ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ภูมิปัญญาชาวบ้าน แก้ปัญหาน้ำประปาเหลือง


จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้น้ำประปาตามบ้านบางครอบครัวกลายเป็นสีเหลืองและมีกลิ่นอันไม่สมควร

ถึงผู้เชี่ยวชาญจะออกมาบอกแล้วว่าคุณภาพน้ำยังไม่ต่างจากเดิม แต่บางคนก็ไม่สะดวกใจที่จะใช้น้ำในการดื่มกิน วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ มีเคล็ดลับง่ายๆที่จะทำให้น้ำที่มีสีเหลืองกลับมาน่าดื่มอีกครั้ง

เริ่มจาก เปิดน้ำลองใส่ถัง ปริมาณมากน้อยตามความต้องการจากนั้น แกว่งด้วยสารส้ม ทิ้งให้ตะกอนตกลงที่ก้นถัง (ประมาณ 30 นาที)

หลังจากน้ำตกตะกอนแล้ว นำน้ำมาผ่านการกรองอีกรอบ โดยใช้ทรายสะอาดกับถ่านทำเป็นชั้นกรองใส่ขวดพลาสติกแล้วกรอง สุดท้ายพอได้นำที่กรองเรียบร้อยแล้ว นำน้ำมาต้ม โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที ก็จะได้น้ำดื่มที่สะอาดมาใช้ดื่มกินเหมือนเดิม


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2554    
Last Update : 30 ตุลาคม 2554 11:02:46 น.
Counter : 1875 Pageviews.  

ข้อเสนอแนะการออกแบบสุขาชั่วคราว ฉบับการ์ตูน


ข้อเสนอแนะการออกแบบสุขาชั่วคราวเพื่อป้องกันโรคระบาด ในสภาวะน้ำท่วม

โดย กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ฉบับการ์ตูน










 

Create Date : 29 ตุลาคม 2554    
Last Update : 29 ตุลาคม 2554 10:24:41 น.
Counter : 2716 Pageviews.  

วางแผนการสำรองอาหารช่วงน้ำท่วม สำรองอะไรและเท่าไหร่



จะขอเริ่มทวิตซีรีส์ “การจัดการสะสมอาหารระหว่างภัยพิบัติ” แล้วนะครับ

(1) ทำความเข้าใจพื้นฐาน ว่าความต้องการพลังงานสำหรับคนไม่ออกกำลังกาย ชายอยู่ที่ 1700 kcal และหญิง 1500kcal ต่อวัน

(2) การเตรียมอาหารนั้นอย่างน้อยจะต้องมี kcal เพียงพอต่อการดำรงชีวิต คนเราจะน้ำหนักลง 1 กิโล ถ้าหากสารอาหารขาดไป 7000 kcal

(3) การสต๊อกอาหารนั้นก่อนอื่นต้องถามตัวเองว่าจะอยู่สู้กับน้ำจริงรึป่าว เพื่อนหลายคนสต๊อกของไว้เยอะมาก พอน้ำมาก็หนีเผ่นไป อดกิน

(4) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่พวกท่านๆชอบสะสมกัน ให้พลังงานต่อซอง(แบบไม่ต้ม ไม่ปรุง) อยู่ที่ 250 kcal ต่อซองเองนะครับ

(5) นั่นแปลว่าผู้หญิง 1 คนต้องกินมาม่า 6 ซองต่อวันถึงจะพอกับพลังงานที่ต้องการ!! ซึ่งอันตรายมาก ผู้ชายประมาณ 7 ซอง

(6) อาหารสต๊อกต้องเป็นอาหารแห้งที่มีความหลากหลาย โปรตีนนี่แนะนำไข่เค็ม จะดีที่สุดมีไอโอดีนด้วยครับ

(7) ส่วนเครื่องดื่มนั้นนอกจากน้ำเปล่าแล้ว นมถั่วเหลืองและนมกล่องก็ดี แนะนำซื้อ UHT ดีกว่าแบบสเตอร์ริไรซ์เพราะเก็บได้นานกว่า

