้เป็นรูปมงกุฏอยู่บนตัวอักษร HB) ตั้งอยู่ที่จัตุรัสพลาตเซิลในตัวเมืองมิวนิค เดินผ่านศาลาว่าการเมืองหลังเก่าไปไม่ไกลนัก ก็ถึงแล้ว (เห็นขอบร่มสีเขียวบริเวณด้านขวาของภาพไหมครับ ตรงนั้นเป็นร้านกาแฟสตาร์บัคส์)

โรงเบียร์ HB สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1896

ภายในเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้เป็นพันคน ตั้งโต๊ะอาหารเต็มไปหมด โต๊ะอาหารมีลักษณะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่และม้านั่งยาวสองข้าง ลูกค้าใหม่สามารถเลือกนั่งโต๊ะไหนก็ได้ ถ้ามีที่นั่งในม้านั่งยาวพอนั่งได้ ถึงแม้จะมีคนอื่นนั่งอยู่แล้วก็ตาม พอนั่งสักครู่ก็จะมีพนักงานมารับออร์เดอร์ที่โต๊ะเลย

สาวเสิร์ฟเบียร์ (ค่อนข้างมีอายุสักหน่อย) ถือมาทีเดียว 8 แก้ว ช่างแข็งแรงจริง ๆ

มีวงดนตรีที่เล่นเพลงพื้นเมืองบาวาเรียนให้ฟังตลอดเวลา ดูครึกครื้นดี

ผมสั่งขาหมูเยอรมัน (Haxe ออกเสียงว่า ฮักซิ) และใส้กรอกเยอรมัน มากินแกล้มเบียร์ ขอบอกว่าเป็นเบียร์รสชาติดีที่สุดตั้งแต่ดื่มมา กับแกล้มก็อร่อยมาก ๆ เป็นอาหารเย็นมื้อที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้เลยครับ

อิ่มอร่อยเรียบร้อยแล้ว บอกพนักงานมาเก็บเงิน จะเก็บเงินและทอนเงินที่โต๊ะเลย มื้อนั้นผมหมดไป 23.80 ยูโร (ประมาณ 1,070 บาท)

เสร็จจากรับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัยแล้ว มีเวลาช้อปปิ้งอีกเล็กน้อย


ถนนคนเดิน ขณะกลับไปบริเวณจุดนัดหมาย

ผ่านโบสถ์ St. Kajetan ที่มีหอคอยสวยงาม สไตล์บาโรก

งานปติมากรรมงดงามที่ประตู ที่ทำไว้ลอดผ่านอาคารหลังหนึ่ง


ปิดท้ายด้วยภาพตัวเมืองเก่าของมิวนิคที่สวยงาม น่าประทับใจภาพนี้ (จากอินเทอร์เน็ต)

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ.
Create Date : 02 มิถุนายน 2557 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2557 9:48:07 น. |
|
14 comments
|
Counter : 7475 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: schnuggy วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:3:27:17 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:8:58:40 น. |
|
|
|
โดย: lovereason วันที่: 3 มิถุนายน 2557 เวลา:13:47:46 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 4 มิถุนายน 2557 เวลา:9:14:59 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 6 มิถุนายน 2557 เวลา:21:49:28 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 8 มิถุนายน 2557 เวลา:0:27:59 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มิถุนายน 2557 เวลา:1:52:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
----------------------------------
มาเยอรมันก็ต้องไม่พลาดไส้กรอก ขาหมู และเบียร์
ขอบคุณที่ยกไปฝากนะคะ เห็นแล้วก็อิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้ทานเลยค่ะ
ไม่น่าสงสัยเลยนะคะ ว่าทำไมคนเยอรมันถึงมีรูปร่างอุดมสมบูรณ์เป็นส่วนใหญ่ อิอิ
แท็กซี่ที่นี่เป็นรถเบนซ์ มาอยู่เมืองไทยใครขี่เบนซ์นี่เรียกว่าหรูเลยนะคะ
หอคอยทั้งสองควรจะมียอดแหลมตามแบบฉบับของโกธิค แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการก่อสร้าง
ต่อมาภายหลังจึงได้ต่อเติมเป็นโดมหัวหอมขึ้นอย่างที่เห็นในปัจจุบันแทน
ทำให้โบสถ์นี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของมิวนิค
วิกฤตเป็นโอกาสอย่างนี้เอง
เอาฟาแลนหน้าตาแปลก ๆ มาฝากด้วยค่ะ
ขอบคุณโหวตด้วยนะคะ