space
space
space
space

"หลับลึก" ฟื้นฟูจิตใจ ร่างกายและผิวพรรณ




ทราบหรือไม่ว่าคนเรามักจะใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตไปกับการนอนที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ จากรายงานเรื่องการนอนหลับของ Pfizer พบว่า กว่าร้อยละ 50 ของชาวอเมริกันวัยทำงาน เผชิญกับปัญหาเรื่องการนอนหลับ
แบรนด์เครื่องสำอางชั้นสูง "ออริจินส์" สร้างประสบการณ์การนอนหลับอย่างสมบูรณ์แบบ ดึง 2 ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกา Dr. Andrew Weil และ Dr. Rubin Naiman คิดค้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เอาใจคนหลับยาก จัดเวิร์กช็อปเพื่อสุขภาพกายและผิวดีๆ พร้อมให้คำแนะนำถึงการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ทีมผู้เชี่ยวชาญ ออริจินส์ ให้ความกระจ่างกับเรื่องนี้ว่า วงจรการนอนหลับแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วงหลัก คือ Non Rapid Eye Movement หรือ Non REM และ Rapid Eye Movement หรือ REM Sleep โดยทั้ง 2 ช่วงนี้จะเกิดขึ้นสลับกันไปเรื่อยๆ เป็น cycle จึงเป็นที่มาของ Sleep Cycle ซึ่งแต่ละ sleep cycle จะยาวประมาณ 90 นาที ซึ่ง Sleep Cycle เริ่มต้นจากช่วง Non REM Sleep ซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 50-55 นาที

ช่วงงัวเงีย เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผ่อนคลาย มีอาการเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น จากนั้นเป็นช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบลึก ช่วงนี้ดวงตาจะเริ่มกลอกไปมา ถ้ามีเสียงรบกวนแม้แต่นิดเดียวก็จะสะดุ้งตื่นทันที การดำเนินชีวิตประจำวันของคนสมัยนี้ มักจะนอนหลับอยู่ในขั้นนี้ซึ่งถือเป็นการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขั้นสุดท้าย ช่วงหลับลึก เป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มหลับสนิท การเคลื่อนไหวจะน้อยลงแล้วจะค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ REM Sleep ซึ่งจะเป็นช่วงที่ร่างกายทำการฟื้นฟู ซ่อมแซมอวัยวะต่างๆ และปรับสมดุลผิวให้สวยสมบูรณ์แบบ เพราะประโยชน์สูงสุดที่เกิดกับผิวพรรณคือ ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย กล้ามเนื้อ และผิวสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ผิวพรรณจะได้รับการบำรุง ดูแลตามกระบวนการธรรมชาติ เนื่องจากในช่วง REM Sleep เป็นช่วงเวลาที่มีการบำรุงสมอง โดยสมองจะทำงานเก็บกักความทรงจำได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งคืนความสดชื่นแจ่มใสให้แก่ร่างกาย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเพื่อรับมือกับวันใหม่

ผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลอีกว่า "การอดนอน ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ยังส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพ แก่กว่าวัยอันควร เพราะเมื่อร่างกายเข้าสู่ช่วงที่คุณหลับลึก ร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมน เพื่อฟื้นฟูและคงความสมดุลให้ร่างกาย หากร่างกายพักผ่อนน้อย โกรทฮอร์โมนก็จะหลั่งน้อย ร่างกายก็จะเสื่อมสภาพและไม่แข็งแรง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มักจะมีปัญหาการนอนไม่หลับมากกว่าผู้ชาย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีความผิดปกติของร่างกายและจิตใจ เช่น อาการหวาดระแวง เกรี้ยวกราด โรคซึมเศร้า เป็นต้น"

โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอนหลับสบายในอุณหภูมิที่กำลังดีไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีง่ายๆ 2 วิธีว่า การแช่น้ำอุ่นที่ผสม Bedtime Bath Oil น้ำมันหอมระเหยกลิ่นอ่อนๆ ประมาณ 30-45 นาที ก่อนเข้านอนทุกครั้ง จะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความผ่อนคลาย เพราะอุณหภูมิของร่างกายที่สูงขึ้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับให้คุณหลับสนิทได้ยาวนาน และหลับลึกยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เพิ่มอานุภาพการนอนหลับสำหรับคนหลับยาก

ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ แนะนำให้ใช้ Bedtime Balm บาล์มเนื้อเข้มข้น โดยการแตะเนื้อบาล์มด้วยปลายนิ้ว แล้วคลึงวนด้วยปลายนิ้วทั้งสองข้าง สูดดมความหอมที่ให้คุณเคลิบเคลิ้มตกอยู่ในภวังค์แห่งความง่วงเหงาหาวนอนของกลิ่น จากนั้นค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้า-ออกให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าความเครียดต่างๆ นวดคลึงปลายนิ้วลงบริเวณฐานจุดเชื่อมต่อระหว่างต้นคอ และศีรษะ จุด Wind Mansion Point โดยหมุนวนเข้า 3 ครั้ง ต่อด้วยหมุนวนออก 3 ครั้ง จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือไล่ลงมาจากบริเวณ Wind Mansion Point ตามแนวต้นคอ และเคลื่อนมือออกมาบริเวณไหล่ทั้ง 2 ข้าง นวดคลึงปลายนิ้วหมุนวนเข้า 3 ครั้ง และหมุนวนออกอีก 3 ครั้ง ที่บริเวณจุด Heavenly Rejuvenation Point ซึ่งอยู่ต่ำกว่าช่วงบนสุดของหัวไหล่เพียงเล็กน้อย แล้วเคลื่อนมือมาที่บริเวณข้อมือด้านในบริเวณ Spirit Gate โดยใช้นิ้วก้อยค่อยๆ นวดคลึงหมุนวนเข้า 3 รอบ และออกอีก 3 รอบ ขั้นตอนสุดท้ายหมุนวนเนื้อบาล์มบริเวณตรงกลางฝ่าเท้าในลักษณะเป็นวงกลมเล็กๆ จนกระทั่งเนื้อบาล์มซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังโดยสมบูรณ์

เริ่มต้นการนอนแบบใหม่เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และผิวพรรณที่ดีของคุณได้แล้วตั้งแต่วันนี้

ชอบคุณ teenee.com




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 7:05:17 น.   
Counter : 1104 Pageviews.  
space
space
กินแอปเปิลกันดีไหม จะได้ไกลหมอ








เคยได้ยินไหมกับประโยคที่ว่า “An apple a day keeps doctor away” หรือแปลเป็นไทยว่า กินแอปเปิลวันละลูก ห่างไกลหมอ เชื่อว่าหลายคนคงเคยฟังผ่านหูมาบ้าง วันนี้จึงเอาประโยชน์ดีๆ ของแอปเปิลมาฝาก

ที่ว่ากินแอปเปิลวันละลูกแล้วไม่ต้องไปหาหมอนั้น ก็คงจะจริง

เพราะแอปเปิลมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น มีเพคติน ซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ซึ่งไฟเบอร์ประเภทนี้จะดึงดูดคอเลสเตอรอลแล้วขับออกมาจากร่างกายได้ นอกจากนั้นก็ยังช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารป้องกันมะเร็ง หากใครมีอาการท้องร่วงอย่างอ่อนๆ ก็ให้กินแอปเปิลสับละเอียด ติดต่อกัน 2 วัน แล้วระบบขับถ่ายก็จะกลับคืนเป็นปกติ หรือจะใช้เนื้อแอปเปิลคั่วกับข้าว 30 กรัม จนเหลือง ชงดื่มแทนชาจะสามารถแก้อาการแพ้ท้องได้

