ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

รับมือ...หากไร้โบนัส




รับมือ...หากไร้โบนัส (MomyPedia)
โดย: ดร.กฤษติกา คงสมพงษ์


หากสิ้นปีนี้จะไม่มีโบนัส เราก็ต้องเตรียมการรับมือให้พร้อม เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว

            การดำเนินธุรกิจท่ามกลางกระแสความผันผวนของปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ย่อมกระทบต่อผลประกอบการของภาคธุรกิจต่าง ๆ อย่างแน่นอน โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องแบกรับภาระเรื่องต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ ดิฉันขอแนะนำให้คุณทำใจไว้เลยว่าสิ้นปีนี้หลายคนอาจสิ้นหวังกับโบนัสอย่างแน่นอน

เข้าใจองค์กร

            ดิฉันเชื่อว่าหากใครก็ตามที่ต้องผิดหวังกับเงินโบนัสประจำปี อาจมีความรู้สึกไม่ดีกับองค์กรบ้าง เนื่องจากทุกปีเคยได้เงินโบนัสมาใช้จ่ายในครอบครัว ไม่ว่าใครจะผิดหวังหรือสมหวังก็ตาม ดิฉันขอให้ทุกคนทำความเข้าใจตนเองและองค์กรให้มากกว่าที่เป็นอยู่ เช่น บางคนอาจไม่ได้โบนัสเลย หรือ บางคนอาจได้แต่ไม่มากเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา ก็ต้องเข้าใจว่าทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง อย่าโกรธเจ้านายแล้วพาลเกลียดองค์กรอย่างเด็ดขาด

เมื่อไม่มีโบนัสแต่ทุกคนยังมีงานทำใช่หรือไม่ ดิฉันอยากให้คนที่ผิดหวังคิดว่า หากองค์กรอยู่ได้คุณก็อยู่ได้ ดังนั้นทุกคนควรเรียนรู้ธรรมชาติของการทำงาน อย่าคิดแต่เรื่องที่จะได้เพียงฝ่ายเดียว แต่ควรเรียนรู้การเป็นผู้ให้และรู้จักเสียสละบ้าง!

             ปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการตามเป้าที่วางไว้ แน่นอนว่าทุกคนมีเงินปันผล มีเงินโบนัส มีเงินปรับประจำปี มีการเลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นเนื่องจากผลประกอบการที่ดี และผลประกอบการที่ดีก็มาจากความตั้งใจทำงาน สำหรับผู้ที่ตั้งใจทำงานมาตลอด 12 เดือน แต่สุดท้ายก็พลาดโบนัสเนื่องจากภาวะการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ หลาย ๆ คนอาจไม่ได้ดังที่คาดหวังไว้ ดิฉันขอแนะนำให้ทุกคนทำใจให้กว้างขึ้น แล้วตั้งใจทำงานเพื่อขับเคลื่อนให้องค์กรมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ดิฉันเชื่อว่าเจ้านายคงไม่ใจร้ายอย่างแน่นอน หากทุกอย่างเป็นไปตามที่กำหนดไว้

            อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไร้โบนัสที่อาจเกิดขึ้น ดิฉันคิดว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนที่ทำงานว่าควรต้องมีการปรับตัวกันได้แล้ว เช่น คนที่เคยทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ก็ควรขยันขึ้นและตั้งใจให้มากกว่าที่เป็นอยู่ นอกจากนี้แล้วจะต้องช่วยองค์กรประหยัดเพื่อลดรายจ่าย และตั้งใจทำงานให้หนักขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจ ดิฉันเชื่อว่าในปีถัดไปหากไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ อย่างน้อยนายจ้างก็ต้องแสดงน้ำใจกับพนักงาน




เตรียมพร้อมรับมือ

             หากสิ้นปีไม่มีเงินก้อนโตมาให้สนุกสนานกัน ดิฉันคิดว่าทุกครอบครัวควรวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนสิ้นปีได้แล้ว โดยต้องทำความเข้าใจกับสมาชิกในครอบครัวเพื่อวางแผนเรื่องการประหยัด และงดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ที่คาดกว่าจะเกิดขึ้นในช่วงสิ้นปี

