space
space
space
space

ปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกล อัมพฤกษ์ อัมพาต
'ปฏิบัติตัวอย่างไรให้ห่างไกล อัมพฤกษ์ อัมพาต'

โรคหลอดเลือดสมองทำให้เกิดอัมพฤกษ์อัมพาต (แขนและขาอ่อนแรงครึ่งซีก) มีปัญหาทางด้านความคิดสูญเสียความจำ มีปัญหาทางด้านการพูด อารมณ์แปรปรวน

ท่านมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบไหม

คำตอบคือ.....มี

โรคหลอดเลือดสมองสามารถเกิดได้กับทุกคน แต่ถ้าท่านมีปัจจัยเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น โอกาสเกิดโรคก็จะมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเสี่ยงนั้นมี ดังนี้

1. ความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด

2. เบาหวาน ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าคนปกติ 2-4 เท่า

3. บุหรี่ คนที่สูบบุหรี่จะมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 5-6 เท่า

4. หัวใจเต้นผิดจังหวะ ชนิด atrial fibrillati++n หรือ AF เป็นสาเหตุการเต้นของหัวใจผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด ทำให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นไปในช่องหัวใจ เมื่อหัวใจบีบตัว ลิ่มเลือดจะลอยหลุดไปอุดตันเส้นเลือดในสมองได้

5. ไขมันในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดแข็งตัว มีการตีบแคบลงในที่สุด ทำให้เกิดการอุดตันได้

6. ขาดการออกกำลังกาย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน

7. แอลกอฮอล์ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก กว่า 1-2 แก้วต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองแตก

8. อายุ โรคหลอดเลือดสมองมักพบในคนอายุมากกว่า 65 ปี แต่คนที่อายุน้อยกว่านี้มีโอกาสเป็นโรคนี้เช่นกัน

9. มีประวัติเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือ TIA (Transient Ischemic Attack หรือ mini str++ke) จะเพิ่มความเสี่ยงของท่านให้มากขึ้นโดย 1 ใน 3 ของคนที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือ TIA มีโอกาสจะเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตได้ภายในเวลา 5 ปี

10. ประวัติในครอบครัว ถ้ามีบุคคลในครอบครัวของท่านเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก่อน จะเพิ่มความเสี่ยงให้ท่านมากขึ้น

สามารถลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไร

ควบคุมความดัน เมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ดังนั้นจึงต้องได้รับการตรวจวัดความดันให้สม่ำเสมออย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ถ้าความดันของท่านสูง ควรพบแพทย์ โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิต หรือให้ยาลดความดันต่อไป

ควบคุมเบาหวาน พยายามรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

งดบุหรี่ เมื่อหยุดสูบบุหรี่ 1 ปี สามารถลดอัตราเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองลงถึงครึ่งหนึ่ง

ถ้าท่านมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรพบแพทย์โดยเร็ว ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าเป็น AF (หัวใจเต้นผิดจังหวะ) ก็จะให้การรักษาทางยา หรือทำการรักษาโดยวิธีการอื่น

ควบคุมระดับไขมันในเลือด ถ้ามีระดับไขมันในเลือดสูง ควรลดโดยปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิตให้ถูกสุขลักษณะหรือการรับประทานยาลดระดับไขมันในเลือด

ออกกำลังกาย ในทุกวันควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม โดย

++ การออกกำลังกายเบา ๆ ควรใช้เวลาประมาณ 60 นาที

++การออกกำลังกายระดับปานกลางควรใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที

++ การออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก ควรใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที

ควรงดดื่มแอลกอฮอล์

ควบคุมน้ำหนักตัว ถ้าท่านมีน้ำหนักตัวมาก จำเป็นต้องมีการวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต เช่น ลดการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง และออกกำลังกายทุกวันเพื่อควบคุมน้ำหนัก

รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีประโยชน์ โดย

++ ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่แดง เนย เครื่องในสัตว์ น้ำมันจากสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม

++ ควรรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำแทน เช่น นมพร่องมันเนย ผัก ผลไม้ ไข่ขาว เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน น้ำมันพืช

++รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ อาหารประเภทธัญพืช

++ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มเกินไปหรือผ่านกระบวนการปรุงด้วยเกลือ เช่น อาหารหมักดอง อาหารตากแห้ง หรืออาหารกระป๋อง เป็นต้น

โรคหลอดเลือดสมองคืออะไร

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่เกิดจากการสูญเสียหน้าที่การทำงานของสมองอย่างเฉียบพลัน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน และโรคหลอดเลือดสมองแตก

80% จะเป็นชนิดหลอดเลือดสมองอุดตัน

เกิดจากการมีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดในสมอง (Ischemic str++ke)

20% จะเป็นชนิดหลอดเลือดสมองแตก

เกิดจากมีการแตกของหลอดเลือดทำให้เกิดเลือดคั่งในเนื้อสมอง (Hem++rrhagic str++ke)

5 อาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง


1. มีอาการแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก ปากเบี้ยวหรือชาครึ่งซีก เป็นทันทีทันใด


2. พูดไม่ออก ฟังไม่เข้าใจภาษา พูดอ้อแอ้ไม่ชัด เป็นทันที ทันใด


3. ตาข้างใดข้างหนึ่งมองไม่เห็น หรือมองไม่เห็นครึ่งซีกของลานสายตา หรือเห็นภาพซ้อน เป็นทันทีทันใด


4. เวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึกโคลงเคลง เดินเซคล้ายคนเมาเหล้า เป็นทันทีทันใด


5. ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและไม่เคยเป็นมาก่อน ร่วมกับอาเจียนหรือหมดสติ เป็นทันทีทันใด.



