|
|
"นาโนบีส์" พิษผึ้งกำราบมะเร็ง |
|
ภาพประกอบวันนี้อาจดูยุ่งเหยิง มองไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่
แต่ที่นำมาลงเพราะอยากแสดงให้ท่านผู้อ่านเห็นถึงลักษณะ หรือภาพจำลองขณะ "เมลิตทิน" (Melittin) ซึ่งเป็นสารพิษจากผึ้ง กำลังรุมโจมตี-ทำลาย "เซลล์มะเร็ง" ก้อน กลมๆ อยู่อย่างขะมัก เขม้น
ผู้ริเริ่มพัฒนา เทคนิคการแพทย์ใหม่นี้ ได้แก่
ดร.โซแมน จากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน วิทยาเขตเซนต์หลุยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เป้าหมายการวิจัยต้องการสร้างระบบนำส่ง "ตัวยาฆ่าเซลล์มะเร็งโดยตรง" โดยไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ดีอื่นๆ ในร่างกาย!
ดร.โซแมน เปิดเผยกับนักข่าวอเมริกัน ว่า
สารเมลิตทินจากผึ้งมีประโยชน์ทางการแพทย์ก็จริงอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาการนำมาใช้ก็คือ มักออกฤทธิ์ทำลาย "เซลล์ปกติ" ไปด้วย
ล่าสุด จึงวิจัยทดลองนำเอาเมลิตทินไปผูกติดกับอนุภาคนาโน (nanoparticles) ขนาดเล็กจิ๋ว
ผลปรากฏว่า สารตัวนี้เกาะติดกับผิวภายนอกของอนุภาคนาโนได้อย่างรวดเร็วและเหนียวแน่นดีเสียด้วย ช่วยให้ตัวยาไม่หลุดออกมาทำลายเซลล์ดี
โดยส่วนผสมกลายเป็นสารใหม่ที่ได้ตัวนี้เรียกว่า "นาโนบีส์" (nanobees) หรือ "ผึ้งนาโน"
กระบวนการกำหนด (บังคับ) ให้นาโนบีส์เคลื่อนที่ไปออกฤทธิ์เฉพาะกับเซลล์มะเร็งนั้น..
ทีมของโซแมนใช้วิธีผสมโมเลกุลชนิดหนึ่งเข้าไปในอนุภาคนาโน ซึ่งชอบพุ่งไปจับตัวกับเส้นเลือดตรงจุดที่คอยทำหน้าที่หล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง
เบื้องต้น เมื่อทดลองฉีดอนุภาคนาโนบีส์ดังกล่าวให้กับ "หนูทดลอง" พบว่า
สามารถนำส่งตัวยาไปยังเซลล์มะเร็งได้ตรงเป้าและสัมฤทธิผลจริงตามคาด
ทำให้เซลล์ "มะเร็งทรวงอก-มะเร็งผิวหนัง" ในหนูทดลองเจริญเติบโต หรือลุกลามช้าลงอย่างเห็นได้ชัด!
สำหรับการทดลองในมนุษย์ ดร.โซแมนไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะเริ่มต้นเมื่อไหร่และมีโอกาสประสบความสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์
แต่ก็ถือเป็นอีก 1 ความหวังในการพัฒนาวิธีต่อสู้กับมะเร็ง..
โรคร้ายที่คร่าชีวิตประชากรมากอันดับต้นๆ ของโลก ขอขอบคุณ : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552 | | |
|
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 8:17:16 น. |
| |
Counter : 1272 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
"กาแฟลดความอ้วน"โฆษณาเกินจริง! ดื่มมากยิ่งบีบหัวใจ |
|
อย.เตือนผู้บริโภค อย่าหลงเชื่อโฆษณากาแฟราคาแพงๆ อวดอ้างสรรพคุณลดความอ้วนได้ และบางชนิดยังลอบผสมยาอันตราย น.พ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปจำนวนมากโฆษณาว่ามีผลช่วยลดน้ำหนัก หรืออ้างว่าดื่มแล้วน้ำหนักลดใน 2 สัปดาห์ เข้าข่ายอวดอ้างเกินจริงทั้งสิ้น ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อ ขอให้อ่านฉลากให้ถี่ถ้วน โดยต้องมีฉลากภาษาไทยแจ้งส่วนผสม ระบุชื่อผู้ผลิตอย่างชัดเจน และมีเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมาย อย.
