|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ซูโจว 1 : ชมพระโพธิสัตว์กวนอิมที่วัดฉงหยวน
วันนี้ผมจะพาไปชมวัดฉงหยวนที่เมืองซูโจวครับ วัดฉงหยวนเป็นวัดที่มีการสร้างขึ้นใหม่ อยู่ในเขตเมืองใหม่ซูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายในวัดมีเนื้อที่กว้างขวางมาก มีตำหนักและสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย บริเวณหน้าวัดยังมีวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า เจ้าแม่กวนอิม ตั้งอยู่ในทะเลสาบหยางเฉิง องค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมีความสูง 33 เมตร และหนัก 80 ตัน ถือว่าเป็นองค์ที่ทรงยืนอยู่ในตำหนักที่สูงที่สุดและหนักที่สุดในประเทศจีน พร้อมแล้วไปชมพระโพธิสัตว์กวนอิมกันครับ
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์กวนอิม ซึ่งเป็นพระอวโลกิเตศวร ผมหาข้อมูลมาเล่าให้ฟังดังนี้ครับ
เรื่องของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์นี้ ทางฝ่ายหินยานไม่ได้มีการพูดถึงไว้เลย แต่ทางฝ่ายมหายานนั้นกลับปรากฏเรื่องราวที่มีความสำคัญ จนกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่บูชากราบไหว้กันทั่วไป ทางวิชาการจึงเชื่อว่าเรื่องราวของพระอวโลกิเตศวรนี้มีขึ้นหลังจากการเกิดขึ้นของพุทธศาสนาฝ่ายมหายานแล้ว ซึ่งก็คงเป็นในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 หรือ 7 พระนาม อวโลกิเตศวร มีความหมายถึง ผู้เป็นใหญ่ที่เฝ้าดูแลสรรพสัตว์ผู้ตกอยู่ในห้วงทุกข์ คนจีนเรียกว่า กวนซีอิม หรือ กวนอิม
แรกเริ่มนั้นทั้งในอินเดียและจีนช่วงต้นที่ศาสนาพุทธเริ่มเผยแผ่เข้าไป พระอวโลกิเตศวรก็ยังมีเพศเป็นชาย ทางญี่ปุ่นเรียกท่านว่า กวานนอน หรือ กวันนอน ก็มีเพศเป็นชาย แต่ต่อมาว่ากันว่าช่างชาวจีนได้สร้างรูปบูชาที่เป็นหญิงขึ้น เพื่อแสดงออกถึงความเมตตากรุณาและความอ่อนโยน จนกลายเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันในนามของ เจ้าแม่กวนอิม
ฝ่ายมหายานนั้นเชื่อว่าพระอวโลกิเตศวรเป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งประทับอยู่ในแดนสุขาวดี คอยช่วยพระอมิตตาภพุทธเจ้า โปรดสรรพสัตว์ที่ยังตกอยู่ในห้วงทุกข์ และเมื่อพระอมิตตาภพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปของแดนสุขาวดีนั้น
(ขอบคุณข้อมูลจาก www.oknation.net)
ก่อนเข้าสู่บริเวณวัดฉงหยวนจะเดินผ่านถนนที่มีประติมากรรมที่ทำด้วยหินแกะสลักรูปคล้ายเทียนจำนำพรรษาในบ้านเรา ตั้งอยู่บนฐานรูปดอกบัว ถนนนี้มีชื่อว่าถนนธรรมบูชา
สุดปลายทางถนนธรรมบูชาจะมีประตูที่จะเข้าสู่เขตบริเวณวัดอีกชั้นหนึ่ง สร้างเลียนแบบประตูเมืองโบราณ ป้ายชื่อต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนกำแพงประตู เขียนโดยศิลปินที่มีชื่อเสียง
มาถึงบริเวณประตูทางเข้าวัดแล้ว แต่จะต้องซื้อตั๋วค่าเข้าชมวัดก่อน
ศาลาจำหน่ายตั๋วเข้าชมวัด คนละ 20 หยวน (ประมาณ 100 บาท) ตั้งอยู่ด้านขวามือของประตูทางเข้า
มีตั๋วแล้วเดินเข้าประตูนี้เลย เมื่อเดินผ่านเข้าไปจะเดินข้ามสะพานคอนกรีตเล็ก ๆ ที่ทอดข้ามคลองอีกทีหนึ่ง
ด้านข้างของประตูทางเข้ามีท่าเรือ สามารถมองเห็นสะพานทอดไปยังวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม ในทะเลสาบอย่างชัดเจน
แสงแดดยามสาย มีหมอกบาง ๆ และท้องฟ้าใสไร้เมฆ ทำให้ตัววิหารดูโดดเด่นอยู่กลางทะเลสาบ
ภาพตัววิหารอีกมุมหนึ่ง ถ่ายบนสะพานเมื่อผ่านประตูทางเข้าแล้ว
เข้ามาถึงบริเวณลานหน้าวัด ทางซ้ายมือฝั่งทิศใต้เป็นประตูทางเข้าไปที่วิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม ส่วนทางขวามือหรือฝั่งทิศเหนือคือส่วนที่เป็นวัดฉงหยวน