อย่างหัวหน้าครอบครัวที่เคยมีโบนัสทุก ๆ ปี แล้วมีการฉลองเงินก้อนโตด้วยการพาครอบครัวบินไปเที่ยวต่างประเทศ หากคุณไร้โบนัสก็ควรทำความเข้าใจเรื่องการทัศนาจรกันใหม่ เช่น อาจซื้อแพคเก็ตทัวร์ภายในประเทศที่ประหยัดกว่า หรืออาจเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยรถยนต์แทนการนั่งเครื่องบิน หากไม่มีเงินก้อนโตเพื่อมาจัดงานคริสต์มาสหรืองานปีใหม่ ก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกคนในครอบครัวว่า งานเลี้ยงปีนี้อาจไม่มีหรือจัดงานให้เล็กลง หรืออาจร่วมกับเพื่อนบ้านจัดงานฉลองปีใหม่แบบประหยัดทดแทน เป็นต้น

            สำหรับคนที่เคยสัญญากับใคร ๆ ไว้ว่าได้โบนัสปีนี้จะซื้อโน่นซื้อนี่ให้ หากมีสัญญาณเตือนว่าคุณอาจไร้โบนัสในสิ้นปีนี้ ก็ควรรีบทำความเข้าใจกันอย่างเร่งด่วน เพื่อมิให้ใครคนใดคนหนึ่งผิดหวัง แล้วคุณก็อาจกลายเป็นคนที่ผิดสัญญาได้ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่ไม่มีเงินก้อนโตสำหรับใช้จ่ายในเทศกาลปลายปี ทุกคนอาจต้องปรับตัวเรื่องการซื้อของขวัญราคาแพง โดยอาจมาซื้อแบบประหยัดมากขึ้น

            หากต้องพูดถึงเรื่องรายได้ที่มาจากโบนัสประจำปีของทุกคน ดิฉันเข้าใจดีว่าโบนัสเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงขวัญและกำลังใจในการทำงาน สำหรับรายได้ที่มาจากโบนัสนั้น บางคนอาจนำมาใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองและครอบครัว และก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการได้โบนัสนั้นคือโอกาสที่ดีในการเก็บเงินก้อนโตไว้ในบัญชีเงินออมของตนเอง



คิดเชิงบวก

            หากปีนี้ไร้โบนัสก็ไม่ต้องสิ้นหวังนะคะ เพราะถ้าปีนี้ไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าปีต่อไปคุณจะไม่ได้โบนัสอีก หากทุกคนมีความหวังดิฉันเชื่อว่ากำลังใจย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น ไม่ควรหมดหวังและฝึกให้ตนเองมีความคิดในเชิงบวกไว้ แทนที่จะมานั่งหมดกำลังใจและผิดหวังกับการไม่ได้เงิน หรือแม้แต่มีอคติกับเจ้านายและบริษัท

   ถ้าลองปรับเปลี่ยนวิธีคิดด้วยการยึดหลักความพอเพียงและพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่ ก็จะทำให้จิตใจมีความสุขไม่น้อย ตัวอย่างเช่น ถ้าปีนี้คุณไม่ได้โบนัส แต่ได้เงินปรับประจำปีก็ยังดีกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต หากไม่ได้ทั้งโบนัสและเงินปรับประจำปีขอแนะนำให้หันมามองคนอีกจำนวนมากที่กำลังหางานทำหรือว่างงานอยู่ ก็จะทำให้ทุกคนเห็นภาพว่าตนเองยังมีโอกาสที่ดีกว่าผู้อื่นมากโข

            นอกจากนี้แล้ว หากทุกคนมีความคิดในเชิงบวกและเข้าใจว่าสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พลาดโอกาสได้รับโบนัสเพราะอะไร วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจธรรมชาติของการทำงานมากขึ้น หากองค์กรไม่มีผลกำไรแล้วเขาจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ที่แย่ไปกว่านั้น ก็คือหากสาเหตุมาจากการที่บริษัทขาดทุน ลองคิดดูซิคะว่าสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นมากกว่าการไม่มีโบนัสคืออะไร แล้วเหตุผลส่วนหนึ่งของการขาดทุนนั้นมีผลงานของคุณร่วมด้วยหรือไม่