(8) อาหารแห้งจำพวกเนื้อสัตว์ยอดนิยม คงจะเป็นกุนเชียง หมูหยอง หมูแผ่น (ถ้าเป็นอิสลามเปลี่ยนเป็นไก่) มีคาร์โบ ไขมัน และโปรตีน

(9) พวกธัญพืชก็โอเคนะครับ จะเก็บเป็นพวกสำเร็จรูปเช่นเมล็ดทานตะวันก็ดี หรือพวกคอร์นเฟลกก็ดี เพราะมีใยอาหารช่วยการขับถ่าย

(10) อาหารที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ แคร็กเกอร์ พวกนี้ให้พลังงานสูงมาก เก็บได้นาน รักษาง่ายและแห้ง กว่าขนมปังทั่วๆไป (บางคนเล่นซื้อขนมปี๊บเลย)

(11) ส่วนผลไม้นั้น ถ้าน้ำผลไม้ก็พอได้ แต่ถ้าซื้อกล้วยเป็นหวีๆกับส้มลูกๆ ให้เลือกลูกที่อ่อนๆหน่อยเก็บได้นานๆ เพิ่มวิตามินด้วย

(12) เวลาเครียดร่างกายต้องการน้ำตาล ช็อกโกแลตช่วยได้เพราะมีพลังงานสูงและมีสารเพิ่มความสุข แนะนำซื้อแบบแท่งเก็บได้นานไม่ต้องแช่

(13) อาหารที่ต้องพึ่งพิงน้ำ เช่น บะหมี่ถ้วยนั้น อาจเจอปัญหา ไม่มีไฟฟ้าต้มน้ำร้อน แก๊สหมดหรือ น้ำไม่สะอาด

(14) ดังนั้นถ้าซื้อพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซื้อแบบซองดีกว่า ไม่มีน้ำก็ขยำๆกินกรอบๆได้ แบบถ้วยทานลำบากกว่า

(15) การสต๊อกน้ำดื่มนั้น ถ้าหากท่านต้องกินยาควรจะกันน้ำไว้ส่วนหนึ่ง ยาออกฤทธิ์ดีในน้ำเปล่า อย่ากินกับนมหรือน้ำผลไม้

(16) สาเหตุหนึ่งที่รณรงค์ให้ไปอยู่ศูนย์อพยพ คือเขาจะมีระบบนับผู้อพยพเป็นรายหัว เพื่อประเมินอาหารได้ถูกต้อง

(17) ถ้าหากรองน้ำและไม่มั่นใจในคุณภาพน้ำ ให้แกว่งสารส้ม หรือทิ้งไว้สักพัก แล้วตักเฉพาะส่วนบนของน้ำ พวกวัตถุหนักจะตกไปตรงก้น (เติมน้ำให้เต็มเสมอ และทิ้งช่วงก่อนจะตัก)

(18) ส่วนอาหารอื่นๆที่มีไว้ก็ดีได้แก่ น้ำผึ้ง แยมผลไม้ – เนยก้อน(กินสดๆได้) น้ำตาล ปลาแห้ง กุ้งแห้ง น้ำพริกกระปุก รับรองไม่ผิดหวัง

(19) ถ้าผู้อยู่ต่อมีเด็กหรือคนชรา อาจต้องมีอาหารที่แตกต่างออกไปรองรับด้วย (อีกเหตุผลที่อยากให้คนกลุ่มนี้ออกมาก่อน)

(20) ถ้ายังพออกจากบ้านได้ วันไหนออกไปก็ให้กินอาหารจากข้างนอกก่อน มีเพื่อนซื้ออาหารสต๊อกและดันกินหมดก่อนน้ำมา

(21/1) ขอให้ประเมินว่ารอบนี้เราจะอยู่กับน้ำ 4-6 สัปดาห์ การเตรียมพร้อมถือว่าดี แต่เอาพอประมาณช็อปปิ้งมีสติ

