ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ไอเดียจัดงานแต่งสนุก ๆ สำหรับคู่บ่าวสาวสุดฮิป





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก greenweddingshoes.com

หากอยากให้งานแต่งของคุณออกมาน่ารัก เป็นที่จดจำ น่าประทับใจต่อแขก และต่อความทรงจำของคุณทั้งคู่ ลองเติม ๆ ไอเดียน่ารัก ๆ ลงไปในงานแต่งของของคุณดู เหมาะกับคู่บ่าวสาวที่รักความสนุก และอยากให้งานแต่งงานเป็นอีกหนึ่งวาระ ที่จะทำอะไรให้สนุกน่ารักไม่เหมือนงานแต่งงานของคนอื่นได้ จะมีไอเดียดี ๆ อะไรมาเสนอคุณบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

1. งานแต่งกลางแจ้ง

งานแต่งกลางแจ้ง ให้บรรยากาศแบบธรรมชาติสุด ๆ ทั้งอากาศสดชื่น ใบไม้เขียว ๆ และท้องฟ้าปลอดโปร่ง โลเกชั่นที่กำลังเป็นที่นิยม ได้แก่ ไร่องุ่น หรือบ้านไร่ บ้านสวน แต่ยังไงก็อย่าลืมหาเตรียมสถานที่ที่มีกำบังหรือหลังคาในบริเวณใกล้เคียงกัน เผื่อในกรณีหลบแดดจัดหรืออาจมีฝนตกลงมาด้วยนะคะ




2. แจกขนมหลังจบงาน

นอกจากแจกของชำร่วย เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับงานแต่งแล้ว ลองเพิ่มออฟชั่นอีกนิด ตระเตรียมขนมมาแจกแขกเหรื่อหลังจบงานแต่งงาน อาจเป็นช็อกโกแลต หรือขนมเค้ก ขนมปังก้อนเล็ก ๆ บรรจุห่อสวย ๆ รับรองว่าถูกใจคนที่มาร่วมแสดงความยินดีแก่คู่บ่าวสาวแน่นอน

3. ประดับด้วยดอกไม้ปลอม

ค่าดอกไม้สดที่นำมาประดับตกแต่งงานนับเป็นเงินก้อนใหญ่ไม่แพ้ค่าใช้จ่า เรื่องอื่น ๆ อยู่เหมือนกัน แถมเมื่อจบงาน ดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นก็ไร้ความหมาย ลองเปลี่ยนจากการใช้ดอกไม้จริง มาเป็นดอกไม้เทียมดูบ้าง เลือกใช้ดอกไม้เทียมคุณภาพดี ที่ให้สีสันนุ่มนวล ไม่ฉูดฉาด หรืออาจเลือกใช้ดอกไม้ประดิษฐ์ที่ทำจากกระดาษทิชชู่ กระดาษสี และขนนก ดูด้วยก็ได้

4. งานแต่งอิงธีมแบบเต็มรูปแบบ

สมัยนี้การจัดงานแต่งงานแบบอิงธีมกำลังเป็นที่นิยม เช่น ธีมเจ้าหญิง เทพนิยาย หรือบางรายอาจนึกสนุกใช้ธีมจากหนังเรื่องโปรดมาเป็นงานแต่งงานของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้ธีมนั้นไม่ครอบคลุมหมดทั่วทั้งงาน เช่น อิงธีมเพียงเสื้อผ้า หรือว่าการตกแต่งในงานเท่านั้น ลองเพิ่มองค์ประกอบอื่น ๆ ของงานแต่ง ให้อยู่ในกรอบของธีมที่กำหนดขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น การ์ดเชิญ ของชำร่วย แนวทางการแต่งตัวขอวแขกผู้มาร่วมงาน อาหารที่เลี้ยงในงาน เพื่องานแต่งงานของคุณเข้ากับธีมที่กำหนดขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ รับรองว่ามันจะเป็นงานแต่งงานที่มหัศจรรย์สุด ๆ แน่นอน