     ดิฉันเชื่อว่าทุกคนคงจำกันได้ว่าในช่วงที่ฟองสบู่แตก มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อน ๆ คุณตกงาน สามีและภรรยาต้องเลิกร้างกันเนื่องจากเศรษฐกิจในครอบครัวย่ำแย่ หรือแม้แต่การลดเงินเดือน การสมัครใจให้พนักงานลาออก ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไปแล้วสะท้อนให้เห็นว่า หากสิ้นปีนี้ไม่ได้โบนัสก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร

             ไม่ว่าปีไหน ๆ ใครจะได้โบนัสหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่ทุกคนจะต้องปลูกฝังให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวยึดปฏิบัติเสมอก็คือเรื่องการประหยัดค่าใช้จ่าย การวางแผนเรื่องเงินออม การทำบัญชีครัวเรือนเพื่อควบคุมรายจ่าย การวางแผนเรื่องการสร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ครอบครัวไม่ย่ำแย่แม้จะไร้เงินโบนัส ... ชีวิตต้องสู้ต่อไปค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2555    
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 8:22:12 น.
Counter : 2071 Pageviews.  

ผญาอีสาน...เรียงร้อยภาษาแบบฉบับที่ราบสูง

เดินท่องแดน… วัฒนธรรมและประเพณีภาคอีสาน
ภาพจาก Satin / Shutterstock.com

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือที่เรียกติดปากกันว่า ภาคอีสาน เป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมประเพณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วิถีชีวิต ความเชื่อ อาหารการกิน ดนตรีหมอลำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกลักษณ์ทางภาษา ซึ่งนอกจากสำเนียงการพูดในแบบฉบับอีสานบ้านเฮาแล้ว ยังมีศิลปะทางภาษาที่เรียกว่า ผญาอีสาน อันสะท้อนแนวคิดคำสอนของพี่น้องชาวที่ราบสูง

"ผญา" หรือ "ผญาอีสาน" คืออะไร

ผญา หรือ ผะหยา มีความหมายว่า  ปรัชญา, ปัญญา, ความรู้, ความฉลาด, ไหวพริบ มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากคำว่า ปรัชญา แต่ภาษาอีสานจะออกเสียง "ปร" เป็น "ผ" ดังนั้นคำว่า ปรัชญา อาจเปลี่ยนเป็น ผัชญา แล้วกลายมาเป็น ผญา ในที่สุด เนื่องจากเป็นภูมิปัญญาที่มีเอกลักษณ์ของชาวอีสาน ในบางครั้งจึงเรียกว่า "ผญาอีสาน"

คําผญาอีสานพร้อมความหมาย

ในด้านคำจำกัดความหรือคำนิยาม ผญา มีความหมายครอบคลุมทั้ง คำคม สุภาษิต ที่เป็นปริศนา ต้องนำมาวิเคราะห์ต่อเพื่อหาคำตอบที่แท้จริง คำพญาอีสานเป็นคำพูดที่สละสลวยคล้องจอง อาจไม่ต้องสัมผัสเสมอไป การพูดอาจขึ้นอยู่กับการออกเสียงหนักเบา หรือเป็นการพูดคมคาย ที่ต้องใช้ไหวพริบ สติปัญญา เป็นประโยคสั้น ๆ แต่บางครั้งสามารถตีความออกมาได้หลายความหมายเลยทีเดียว

การพูดผญาอีสานนั้น ต้องใช้ไหวพริบ เชาวน์ปัญญา เป็นการนำเสนอความคิดผ่านคำพูดอันมีความไพเราะ คมคาย กินใจ สร้างความเพลิดเพลิน ความรู้และคติสอนใจให้แก่ผู้รับฟัง ผญาอีสานยังเกี่ยวข้องกับความรักหนุ่มสาวด้วย เนื่องในสมัยก่อนการพูดคำผญาเป็นที่นิยมมาก เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า การจ่ายผญา หรือการแก้ผญา บางทีเรียกเป็น ผญาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาว เหมือนเป็นผญาอีสานจีบสาว หรือผญาอีสานความรัก คือการใช้ไหวพริบโต้ตอบพญาต่อกัน การประชันเชาวน์ปัญญาดังกล่าว ช่วยทำให้หนุ่มสาวมีความรู้สึกแน่นแฟ้นต่อกันมากขึ้น จนบางครั้งก่อเกิดเป็นความรักอีกด้วย

