space
space
space
space

ขมิ้น...สมุนไพรมากกว่าความงาม
ขมิ้น...สมุนไพรมากกว่าความงาม

curcumin2.jpgจากข่าวคราวที่พูดถึงสรรพคุณของสมนไพร สารพัดคุณค่าอย่าง "ขมิ้น" ซึ่งเป็นเครื่องปรุง อย่าง หนึ่ง ที่นิยมใส่ในอาหาร อาจจะ มีสรรพคุณ ช่วยบรรเทาอาการ ของ โรค อันเนื่อง มา จากความ เสื่อม โทรม ของ ประสาทไม่ให้ทรุดลงได้

การศึกษาครั้งนี้ นักวิจัยเปิดเผยว่า ขมิ้นเป็นส่วนประกอบของอาหารหลายชนิด ไม่ว่จะเป็นตะวันตก หรือตะวันออก โดยเฉพาะในอินเดีย นิยมใช้ขมิ้นในการปรุงอาหารหลายชนิด โดยในขมิ้นนั้นมีสารเคมีชื่อ curcumin

สำหรับโรคอัลไซเมอร์ นั้นมีความสัมพันธ์กับการเกิดแผ่นแป้งในสมองที่เรียกว่า amloidplaques ในสมอง อย่างไรก็ดี นักวิจัยพบว่า ขมิ้นสามารถลดแผ่นดังกล่าวลงได้ราวครึ่งหนึ่ง และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีก เช่น ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยต่อสู้การติดเชื้อ และ ป้องกันโรคหัวใจ

สารเคมีในขมิ้นจะช่วยลดอาหารอักเสบของเนื้อเยื่อในสมองที่เป็นผลมาจากโรคอัลไซเมอร์ด้วย โดยจะมีประสิทธิภาพเมื่อใช้คู่กับยา ibuprofen

ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาพบว่าขมิ้นสามารถช่วยต้านมะเร็งได้อีกด้วย หากเปรียบเทียบอินเดียที่มีการรับประทานมากกว่าประเทศอื่น ๆ แล้ว จะพบว่าประชากรในอินเดียที่มีอายุเกินกว่า 65 ปี หลายหมู่บ้านของอินเดีย เป็นโรคอัลไซเมอร์เพียง 1 % เท่านั้น

ดังนั้นเราคนไทยที่คุ้นเคยกับ "ขมิ้น" มานาน แล้ว จะรอช้าอยู่ใย รีบมาทำ ความรู้จัก ถึง สรรพคุณ ที่หลากหลาย เพื่อวันไหน มีโอกาส ได้กินขมิ้น อย่างน้อยจะได้รู้ว่า ขมิ้นนั้น มี ประโยชน์อย่างไร
"ขมิ้น" หรือ ขมิ้นชัน หรือ ขมิ้นหัว หรือ ขมิ้นแกง หรือ ขี้มิน เป็นสมุนไพรประเภทพืชวัตถุ มีเหง้าสีเหลือง อมส้ม นิยมให้เหง้าแก่จัดทั้งสดและแห้ง ส่วนใหญ่ เป็นพืชผักสวนครัว ประเภทพืชล้มลุก มีเหง้า หรือ หัวอยู่ใต้ดิน

เนื้อในมีสีเหลืองแก่ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ออกดอกเป็นช่อ ขมิ้นชอบอากาศร้อน ปลูกได้ในดินทั่ว ๆ ไป

ขมิ้นเป็นยาสมุนไพรที่สารพัดประโยชน์นอกจากใช้เป็นอาหารแล้ว ยังสามารถใช้เป็นสีย้อมผ้า หรื อยา โดยขมิ้นนั้นมีสารเคอร์คิวมิน (curcumin) และน้ำมั้นหอมระเหย เป็นองค์ประกอบ หลักที่ให้สรรพคุณทางยา สีเหลืองส้มของขมิ้นที่ใช้เป็นสีย้อมได้ดี ก็ได้จากสารสีชื่อ เคอร์คิวมิน

คนไทยนิยมใช้เหง้าขมิ้นในการแต่งกลิ่น และสีในอาหารโดยเฉพาะอาหารปักษ์ใต้ เช่น แกงเหลือง แกงไตปลา ไก่ทอดขมิ้น เป็นต้น ใบขมิ้นหั่นฝอย ยังกินเป็นผักแกล้มกับข้าวยำของคนใต้เช่นกัน




