ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ลายมือผู้มีอำนาจวาสนาระดับโลก



ความหมายตามลายมือ


คน ที่มีอำนาจวาสนาระดับโลกอย่างประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา หรือในประวัติศาสตร์มีนัก การเมืองและผู้นำมีชื่อเสียงก้องโลก จะต้องประกอบด้วยเส้นดังต่อไปนี้

หมายเลข ๑-๑

เส้นพฤหัสที่ยาวจากโคนฝ่ามือพุ่งไปสู่เนินพฤหัส ถือว่าเป็นเส้นหลัก
หมายเลข ๒-๒


เส้นเสาร์ที่แยกจากเส้นพฤหัส ถือว่าเป็นการเสริมเส้นพฤหัสให้มีพลัง
หมายเลข ๓-๓


เส้นอาทิตย์ที่แยกจากเส้นพฤหัสถือว่าเป็นการส่งเสริมให้เส้นพฤหัสดีขึ้น
หมายเลข ๔-๔


เส้นพุธที่แยกจากเส้นพฤหัส ถือว่าเป็นการเสริมให้เส้นพฤหัสมีพลังมากขึ้น

หมายเลข ๕

จุด แดงที่เกิดขึ้นบนเนินพฤหัส ถือว่าเป็นการสงเสริมที่สมบูรณ์ที่สุด ท่านผู้นี้จะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ไม่มีวันลืมเลือนไปจากโลกนี้.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2554 9:20:38 น.
Counter : 1903 Pageviews.  

เจ็บคอ ‘กะหล่ำปลี’ ช่วยบรรเทา



แก้เจ็บคอ บรรเทาอาการไอ กะหล่ำปลี ควงมาพร้อมแครอต และแอปเปิ้ล

เชื่อว่าสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ความชื้นที่มากับฤดูฝน คงเป็นตัวกระตุ้นอาการภูมิแพ้กำเริบ พาลพาให้รู้สึกคัดจมูก เป็นหวัด แถมอาการเจ็บคอยังติดสอยห้อยตามมาด้วย

‘มุมสุขภาพ-กินดี’ วันนี้ มีสูตรเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากผักและผลไม้ใกล้ๆ ตัว มาแนะนำให้ปรุงดื่มแก้เจ็บคอและบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก ซึ่งพระเอกในสูตรนี้ คือ ‘กะหล่ำปลีม่วง’ อันอุดมด้วยสารไฟโตเคมิคอล ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และกรดโฟลิก สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ แก้ไอ แถมสารอาหารในผักชนิดนี้ยังเป็นเกราะป้อนกันเซลล์มะเร็งด้วย

ส่วน ผักและผลไม้ที่สามารถช่วยลดกลิ่นเหม็นเขียวให้จางลง และช่วยให้เครื่องดื่มสูตรนี้ดื่มได้ง่ายขึ้น คือ แครอตกับแอปเปิ้ล ซึ่งต่างก็มีสรรพคุณที่ช่วยเกื้อหนุนเสริมคุณค่ามากยิ่งขึ้น สำหรับ ‘แครอต’ ก็ยังช่วยบรรเทาอาการไอได้เช่นกัน ในผักสีส้มสวยนี้ มีเบต้าแคโรทีน ซัลเฟอร์ คลอรีน ส่วน ‘แอปเปิ้ล’ ช่วยลดไข้ แก้หวัด คัดจมูก เพราะมีวิตามินซี บี1 บี2 และบี6 นั่นเอง

ส่วนผสมและสัดส่วนในสูตร เตรียมดังต่อไปนี้...

  • กะหล่ำปลีม่วง 1 ถ้วย
  • แครอต 1 ถ้วย
  • แอปเปิ้ลแดง 1 ถ้วย


ขั้น ตอนในการทำ เริ่มจากทำความสะอาดล้างผักและผลไม้ให้เรียบร้อย จากนั้นนำกะหล่ำปลีซอยเป็นชิ้นเล็กๆ แครอตกับแอปเปิ้ลหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าขนาดพอประมาณ นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดพร้อมกันโดยใช้เครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เมื่อได้น้ำผักและผลไม้สูตรนี้แล้ว จะเติมน้ำแข็งป่นสักเล็กน้อยช่วยให้ดื่มง่ายขึ้นก็ย่อมได้ แต่ไม่ควรเติมมากเกินไปเพราะจะทำให้ระคายคอ.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 8:07:54 น.
Counter : 1404 Pageviews.  