5. จัดโต๊ะของหวานสุดว้าว แทนเค้กแต่งงาน

เค้กแต่งงานดูจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญและขาดไม่ได้ในงานแต่งงานมา เนิ่นนาน แต่หากลองเปลี่ยนจากเค้กแต่งานก้อนสูงใหญ่มาเป็นของหวานสุดน่ารัก ๆ ตกแต่งสวย ๆ แทนก็ฟังดูไม่เลว แถมยังไม่ซ้ำใครอีกด้วย ลองจัดโต๊ะสำหรับของหวาน ที่เรียงขึ้นไปเป็นชั้นสูงคล้ายขนมเค้ก จะเป็นคัพเค้กน่ารัก ๆ ที่ให้แขกแต่ละคนมาหยิบได้เอง เบเกอรี่ชิ้นพอดีคำ ช็อกโกแลตทรัฟเฟิล หรือว่าจัดเป็ยโต๊ะน้ำพุช็อกโกแลต ก็จะทำให้ผู้ที่มาร่วมงานร้อง ว้าว! ได้แน่นอน


6. โถลูกอมสำหรับแขก

ข้อนี้อาจรวมอยู่บนโต๊ะของหวานแทนเค้กแต่งงาน หรือจะแยกออกมาก็ได้ หาโถใบใหญ่ ๆ ใส่ลูกอม ท็อฟฟี่ ช็อกโกแลตห่อเล็ก ๆ ลงไปให้เต็ม ให้แขกของคุณได้ล้วงไปหยิบมาได้เต็มกำมือ




7. เค้ก ป๊อบ

เค้ก ป๊อบ เป็นขนมเค้กชิ้นเล็ก ๆ เสียบปลายไม้ แล้วเคลือบด้วยเกลซซิ่ง และโรยน้ำตาลสีหรือท็อปปิ้งแบบต่าง ๆ ทำให้เป็นเค้กที่แจกง่าย กินง่าย ไม่เปรอะเปื้อนมากนัก เป็นอีกตัวเลือกที่น่ารัก น่าลองเอาไปใช้ในงานแต่งงานดูนะคะ

8. งานแต่งแบบ DIY

งานแต่งแบบ DIY (Do It Yourself) หรือ ทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่ออกแบบงาน คิดธีมงาน เลือกสถานที่ ออกแบบการ์ดแต่งงาน ทำของชำร่วย และสิ่งต่าง ๆ อีกนานาจิปาถะ เท่าที่จะสามารถลงมือเองได้ ไม่เน้นจ้างมืออาชีพ แต่อาศัยฝีมือตัวเอง รวมถึงฝีมือเพื่อน ๆ ที่เต็มใจมาสร้างความสนุกให้งานด้วย

งานแต่งงานก็จัดให้กุ๊กกิ๊กน่ารัก และสนุกสนานไม่เหมือนใครได้ ลองนำไปใช้ดูนะคะคู่รักทั้งหลาย :)




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2554 8:08:51 น.
Counter : 3395 Pageviews.  

อิสราเอลพบกบที่สูญพันธุ์มาได้ 60 ปี



อิสราเอลตื่นเต้นกับการค้นพบกบที่หายสาบสูญไป 60 ปีที่แล้ว หลังมีการผันน้ำเข้าไปในถิ่นอาศัยดั้งเดิมของพวกมัน


กบ ฮูล่า ซึ่งถูกขึ้นบัญชีสัตว์สูญพันธุ์ในปี 2539 ได้ถูกค้นพบอีกครั้งในหุบเขาฮูล่า ทางตอนเหนือของอิสราเอล ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่แห่งเดียวของพวกมัน สร้างความประหลาดใจให้กับนักอนุรักษ์ที่เชื่อกันว่า กบชนิดนี้สูญพันธุ์ไปเมื่อประมาณ 60 ปีที่แล้ว หลังจากมีการระบายน้ำออกจากบึงธรรมชาติจนแห้ง ตามแผนกำจัดโรคมาลาเรีย และขยายพื้นที่เพาะปลูกของรัฐบาล