ขมิ้นขาว ที่นิยมกินเป็นผักสดกับไส้กรอก อีสาน หรือน้ำพริกหลายชนิด ซึ่งมีสารอาหารสำคัญคือ ธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งทำงานร่วมกับแคลเซียมในการเสริมสร้างความ แข็งแรงของ กระดูก และธาตุเหล็กช่วยบำรุงโลหิต

ผงกระหรี่ curry powder) ที่เรารู้จักกันดีเป็นเครื่องเทศชูรสกลิ่นของอาหารอินเดีย โดยเฉพาะแกงกระหรี่นั้นก็ทำมาจากขมิ้นเช่นเดียวกัน

การวิจัยปัจจุบันยังยืนยันถึงสรรพคุณมากมายของขมิ้น ตามความเชื่อของคนโบราณ ทั้งยังค้นพบคุณสมบัติใหม่ ๆ ของขมิ้นเช่น ป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียช่วยต้านมะเร็ง และแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น

มีการศึกษาพบว่า หากให้รับประทานขมิ้นพร้อมกับ อาหารจะช่วยป้องกันมะเร็งในลำไส้ และยังทำลาย ไวรัสที่ปนเปื้อนมากับอาหารได้ การกินอาหารที่ใส่ขมิ้น จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากจะ ใช้ แต่งกลิ่นสีให้อาหารเท่านั้น
เนื่องจากเหง้าขมิ้นมีสารที่ยับยั้งการหลั่งของกรด จึงใช้ในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟื้อ และยังช่วยเจริญอาหารด้วย

ขมิ้นยังมีผลดีต่อผิวหนัง คือ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง แก้อาการผื่นคัน รักษากลากเกลื้อน รักษาแผลสด ระงับเชื้อ รักษาพิษโลหิตและเสมหะ ทั้งนี้ยังใช้ขับระดูสำหรับสตรีที่มีกลิ่นเหม็น และมีเลือดจับกันเป็นก้อนสีดำ จะช่วยละลายให้เลือดแตกเป็นลิ่ม ๆ ออกมา แก้บิดเป็นมูกเลือด แก้น้ำดีพิการ

ช่วยขับลมให้ผายออกมาทางทวารหนัก หรือ ให้เรอออกมาทางปาก ฝนขมิ้นแล้วหยอดตา แก้อาการตาแดง ตาเปียกแฉะ มีขี้ตาเป็นประจำในฤดูแล้ง นอกจากแก้โรคแผลในลำไส ้และกระเพาะแล้วยังแก้ธาตุพิการ ท้องร่วงด้วย

ถ้าหากมีอาการของไข้หวัด ขมิ้นก็สามารถใช้ดมแก้หวัด ขับเสมหะในลำคอ ผสมสมุนไพรอย่างอื่น ๆ เป็นยาคุมธาตุ แถมยังแก้อาการฟกช้ำดำเขียวตามร่างกาย ด้วยการเอาหัวสด ๆ มาตำพอกบรรเทาอาการอักเสบและเคล็ดขัดยอกไว้ด้วย

นอกจากนี้ขมิ้นยังมีฤทธิ์ต้านวัณโรค แก้อาการไม่สบาย ลดไข้ รักษาไข้ผอมเหลือง บรรเทาอาการวิงเวียน ดมแก้หวัด ระงับอาการชัก รักษาฟัน แก้หญิงที่ตกโลหิต รักษาอาการโลหิตออกทางทวารหนักและเบา

การใช้ประโยชน์จากขมิ้น
1. ตัดแง่งขมิ้นมาพอสมควร นำมาล้างให้สะอาด (ควรทำขั้นตอนนี้ทุกครั้งของการใช้สมุนไพร) แล้วตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำเจือน้ำสุกเท่าตัวนำมาดื่มครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 - 4 ครั้ง หรือเติมเกลือเล็กน้อย เพื่อใช้รักษาอาการท้องร่วง บิด

2. ใช้ผงขมิ้น 1 ช้อนโต๊ะ นำมันผสมกับน้ำมันมะพร้าว 2 - 3 ช้อนโต๊ะ เอามาเคี่ยวด้วยไฟอ่อน จนได้น้ำมันสีเหลือง แล้วนำมาใช้ใส่แผล หรือนำมาพอกบริเวณ ที่ปวดเมื่อย หรือเคล็ดได้

3. นำผงขมิ้นมาผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม ปั้นเป็นลูกกลอน ขนาดปลายนิ้วก้อย รับประทาน 2 - 3 เม็ด หลังอาหาร และก่อนนอน เพื่อรักษา อาการโรคกระเพาะ ท้องขึ้น