ใครที่ลดความอ้วนอยู่ก็ควรจะกินแอปเปิลเพื่อช่วยลดความอยากอาหาร เพราะแอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตถึง 75 เปอร์เซ็นต์
อยู่ในรูปน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที จึงช่วยทำให้อิ่มได้เร็วกว่าอาหารจำพวกแป้งหรือน้ำตาล และหากนำแอปเปิลมาปั่นกับแครอทในอัตราส่วน 2:1 แล้วกินก็จะช่วยขับพิษในร่ากาย ถือเป็นสูตรการดีท็อกซ์ง่ายๆ วิธีหนึ่ง หรือแม้แต่กลิ่นของแอปเปิลก็ยังสามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกสงบและทำให้ความดันลดลงได้ระดับหนึ่ง



ขอบคุณ ที่นี่ ดอทคอม







 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 17 พฤษภาคม 2552 7:10:32 น.   
Counter : 1649 Pageviews.  
space
space
ถั่วเหลืองกินมากไปไม่ดี








ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกว่า "ซูเปอร์ฟู้ด" เพราะสามารถต้านโรคมะเร็งทรวงอก ทำให้กระดูกแข็งแรงและให้ผู้ที่เป็นเมนโนพอสมีอาการดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันถั่วเหลืองถูกแปลงรูปให้อยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ โยเกิร์ต ชีส ฯลฯ

จีนเป็นชาติแรกที่เพาะปลูกถั่วเหลือง โดยนำมาใช้ทั้งทำเป็นยาและอาหาร ซึ่งปีที่แล้วจีนต้องนำเข้าถั่วเหลืองจากประ เทศต่างๆ นับล้านตัน เพราะที่เพาะปลูกไม่เพียงพอที่จะบริโภคในประเทศ

ปัจจุบันในอุตสาหกรรมอา หารนำถั่วเหลืองเข้าไปเป็นส่วนประกอบของสินค้ามากขึ้น โดยอยู่ในชื่อ "แป้งถั่วเหลือง" "น้ำมันพืช" "โปรตีนคอนเซนเทรต" "เลซิธิน" "แพลนต์ สทีรอล" ฯลฯ ผู้คนหลายล้านคนเชื่อว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากให้โปรตีนที่ไม่มีกรดไขมันอิ่มตัว ไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล

อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานพบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ถั่วเหลืองอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

เช่น จากการศึกษาลิงเพศผู้ที่กินนมถั่วเหลืองของมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ประเทศอังกฤษ พบว่า ลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในลิงลดลง การศึกษาหลายชิ้นของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นยังพบว่า ถั่วเหลืองเข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเข้าไปกั้นไอโอดีนที่จำเป็นต่อต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มอ่อน เพลีย อารมณ์แปรปรวน ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์จึงได้รับการแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานหัวกะหล่ำ ถั่วลิสง หัวเทอร์นิปส์ ไพน์นัต เพราะเป็นพืชที่เข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อม ไทรอยด์เช่นเดียวกับถั่วเหลือง

ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการ

ผู้แต่งหนังสือเรื่อง "Nutritional Health Handbook For Women" แนะนำว่า "การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี เพราะถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ 30 กรัม เป็นจำนวนที่กำลังเหมาะ"



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด








 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 15 พฤษภาคม 2552 8:29:32 น.   
Counter : 1608 Pageviews.  
space
space
แผลร้อนใน



แผลร้อนใน (แผลแอฟทัส) เป็นสาเหตุของอาการ แผลเปื่อยในปากที่พบได้บ่อยที่สุดในคนทั่วไป มักจะเริ่มเป็นครั้งแรกช่วงวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว มักเป็นๆหายๆ เป็นประจำ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ เมื่ออายุมากขึ้นจะเป็นห่างออกไปเรื่อยๆ บางครั้งอาจหายขาดเมื่ออายุมาก



สาเหตุ
แผลร้อนในยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัย หลายอย่างร่วมกัน และอาจมีความสัมพันธ์กับปฏิกิริยา ภูมิต้านทานของร่างกาย