ดูแลตัวเองหน้าฝน

ตากฝน


มีเคล็ดลับการดูแลตัวเองง่ายๆ มาฝากกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ ส่งผลให้ใครหลายคนเปียกฝนไปตามๆ กัน


ขณะ ที่เพิ่งออกจากที่ทำงานได้ไม่นาน ฝนตกลงมาพอดี และบังเอิญคุณหาที่หลบฝนไม่ทัน หลายคนบอกว่าไม่ได้ตั้งใจจะเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอสักหน่อย แต่ทำอย่างไรได้ ฝนตกลงมาพอดี ถ้ารอให้ฝนหยุดก็อาจจะกลับบ้านช้า ก็เลยมีบางครั้งที่ทำให้เราเผลอเดินตากฝนโดยไม่ตั้งใจ ผลที่เกิดขึ้นนอกจากเสื้อผ้าจะเปียกชื้น และร่างกายของคุณหนาวเหน็บแล้ว ยังเป็นการเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อันเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคผิวหนังอีกด้วย

วิธีการดูแลรักษากรณีเดินลุยฝน

1. เริ่มต้นจากการทำเสื้อผ้าให้แห้งสนิท โดยเร็ว

2. เมื่อกลับถึงบ้านให้คุณรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เหตุผลก็คือการใส่เสื้อผ้าเปียกๆ ก่อให้เกิดการหมักหมม และอาจกลายเป็นแหล่งเชื้อราโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ และอาจทำให้คุณไม่สบายเป็นหวัด รวมไปถึงเป็นปอดบวมได้อีกด้วย

3. แน่นอนที่ถุงเท้ากับรองเท้าย่อมเปียกฝน เพราะฉะนั้นให้คุณถอดออกทันที และควรเร่งทำให้แห้งแต่โดยเร็ว

4. เราควรเรียนรู้ว่าการปล่อยให้เท้าเปียกชื้นนานๆ ส่งผลให้เท้าซีด และอาจลอกเป็นขุยได้

5. คุณต้องเข้าใจว่าหากปล่อยให้เท้าชื้นนานๆ อาจจะทำให้ติดเชื้อราได้ง่าย ทั้งนี้ โรคเชื้อราที่พบบ่อยคือ ฮ่องกงฟุต โดยเฉพาะที่บริเวณซอกนิ้วเท้า

6. เมื่อกลับมาถึงบ้าน และเท้ายังเปียกชื้น อันเป็นผลมาจากการย่ำน้ำในซอยของหมู่บ้าน ให้คุณเร่งทำความสะอาดที่เท้าด้วยการฟอกสบู่ จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาด ต่อมาก็เช็ดเท้าให้แห้ง

7. การใช้แป้งฝุ่นทาที่เท้าหลังทำความสะอาดจะช่วยให้เท้าสบายมากขึ้น


วิธีการดูแลเส้นผมเมื่อเปียกฝน

1. เมื่อกลับมาถึงบ้านให้คุณเร่งทำความสะอาดเส้นผม ด้วยการสระผมด้วยแชมพูสระผมหรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมไปเลย

2. จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณอาจจะต้องใช้แชมพูสระผมที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา นั่นเป็นเพราะว่าการที่คุณเดินตากฝนนั้น อาจจะมีเชื้อโรคปะปนมา และการที่คุณไม่ยอมสระผมในค่ำคืนนั้นเลยเส้นผมของคุณอาจเกิดอาการได้รับ เชื้อราและรังแคได้ เพราะฉะนั้นให้สระผมหลังจากที่คุณเพิ่งเดินตากฝน

3. ที่สำคัญก็คือคุณไม่ควรนอน ในขณะที่เส้นผมยังเปียกน้ำฝนอยู่

หลัก การง่ายๆ ที่กล่าวมานี้จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ไม่ต้องวิตกกังวลกับฝนที่กระหน่ำตกลงมานัก ทว่าวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ก็คือ การหลีกเลี่ยง ไม่เดินตากฝนนั่นเอง

FW




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 8:10:18 น.
Counter : 1413 Pageviews.  

เผ็ด ๆ ร้อน ๆ มีดีอย่างไรนะ ?