4. นำขมิ้นแห้ง 25 กรัม + ว่านนางคำ 200 กรัม + ไพล 50 กรัม + ดินสอพอง 1000 กรัม นำมาบดผสมกัน ใช้พอกหน้า และตัวเพื่อบำรุงผิวได้ (ถ้าผิวมันใช้ผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ ถ้าผิวแห้ง ใช้ผสมกับน้ำผึ้ง หรือ นมสด) ควรพอกประมาณ 5 - 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็น สลับกัน

5. ใช้ผงขมิ้นละลายน้ำทาบ่อย ๆตรงบริเวณที่คัน หรือ คันจากยุงกัดมดกัด

6. ทำครีมสมุนไพร เพื่อใช้แทนสบู่ และลดรอยเหี่ยวย่นและจุดด่างดำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า โดยนำมะขามเปียก 300 กรัมมาแช่น้ำและบีบน้ำแล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วเอาตั้งใส่หม้อเคลือบตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวให้แห้งจากนั้น เติมนมสด 200 กรัม + น้ำผึ้ง 50 กรัม + ขมิ้นผง 1/2 ช้อนชา + ว่านนางคำผง 1/2 ช้อนชา คนให้แห้ง ยกลง ก็โดยชะโลมน้ำที่หน้าพอเปียก ป้ายครีมเล็กน้อย ลูบไล้จนทั่วหน้า ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

7. วิธีทำยาทาผิว ใช้เหง้าขมิ้นสดมาหั่นบาง ๆ แล้วตากแห้ง นำมาบดเป็นผงให้ละเอียด เวลาจะใช้ให้นำมาผสมกับน้ำคนให้เข้ากัน ทาตามเนื้อตัวหรือใบหน้า หรือผสมกับน้ำนมทาตัวเอาไว้ก่อนจะอาบน้ำทิ้งไว้ 10 - 20 นาที เป็นอย่างน้อย แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือตามด้วยการอาบน้ำชำระร่างกาย ผลที่ได้รับคือ ช่วยให้ผิวนุ่มนวลเนียน แก้โรคผดผื่นคัน หรือจุดด่างดำบนร่างกายให้หายไป

8. วิธีทำครีมขัดและพอกหน้า นำขมิ้นผงผสมกับน้ำนม หรือน้ำผึ้ง จากนั้นล้างหน้า ให้สะอาดแล้วนำขมิ้นที่เตรียมไว้ขัดใบหน้าเบา ๆ จนทั่วพอกไว้อย่างนั้นประมาณ 5 นาที ล้างออกได้ด้วยน้ำอุ่น ๆ ผลที่ได้รับคือ ช่วยให้สิ้วเสี้ยนหลุดสมานผิวและรูขุมขน ช่วยรักษาแผลที่เกิดจากสิวอักเสบ ไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ทำให้ผิวหน้า นุ่ม
และเนียน




นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีการศึกษาพิสูจน์สรรพคุณของขมิ้นตามการใช้แบบโบราณ ก็พบว่า มีสรรพคุณมากมายตามที่เคยใช้กันมา เช่น ขมิ้นชันมีสรรพคุณในการช่วย ทำให้แผล หายเร็วขึ้นมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ลดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มีฤทธิ์ต้าน เชื้อ แบคทีเรียทีทำให้เกิดหนอง มีฤทธิ์ขับน้ำดีช่วยในการย่อยและป้องกัน ไม่ให้เป็น นิ่วในถุงน้ำดี มีฤทธิ์ขับลม และ ยังพบว่า ช่วยชะลอความแก่ เป็นสาร ต่อต้านมะเร็งและเนื้องอกต่าง ๆ พบว่าการกินอาหารผสมขมิ้น สามารถทำลายเชื้อไวรัสที่ผ่านมาทางอาหารได้ รวมทั้งสามารถ ป้องกันมะเร็งจากสารก่อมะเร็งต่าง ๆ และยังมีสรรพคุณในการต้านไวรัส โดยเฉพาะเชื้อ HIV อันเป็นต้นเหตุของโรคเอดส์ ขมิ้นชันจึงเป็นอีกความหวังหนึ่งของผู้ป่วยโรคเอดส์

ข้อมูลจาก horapa.com


Create Date : 02 พฤษภาคม 2551
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 18:14:15 น. 1 comments
Counter : 1688 Pageviews.

 
ทำเป็นประจำเลยค่ะ ทั้งขัดทั้งพอก
แต่หน้าตาก็ยังสถุลเหมือนเดิม



โดย: Shallow Grave วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:00:46 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

tanas251235
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space