บริเวณหน้าวัดทำเป็นที่ปักธูปเทียนไว้ให้ ธูปเทียนที่ซื้อหรือเตรียมมาก็ต้องจุดบูชาให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตรงนี้ เข้าไปข้างในวัดจะไม่อนุญาตให้จุดธูปเทียน คงป้องกันทั้งเรื่องไฟและเรื่องควัน
เดินเลยเข้ามาจะเป็นลานกว้างพบเจดีย์หินสวยงาม
ศาลานี้เป็นทางเข้าไปยังภายในวัด แต่ตอนนี้เรายังไม่เข้าไป
ทางซ้ายมือมีเสาประตูขนาดใหญ่เพื่อเดินเข้าไปยังวิหารเจ้าแม่กวนอิม
โดยเดินข้ามสะพานสวยงามนี้ สะพานที่ใช้เดินข้ามไปยังเกาะกลางน้ำนั้นเป็นสะพานมหากุศลแห่งการให้ที่มีชื่อเรียกว่า สะพานมหาทาน หรือสะพานมหากรุณา
เป็นสะพานที่มีวงโค้งของสะพานยาวถึง 19 โค้ง
เดินเข้ามาถึงบริเวณวิหารเจ้าแม่กวนอิมแล้ว เป็นวิหารที่มีความสูงถึง 46 เมตร ถูกจัดว่าเป็นวิหารเจ้าแม่กวนอิมที่อยู่กลางทะเลสาบที่สูงที่สุดในประเทศจีน กำแพงโดยรอบเกาะสร้างเป็นรูปกลีบดอกบัว สิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้ประดับตกแต่งก็ทำเป็นรูปดอกบัวด้วย พื้นที่บริเวณเกาะนี้บางทีก็เลยเรียกกันว่าเป็น ดินแดนแห่งดอกบัว
ถึงจะเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ แต่ก็ยังต้องอาศัยเทคนิคการก่อสร้างแบบจีนโบราณ ห้องด้านล่างโดยรอบวิหารใช้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการ และพิพิธภัณฑ์ สำหรับประตูทางเข้าตัววิหารที่จะไปกราบบูชาเจ้าแม่กวนอิมจะอยู่ทางด้านทิศใต้ โดยองค์เจ้าแม่กวนอิมจะยืนหันพระพักตร์ไปทางด้านทิศใต้
ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับช่วงพระเศียรของเจ้าแม่กวนอิม เดินดูโดยรอบได้ ซึ่งจะเห็นด้านหน้าพระพักตร์ที่สวยงาม ดูสงบนิ่ง และมีเมตตา
องค์เจ้าแม่กวนอิมสร้างด้วยทองสำริดแล้วปิดทองให้ดูสวยงาม
ถ้าเดินลงมาที่ชั้น 4 จะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมลักษณะนี้
จะสังเกตเห็นว่าองค์เจ้าแม่กวนอิมยืนอยู่บนฐานที่เป็นดอกบัว
ที่ชั้น 5 มีประตูเปิดไปสู่ระเบียงด้านนอกวิหาร สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบได้กว้างไกลสุดสายตา และยังได้สัมผัสความหนาวเย็นของสายลมในยามสาย
ระเบียงนี้ทำไว้รอบวิหาร เมื่อเดินผ่านไปก็ได้ทิวทัศน์ที่ต่างออกไป
ฐานเป็นรูปดอกบัว จะเห็นมีท่าจอดเรืออยู่เป็นช่วง ๆ
สายวันนั้นมีหมอกบาง ๆ สามารถมองเห็นตัวเมืองซูโจวอยู่ไกล ๆ
ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น และลมค่อนข้างแรง เมื่อยืนอยู่บนนี้
มุมนี้มองไปยังประตูทางเข้าวัด ที่เดินผ่านเข้ามา
จุดนี้มองไปทางวัดฉงหยวน เห็นนักท่องเที่ยวกำลังเดินเข้ามายังวิหารเจ้าแม่กวนอิมมากขึ้น ณ จุดนี้ค่อนข้างสูงมองเห็นนักท่องเที่ยวตัวเล็กนิดเดียว
สังเกตที่ผิวน้ำในทะเลสาบ จะเห็นผืนน้ำเรียบสนิทดังแผ่นกระจก
ผมลงมาจากวิหารเจ้าแม่กวนอิมแล้ว กำลังเดินข้ามสะพานเพื่อข้ามไปยังวัดฉงหยวน ที่จะเล่าให้ฟังในครั้งต่อไป
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ.
Create Date : 13 มกราคม 2557 |
Last Update : 14 มกราคม 2557 15:56:34 น. |
|
12 comments
|
Counter : 5775 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 มกราคม 2557 เวลา:23:00:13 น. |
|
|
|
โดย: schnuggy วันที่: 13 มกราคม 2557 เวลา:23:30:39 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 มกราคม 2557 เวลา:9:22:29 น. |
|
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:0:08:25 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 15 มกราคม 2557 เวลา:11:44:54 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มกราคม 2557 เวลา:21:52:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Pet Blog ดู Blog
ทองกาญจนา Travel Blog ดู Blog
ส่งกำลังใจให้ก่อนเลยค่า
ขออภัยที่มาช้า ถูก shutdown เพิ่งจะโผล่มาได้
ต้องรีบไปบ้านอื่นต่อ เด๋วมาใหม่นะคะ