ตัวอย่าง การจ่ายหรือแก้ผญา (เหมือนเป็นการจีบกันของหนุ่มสาว หรือผญาอีสานจีบสาว นั่นเอง)

ชาย : สุขซำบายหมั้นเสมอมันเครือเก่าบ่นอ เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบายถ้วนอยู่สู่คนบ่เด

หญิง :  น้องนี้ สุขซำบายหมั้น เสมอมันเครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบาย พร้อมสู่คน

ประเภทของผญา แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้

          1. ประเภทคำสอน เรียกว่า ผญาคำสอนหรือผญาภาษิต
          2. ประเภทเกี้ยวพาราสี เรียกว่า ผญาเครือ, ผญาย่อย หรือผญา โต้ตอบ, การจ่ายผญา หรือการแก้ผญา
          3. ประเภทปริศนา เรียกว่า ผญาปริศนา-ปัญหาภาษิต
          4. ประเภทอวยพร เรียกว่า ผญาอวยพร

อย่างไรก็ตาม ผญาอีสาน อาจจำแนกแยกย่อยตามความต่างเล็กน้อยได้อีกเป็น 7 ประเภทดังนี้

                   1.ผญาคำสอน
                   2.ผญาปริศนา
                   3.ผญาภาษิตสะกิดใจ
                   4.ผญาเกี้ยวพาราสีทั่วไป
                   5.ผญาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาว
                   6.ผญาหมวดภาษิตคำเปรียบเปรยต่าง ๆ
                   7.ผญาปัญหาภาษิต

ตัวอย่าง ผญาคำสอน

"ใจประสงค์สร้าง กลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้าน กลางบ้านกะว่าดง"

ความหมาย : ถ้าใจสู้ (ขยัน) อยู่กลางป่าดงก็เหมือนกลางทุ่ง ถ้าเกียจคร้านแม้อยู่กลางหมู่บ้านก็เหมือนในกลางป่า

"ตีเจ็บแล้วแสนสิออยกะปานด่า แม่นว่าเว้าจ้อยจ้อยกะปานไม้แดกตา"

ความหมาย : เมื่อถูกตีเจ็บแล้วจะปลอบประโลมปานใดก็ไม่หายเจ็บ        
ตัวอย่าง ผญาประเภทปริศนา

"อัศจรรย์ใจแข้ หางยาว ๆ สังบ่ได้ฮองนั่ง  บาดกระต่ายหางแป ๆ กระต่ายหางก้อม ๆ สังมาได้นั่งฮอง"

ความหมาย : อัศจรรย์ใจ ที่ผู้มีความรู้มามาก ๆ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ผู้ร่ำเรียนมาน้อยกลับมีความสามารถประกอบอาชีพการงานได้สำเร็จและมั่นคงในชีวิต

ตัวอย่าง ผญาภาษิตสะกิดใจ

"บ่มีความฮู้อย่าเว้าการเมือง บ่นุ่งผ้าเหลืองอย่าเว้าการวัด"

ความหมาย : อย่าพูดในสิ่งที่ไม่รู้จริง

ตัวอย่าง ผญาเกี้ยวพาราสีทั่วไป

    "อย่าให้เสียแฮงอ้ายเดินทางหิวหอด คือดั่งม้าอยากน้ำเดือนห้าหอดหิว 
คันบ่กูร์ณาอ้าย เห็นสิตายม้อยระแหม่ง เห็นสิตายหอดแห้งหิวน้ำหอดแฮง"

ความหมาย : อย่าให้เสียแรงที่พี่ต้องดั้นด้นมาหา ได้โปรดกรุณารับไมตรีพี่ไว้อย่าแล้งน้ำใจนักเลย

ตัวอย่าง ผญาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาว

(ชาย).... สุขซำบายหมั้นเสมอมันเครือเก่าบ่นอ เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบายถ้วนอยู่สู่คนบ่เด
(หญิง) .... น้องนี้ สุขซำบายหมั้น เสมอมันเครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบาย พร้อมสู่คน