ข้อมูลจาก sk-hospital.com







 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:29:26 น.   
Counter : 1050 Pageviews.  
space
space
กิน "ปลาทู" สู้โรคหัวใจ-บำรุงสมอง
ลดการอักเสบพร้อมปรับสมดุลระดับเลือดในร่างกายให้เป็นปกติ

ในปัจจุบันนี้ ผู้คนต้องทำงานหนัก ทำให้เกิดภาวะเครียด ขณะที่บางคนรับประทานอาหารแต่ละมื้อไม่ครบ 5 หมู่ ประกอบกับมลพิษที่อยู่ในอากาศ เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ มากขึ้นกว่าในอดีต

ดังนั้น วิตามินและอาหารเสริมจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิต โดยเฉพาะโอเมก้า 3 ที่มีอยู่ในน้ำมันปลาที่หลายๆ คนรู้จัก เนื่องจากโอเมก้า 3 เป็นไขมันประเภทไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ในเรื่องลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ และยังลดคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ตลอดถึงยังลดความหนืดของเลือด ลดการอักเสบ รวมทั้งสร้างความสมดุลและปรับระดับเลือดในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติได้



แต่ปัญหาก็คือสารอาหารเหล่านี้มีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในเขตหนาว อย่างปลาแซลมอน ปลาเม็คเคเรล ทำให้ราคาของปลาเหล่านี้เมื่อนำมาจำหน่ายในเมืองไทยมีราคาค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ย่อมมีทางแก้

ศ.นพ.ปิติ พลังวชิรา ผอ.ศูนย์โรคผิวหนัง คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Antiaging Medicine ให้คำแนะนำว่า เมื่อปลาเหล่านี้มีราคาแพง จึงอยากแนะนำให้คนไทยรับประทานปลาทู และปลากระพง ทดแทน เพราะในปลาทูจะมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ราคาไม่แพง โดยในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีสารโอเมก้า 3 ประมาณ 2-3 กรัม ซึ่งปกติในหนึ่งวันร่างกายต้องการโอเมก้า 3 ประมาณวันละ 3 กรัมต่อวัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่จะรับประทานอาหารเสริมอย่างน้ำมันปลาซึ่งมีโอเมก้า 3 นั้น ต้องได้รับการตรวจเช็กจากแพทย์ก่อนว่าร่างกายขาดโอเมก้า 3 หรือไม่ เพราะบางคนไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำมันปลามารับประทานเพราะร่างกายได้รับสารโอเมก้า 3 เพียงพอแล้ว จะเป็นการสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น แต่สำหรับคนที่ไม่เดือดร้อนทางการเงินก็สามารถหาซื้อน้ำมันปลารับประทานได้

“การบริโภคอาหารของคนในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่รับประทานโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ซึ่งโอเมก้า 6 นั้นมีอยู่ในน้ำมันพืชชนิดต่างๆ และยังมีอยู่ในไข่ การรับประทานโอเมก้า 6 มากกว่าโอเมก้า 3 ทำให้ร่างกายขาดความสมดุล ส่งผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบขึ้นในระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ทำให้เกิดเป็นโรคไขข้ออักเสบ เบาหวาน เกิดการอักเสบขึ้นในสมองและในที่สุดจะเป็นอัลไซเมอร์ได้”

“อย่างไรก็ตามในบางคนที่อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีควรจะหาอาหารที่ประกอบด้วยโอเมก้า 3 และหาน้ำมันปลารับประทานได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก ซึ่งเป็นวัยแห่งการเจริญเติบโตและที่สำคัญในวัยนี้โอเมก้า 3จะช่วยบำรุงสมอง จนถึงวัยสูงอายุที่ร่ายกายเริ่มเสื่อมสภาพโอเมก้า 3 ก็ช่วยปรับสมดุลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้”ศ.นพ.ปิติแนะนำ




ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:28:58 น.   
Counter : 2311 Pageviews.  
space
space
คนสูบบุหรี่ผมร่วงเร็วกว่า คนปกติ
นอกจากจะเป็นสาเหตุของโรคหลาย ๆ โรคด้วยกันแล้ว ผลการวิจัยล่าสุดซึ่งตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของประเทศอังกฤษระบุว่าการสูบบุหรี่นั้นยังมีผลเสียต่อเรื่องของเส้นผมด้วยโดยการวิจัยนี้พบว่าคนที่สูบบุหรี่จะมีอัตราการร่วงของเส้นผมที่เร็วกว่าคนปกติ ทำให้เกิดปัญหาศีรษะล้านหรือผมบางเร็ว

งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาผลของการสูบบุหรี่ต่อการร่วงของเส้นผมในผู้ชายชาวเอเชียเปรียบเทียบกับผลของการสูบบุหรี่ต่อการร่วงของผมในผู้ชายชายยุโรปและ อเมริกัน ซึ่งสามารถสรุปได้อย่างชัดเจนว่าการสูบบุหรี่นั้นมีผลต่อการร่วงของเส้นผมจริง ๆไม่ว่าแม้ในคนที่มีเชื้อชาติที่แตกต่างกันก็ตาม