( 21/2) เพื่อนคนนึงบ้านมีกัน 3 คน เล่นสต๊อกน้ำเปล่าขวด 1.5 ลิตร เกือบ 30 แพ็ก อันนี้อาจมากเกินไป

(21/3) อาหารบางอย่างซื้อลอตเดียวก็ดี แต่อาหารบางอย่างซื้อเป็นช่วงๆใกล้หมดแล้วซื้อเติมได้

(22) และก็ย้ำคำเดิมว่าภาวะวิกฤตคือการอยู่รอด ไม่ใช่อยู่สบาย คนที่เลือกทานอาจต้องปรับตัวเยอะ

(23) ส่วนพวกผักตอนนี้ นอกจากน้ำผักแล้วผักกาดกระป๋องก็พอช่วยท่านได้ (ดูวันหมดอายุด้วย)

(24) พวกอาหารแคลอรีต่ำ ขอให้ตัดไปก่อน พวกน้ำอัดลม 0 kcal หรือพวกอาหารเสริมความงาม น้ำท่วมอย่าห่วงสวย ยังไงมันก็กินน้อยอยู่แล้ว

(25) พวกอาหารแปรรูปที่เก็บได้นานน่าสนใจ กล้วยอบน้ำผึ้ง ทุเรียนทอด กล้วยฉาบ เก็บได้นาน ทานง่าย และแห้ง

(26)พวกอาหารแช่ฟรีซต้องคิดในโอกาสตัดไฟเวฟไม่ได้ด้วยนะ ถ้าน้ำท่วมแต่ยังไม่ตัดไฟ ให้รีบกินก่อนถือเป็นโบนัส พอไฟดับอดกิน (ไมโครเวฟเอาไปไว้ชั้นบนของบ้าน)

(27) สุดท้าย ขอให้ช็อปปิ้งมีสติ (ไม่ใช่มีแต่มาม่ากะน้ำเปล่า) กะปริมาณให้ถูก เราจะอยู่กับมัน 4-6สัปดาห์ (กดเงินสดติดไว้ก็ดี) สู้ๆครับ

(ปล) อ้างอิงองค์ความรู้มากจาก หน่วยงาน FEMA (หน่วยงานที่่ทำเรื่องภัยพิบัติของอเมริกา) ประสบการณ์ส่วนตัว และคำบอกเล่าจากผู้ประสบภัย

** สิ่งที่พยายามสนับสนุนให้คนที่พอมีโอกาส หรือมีฐานะ ออกไปนอกเมืองเพราะว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าภัยพิบัติก็คือ การจลาจลที่อาจมาจากการขาดแคลนอาหาร กรุงเทพมีประชากรเกือบ 9 ล้านคน หากส่วนหนึ่งไปยังศูนย์พักพิงที่รัฐหรือเอกชนดูแลก็จะมีการจัดสำรองอาหารให้ส่วนหนึ่ง อาจจะไม่สะดวก 3 มื้อแต่ก็สามารถอยู่ได้ หรือถ้าหากเป็นคนมีฐานะสามารถสต๊อกอาหารได้ แต่ผู้ที่หาเช้ากินค่ำอาจไม่สามารถทำได้ ดังนั้นการที่เลือกเดินทางไปต่างจังหวัดชั่วคราว สามารถลดปัญหาอาหารที่ไม่เพียงพอได้ เนื่องจากเส้นทางในการขนส่งอาหารปัจจุบันเหลือแค่ ถนนบางนา – ตราด ถนนธนบุรี-ปากท่อ และเพชรเกษม เท่านั้น

จากบทเรียนแผ่นดินไหวที่เฮติ เมืองปอร์เดอแปงซ์ กลายเป็นมิคสัญญี หลังจากไฟดับ น้ำประปาขาด ผู้คนล้วนเข้าไปแย่งชิงอาหารและก่ออาชญากรรม นี่น่าจะเป็น The Worst case ที่แท้จริงมากกว่าการปรับตัวให้อยู่กับน้ำได้

ที่มา: twitter @siu_thailand

//www.siamintelligence.com/food-plan-flood/




 

Create Date : 28 ตุลาคม 2554    
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 8:27:01 น.
Counter : 1263 Pageviews.  