(ชาย).... อ้ายนี่อยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนา อยากถามข่าวเถิงเข้า อ้ายอยากถามข่าวน้องว่ามีผัวแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ผัวสิซ้อนหากบ่มี
(หญิง).... โอนอ อ้ายเอย น้องนี้ปอดอ้อยซ้อยเสมอดั่งตองตัด พัดแต่เป็นหญิงมาบ่มี ซายสิมาเกี้ยว ผัดแต่สอนลอนขึ้นบ่มี เครือสิเกี้ยวพุ่ม พผัดแต่เป็นตุ่มไม้เครือสิเกี้ยวกะบ่มี

ความหมาย : เป็นการทักทายถามทุกข์สุข แล้วมีการหยอกล้อกันตามประสาคนรู้จัก

ตัวอย่าง ผญาหมวดภาษิตคำเปรียบเปรยต่าง ๆ

"มีเป็นคน จนเป็นหมา"

ความหมาย : ยามมีคนก็ให้ความสำคัญ ยามไม่มีก็หมดความสำคัญ

  "เสือตายเพราะหนัง ช้างตายเพราะงา พระยาตายเพราะสมบัติ"

ความหมาย : ของล้ำค่าที่ครอบครอง จักนำภัยมาถึงตัว

ตัวอย่าง ผญาปัญหาภาษิต

  "ตาดีไปคล้องซ้างสามคืนมาเปล่า ตาบอดไปคล้องคราวมื้อขี่มา"

ความหมาย : ถอดรหัสคือช้างหมาย​ถึงสิ่งสูงสุดที่มนุษย์ต้อง​การ นั่นคือ อบรมธรรม นิพพานธรรม วิสังขารธรรม ​หรือวิมุติหลุดพ้นจาก​ความทุกข์​ทั้งปวง คนตาดีหมาย​ถึง​ผู้มี​ความรู้ทาง​โลกหลายสาขาวิชา มีปริญญาหลาย​ใบ ​แต่​โง่ต่อสังขาร คือกิ​เลสปรุง​แต่งจิต ​เขา​จึงฟุ้งซ่านบังคับตัว​เอง​ไม่​ได้ ​เพราะ​เหตุนี้​เขา​จึงคล้องช้าง​ไม่​ได้ ​แม้จะ​ใช้​เวลา​ไปมากมาย​ก็ตาม ​ซึ่งต่างกับคนตาบอด คนตาบอดหมาย​ถึง​ผู้รู้​แจ้ง​ในสังขาร​ทั้งปวงว่า​เป็นของ​ไม่​เที่ยง​เปลี่ยน​แปลง​ได้ ​จึง​ไม่​เข้า​ไปยึดมั่น​ในสิ่ง​ใดๆ ​เอามา​เป็นตัวของกู ​แต่กลับมีสติที่สงบนิ่งคล้ายคนตาบอด ​ไม่สน​ใจ​ในสังขาร​เหล่านั้น ​จึงสมบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา สู่วิสังขาร ด้วย​เหตุนี้​จึงขี่ช้างกลับมา​ในคราวมื้อ​เดียวนั้น

บทบาทสำคัญของผญาต่อสังคมอีสาน

          ผญา หรือผญาอีสานมีความสำคัญต่อสังคมอีสานอย่างมาก เป็นเหมือนเครื่องมือส่งต่อคำสั่งสอนของผู้เฒ่าผู้แก่ มายังคนรุ่นหลัง มีบทบาทต่อความบันเทิงในท้องถิ่น จะเห็นได้จากการประยุกษ์มาเป็นการจ่ายหรือแก้ผญา ต่อยอดไปเป็นคณะหมอลำผญาเลยก็มาก มีความสำคัญในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้อนถิ่นอีสาน สรุปคือ ผญา เป็นเหมือนสิ่งที่ผูกสายสัมพันธ์ของคนอีสานเอาไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น  ไม่ว่าจะจากรุ่นสู่รุ่น หรือจากคนรุ่นเดียวกันก็ตาม


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2555    
Last Update : 10 ธันวาคม 2555 10:58:01 น.
Counter : 3061 Pageviews.  