สำหรับการสูบบุหรี่นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นตัวเร่งทำให้คนแก่กว่าวัย ทั้งยังพบว่าเกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทำให้ผมหงอกไว และนอกจากนี้แล้วก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุสำคัญของโรค หลาย ๆโรค ทั้งโรคมะเร็ง หัวใจและ ความเสียหายต่อระบบหมุนเวียนต่าง ๆ ของร่างกาย

แต่โรคต่าง ๆ อันเป็นปัญหาที่เกิดจากการสูบบุรี่เหล่านี้ก็ไม่ใคร่จะสร้างความตระหนักให้กับนักสูบชายโดยทั่ว ๆ ไปเท่าไหร่นัก

ต่างจากผลเสียของการสูบบุหรี่ต่อเรื่องของผมร่วงและหัวล้านซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่รักษาหรือหลบซ่อนไว้ได้ยากกว่าเรื่องผมหงอกหรือรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ทำให้บรรดาแพทย์ ๆ ทั้งหลายมีความหวังขึ้นมาว่าผลการวิจัยล่าสุดนี้จะเป็นเหตุผลที่จะช่วยโน้มน้าวใจให้นักสูบชายหลายรายตัดสินใจเลิกบุหรี่ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยปกติแล้วรูปแบบศีรษะล้านในผู้ชายมักถ่ายทอดกันทางสายพันธุกรรมและมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชาย แต่เรื่องปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างก็พบว่ามีส่วนทำให้เกิดศีรษะล้านได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้แล้วเรื่องปัญหาหัวล้านยังแปรผันกันไปตามเชื้อชาติด้วย ซึ่งพบว่าผู้ชายเอเชียจะมีปัญหาเรื่องหัวล้านน้อยกว่าคนขาวหรือคนทางซีกโลกตะวันตก นั่นจึงยิ่งทำให้เห็นว่าปัญหาผมร่วงไวกว่าปกติในคนสูบบุหรี่ในคนทุกเชื้อชาติได้บอกถึงความผิดปกติหรือความเสียหายในร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งที่มีผลต่อเรื่องผมร่วง

ทีมนักวิจัยทีมนี้ทำการศึกษาในผู้ชายชาวไต้หวันจำนวน 740 คน โดยประชากรกลุ่มตัวอย่างนี้มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 65 ปีหลังจากเก็บรวบรวมข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง

ซึ่งรวมถึง อายุเวลาที่เริ่มมีปัญหาผมบางผมร่วง ประวัติการสูบบุหรี่ ส่วนสูง น้ำหนัก และตัวอย่างเลือด แล้วนักวิจัยวิเคราะห์ผลปรับด้วยปัจจัยที่อาจจะมีผลต่าง ๆ แล้วสามารถสรุปได้ว่าปัจจัยเรื่องการสูบบุหรี่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการทำให้ผู้สูบมีปัญหาผมร่วงไวกว่าปกติ

“หลังจากควบคุมปัจจัยเรื่อง อายุ ประวัติครอบครัวแล้วพบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างการเป็นศีรษะล้านปานกลางถึงมาก กับการสูบบุหรี่จัด หรือ คนที่สูบบุหรี่อยู่ในปัจจุบัน 20 มวนต่อวันหรือมากกว่า” น.พ.ลิน ฮุย ซู ผู้นำนักวิจัยจาก โรงพยาบาลฟาร์อีสเทิร์น เมโมเรียล ในประเทศไต้หวันกล่าว

นักวิจัยระบุว่าการสูบบุหรี่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการไหลเวียนโลหิตในระดับจุลภาคซึ่งเป็นการส่งโลหิตไปเลี้ยงส่วนของเซลล์รากผมที่ไม่เพียงพอจึงเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาผมร่วงและศีรษะล้าน ผลการวิจัยล่าสุดนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ด้านจิตวิทยา The journal Archives of Dermatology

ข้อมูลจาก teenee.com




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:28:31 น.   
Counter : 1137 Pageviews.  
space
space
น้ำมันมะกอก (Olive Oil)

น้ำมันกับการทำอาหารเป็นของที่มักไปด้วยกัน อาหารแทบทุกชนิดต้องพึ่งพาน้ำมันไม่มากก็น้อย แต่ก่อนเรารู้จักแต่เพียงน้ำมันที่ได้จากไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันวัว แต่พอมาถึงยุคที่ประชาชนใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ไม่ต้องการเป็นโรคอ้วน กลัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ น้ำมันจากสัตว์มีอันต้องหลบฉากไป เพราะน้ำมันจากสัตว์เป็นไขมันอิ่มตัว ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มสูง เสี่ยงต่อการจับตัวเป็นก้อนที่ผนังหลอดเลือด อุดตันขัดขวางมิให้เลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก หัวใจวายตายได้ง่ายๆ

แต่จะให้ทำอาหารโดยไม่ใส่น้ำมันเลย คงต้องรอเป็นชาติหน้าตอนบ่ายๆ โชคดีที่นักโภชนาการบอกว่าน้ำมันพืชใช้ได้ เพราไขมันเป็นพวกไม่อิ่มตัวหลายข้อ (polynonsaturated fatty acid) กินแล้วนอกจากไม่ไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลแล้ว ยังช่วยลดเสียอีก พูดอย่างนี้ก็เลยทำให้น้ำมันพืชราคาถูกทั้งหลาย (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว) เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม น้ำมันดอกทานตะวัน ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะคนหนีจากน้ำมันสัตว์มาใช้น้ำมันพืชกันมากมาย

