|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เสน่ห์อิตาลี : 2-เกาะคาปรี (Capri)
มาเที่ยวอิตาลีกันต่อนะครับ วันนี้จะพาไปเที่ยวเกาะคาปรี

เกาะคาปรี (Capri) เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในอ่าวเนเปิลส์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอิตาลี มีพื้นที่เพียง 11 ตารางกิโลเมตร สภาพโดยทั่วไปของเกาะ เป็นหินปูนก้อนใหญ่ก้อนเดียวมีความยาว 6.25 กม. และกว้าง 3 กม. อยู่ห่างจากชายฝั่ง ประมาณ 5 กม. เดิมเคยเป็นส่วนหนึ่งของแหลมซอร์เรนโต้ แล้วหลุดออกมากลายเป็นเกาะ จากผลของการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในอดีตนั่นเอง
เกาะคาปรีเคยถูกใช้เป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงมาตั้งแต่สมัยโรมันเรืองอำนาจ จนกระทั่งมีการส่งผ่านอำนาจปกครองมาหลายยุคหลายสมัย และได้กลับมาอยู่ในฐานะสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูง และผู้มีชื่อเสียงหลายคน ต่างมาจับจองวิลล่าส่วนตัว สำหรับการพักผ่อน
เกาะคาปรี ประกอบด้วย 4 หมู่บ้าน แต่มีเมืองใหญ่ๆ อยู่ 2 เมือง คือ เมืองคาปรี และ อนาคาปรี เมืองคาปรีอยู่บนภูเขาทางด้านตะวันออกของเกาะ สามารถเดินทางขึ้นไปได้โดยรถรางเคเบิ้ล หรือนั่งรถยนต์ผ่านถนนแคบ ๆ ขึ้นไป ส่วนอนาคาปรีนั้นจะอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ บนพื้นที่ที่เป็นภูเขาสูงชันกว่า ทั้งสองเมืองสามารถเดินทางถึงกันโดยทางรถยนต์ (แน่นอน บนถนนแคบมาก ๆ)

ถนนบนเกาะ เล็กและแคบมากจริงๆ ที่นี่เขาสงวนการขับรถไว้เฉพาะเจ้าถิ่นเท่านั้น ก็ถนนทั้งแคบทั้งชัน ยิ่งขึ้นเขาสูงไปเมืองอนาคาปรีด้วย แคบไม่พอ ยังมีทางหักศอกอีกต่างหาก ผมมีโอกาสนั่งรถบัสเล็กขึ้นไปด้านบนเมืองคาปรี ต้องนั่งใจหายใจคว่ำและลุ้นไปตลอดทาง เพราะรถขับเร็วมากเพื่อให้มีแรงส่งขึ้นเขา ตอนสวนกับอีกคันหนึ่งบนไหล่เขาไม่คิดว่าพ้นแต่ก็พ้นไม่ชนกัน ขาลงใช้รถรางเคเบิล ค่อยสะดวก(ใจ)หน่อย
คาปรี เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงเกาะหนึ่งของอิตาลี เนื่องจากมีสถานที่ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างถ้ำบลูก๊อตโต้ (Blue Grotto) ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปสัมผัสกับความสวยงามของถ้ำเรืองแสงแห่งนี้
การเดินทางไปยังเกาะคาปรี สามารถนั่งเรือเฟอร์รี่ หรือเรือเร็วจากเมือง Naples, Sorrento, Positano และ Amalfi โดยเรือจะไปจอดที่ท่าเรือหลักที่อยุ่ทางด้านทิศเหนือของ Capri ซึ่งเรียกกันว่า Marina Grande
คณะของผมนั่งเรือเร็วไปจากเมืองเนเปิลส์ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงท่าเทียบเรือ Marina Grande ส่วนขากลับนั่งเรือเร็วมาขึ้นที่เมืองซอร์เรนโต้ เพื่อพักค้างคืนที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
เดินทางมาถึงเมืองนาโปลีหรือเนเปิลส์

ไปที่ท่าเรือเพื่อเดินทางไปยังเกาะคาปรี ด้วยเรือของบริษัท SNAV เรือจะออกเวลา 12:40 น.

เรือลำนี้แหละครับ

เมื่อลงเรือจะเห็นเรือสำราญขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ที่ท่าเรือใกล้กัน

เรือแล่นออกไปสักครู่หนึ่งเมื่อหันกลับมามองบนฝั่ง จะเห็นภูเขาไฟวิสุเวียสภูเขาไฟลูกนี้แหละที่ถล่มเมืองปอมเปอี จนจมอยู่ใต้ดินทั้งเมือง (จะพาไปชมในครั้งต่อไปครับ)

ถึงเกาะคาปรีแล้ว เรือจอดที่ท่าเรือ Marina Grande

มาชมทิวทัศน์สวยงามริมฝั่ง ผมถ่ายบริเวณทางเดินจากท่าเรือขึ้นไปบนเกาะครับ




ภาพเรือสำราญลำใหญ่ที่เทียบท่าอยู่ที่เกาะคาปรี

กิจกรรมแรกก็คือลงเรือขนาดกลางเพื่อทัวร์รอบเกาะ ภาพนี้เป็นทิวทัศน์เมื่อเรือออกจากท่าแล้ว

มีเรือยอร์ชส่วนตัวจอดอยู่เป็นจำนวนมาก

กระโจมไฟบริเวณปลายท่าเทียบเรือ

เรือที่ใช้ทัวร์รอบเกาะลำนี้ มีลักษณะเป็นห้องกระจกด้านหน้าและเปิดโล่งท้ายเรือ เพื่อสะดวกในการถ่ายภาพ