เปิดโครงการส่งไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่เจ้าหน้าที่ชายแดนใต้





เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

           กระทรวงกลาโหม เปิดโครงการส่งไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่ ทหาร-ตำรวจ ชายแดนใต้ เริ่มวางขายวันที่ 13 ธันวาคมนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2556 หาซื้อได้ที่ไปรษณีย์และเซเว่น อีเลฟเวน ทุกสาขา

วันที่ 7 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการ "สวัสดีปีใหม่ ร้อยใจไทย แด่ผู้เสียสละ" ซึ่งเป็นโครงการจำหน่ายไปรษณียบัตรอวยพรปีใหม่เจ้าหน้าที่ในภาคใต้และพื้นที่ต่าง ๆ จำนวน 10 ล้านใบ เพื่อนำรายได้บำรุงขวัญทหาร เพื่อให้สอดคล้องกับการน้อมนำพระราชดำรัสเมตตา และปรารถนาดีต่อกันเพื่อความพร้อมเพรียงในชาติ เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 13 ธันวาคมนี้ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2556 สามารถหาซื้อได้จากที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,200 แห่ง และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขา

          โดย พล.อ.ทนงศักดิ์กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือเป็นเจตนารมณ์ของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อต้องการสร้างขวัญกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ จึงอยากเชิญชวนได้ช่วยกันแสดงความปรารถนาดีต่อกัน โดยได้มีการจัดพิมพ์ไปรษณียบัตรอวยพรในโอกาสปีใหม่ 2556 จำนวน 5 ล้านใบ จำหน่ายให้ประชาชนทั่วประเทศในราคาใบละ 10 บาท เพื่อร่วมกันอวยพรปีใหม่และให้กำลังใจทหาร ตำรวจ และพลเรือนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนและได้รับบาดเจ็บพิการ

ไปรษณีย์

ทั้งนี้ จะมีการจับรางวัลมอบให้กับผู้โชคดีที่ส่งไปรษณีย์มาด้วยมีรางวัลมากมายรวมประมาณ 2 ล้านบาท โดยผู้โชคดีจะได้เดินทางนำไปรษณียบัตร พร้อมถุงของขวัญนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่พลเรือน ทหาร ตำรวจ ตามแนวชายแดนทั่วประเทศ และผู้บาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่าง ๆ สำหรับรายได้จะนำไปสนับสนุนโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ให้กับอาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และบำรุงขวัญทหารรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2555    
Last Update : 8 ธันวาคม 2555 10:42:38 น.
Counter : 2512 Pageviews.  

ฟอร์บส์ยก บารัค โอบามา เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก 2012

โอบามา เยือนไทย

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก barackobama.com, คุณ EUXTV สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม, vkurazhe.ru

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า นิตยสารฟอร์บส์ ได้ประกาศรายชื่อ ของบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก โดยที่ 6 ใน 10 อันดับแรกนั้น เป็นผู้นำชาติต่าง ๆ และประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ก็นำมาเป็นอันดับที่ 1

ทั้งนี้ จากจำนวนประชากรของโลกกว่า 7.1 พันล้านคน นิตยสารฟอร์บส์ ได้คัดเลือก 71 บุคคล ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยมีตัวแปรตั้งแต่ความมั่งคั่ง ไปจนถึงอิทธิพลในระดับสากล ซึ่งประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ได้รับการยกย่องให้เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก เคียงข้างกับผู้นำระดับโลกที่ติด 1 ใน 10 อันดับแรกอย่าง นางแองเจล่า เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศเยอรมนี, นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย, กษัตริย์ อับดุลลา บิน อับดุลลาซิส อัล ซาอุด แห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย และนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ

ด้านนักธุรกิจ ที่ติดอันดับสูงสุดนั้น ได้แก่ บิล เกตต์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ อยู่ในอันดับ 4 นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ นายมาริโอ้ ดรากี ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป ซึ่งทั้งหมดนี้ ต่างติด 10 อันดับแรกด้วยกันทั้งสิ้น ขณะที่ 20 อันดับผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปีนี้ ได้แก่บุคคลต่อไปนี้