เรื่องไขมันอิ่มตัวไม่อิ่มตัว หากอธิบายทางเคมีก็คงยุ่งยาก ทางที่ดีให้ดูน้ำมันหมูเวลาเย็นลงจะแข็งตัวเป็นไข นี่แหละไขมันอิ่มตัวก็เป็นอย่างนี้ กินแล้วไปอิ่มตัวเป็นไขในร่างกาย ในหลอดเลือด เป็นอย่างไรเห็นภาพได้ชัดเจน น้ำมันพืชที่ไขมันไม่อิ่มตัว ก็เห็นได้ชัดว่าใสแจ๋วในระดับอุณหภูมิปกติหรือแม้แต่เก็บในตู้เย็นก็ยังไม่จับเป็นไข

ใช้น้ำมันพืชกันมาได้ไม่นานก็มีข่าวร้ายอีก ผลการวิจัยล่าสุดพบว่า แม้ไขมันไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ แต่ไขมันชนิดนี้กลับไปเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง นอกจากนั้น คอเลสเตอรอลในร่างกายยังแยกเป็น คอเลสเตอรอลร้าย (LDL หรือ Low Density Lipoproteins) และ คอเลสเตอรอลดี (HDL หรือ High Density Lipoproteins) ซึ่งมีประโยชน์กับร่างกาย ปัญหาเกิดขึ้นเพราะไขมันไม่อิ่มตัวแบบหลายข้อ ไปลดทั้งคอลเลสเตอรอลเลวและคอเลสเตอรอลดีเสียนี่

สรุปง่ายๆก็คือ ที่ว่าน้ำมันพืชอย่างน้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม น้ำมันดอกทานตะวัน ไม่มีโทษ ไม่จริงเสียแล้ว เป็นเหมือนหนีเสือปะจรเข้ หนีจากโรคหัวใจไปเจอโรคมะเร็ง ซึ่งก็ร้ายไม่แพ้กัน ข้อสรุปปัจจุบันนี้มีอย่างเดียวว่าต้องน้ำมันพืชจากมะกอก ถั่วลิสง อาโวคาโด และเมล็ดเรพ (rapeseed) จึงจะปลอดภัยเพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวแบบข้อเดียว (monounsaturated fatty acid)

กรดไขมันไม่อิ่มตัวแบบข้อเดียวต่างจากแบบหลายข้ออย่างไร เรื่องนี้อธิบายไปก็เป็นวิชาการมาก เอาเป็นว่านี่เป็นข้อสรุปและความรู้ที่ยอมรับกันทั่วไปในขณะนี้ก็แล้วกัน กระแสสุขภาพขณะนี้ถือว่าน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันพืชที่ปลอดภัยที่สุด น้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันพืชสุขภาพ เพราะนอกจากไม่มีโทษแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีก เช่น ช่วยย่อยอาหาร รักษาเยื่อบุกระเพาะ ป้องกันภาวะกระดูกเสื่อมในคนแก่ ฯลฯ น้ำมันมะกอกเป็นเครื่องประกอบอาหารหลักอย่างหนึ่งของครัวเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งครัวอิตาลี กรีก สเปน ฝรั่งเศสตอนใต้ ซึ่งมีชื่อเสียงขจรขจายในฐานะครัวสุขภาพ อาหาร 80-90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศในแถบนี้ ใช้น้ำมันมะกอกเป็นทั้งเครื่องปรุงรสและประกอบอาหาร ใช้กันมานานกว่า 6,000 ปีมาแล้ว

มะกอกเป็นน้ำมันพืชสุขภาพ เราก็อยากใช้บ้าง ทว่าสนนราคาช่างแพงเหลือเกิน อีกทั้งยังไม่คุ้นเคยเจ้ากลิ่นมะกอก หากเรารู้จักเจ้าน้ำมันมะกอกมากกว่านี้ บางทีเราอาจตัดใจซื้อมาลองใช้ดูก็ได้

พูดถึงมะกอกแล้ว คนไทยในบ้านเราก็มักจะนึกไปถึงผลมะกอกที่เอาไปใส่ในส้มตำ หรือไม่ก็ที่ไปจิ้มกินกับเกลือเป็นของกินเล่น น้อยคนที่จะนึกถึงมะกอกของฝรั่งที่มีชื่อว่าโอลีฟ (olive) มะกอกชนิดนี้จัดเป็นพืชโบราณที่มีต้นกำเนิดและประวัติความเป็นมาที่แสนยาวนาน มะกอกกำเนิดขึ้นที่เกาะครีตเมื่อประมาณหกพันปีมาแล้ว มีหลักฐานและตำนานมากมายที่กล่าวถึงมะกอกเอาไว้ อย่างเช่นค้นพบพวงมาลัยที่ทำจากกิ่งมะกอกซึ่งวางอยู่บนตัวมัมมี่ระหว่างเทพีอะเธน่า (Athena) และโปสิดอน (Poseidon) เทพเจ้าแห่งท้องทะเล โปสิดอนต่อสู้ด้วยอาวุธที่แข็งแกร่งว่องไว ในขณะที่เทพีอะเธน่าสร้างต้นมะกอกมาเพื่อเป็นตัวแทนของความสว่างไสวในยามค่ำคืน หรือในตำนานทายาทของพระเจ้าผู้สร้างกรุงโรม ก็ได้เห็นแสงสว่างครั้งแรกที่ใต้ต้นมะกอก

มะกอกเป็นต้นไม้ที่ทนทาน อายุยืนมากเป็นหลายร้อยปี ต้นมะกอกจึงเป็นเสมือนต้นไม้แห่งอมตะชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะ ความดีงาม ความเจริญ ฯลฯ ที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวเมดิเตอร์เรเนียนมาแต่โบราณกาล