พบว่าร้อยละ 40 ของผู้ป่วยจะมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว จึงเชื่อว่าเป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

ส่วนใหญ่จะเกิดอาการขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งกระตุ้นส่วนน้อยพบว่ามีสิ่งกระตุ้นให้อาการกำเริบ ได้แก่
- ความเครียด เช่น ขณะคร่ำเคร่งกับงาน หรืออ่านหนังสือสอบ
- การได้รับบาดเจ็บในช่องปาก เช่น เยื่อบุปากหรือลิ้นถูกกัดหรือถูกแปรงสีฟัน ฟันปลอม หรืออาหารแข็งๆ กระทบกระแทก
- การมีประจำเดือน
- การใช้ยาสีฟันที่เจือปนสาร sodium lauryl sulfate หรือ sodium lauroyl sarcosinate
- การแพ้อาหาร เช่น นมวัว เนยแข็ง กาแฟ โคล่า ช็อกโกแลต ผลไม้จำพวกส้ม ของเผ็ด แป้งข้าวสาลี
- การใช้ยา (เช่น แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อะเลนโดรเนต ที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน
- การเลิกบุหรี่
- ภาวะขาดธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิก หรือวิตามินบี
- ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ

การรักษา1. ให้การรักษาตามอาการ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายแผล เช่น อาหารเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด อาหารแข็ง
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชาในน้ำ 1 แก้ว) วันละ 2-3 ครั้ง
- ถ้าปวดให้อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆ ดื่มน้ำเย็น
- ถ้าปวดมากให้พาราเซตามอลบรรเทา
ส่วนใหญ่จะค่อยๆ หายได้เองตามธรรมชาติของโรคนี้ โดยไม่ต้องใช้ยาอื่นๆ นอกจากยาบรรเทาปวดเป็นครั้งคราว

2. ถ้าปวดรุนแรง หรือต้องการให้แผลหายเร็ว ให้ป้ายแผลด้วยยาชนิดใดชนิดหนึ่งต่อไปนี้ วันละ 2-4 ครั้งจนกว่าจะหาย นั่นคือ สเตียรอยด์ เช่น ครีมป้ายปากไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์

3. รายที่เป็นๆ หายๆ บ่อยจะต้องหาสาเหตุ และให้การแก้ไข เช่น ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ให้กรดโฟลิก หรือวิตามินบีในรายที่ขาด หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ยาสีฟันและยาที่เป็นสิ่งกระตุ้น ผ่อนคลายความเครียดด้วยการออกกำลังกายและวิธีอื่นๆ ใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กและขนนุ่มเพื่อไม่ให้ปากถูกกระทบกระแทก เป็นต้น

4. ถ้าแผลไม่หายภายใน 3 สัปดาห์ หรือเป็นรุนแรง หรือเป็นครั้งแรกในคนอายุมากกว่า 40 ปี ควรส่งโรงพยาบาล หรือส่งตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม

โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ



ขอบคุณ หมอชาวบ้าน




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 8 พฤษภาคม 2552 7:21:21 น.   
Counter : 1096 Pageviews.  
space
space
ไข้สามฤดู



ไข้สามฤดู เป็นไข้ที่คนสมัยเก่าเรียกกัน และยังเรียกกันมาทุกวันนี้
ในปีหนึ่งๆ การเปลี่ยนฤดูจากฤดูหนึ่งไปอีกฤดูหนึ่ง ท่านเคยสังเกตไหมว่า มักจะทำให้คนไม่สบาย เกิดการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ

หมอโบราณพยากรณ์สมุฏฐานว่า คือ ร่างกายที่มีอุณหภูมิเคยชินกับอากาศในฤดูนั้นอยู่ เมื่อเปลี่ยนจากฤดูนี้ไปสู่อีกฤดูหนึ่ง อุณหภูมิที่เคยชินกับร่างกายเปลี่ยนแปลงไปไม่ทันกัน จึงมีการเจ็บป่วย (ผิดอากาศ) บ้างก็เรียกว่าไข้หัวลม