บารัค โอบามา

  1. บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

อังเกลา แมร์เคิล

  2. อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี

วลาดิเมียร์ ปูติน

  3. วลาดิเมียร์ ปูติน  ประธานาธิบดีรัสเซีย
  4. บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์
  5. สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16
  6. เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ
  7. กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อะซิซ แห่งซาอุดีอาระเบีย
  8. มาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป
  9. สี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  10. เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
  11. คาร์ลอส สลิม เฮลู นักธุรกิจชาวเม็กซิกัน มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก
  12. ซอนย่า คานธี ประธานพรรคคองเกรสของอินเดีย
  13. หลีเค่อเฉียง รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  14. ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
  15. วอร์เรน บัฟเฟต์ มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก
  16. ไมเคิล บลูมเบิร์ก นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก
  17. ไมเคิล ดยูค ประธานบริหารวอลมาร์ท
  18. ดิลมา รูสเซฟฟ์ ประธานาธิบดีบราซิล
  19. มานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย
  20. เซอร์เกย์ บริน ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล


ด้านนายไมเคิล โนเออร์ หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารฟอร์บส์ กล่าวว่า รายชื่อในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอำนาจของ 2 ประเทศที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก อย่าง สหรัฐอเมริกา และจีน ซึ่งในปีก่อนนั้น ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา จากสาธารณรัฐประชาชนจีน สามารถครองอันดับที่ 3 บุคคลทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก แต่ปีนี้กลับไม่มีชื่อติดอยู่ในอันดับดังกล่าว เนื่องจากการลงจากอำนาจ มีเพียง นายสี จิ้นผิง ที่รั้งอันดับ 9 แทน

นอกเหนือจากนักธุรกิจและผู้นำของโลกแล้ว ยังมีบุคคลที่มีอิทธิพลต่อประชากรส่วนใหญ่ของโลก อย่าง สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ที่รั้งอันดับ 5 และนายโจอัคควิน กุซแมน โลเอลล่า หรือ เอล ชาโป พ่อค้ายาเสพติดหัวหน้ากลุ่มซินาลาโอ้ ก็ติดอันดับเช่นกัน

ส่วน มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารเฟซบุ๊ก ก็กลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่มีอายุน้อยที่สุด โดยปีนี้ซักเคอร์เบิร์ก สามารถคว้าอันดับ 25 มาครอง หล่นจาก 10 อันดับแรกเมื่อปีก่อน อันเนื่องจากการขายหุ้น IPO ของเฟซบุ๊ก ที่ไม่คึกคักเท่าที่ควร และ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ประธานบริหารกลุ่ม นิวส์ คอร์ป วัย 81 ปี ก็เป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดในรายชื่อดังกล่าว และคว้าอันดับที่ 26 มาครองได้สำเร็จ




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2555    
Last Update : 7 ธันวาคม 2555 8:39:08 น.
Counter : 1962 Pageviews.  

ประวัติวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม วันพ่อ

วันพ่อแห่งชาติ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบโดย Glitter.kapook.com

เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าวันที่ 5 ธันวาคม นั้นเป็น วันพ่อแห่งชาติ โดยทางราชการได้กำหนดให้ วันพ่อแห่งชาติ เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน แต่รู้กันหรือไม่ว่า วันพ่อแห่งชาติ ของแต่ละประเทศตรงกับวันไหน และ วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศไทยมีที่มาอย่างไร กระปุกดอทคอม จะพาไปรู้จักเรื่องราวของ วันพ่อแห่งชาติ กันค่ะ

ประวัติ วันพ่อแห่งชาติ และ วันพ่อแห่งชาติ ในทั่วโลก

วันพ่อแห่งชาติ ถือเป็นวันสำคัญที่ฉลองถึงความเป็นพ่อ และบุคคลที่นับถือเยี่ยงพ่อ โดย จอห์น บี. ดอดด์ ชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่ริเริ่มแนวคิด วันพ่อแห่งชาติ ซึ่ง วันพ่อแห่งชาติ ครั้งแรกเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ในโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองแฟร์มอนต์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

          ก่อนที่แนวคิด วันพ่อแห่งชาติ ของจอห์น บี. ดอดด์ จะถูกเผยแพร่ไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดย วันพ่อแห่งชาติ ของแต่ละประเทศจะกำหนดวัน และจัดงานแตกต่างกันไป เช่น

วันที่ 19 มีนาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศสเปน โปรตุเกส อิตาลี

วันที่ 8 พฤษภาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศเกาหลีใต้

วันที่ 5 มิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศเดนมาร์ก

วันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศญี่ปุ่น อาร์เจนตินา ไอร์แลนด์ มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร

วันที่ 23 มิถุนายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศโปแลนด์

วันอาทิตย์ที่สองของเดือนสิงหาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศบราซิล

วันอาทิตย์แรกของเดือนกันยายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์

วันที่ 5 ธันวาคม เป็น วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศไทย


วันพ่อแห่งชาติ



วันพ่อแห่งชาติ ในประเทศไทย

สำหรับ วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศไทย ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470  และยังได้มีการกำหนดให้ดอกพุทธรักษา เป็นสัญลักษณ์ วันพ่อแห่งชาติ

ทั้งนี้ นอกจากวันที่ 5 ธันวาคม จะเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และเป็น วันพ่อแห่งชาติ แล้ว ยังถือว่าวันนี้เป็น "วันชาติของไทย" อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยมีการกำหนดวันชาติให้เป็นวันที่ 24 มิถุนายน เพราะเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองในระบอบรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย โดยได้มีการเฉลิมฉลองวันชาติครั้งแรกในปี พ.ศ. 2482 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกฯ 

ซึ่ง "วันชาติ" ของไทยนั้นอยู่มานานถึง 21 ปี จนวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกฯ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้ถือวันพระราชสมภพเป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทย โดยเหตุที่เปลี่ยนเพราะมีข้อไม่เหมาะสมหลายประการ คณะกรรมการจึงมีความเห็นว่าเพื่อให้เป็นไปตามขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นหลักการสมัครสมานสามัคคีรวมจิตใจของบุคคลในชาติโดยทั่วกัน 

          จึงควรถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทย โดยยกเลิกวันชาติ ในวันที่ 24 มิถุนายนเสีย
ดังนั้นนับแต่ปี พ.ศ. 2503 ประเทศไทยจึงได้ถือเอาวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันชาติ" ของไทย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  

วันพ่อแห่งชาติ


ที่มาของ วันพ่อแห่งชาติ ในประเทศไทย

วันพ่อแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่มจัดงาน วันพ่อแห่งชาติ เนื่องจาก "พ่อ" คือผู้ที่ควรได้รับการเทิดทูน และยกย่อง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา  และทรงทะนุบำรุงพระราชโอรส และพระราชธิดาด้วยความรัก ทรงอบรมอนุศาสน์ให้ทรงเจริญวัยสมบูรณ์ และทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนเพื่อให้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท

           นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ทรงบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกรถ้วนหน้า จึงถือเป็น "พ่อแห่งชาติ" ของพสกนิกรชาวไทยทุกคน ที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน วันพ่อแห่งชาติ

วัตถุประสงค์ของการจัดงาน วันพ่อแห่งชาติ คือ 

 1. เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

 2.เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม 

 3.เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ 

 4.เพื่อให้ผู้เป็นพ่อ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

5. เพื่อประกาศเกียรติคุณให้กับพ่อ และลูกที่ปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี สมควรแก่การยกย่องของสังคม

6. เพื่อรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไทยให้คงอยู่ต่อไป


วันพ่อแห่งชาติ




กิจกรรม 5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ

          กิจกรรมที่นิยมปฏิบัติในวันเฉลิมพระชนมพรรษา และ วันพ่อแห่งชาติ ได้แก่ การประดับธงชาติที่อาคารบ้านเรือน, การจัดพิธีศาสนสงฆ์ ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล, การจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และที่ขาดไม่ได้สำหรับกิจกรรม วันพ่อแห่งชาติ คือการมอบรางวัลพ่อตัวอย่าง หรือพ่อดีเด่น เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม อีกทั้งยังเพื่อให้ผู้เป็นพ่อได้สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน 

และใน วันพ่อแห่งชาติ ที่จะมาถึงนี้ ลูก ๆ ทั้งหลายก็อย่าลืมแสดงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อพ่อ แม้ว่าจริง ๆ แล้วการแสดงความรักและความกตัญญูต่อพ่อสามารถแสดงได้ทุกวัน ไม่ใช่แค่ วันพ่อแห่งชาติ เพียงวันเดียว




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ห้องสมุดมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เว็บไซต์เทศบาลเมืองทุ่งสง




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2555    
Last Update : 5 ธันวาคม 2555 9:51:56 น.
Counter : 3229 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.