ในศตวรรษที่ 15 ชาวสเปนได้นำมะกอกเข้ามาสู่โลกยุคใหม่ แพร่กระจายไปทั่วยุโรปตอนใต้ และตลอดแนวของชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน จนกระทั่งปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมการเพาะปลูกมะกอกได้ขยายตัวขึ้นถึง 30-40 เท่า มะกอกหรือโอลีฟมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Olea europaea เป็นพืชในวงศ์ Oleaceae จัดเป็นผลไม้ที่มีเม็ดในแข็ง หนึ่งลูกจะมีหนึ่งเมล็ด เป็นพืชที่ทนได้ทุกสภาวะอากาศ ดอกมะกอกจะออกช่อในช่วงปลายฤดูหนาว มีดอกเล็กๆสีขาว ผลจะโตเต็มที่ประมาณ 7-8 เดือนหลังออกดอก ลำต้นจะสูงใหญ่กว่ามะกอกไทยบ้านเรามาก สูงตั้งแต่ 3 เมตร จนถึง 18 เมตร ใบเรียวยาวสีเขียวเข้ม มีหลายร้อยพันธุ์ ตัวผลจะมีรสขมและฝาด มีปริมาณสูง พอแก่จัดสีจะเปลี่ยนจากเขียวจนเป็นสีคล้ำจนเกือบดำ ถ้าจะนำไปสกัดเอาน้ำมันต้องเลือกผลแก่จัด แต่ถ้าจะนำมาบริโภคสดหรือนำไปประกอบอาหารต้องใช้มะกอกอ่อน

การนำมะกอกมากินสดนั้น มีข้อจำกัดอยู่ว่า ต้องนำมะกอกมากำจัดสารขมที่มีชื่อว่า Oleuropein ออกเสียก่อน มีทั้งนำไปแช่โซดาไฟ (Sodium hydroxide) หรือจะใช้วิธีธรรมชาติที่ง่ายที่สุดก็คือ แช่ในน้ำเกลือเข้มข้นทิ้งไว้ 1-2 วัน แล้วจึงล้างน้ำออก เพียงเท่านี้ก็สามารถกินผลสดของมันได้อย่างเอร็ดอร่อย ผลของมันนอกจากจะนิยมบริโภคสดๆแล้ว ยังนำมาดัดแปลงโดยการสอดไส้พริกพีเมียนโต หรือพริกหยวกลงไปดองกับน้ำเกลืออีกด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มรสชาติไปอีกแบบหนึ่ง รสชาติจะออกเค็ม เผ็ดแบบปะแล่มๆ มะกอกแบบนี้พบวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ ผู้ผลิตจะนำเอามะกอกเขียวที่ยังไม่แก่จัดมาเข้าเครื่องดึงเมล็ดออก แล้วก็ยัดพริกที่ปอกเปลือกแล้วลงไป พริกที่ใช้ส่วนมากเป็นทางแถบเมืองหนาว ซึ่งไม่เผ็ดมาก ที่นิยมก็คือพริกพีเมียนโต และพริกหยวกสีแดง จากนั้นก็นำไปบรรจุขวดดองน้ำเกลือ ผลสดซึ่งผ่านการแปรรูปเหล่านี้นิยมนำมากินกับสลัด ตกแต่งจานอาหาร ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารโดยหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความหอมและรสให้อาหาร เช่น หั่นแว่นตามขวางวางบนคานาเป้ หรือแซนด์วิชเปิดหน้า หรือไม่ก็กินเล่นตามชอบ

มะกอกจัดเป็นผลไม้ที่มีน้ำมันมากที่สุด ในผลมะกอกที่แก่จัด 100 กรัม ให้น้ำมันถึง 20-30 กรัม แต่กระบวนการหีบเอาน้ำมันจากผลมะกอกมิใช่เป็นเรื่องง่ายๆ ต้องผ่านหลายขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่การคัดและเก็บผลด้วยคนงาน เครื่องจักรทำแทนไม่ได้เลย เพราะผลมะกอกแก่ไม่พร้อมกัน อีกทั้งต้องระมัดระวังมิให้ผลเกิดเสียหายในตอนเก็บและขนส่งไปโรงงาน การคั้นน้ำมันมะกอกที่ดีเป็นวิธีการหีบเย็น (cold press) แบบโบราณ เริ่มด้วยการโม่ผลมะกอกให้เนื้อแหลก แล้วเอาไปเข้าเครื่องหีบน้ำมันออกโดยไม่ใช้ความร้อนเข้าช่วยเลย น้ำมันที่ไหลออกมาจากการหีบครั้งแรกถือเป็นน้ำมันคุณภาพดีที่สุด มีความบริสุทธิ์เพราะเป็นน้ำมันแรก การหีบครั้งต่อๆไปต้องใช้แรงมากขึ้น น้ำมันที่ได้มีคุณภาพด้อยลง ทั้งหมดนี้ใช้เครื่องมือทำจากหินและแรงคนเป็นหลัก ปัจจุบันมีโรงงานกลั่นน้ำมันมะกอกสมัยใหม่ที่ใช้ความร้อนและเครื่องจักรในการโม่และกลั่นน้ำมันมะกอก แต่น้ำมันมะกอกแบบนี้มีคุณภาพไม่ดีเท่าแบบวิธีหีบเย็นแบบเก่า หลังจากหีบเอาน้ำมันมะกอกได้แล้ว ก็ต้องเอามาเก็บไว้ในห้องใต้ดินที่มีอุณหภูมิเย็นพอเหมาะเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้เศษผงต่างๆจมตัว จากนั้นจึงนำมากรองและบรรจุขวดขาย