กบฮูล่าเริ่มกลับมาปรากฏตัวอีก ครั้ง หลังมีการประกาศให้พื้นที่ชุ่มน้ำบางส่วนเป็นเขตสงวน และมีการผันน้ำเข้าไปเมื่อ 3 ปีก่อน คาดว่ามีประชากรกบกลุ่มเล็กๆเหลือรอดอยู่ และเริ่มขยายพันธุ์กลับมาเมื่อสภาพธรรมชาติเอื้ออำนวย


กบฮูล่า มีลักษณะเด่นคือ ท้องมีสีเข้ม และมีจุดเล็กๆสีขาว กบชนิดนี้มีหลายสี ตั้งแต่สีน้ำตาลเหลืองไปจนสีเทามะกอกเข้ม และสีเทาดำ ส่วนกบที่มีผู้ค้นพบได้ถูกนำมาเก็บไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์ เพื่อตรวจสุขภาพและเก็บบันทึก ก่อนจะมีการปล่อยคืนธรรมชาติต่อไป





ข้อมูลจาก :




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2554 8:40:42 น.
Counter : 1764 Pageviews.  

วิธีใช้ยารับมือโรคที่มากับน้ำท่วม




จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งรุนแรงในประเทศไทย นอกจากจะสร้างความเสียหายมหาศาลแก่ทรัพย์สินแล้ว

ในด้านสุขภาพก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยไปกว่ากัน โดยโรคที่พบบ่อยในช่วงน้ำท่วมและหลังน้ำลด เช่น ไข้หวัด ตาแดง น้ำกัดเท้า โรคท้องร่วง โรคไข้เลือดออก และโรคฉี่หนู เป็นต้น ดังนั้นจึงมีข้อแนะนำการใช้ยาที่จำเป็นอย่างถูกวิธีดังนี้

ยาลดไข้บรรเทาปวด เช่น Paracetamol ผู้ใหญ่รับประทานยาเม็ดขนาด 500 mg ครั้งละ 1 – 2 เม็ด ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด และไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกิน 5 วัน ส่วนเด็กอาจรับประทานเป็นยาน้ำเชื่อมซึ่งมีอยู่หลายขนาด เช่น Paracetamol 120 mg/5 ml, Paracetamol 250 mg/5ml ซึ่งจะรับประทานปริมาณเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว และยานี้ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่เป็นโรคตับอย่างไรก็ตามยา Paracetamol ไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ หากมีอาการอักเสบร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้อบวมแดง หรือมีอาการปวดมาก มีไข้สูง อาจต้องใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่เสตียรอยด์

ซึ่ง มีคุณสมบัติบรรเทาปวด ลดการอักเสบ และลดไข้ เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Mefenamic acid หรือ Naproxen เป็นต้น ซึ่งยาในกลุ่มนี้มีข้อควรระวังที่สำคัญคือ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ควรรับประทานหลังอาหารทันที และดื่มน้ำตามมากๆ ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่เสตียรอยด์ ที่ระคายเคืองกระเพาะน้อยลง เช่น Celebrex, Arcoxia เป็นต้น ยากลุ่มนี้ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคไต และผู้ป่วยไข้เลือดออก

ยา รักษาน้ำกัดเท้า โรคน้ำกัดเท้าระยะแรกจะยังไม่มีการติดเชื้อ ผิวหนังจะมีลักษณะลอกแดง คัน อาจใช้ยาทาเสตียรอยด์ทาบรรเทาอาการได้ และต้องพยายามรักษาความสะอาด ดูแลไม่ให้อับชื้น เพราะยาทาสเตียรอยด์อาจทำให้ติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น อาจทาวาสลีนบริเวณง่ามเท้า เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะซึมผ่านผิวหนัง และทำให้เกิดความชื้นหรือผิวหนังเปื่อยได้ง่าย ในรายที่จำเป็นต้องย่ำน้ำหรือสัมผัสพื้นที่แฉะตลอดเวลา จะทำให้เกิดความชื้นสะสม และเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อราตามมา ต้องใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา

ซึ่งต้องใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 – 4 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อราให้หมดไป และหากติดเชื้อลุกลามไปที่เล็บ อาจต้องรับประทานยาฆ่าเชื้อราร่วมด้วย อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ซื้อยามาทานเอง เนื่องจากยาฆ่าเชื้อราอาจมีผลข้างเคียงต่อตับได้

ยา แก้แพ้ ใช้แก้แพ้ แก้คัน ลดน้ำมูก เช่น chlorpheniramine, Hydroxyzine รับประทานวันละ 3 – 4 ครั้ง เมื่อมีอาการ ข้อควรระวังคือยานี้ทำให้รู้สึกง่วงซึม ส่วนยาแก้แพ้ที่มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึมน้อยลง เช่น Cetirizine, Loratadine โดยทั่วไปรับประทานวันละ 1 ครั้ง และหากเป็นผื่นแพ้ คัน อาจใช้คาลาไมน์ทาบรรเทาอาการคันได้

ยา แก้ท้องเสีย หากมีอาการถ่ายเหลวบ่อยๆ ควรใช้ผงน้ำตาลเกลือแร่ (ORS) ละลายน้ำจิบบ่อยๆ แทนน้ำเปล่า กรณีที่ไม่สามารถหาผง ORS ได้ อาจเตรียมเองโดยใช้น้ำตาลทราย 8 ช้อนชา และเกลือป่น 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 ลิตร ส่วนยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะ มีความจำเป็นสำหรับผู้ป่วยท้องเสียเพียงบางรายเท่านั้น เช่นผู้ป่วยที่มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น อุจจาระเป็นมูกหรือมีเลือดปน มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยเหล่านี้ควรพบแพทย์โดยด่วนมากกว่าการรักษาเองที่บ้าน

สำหรับ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ จำเป็นต้องรับประทานยาต่อเนื่อง ควรตรวจสอบว่ายาที่มีอยู่เพียงพอต่อการใช้ในช่วงน้ำท่วมหรือไม่ หากไม่เพียงพอควรมาพบแพทย์เพื่อรับยาเพิ่มเติม อย่าให้ผู้ป่วยขาดการรับประทานยาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงได้




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2554 10:44:23 น.
Counter : 1342 Pageviews.  

10 เทคนิคหยุดสะอึก



สะอึก…เป็น หนึ่งในสิ่งที่สร้างความรำคาญใจให้ใครหลายคน หากสะอึกแค่เดี๋ยวเดียว อาจไม่เป็นปัญหากวนใจนัก แต่หากใครสะอึกติดต่อกันเป็นวัน หรือ หลายๆ วัน แม้หาสารพัดวิธีช่วยให้หายสะอึก ทั้งกลั้นหายใจ ดื่มน้ำ กลืนน้ำตาล ทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล วันนี้เรามีเทคนิคง่ายๆมาแก้สะอึก ลองทำกันดูน่ะค่ะ

10 เทคนิคหยุดสะอึก

1.กระตุ้นผิวด้านหลังของลำคอ แถวๆ บริเวณที่เปิดปิดหลอดลม โดยการดึงลิ้นแรงๆ

2.ใช้ด้ามช้อนเขี่ยที่ปิดเปิดหลอดลม

3.กลั้วน้ำในลำคอ


4.จิบน้ำเย็นจัด


5. กลืนน้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยไม่ต้องใช้น้ำ หรือ กลืนก้อนข้าว ก้อนขนมปัง ก้อนน้ำแข็งเล็กๆ


6.ดื่มน้ำจากขอบแก้วที่อยู่ด้านนอกหรือด้านไกลจากริมฝีปาก


7.จิบน้ำส้มสายชูที่เปรี้ยวจัด หรือดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย


8.การฝังเข็ม


9. การสวดมนต์ทำสมาธิ


10. กลั้นหายใจเอาไว้โดยการนับ 1 – 10 แล้วหายใจออก จากนั้นดื่มน้ำตามทันที



ที่มา : //www.manager.co.th




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2554 9:42:07 น.
Counter : 1408 Pageviews.  