อาหารเพื่อสุขภาพ


เผ็ด ๆ ร้อน ๆ มีดีอย่างไรนะ ? (Lisa)


เข้าหน้าร้อนกันแล้ว แต่ทำไมคนไทยอย่างเรา ๆ กลับยิ่งโหยหาอาหารรสชาติเผ็ดร้อน ว่าแต่ยิ่งกินยิ่งแซบแล้วมันดีต่อสุขภาพยังไงกันนะ แล้วมีข้อเสียรึเปล่า? ไปดูกัน

กินเผ็ดแล้วมีดีตรงที่...

ในพริกมีสารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าแคปไซซิน ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ ทำให้ร่างกายสามารถใช้แคลอรีได้เร็วขึ้น นี่เป็นเพราะแคปไซซินจะทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น เช่นเดียวกับเร่งอัตราชีพจร นอกจากนี้ ยังเคยมีการศึกษาซึ่งชี้ว่า คนกินอาหารเผ็ดจะกินอาหารปริมารน้อยลง จึงทำให้แคลอรีที่ได้รับน้อยลงเช่นกัน แถมแคปไซซินยังช่วยต่อสู้กับอาการอักเสบภายในร่างกายอีกด้วย

พริกไทยเผ็ดร้อนอาจช่วยบำรุงสุขภาพของหัวใจได้โดยการเสริมความสามารถของร่าง กายในการสลายเลือดที่อุดตันจากการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลเลว (LDL) มันอาจเป็นเหมือนกับยาขยายหลอดลม ด้วยความที่แคปไซซินในพริกจะไปกระตุ้นการหลั่งเหงื่อ มันจึงช่วยบรรเทาอาการครั่นเนื้อครั่นตัวสำหรับคนที่เริ่มมีอาการของไข้หวัด ช่วยคนที่เป็นโรคหลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรืออาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวจ้องกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ช่วยบรรเทาอาการหายใจไม่ออก

เมื่อคุณกินของเผ็ดร้อน อุณหภูมิภายในร่างกายก็จะสูงขึ้น ความดันโลหิตลดลง แต่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้สะดวกยิ่งขึ้น พริกยังช่วยเสริมสร้างผนังหลอดเลือดด้วย เนื่องจากมันมีทั้งวิตามินเอและวิตามินซี

แคปไซซินอาจช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ในประเทศที่อาหารการกินดั้งเดิมมีรสชาติเผ็ดร้อน อย่างเช่น อินเดีย และเม็กซิโก ก็จะพบคนมีมะเร็งบางชนิดน้อยกว่าประเทศทางฝั่งยุโรป

เครื่องเทศรสจัดจ้านจะช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหาร เนื่องจากมันจะไปเพิ่มการหลั่งน้ำกรดในกระเพาะอาหารแคปไซซินยังช่วยฆ่า แบคทีเรียอย่าง H.Pylori ซึ่งอาจเป็นตัวการของแผลในกระเพาะอาหาร จึงอาจช่วยในการป้องกันโรคกระเพาะ แต่จะไม่ช่วยหากเป็นโรคไปเสียแล้ว

ขมิ้นชัน อาจช่วยลดอาการอักเสบบริเวณข้อต่อ โดย Curcumin ที่เป็นสารประกอบหลักนั้น มีคุณสมบัติบรรเทาอาการปวดข้อด้วย

พริกขี้หนูอาจเพิ่มระดับของฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินและเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ดังนั้น มันจึงเป็นสมุนไพรต้านโรคซึมเศร้า และช่วยคลายเครียดได้ด้วย

แต่เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งกินเผ็ดจัด

โรคกระเพาะอาจถามหาถ้าคุณกินเผ็ดมากเกินไปจนผนังกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบ

อาหารที่รสชาติเผ็ดอาจกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้ ที่คุณมักจะเรอหลังกินอาหารรสเผ็ดไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีมารยาท แต่เป็นร่างกายคุณต่างหากที่ไม่สามารถจัดการกับอาการรสจัดได้ และหากมีกรดไหลย้อนนาน ๆ เข้าอาจนำไปสู่โรคมะเร็งหลอดอาหาร (แต่เป็นกรณีที่หาได้ยาก) และทำให้ฟันกร่อน

ทำให้นอนไม่หลับ อาหารรสจัดไม่ดีต่อการนอนหลับของคุณเลย เนื่องจากมันไปเพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นนั่นเอง