แก้ปัญหานอนไม่หลับตามอายุ



หากคุณมีอาการนอนไม่หลับอันเนื่องมากจากสาเหตุต่างๆ เช่น ตั้งครรภ์ เข้าสู่วัยทอง เรามีคำแนะนำเพื่อขจัดปัญหาการนอนหลับของคุณดังนี้

หากคุณมีอายุ 20-39 ปี

- สำรวจว่าตัวคุณเป็นไทรอยด์หรือไม่ โดยเฉพาะหากคุณเพิ่งจะคลอดบุตร เพราะมีการค้นพบแล้วว่า หลังคลอดบุตรจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคไทรอยด์เพิ่มขึ้น 5-10 % ซึ่งนับเป็นตัวการที่ส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ
- บอกลาความเศร้า เพราะอาการซึมเศร้าจะส่งผลเป็นสองเท่าให้คุณนอนไม่หลับ



หากคุณมีอายุ 40-49 ปี

- สังเกตปัสสาวะ หากพบว่าคุณต้องตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะเป็นประจำทุกคืน นั่นอาจจะเป็นสัญญาณเดือนให้ทราบว่าคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ คุณควรจะไปพบแพทย์ และรักษาให้หาย จะทำให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกาย การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณหลับลึก ส่งผลให้คุณไม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ตัวอย่างการออกกำลังกายของคนวัยนี้คือการเต้นแอโรบิคเป็นเวลา 30 นาทีติดต่อกัน



หากคุณมีอายุ 50 ปีขึ้นไป

- ตรวจสอบยาที่รับประทาน เนื่องจากยาบางชนิดอาจจะส่งผลข้างเคียงที่กระทบกับการนอนหลับของคุณ เช่นยาที่ทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คุณจึงควรปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- สังเกตอาการของโรค หากคุณเป็นคนที่นอนกรน นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที




ที่มา ... healthy.in.th




 

Create Date : 26 ตุลาคม 2554    
Last Update : 26 ตุลาคม 2554 8:12:16 น.
Counter : 1276 Pageviews.  

ย้อนดูประวัติศาสตร์"เมืองหลวง"ของโลกจมน้ำ


ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมืองไทยอาจประสบปัญหา"น้ำท่วมกรุงเทพฯ" และเมืองหลวงของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็เคย"ถูกน้ำตีแตก"เช่นกัน

นาทีนี้ สิ่งที่สร้างความวิตกกังวลให้ชาวกรุงเทพฯ มากที่สุด คงหนีไม่พ้นข้อสงสัยว่า “กรุงเทพฯ จะเกิดน้ำท่วมหรือไม่?” เพราะสถานการณ์วิกฤติขึ้นทุกวัน บริเวณที่ถูกระบุว่า “เอาอยู่” หรือ “ไม่ต้องกังวล” ก็เห็นได้ว่าน้ำตีจนแตกพ่ายแทบทุกที่ จนวันนี้กรุงเทพฯ ประสบภาวะ “น้ำล้อมเมือง”

แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมืองหลวงของประเทศไทยประสบภาวะน้ำท่วม หากย้อนดูประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ ก็เคยประสบอุทกภัยครั้งใหญ่หลายครั้ง เช่นในปี 2485 มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดอุทกภัยในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาก็เพิ่มสูงขึ้นจนท่วมท้นกรุงเทพมหานคร บริเวณสะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ วัดระดับน้ำที่ท่วมได้สูงถึง 2.27 เมตร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่วนเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ในปี 2538 ก็เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่อีกครั้ง เมื่อพายุหลายลูกพัดถล่มทางตอนบนของประเทศไทย ทำให้น้ำเหนือไหลหลากท่วมกรุงเทพฯ ระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร นานร่วม 2 เดือน