บ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนภูเขา ดูสวยงาม

รูปปั้นสัมฤทธิ์บนก้อนหินที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน

เมื่อมองจากด้านข้าง

กระโจมไฟอีกแห่งหนึ่ง

น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกตสวยงามจริง ๆ


หินงอกหินย้อยบริเวณปากถ้ำแห่งหนึ่ง

เมื่อเรือแล่นห่างออกมา

ปากถ้ำอีกแห่งหนึ่ง

คฤหาสถ์สีสวยบนภูเขาสูง

หลังนี้สีขาวตัดกับป่าไม้สีเขียวดูโดดเด่น

ถึงถ้ำลอดขนาดใหญ่ที่เรือลอดผ่านไปได้

เรือแล่นลอดผ่านไปแล้วด้วยความตื่นเต้น

หันกลับไปมองเห็นความสวยงามตื่นตา

คฤหาสถ์หลังนี้มีขนาดใหญ่ ปลูกสร้างอย่างทันสมัยสวยงามอยู่บนหน้าผา

อาคารหลังนี้น่าจะเป็นโรงแรมหรูราคาแพง

มีกลุ่มอาคารปลูกอยู่ใกล้เคียงจำนวนมาก

ภาพอาคารสวย ๆ บนภูเขา เอกลักษณ์เฉพาะที่เกาะคาปรี

มีถ้ำขนาดใหญ่ด้านบน เปรียบเทียบกับอาคารด้านล่าง จะรู้สึกได้ว่า ใหญ่มาก ๆ

คฤหาสถ์หลังนี้ก็สวย สร้างอยู่ในธรรมชาติอย่างกลมกลืน

รูปปั้นเทพเจ้าองค์หนึ่งบนหน้าผาสูงชัน

ถ้ำลอดสวยงามอีกแห่งหนึ่ง แต่มีขนาดเล็กเรือลอดไม่ได้ ผืนน้ำทะเลใสสีสวย

น้ำใสจนมองเห็นแมงกะพรุนสีแดงว่ายไปมา

ภาพนี้ต้องตั้งชื่อว่าหินสวย-น้ำใส

ถึงประภาคารด้านเหนือของเกาะ แสดงว่าจะครบรอบเกาะแล้ว

ถึงบริเวณไฮไลท์ของเกาะนี้คือถ้ำ "บลูก๊อตโต้" (Blue Grotto) มีป้ายเตือนว่าห้ามลงเล่นน้ำในบริเวณนี้

บริเวณปากถ้ำ "บลูก๊อตโต้" การลอดเข้าไปชมความงามในถ้ำ คล้ายถ้ำเลเขากอบ ที่อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง คือต้องนั่งเรือเล็กลอดเข้าไป ถ้ำแคบจนคนนั่งต้องนอนราบลงไปกับพื้น เมื่อเข้าไปจะมองเห็นน้ำทะเลสะท้อนแสงเป็นสีมรกต (คล้ายกับถ้ำมรกตในทะเลตรัง) แต่กลุ่มของผมไม่สามารถลอดเข้าไปได้เพราะอยู่ในช่วงน้ำขึ้น ปากถ้ำแคบเกินไป ได้ถ่ายภาพปากถ้ำเพียงเท่านี้

ถ้าพายเรือเข้าไปในถ้ำได้ จะมีลักษณะนี้ครับ (ขอบคุณภาพจาก //welcome-italy.biz/naples-pompei-and-capri/)

ในที่สุดเรือก็กลับมาเทียบท่าเดิม ใช้เวลาทัวร์รอบเกาะประมาณ 40 นาที หลังจากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนักทำให้กิจกรรมอื่น ๆ บนเกาะไม่สามารถบันทึกภาพได้อีกเลย น่าเสียดายจริง ๆ ครับ (ได้นั่งรถบัสเล็กขึ้นไปชมทิวทัศน์ของเมืองจากด้านบนเขา ชมร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าแบรนด์เนม ชิมไอศครีมรสอร่อย และนั่งรถรางเคเบิ้ลกลับลงมาที่ท่าเรือ)

ผมเดินทางกลับไปขึ้นฝั่งและพักค้างคืนที่โรงแรมในเมืองซอร์เรนโต้ คืนนี้ได้ห้องหมายเลข 203 ขอจบทริปที่แสนสนุกและหนาวเย็นในวันนี้ (อุณหภูมิประมาณ 6-8 องศาเซลเซียส) ไว้เพียงเท่านี้ครับ.
Create Date : 04 เมษายน 2556 |
Last Update : 4 เมษายน 2556 10:27:58 น. |
|
13 comments
|
Counter : 12613 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: Maeboon วันที่: 4 เมษายน 2556 เวลา:11:25:27 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 4 เมษายน 2556 เวลา:18:41:12 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:15:46:43 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:21:43:22 น. |
|
|
|
โดย: ฝากเธอ2 วันที่: 5 เมษายน 2556 เวลา:22:08:09 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 6 เมษายน 2556 เวลา:0:43:23 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 8 เมษายน 2556 เวลา:20:31:42 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เหมือนกุญแจตู้โบราณที่บ้าน ดูคลาสสิคดี อิอิ
อ่านปรื๊ด ๆ อย่างรวดเร็ว
ไว้ว่าง ๆ ค่อยมาละเลียดอีกที แหะ
โหวตให้ด้วยค่ะ