ทำให้ปุ่มรับรสเสียไป หลังจากกินเผ็ดนาน ๆ เข้าหลาย ๆ คนรู้สึกว่าต้องกินอาหารรสจัดกว่าเดิม นี่ไม่ใช่ เพราะร่างกาย "เคยชิน" แต่เป็นเพราะประสาทรับรู้รสเสื่อมถอยต่างหาก


ไม่มีอะไรที่มีประโยชน์แล้วไม่มีโทษตามมาด้วย พริก และเครื่องเทศรสจัดจ้านอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น กินแค่พอประมาณ อย่าให้ถึงกับพ่นไฟได้ มิเช่นนั้นแล้ว ร่างกายได้รับโทษ จะหาว่าไม่เดือนนะคะ


Tip :

กรด จากน้ำผลไม้ อย่างเช่น น้ำมะนาว หรือน้ำมะเขือเทศ จะช่วยบรรเทาความเผ็ดได้บ้าง แต่ที่ดีที่สุดจาก Myth Busters เขาทดลองแล้วว่าเป็น "นมสด" นี่ล่ะ





ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 8:41:17 น.
Counter : 1552 Pageviews.  

วิจัยพบ คนทำงานเล่น"โซเชียลมีเดีย"ช่วย"รักษากำไร"ให้บริษัท




หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า ผลการสำรวจลูกจ้างกว่า2,000คนในอังกฤษ โดยบริษัทHCL Technologies พบว่า

ลูกจ้างประมาณครึ่งหนึ่งถูกห้ามไม่ให้เล่นเฟซบุ๊คหรือเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆในเวลางาน เนื่องจากนายจ้างกลัวว่าชื่อเสียงของบริษัทจะเสี่ยงต่อความเสียหาย และกลัวว่าลูกจ้างจะใช้เวลาในการแชทมากเกินไป

ขณะ เดียวกัน เหล่านักวิจัยจากวิทยาลัยโกลด์สมิธในลอนดอนยังได้ออกมารายงานว่า การห้ามไม่ให้ลูกจ้างเล่นเฟซบุ๊คหรือเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆทำให้ ธุรกิจสูญเสียผลกำไรมูลค่ากว่า4พันล้านปอนด์ต่อปี เพราะจะทำให้ลูกจ้างเสียกำลังใจในการทำงาน และจะทุ่มเทให้กับงานน้อยลง โดยการวิจัยที่ว่านี้ได้ศึกษาลูกจ้างจำนวน1,700คน และพบว่า ลูกจ้างส่วนใหญ่รู้สึกว่าตนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากได้พัก "อี-เบรค"(e-break) หรือพักเล่นเฟซบุ๊ค-เว็บโซเชียลมีเดียเป็นเวลาสั้นๆระหว่างวันทำงาน มากกว่าที่พวกเขารู้สึกหลังจากช่วงพักดื่มน้ำชา หรือ “ทีเบรค”(tea break )

ดร. คาโมโร-พรีมูสิค หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า “ที เบรคและแฟ็กเบรค(การพักสูบบุหรี่) เป็นการพักเบรคที่มีมานาน แต่ "อี-เบรค"หรือการพักใช้เว็บโซเชียลเน็ตเวิร์คกำลังกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนทำงานในอังกฤษ"

ผล การรายงานพิสูจน์ว่า การพัก”อี-เบรค” ประมาณ10นาทีต่อวันจะก่อให้เกิดผลดีอย่างมาก เพียงแต่บรรดาหัวหน้าอาจจะกลัวว่าจะทำให้ลูกจ้างเสียสมาธิในการทำงาน ทั้งที่จริงแล้ว การสนับสนุนให้มี"อี-เบรค"จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศของความไว้วางใจในการทำงาน ช่วยเพิ่มผลผลิต ซึ่งจะส่งผลให้ผลกำไรของนายจ้างเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ อังกฤษเป็นประเทศที่มีผู้ใช้เว็บโซเชียลเน็คเวิร์คมากที่สุดในยุโรป ด้วยจำนวนผู้ใช้ประมาณ9.6ล้านคนที่เป็นสมาชิกของเฟซบุ๊ค บีโบ้ และมายสเปซ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2554 10:18:40 น.
Counter : 1431 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.