สภาน้ำมันมะกอกนานาชาติได้แบ่งชนิดน้ำมันมะกอกตามคุณภาพ จากปริมาณกรดในน้ำมัน และนิยมเรียกชื่อตามความ "บริสุทธิ์" ดังนี้คือ
- ชนิดบริสุทธิ์พิเศษ Extra Virgin Olive Oil มีคุณภาพเยี่ยมที่สุด ประมาณความเป็นกรดต่ำกว่า 1% น้ำมันที่ออกมาบริสุทธิ์จริงๆ รสและกลิ่นมะกอกแรง
- ชนิดบริสุทธิ์ดีมาก Superfine Virgin Olive Oil มีความเป็นกรดต่ำไม่เกิน 1.5%
- ชนิดบริสุทธิ์ดี Fine Olive Oil มีความเป็นกรดต่ำระหว่าง 1.5 ถึง 3 %
- ชนิดบริสุทธิ์ Virgin or Pure Olive Oil ความเป็นกรดไม่เกิน 4% (หากเกินก็กินไม่ได้แต่ใช้เป็นน้ำมันจุดตะเกียงได้) โดยทั่วไปกลิ่นมะกอกจะมีเพียงอ่อนๆ

โดยทั่วไปน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์พิเศษ (extra virgin) มีสีออกเขียวกว่าชนิดคุณภาพต่ำลงมา และถ้าจะให้ดีต้องได้มาด้วยวิธี cold press น้ำมันมะกอกคุณภาพดี ราคาแพงอย่างนี้ ควรเอามาปรุงเป็นน้ำสลัด หรือเครื่องปรุงรสของอาหารอื่น ไม่เหมาะนำมาเป็นน้ำมันสำหรับทอดหรือผัดอาหาร ซึ่งอาจใช้น้ำมันมะกอกเกรดต่ำลงมาได้ อนึ่ง น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษอย่าง cold press อาจเสียรสไปได้หากถูกความร้อนทำให้มีอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส

นอกจากค่าของกรดที่เป็นตัวกำหนดคุณภาพของน้ำมันมะกอกแล้ว รสชาติและกลิ่นของน้ำมันมะกอกยังแปรไปตามเขตที่ปลูก น้ำมันมะกอกจากที่เดียวกัน ก็อาจมีกลิ่นและรสชาติแตกต่างกันไปได้ ในทางปฏิบัติการซื้อขายน้ำมันมะกอกแบบขายส่งจึงต้องมีการชิมก่อนเหมือนการชิมไวน์อย่างไรอย่างนั้น

นอกเหนือจากน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์แล้ว ในท้องตลาดยังมีน้ำมันมะกอกผสม คือผสมกับน้ำมันพืชอื่นๆ ในทางปฏิบัติมีระเบียบว่าจะต้องมีส่วนผสมน้ำมันมะกอกกลั่น 5-10% จึงจะเรียกชื่อเป็นน้ำมันมะกอกผสมได้

ในทางปฏิบัติ การเลือกซื้อน้ำมันมะกอกก็เลือกตามระดับความบริสุทธิ์ที่กล่าวไปแล้ว ทางที่ดีควรเลือกแบบ cold press เรื่องรสชาติอาจแตกต่างกันไปตามยี่ห้อและแหล่งผลิต ก็ต้องลองซื้อมากินดูจนได้ที่ถูกใจ ข้อคำนึงที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือราคา เนื่องจากน้ำมันมะกอก extra virgin ราคาค่อนข้างสูง จึงควรเลือกใช้เฉพาะทำน้ำสลัดหรือปรุงรสอาหารเท่านั้น ยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มลองใช้น้ำมันมะกอกใหม่ ยังไม่ชินกับกลิ่นน้ำมันมะกอกแรงๆ ก็น่าจะลองใช้ชนิดที่คุณภาพต่ำลงมา เพราะนอกจากกลิ่นมะกอกอ่อนลงแล้ว สนนราคายังถูกอีกด้วย โดยเฉพาะถ้าทำอาหารทอด หรืออาหารผัด ก็จะเหมาะพอดีกัน

น้ำมันมะกอก เป็นน้ำมันทำอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพ แต่รสนิยมอาหารเป็นเรื่องวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น เฉพาะสังคม การรับของดีจากวัฒนธรรมอื่นจึงต้องผ่านการเลือกและประยุกต์ใช้โดยคนในวัฒนธรรมนั้นๆ ความรู้เกี่ยวกับน้ำมันมะกอก จึงเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการพิจารณาประยุกต์ใช้ ตามความเหมาะสมของวิถีครัวไทยและเงื่อนไขของแต่ละคน



ขอบคุณ horapa.com




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:28:02 น.   
Counter : 1364 Pageviews.  
space
space
Tips ในการทำอาหารที่ควรรู้ 3

วิธีเก็บมะนาวให้สดเสมอไว้กินระยะยาว
เมื่อมีมะนาวมาก เกรงว่าจะกินไม่ทัน มีวิธีคือ หากระถางปลูกต้นไม้ มา 1 ใบ และทรายสำหรับก่อสร้างผสมน้ำให้มีความชื้นพอประมาณบรรจุลงในกระถางเกือบเต็ม นำมะนาวฝังลงไป จะเก็บไว้ได้ 4-5 อาทิตย์