ไข้สามฤดู ก็คือ จะไม่สบาย เจ็บป่วยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับฤดูดังนี้
ฤดูร้อนย่างต่อเข้าฤดูฝน
ฤดูฝนย่างต่อเข้าฤดูหนาว
และฤดูหนาวย่างต่อเข้าฤดูร้อน

คนมักจะเจ็บป่วยไม่สบายเพราะร่างกายเคยชินต่ออากาศเปลี่ยนแปลงไม่ทันกับอากาศฤดูนั้นๆ
คนไข้ที่ว่าจะมีอาการ ปวดเมื่อยเป็นไข้ตัวร้อน นอนละเมออาจเพ้อฝันร้าย เป็นหวัด ไอ หมดเรี่ยวแรงเจ็บในปาก มือเท้าเย็น มีน้ำลายมาก ให้กระหายน้ำ อาจปวดข้อมือข้อเท้า สะท้านร้อนสะท้านหนาว เบื่อหน่ายการงาน บางทีเป็นฝีพุพอง เป็นต้น

หมอสมัยโบราณมักแนะนำให้คนไข้กินผักที่เป็นยาเป็นอาหาร เช่น ให้กินยอดแคต้ม จิ้มน้ำพริกกิน เป็นอาหาร เป็นยาแก้ไข้เปลี่ยนอากาศ และแก้ไข้หัวลมได้

ยาโบราณหาได้ง่ายและไม่เป็นอันตราย เพราะเปลี่ยนอากาศหรือไข้สามฤดูย่อมเป็นได้อยู่ทุกฤดูกาล เป็นไข้ธรรมดา ถ้าไม่มีโรคอื่นมาแทรก

ยาธรรมชาติจะช่วยอาการไข้นี้ได้ และเป็นยาที่หาได้ง่ายตามพื้นบ้านและหาทำกินเองก็ได้
โรคไข้โบราณดังกล่าวนี้ ยาโบราณยังใช้ได้ดีอยู่ เราจะสังเกตดูได้ เช่น คนร้อนในกระหายน้ำ ปากเจ็บแตกออกหัดสุกใส ยาเขียวโบราณยังใช้ได้และขายดี

ตำรับยาที่สามารถทำขึ้นกินเองแก้ไข้สามฤดู คือ
ยาผง โกศสอ โกศเขมา โกศจุฬาลัมพา แก่นจันทน์เทศ แก่นจันทน์แดง ลูกกระดอม บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก สิ่งละน้ำหนักเท่ากัน
วิธีทำ บดเป็นผง
วิธีใช้ ผู้ใหญ่กินมื้อละ 1 ช้อนชา เด็กกินมื้อละ ครึ่งช้อนชา วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร

ยาต้ม ต้นขี้เหล็กทั้ง 5 (ต้น ใบ ดอก ราก ลูก (ฝัก)) ฝาง แกแล แก่นขนุน แก่นไม้สัก แก่นไม้ประดู่ ต้นขลู่ จันทน์แดง จันทน์ขาว บอระเพ็ด เกสรทั้ง 5 (ดอกพิกุล ดอกบุนนาก ดอกสารภี ดอกมะลิ และเกสรบัวหลวง) หนักสิ่งละ 1 บาท
ใบมะกา 1 กำมือ ก้านสะเดา 33 ก้าน
วิธีทำ ต้ม
วิธีใช้ ผู้ใหญ่กินมือละ 2-3 ช้อนโต๊ะ เด็กกินมือละ 2 ช้อนกาแฟถึง 1 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 เวลาก่อนอาหาร

ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดสงสัยหรือมีปัญหาจะสอบถาม ขอเชิญเขียนจดหมายไปยังสำนักงาน "หมอชาวบ้าน" ได้นะครับ

ขอบคุณ หมอชาวบ้าน




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2552 7:13:46 น.   
Counter : 1919 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

tanas251235
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space