"แม้ที่ฉลากจะระบุส่วนประกอบว่ามี "ไฟเบอร์คอลลาเจน แอลคาร์นิทีน" หรือ "โครเมียม"
แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลวิจัยทางวิชาการยืนยันว่าสารดังกล่าวมีผลในการลดน้ำหนัก หรือทำให้ผิวสวย หรือเพิ่มความงาม ส่วนเลขสารบบอาหารที่แสดงบนฉลากอาหารเป็นเพียงการประเมินความปลอดภัยเบื้องต้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สถานที่ผลิต และส่วนประกอบเท่านั้น ไม่ได้รับรองการโฆษณาแต่อย่างใด และอย.ไม่อนุญาตให้กล่าวอ้างสรรพคุณลดความอ้วน" น.พ.นรังสันต์ กล่าว
รองเลขาธิการ อย.เตือนว่า การดื่มกาแฟดังกล่าว ถ้าดื่มมากอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นจากการเติมน้ำตาล ครีม หรือนม ทั้งยังทำให้หัวใจทำงานหนัก เพราะได้รับกาเฟอีนมากไป ที่ร้ายไปกว่านั้น ผู้บริโภคบางรายอาจได้รับอันตรายจากการเจือปนของยาบางชนิดที่ลักลอบใส่ในผลิตภัณฑ์ เช่น "ไซบูทรามีน" ก่อให้เกิดผลข้างเคียง คือ ปวดศีรษะ ปากแห้ง นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็วขึ้น
ทั้งนี้ การลดน้ำหนักทำได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงด้วยการหมั่นออกกำลังกายอย่างเหมาะสมต่อเนื่องอย่างน้อยวันละ 30 นาที ทานอาหารครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ทำใจให้แจ่มใส ถ้าพบปัญหาผลิตภัณฑ์กาแฟอวดอ้างเกินจริง โทรศัพท์แจ้งได้ที่สายด่วน อย. 1556
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552 | | |
|
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 13:44:57 น. |
| |
Counter : 3060 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
นักวิจัยมหาวิทยาลัยโอ๊กแลนด์ นิวซีแลนด์ จับมือกับบริษัทฟอน เทอร์ราและแลคโตฟาร์มา คิดค้นไอศกรีมโคนสูตรใหม่รสสตรอว์เบอร์รี่
ช่วยบรรเทาผลข้างเคียงที่เกิดจากเข้ารับคอร์สเคมีบำบัดรักษา โรคมะเร็ง เจเรอมี่ ฮิลล์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีฟอนเทอร์รา บริษัทจำหน่าย ผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ กล่าวว่า ไอศกรีม "เดอะรีชาร์จ" (เติมพลัง) ได้รับเงินสนับสนุนการวิจัย 70 ล้านบาท และปีหน้าเตรียม นำไปทดลองตามโรงพยา บาลใหญ่ๆ 8 แห่งทั่วนิวซี แลนด์
ตัวไอศกรีมจะมีส่วนผสมของไขมันและโปรตีนจากนม
ซึ่งเมื่อทานเข้าไปแล้วจะช่วย ป้องกันไม่ให้ปากกับลำไส้ของผู้รับเคมีบำบัดเกิดอาการแพ้สารเคมีมากเกินไป ส่วนเหตุที่เลือกผลิตรสสตรอว์เบอร์รี่เพราะเป็นรสยอดนิยม ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552 | | |
|
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 9:09:16 น. |
| |
Counter : 2234 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้...ไม่ต้องแคร์วัย |
|
จริงอยู่ที่ ยิ่งแก่ตัวลงอะไรๆ ก็ยิ่งเสื่อม แต่ในบรรดาความเสื่อมและโรคภัยที่อาจแวะเวียนมาเยี่ยม มะเร็ง เป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังและร้ายแรงที่ผู้สูงอายุกลัวและกังวลมากที่สุด โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มีการยืนยันแล้วว่า ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมากกว่า 90% ที่เป็นมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ทั้งนี้อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเราอาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เพราะหากเฝ้าระวังและมีวิธีป้องกันที่ดี แม้วัยจะเพิ่มขึ้นก็ไม่ใช่ปัญหา!