วิธีเลือกเนื้อหมู
เนื้อหมูดีนั้นหนังหมูจะดูเกลี้ยงเกลาและลื่น เมื่อเอามือแตะดูจะรู้สึกเย็น ถ้าเนื้อหมูค้างนาน เวลาแตะดูจะรู้สึกเหนียวหนับและอ่อนนุ่มมาก ถ้าเนื้อหมูที่เป็นโรคสังเกตได้โดยมีเม็ดจุดขาวๆ โตๆ ในเนื้อหมู

วิธีป้องกันไม่ให้น้ำมันเหม็นหืนเร็ว
ปกติน้ำมันที่ซื้อมาไว้นานๆ หรือน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารต่างๆ แล้วเก็บไว้ จะมีกลิ่นไม่ค่อยดีเรียกว่ากลิ่นเหม็นหืน เพราะว่าน้ำมันทำปฏิกิริยากับอ๊อกซิเจนในอากาศ ถ้าไม่อยากให้มีกลิ่นเหม็นหืนเร็ว ให้เอาน้ำตาลทรายสักประมาณ 1 ช้อนใส่ลงไปด้วยกับน้ำมัน ทำให้เหม็นหืนช้าลง

วิธีคั่วพริก
ถ้าไม่อยากให้พริกที่คั่วมีกลิ่น ให้เติมเกลือพอประมาณคั่วผสมกัน รับรองไม่มีกลิ่นแน่นอน

วิธีผ่าขนุนแล้วไม่ให้ยางขนุนเปรอะเหนียวๆ
บางคนไม่ชอบยางขนุนซึ่งเหนียวมากเปรอะมือ จึงหาใบตองมาเช็ดก็ได้ผล แต่ถ้าบางครั้งหาใบตองยาก ก็สามารถใช้น้ำธรรมดาราดลงไปที่ขนุนผ่าใหม่ๆ จะไม่มียางเลย ถ้าหากเผอิญเปรอะยางขนุนก็เอามือเคล้ากับข้าวสาร ยางขนุนก็จะหลุดหมด

การต้มไข่ที่มีรอยร้าวรอยแตก
การต้มไข่ที่มีรอยร้าวหรือแตก เพื่อไม่ให้เนื้อไข่ทะลักออกมา จงผสมเกลือสักหนึ่งช้อนชาลงกับน้ำต้มไข่ วิธีนี้จะไม่ทำให้เนื้อไข่ไหลทะลักออกมา การต้มควรให้เดือดอยู่ไม่เกิน 10 นาที ก็จะได้ไข่ที่นิ่มนวลดี แต่ถ้าหากต้มนานเกินไปไข่จะแข็งกระด้างและย่อยยากยิ่งขั้น

วิธีแก้ข้าวสุกๆ ดิบๆ
คุณแม่บ้านที่บางครั้งหุงข้าวแล้ว เห็นว่าข้าวนั้นไม่สุก หรือชนิดที่เรียกว่าสุกๆ ดิบๆ จะเททิ้งก็เสียดาย ทดลองวิธีนี้ดูบ้าง รับรองได้ผล คือเมื่อเห็นว่าข้าวกำลังสุกๆ ดิบๆ ให้ละลายน้ำเกลือแล้วใช้พรมบนฝาหม้อ (ต้องปิดฝาให้สนิทจริงๆ) ไม่ช้าข้าวของท่านที่สุกๆ ดิบๆ จะสุกขึ้นมาทันที ไม่ต้องกลัวข้าวจะเค็มด้วย

การเลือกซื้อปลาเค็ม
ปลาเค็ม ไม่ว่าจะเป็นปลาอินทรี ปลาสลิด ปลาช่อน เป็นต้น ก่อนซื้อปลาเค็มพวกนี้ต้องดูสีก่อนว่าเป็นปลาสีหรือปลาย้อมสี แล้วจึงค่อยดมกลิ่นดู ปลาเค็มดีจะมีกลิ่นหอมน่ากิน พยายามดูในปากปลา จะต้องไม่มีเม็ดเกลือ ไม่มีขมวนและเพื่อแน่ใจว่าปลาเค็มนั้นไม่ได้ถูกฉีดดีดีทีมาก่อน จึงควรสังเกตว่าปลาเค็มนั้น มีแมลงตอมหรือไม่ ถ้าแม้แต่แมลงก็ยังไม่มาเกาะ แสดงว่าปลาชิ้นนั้นมียาฆ่าแมลงวันแน่

กันฟักทองเสีย
ฟักทองผลใหญ่ๆ เวลานำมาทำอาหารแล้วยังเหลืออยู่ ฟักทองมักจะขึ้นราถ้าเราปล่อยทิ้งไว้นานๆ วิธีที่จะไม่ให้ฟักทองขึ้นราคือเอาปูแดงที่กินกับพลูทาให้ทั่วบริเวณเนื้อที่ผ่า คราวนี้ฟักทองทิ้งไว้นานๆ ก็จะไม่ขึ้นรา เมื่อจะนำไปทำอาหารอีกก็ฝานทิ้งออกบางๆ

วิธีเก็บพริกสดไว้ได้นาน
พริกเมื่อซื้อหรือเก็บจากต้น ควรเด็ดขั้วออกก่อน เพราะเป็นส่วนเน่าง่าย ล้างน้ำผึ่งให้แห้งห่อด้วยกระดาษถุงปูน หรือกระดาษหนาๆ เก็บไว้ในที่แห้ง พริกจะคงความสดอยู่ได้ 10-15 วัน โดยไม่เน่าเสียหาย หรือถ้ามีตู้เย็นจะเก็บไว้ได้นานประมาณ 30 วัน ข้อควรระวัง ในการเก็บพริกก็คือ อย่าให้น้ำเปียกพริกหรือกระดาษที่ห่อพริกเพราะจะทำให้เน่าได้