เจลล้างมือ ทำมาจากอะไร



กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขให้ข้อมูลว่า เจ ลล้างมือทำมาจากเอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl Alcohol 70% w/w) : เป็นแอลกอฮอล์ช่วยในการฆ่าเชื้อโรคได้หลากหลายชนิด มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคได้กว้าง ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส สามารถป้องกันได้ทันทีหลังการใช้และป้องกันได้ในระยะเวลานาน (ต้องเข้มข้น 60-80% จึงจะใช้ได้ผล เหมาะที่สุดก็คือ 70%)

แอลกอฮอล์ สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียส่วนใหญ่ได้ ฆ่าเชื้อวัณโรคได้ ฆ่าเชื้อราและไวรัสได้บางชนิด ส่วนสิ่งที่ทำลายไม่ได้ก็ ได้แก่ สปอร์ของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสและเชื้อราบางตัว ดังนั้น ในทางการแพทย์จะใช้แอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อที่เกี่ยวกับแผลครับ เพราะเชื้อเหล่านั้นมักจะเป็นพวกแบคทีเรีย และจะไม่ค่อยใช้ในการจัดการกับเชื้ออื่นๆ

เชื้อไวรัส จะมีแค่บางชนิดที่ฆ่าโดยแอลกอฮอล์ได้ เช่น เชื้อเอชไอวี เชื้อเริม เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี เชื้อไข้หวัด ใหญ่

ส่วนไวรัสในกลุ่มที่ติดต่อในระบบทางเดินอาหาร เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ และเชื้อ Enterovirus มักจะไม่สามารถถูกทำลายด้วยแอลกอฮอล์

การใช้ล้างมือ ก็คล้ายกับการใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดมือ เช็ดแผลก็ได้

เอทิล แอลกอฮอล์ 70% เป็นตัวที่ใช้ในทางการแพทย์และมาตรฐานอุตสาหกรรมอาหาร โดยปกติจะระเหยเร็วในอุณหภูมิห้อง 25 องศา ปกติเอทิลแอลกอฮอล์กินได้ ต่างจากเมทิลแอลกอฮอล์ที่กินไม่ได้ จึงไม่ต้องห่วงหากใช้เจลล้างมือแล้วไปจับอาหารรับประทาน

สำหรับวิธีล้างมือที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ทำ มือให้เปียกด้วยน้ำ ฟอกสบู่ หรือสบู่เหลว ล้างมือ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออกไป ด้วยวิธีการต่อไปนี้ โดยทุกขั้นตอนทำ 5 ครั้ง และทำสลับกันทั้ง 2 ข้าง (มือซ้ายและมือขวา)

1. ฝ่ามือถูฝ่ามือ

2. ฝ่ามือถูหลังมือ และนิ้วถูซอกนิ้ว

3. ฝ่ามือถูฝ่ามือ และนิ้วถูซอกนิ้ว

4. หลังนิ้วมือถูฝ่ามือ

5. ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ

6. ปลายนิ้วถูขวางฝ่ามือ

7. ถูรอบข้อมือให้ทั่ว

จากนั้นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำ และเช็ดมือให้แห้งด้วยผ้าที่สะอาด

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการล้างมือ

ผ้า เช็ดมือไม่ควรใช้ร่วมกัน ให้ใช้ผ้าหรือกระดาษที่ใช้ครั้งเดียว ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดมือชนิดใช้ผืนเดียวแขวนไว้ทั้งวัน ไม่ต้องใช้ฟองน้ำ หรือผ้าในการล้างมือ เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจจะมีเชื้อโรคอยู่ ที่วางสบู่แบบก้อน ก็ควรระบายน้ำไม่ให้ไปขังในจุดวางสบู่ หากใช้สบู่เหลวหรือสบู่ยาก็ต้องมีการทำความสะอาดขวดที่ใส่


mwake




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2554 7:59:24 น.
Counter : 2473 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.