อัพเดทสถานการณ์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ในประเทศไทย สถาบันมะเร็งระบุว่า ผู้ชายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มากเป็นอันดับ 3 รองจากมะเร็งตับและมะเร็งปอด ส่วนผู้หญิงพบมากเป็นอันดับ 5 รองจากมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและมะเร็งปอด... ฟังดูน่ากลัวแต่หากเทียบกับประเทศอื่นๆ คนไทยยังถือว่าเป็นน้อย แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่มารับการรักษามักเป็นขั้นลุกลามและเสียชีวิตสูงมาจากความกลัวและอายที่จะถูกตรวจทางทวารหนัก... เป็นที่น่าเสียดายเพราะมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถตรวจคัดกรองได้ตั้งแต่ระยะแรกและมีโอกาสรักษาหายขาดแต่เนิ่นๆ ดังนั้นการสังเกตอาการผิดปกติเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้สูงอายุทุกคนควรรู้ไว้ก่อนสายเกินแก้ ซึ่งสัญญาณเตือนที่สำคัญ ได้แก่ * มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย มีเลือดออกปนมากับอุจจาระหรือถ่ายเป็นมูกเลือด *อุจจาระมีขนาดลำเรียวเล็กเป็นประจำซึ่งอาจเกิดจากมีก้อนมะเร็งโตเบียดอยู่ในลำไส้ ทำให้ลำไส้อุดตันหรือตีบแคบลง *รู้สึกอึดอัดและแน่นท้อง มีอาการปวดเกร็งท้องเรื้อรัง *น้ำหนักลดอย่างไม่มีสาเหตุ *ซีด มีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลีย เนื่องจากมีการเสียเลือดในลำไส้เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตามหากภาวะหัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ เกิดขึ้นถี่หรือบ่อยขึ้น หรือคุณรู้สึกมากจนทนไม่ไหว อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่าคุณมีปัจจัยเสี่ยงของเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ที่คุณต้องรีบหาสาเหตุ โรคที่คุณอาจเป็นได้แก่
* ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ * โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน * ภาวะหัวใจล้มเหลว * ภาวะลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบ * โรคความดันโลหิตสูง * โลหิตจาง * ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ * ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ช่วงก่อนหรือหลังการมีประจำเดือน * โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง * ติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น
และเพื่อความไม่ประมาท หากคุณอายุย่างเข้า 50 ปีและยังไม่เคยผ่านการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมาก่อน ขอแนะนำให้ไปรับการตรวจค้นหามะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ที่โรงพยาบาลต่างๆ
โดยการตรวจมีหลายวิธีดังนี้
การตรวจหาเลือดในอุจจาระ นำอุจจาระส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเซลล์มะเร็งที่ปนออกมากับอุจจาระ ซึ่งควรตรวจเป็นประจำทุกปี การสวนแป้ง เพื่อดูก้อนเนื้อในลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เพื่อดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ การส่องกล้องตลอดความยาวลำไส้ การส่องกล้องตลอดความยาวของลำไส้ มีความแม่นยำมาก ซึ่งหากพบชิ้นเนื้อที่ผิดปกติหรือติ่งเนื้อก็สามารถตัดออกมาส่งตรวจได้เลย เพื่อดูว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ CT Scan 64 slices เป็นการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่แม่นยำรองจากการส่องกล้อง แต่มีค่าใช้จ่ายสูง ้ อย่าลืมว่าการเป็นคนช่างสังเกตและหมั่นตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอ หากคุณโชคร้ายเป็นก็มักจะเป็นระยะเริ่มแรก ซึ่งโอกาสที่จะหายขาดก็มีมากถึง 95% !
ขอบคุณ healthtoday
Create Date : 30 ตุลาคม 2552 | | |
|
Last Update : 30 ตุลาคม 2552 7:38:29 น. |
| |
Counter : 1894 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|