ที่สำคัญ ประเทศไทยก็ไม่ใช่ประเทศเดียวที่เมืองหลวงต้องเผชิญกับอุทกภัย เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมในกรุงมะนิลา จากเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 500,000 คน ทำให้ถนนหลายสายถูกตัดขาดเนื่องจากน้ำท่วม โรงเรียนและหน่วยงานราชการที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต้องหยุดทำการ เที่ยวบินที่เข้าออกกรุงมะนิลาหลายเที่ยวถูกยกเลิก นอกจากนี้สถาบันการเงินต่างๆ เช่นธนาคารและตลาดหุ้นต้องหยุดทำการ ส่วนระบบรถไฟฟ้าก็หยุดให้บริการเนื่องจากไฟฟ้าไม่เพียงพอ



ส่วนเมื่อปี 2553 กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ก็เกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ เนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้สะพานถูกตัดขาด เกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน ทางตอนใต้ของกรุงโซลถูกตัดไฟฟ้า ทำให้ระบบรถไฟใช้งานไม่ได้ ขณะที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็กลายสภาพเป็นสระน้ำ รถยนต์เป็นพันคันต้องจมใต้บาดาล ส่วนประชากรกว่า 4,500 คนไร้ที่อยู่อาศัย

ด้าน “จาร์กาต้า” เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ก็ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง เนื่องจากกระแสน้ำทะเลที่ขึ้นสูงผิดปกติ แต่อุทกภัยใหญ่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2550 เพราะฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมบริเวณที่ลุ่มต่ำหรือประมาณร้อยละ 70 ของเมือง สัญญาณโทรศัพท์ขัดข้อง การจราจรติดขัดเนื่องจากถนนบางส่วนถูกปกคลุมด้วยน้ำ ซึ่งต้นเหตุของอุทกภัยเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ และสิ่งก่อสร้างในเมืองที่ขวางทางน้ำไหลก็ยิ่งทำให้ปัญหานี้ร้ายแรงยิ่งขึ้น

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 57 ราย ส่วนประชากรอีกกว่า 250,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย หลายคนต้องไปอาศัยอยู่ใต้สะพานหรือกางเต้นท์ที่พักบริเวณสุสาน การช่วยเหลือของทางการก็ไม่ทั่วถึง ทำให้เกิดปัญหาขาดน้ำสะอาดและอาหาร



และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประเทศโลกตะวันตกอย่างอิตาลี ก็เพิ่งเกิดน้ำท่วมในกรุงโรม เพราะพายุฝนถล่ม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ต้นไม้หักโค่น ระบบขนส่งมวลชนขัดข้อง รถไฟใต้ดินต้องงดให้บริการและสายการบินบางเที่ยวดีเลย์ จนนายกเทศมนตรีกรุงโรมต้องออกมาประกาศภาวะฉุกเฉิน จากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากจมน้ำในชั้นใต้ดินของอพาร์ทเม้นต์ และหลังจากฝนหยุดตก การจราจรก็ยังติดขัดโดยเฉพาะบริเวณชานเมือง

เมืองหลวงของหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า“พัฒนาแล้ว”หรือ“กำลังพัฒนา”ก็เคยเกิดอุทกภัยเช่นกัน และถึงตอนนี้ กรุงเทพมหานครจะน้ำท่วมหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะน้ำแทรกซึมไปได้ทุกที่และคาดการณ์แทบไม่ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนทำได้คือต้องเตรียมป้องกันและไม่ประมาท เพราะหากน้ำไม่มาก็ดีไป แต่ถ้าน้ำมาเมื่อไหร่ จะได้ลดความเสียหายที่อาจเกิดกับชีวิตและทรัพย์สิน












ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2554    
Last Update : 25 ตุลาคม 2554 7:53:18 น.
Counter : 1556 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.