จุดธูปบ่มกล้วยให้สุกเร็ว
ถ้าต้องการให้กล้วยสุกเร็ว ทดลองกรรมวิธีนี้คือ นำกล้วยมาใส่ในโอ่งบ่มไว้ แล้วนำธูปมาจุดใส่ลงไปในโอ่ง 3 ดอก กล้วยเหล่านั้นจะสุกเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

วิธีหุงข้าวให้ขาวสะอาดและนุ่ม
จะหุงข้าวให้ขาวสะอาดและนุ่มนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่ใส่สารส้ม หรือน้ำมะนาวลงไปในน้ำที่ใช้หุงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ทำปลาเค็มให้หายเค็ม
นำปลาเค็มไปแช่น้ำและใส่เกลือที่แกงลงไปสักช้อน แช่ไว้สักครู่แล้วจึงล้าง นำมาปิ้ง ทอด ตามชอบ ปลานั้นจะไม่เค็ม

วิธีต้มปลาให้ก้างยุ่ย
วิธีต้มปลาให้เนื้อแข็งแล้วก้างอ่อนยุ่ยเหมือนก้างปลากระป๋องคือใช้อ้อยมาปอกเปลือกข้างนอกออกแล้วตัดเป็นเสี้ยวเล็กๆ นำมาวางเรียงในหม้อที่จะใช้ต้มปลา แล้วนำปลามาวางทับแล้วเติมน้ำลงไปพอประมาณนำไปตั้งไฟสัก 40 นาที เราจะสังเกตได้ว่าปลานั้นตัวแข็งอยู่เหมือนเดิม เนื้อไม่เละเหมือนเราต้มกับน้ำตาลอย่างอื่นๆ แล้วยังเก็บไว้ได้นานอีกด้วย ยิ่งอุ่นยิ่งอร่อย

สารส้มแก้เมือกปลาและกลิ่นคาว
ปลาน้ำจืด เช่นปลาดุก ปลาช่อน ส่วนใหญ่มีเมือกลื่นยากแก่การทำความสะอาดเมื่อนำมาประกอบอาหาร ลองใช้สารส้ม (ที่กวนให้น้ำใส) ถูให้ทั่วตัวปลา แล้วจะทำให้เมือกลื่นหมดไป จะขอดเกล็ดปลาทำความสะอาดได้สบาย และใช้ถูมือช่วยให้ล้างกลิ่นคาวปลาออกง่ายอีกด้วยที่บ้านผู้เขียนใช้เสมอ

วิธีแก้ครกหินขรุขระ
เวลาที่เราซื้อครกหินมาใหม่ๆ มันมักจะขรุขระและไม่ลื่น มีวิธีแก้คือ ใช้เนื้อมะพร้าวแก่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ในครก โขลกสักพักหนึ่งครกนั้นจะลื่นดี

วิธีทำให้เนื้อเปื่อยเร็ว
จะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้ออะไรก็ได้ ที่เหนียวหนืดแข็ง เช่น เราจะต้มหรือแกง เมื่อเวลาผัดเครื่อง ใส่เครื่องเสร็จใส่เนื้อแล้วใส่น้ำในหม้อ เราก็ใส่กุ้งแห้งลงไปสัก 2-3 ตัว รับรองไม่กี่นาทีเนื้อจะเปื่อยยุ่ยเร็วทันทีได้ผลแน่นอนเพราะมันแพ้กัน ให้ใช้กุ้งแห้งที่จืดใส่ไม่ใช่กุ้งเค็ม

น้ำผักไม่เหม็นเขียว
ปัจจุบันนี้คนนิยมนำผักสดมาคั้นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งการนำผักสดมาปั่นคั้นน้ำเลยนั้นอาจทำให้น้ำผักที่ได้มีกลิ่นเหม็นเขียว แต่แก้ไขได้โดยให้แช่ผักเหล่านั้น ก่อนปั่นในน้ำเย็นและน้ำที่ใช้ปั่นควรเป็นน้ำแข็ง การให้ความเย็นจะช่วยลดความเหม็นเขียวได้

ตากกล้วยไว้รับประทานนำกล้วยน้ำว้าสุกมาปอกเปลือก ตัดหัวตัดท้ายให้สวยงาม นำไปแช่ในน้ำเกลือสัก 1 นาทีก่อนนำไปตาก 1-2 อาทิตย์ พอกล้วยแห้งได้ที่แล้ว นำไปนึ่งสัก 5 นาที หลังจากนั้นก็ตากแดดอีกครึ่งชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องไปอบน้ำผึ้งก็นำมารับประทานได้เลย กล้วยที่ได้จะมีสีแดงน้ำตาล และรสชาติหวานตามธรรมชาติ

วิธีดับกลิ่นในตู้เย็น
ใช้กากกาแฟใส่ถ้วยตั้งไว้ชั้นล่างของตู้เย็น กลิ่นจะหมดไปเพราะกาแฟดูดกลิ่นได้และถ้าใครชอบสูบบุหรี่ ก็ใช้ขี้บุหรี่ขัดเครื่องชุบโครเมี่ยมก็จะได้เงาสวย


thanks for horapa.com




 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:27:06 น.   
Counter : 1092 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

tanas251235
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space