|
|
|
|
|
|
|
|
|
"กรดไหลย้อน" ปล่อยไว้อาจกลายเป็นมะเร็ง |
|
โรคกรดไหลย้อนกำลังเป็นอีกหนึ่งโรคยอดฮิต ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันมากขณะนี้ เพราะเป็นโรคที่ใกล้ตัวทุกคนมาก ลักษณะอาการคล้ายคนเป็นโรคกระเพาะ ถ้าไม่ใส่ใจดูแลอาจลามกลายเป็นโรคมะเร็งที่หลอดอาหารได้
สำหรับลักษณะอาการของโรคกรดไหลย้อน นพ.พรเทพ ประทานวณิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมส่องกล้องและกล้องส่องผ่าตัด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า โรคกรดไหลย้อนเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดนี้จะหย่อนตัวลง ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าไปในหลอดอาหารได้โดยง่าย โดยจะมีอาการแสบยอดอก ขย้อนหรือสำรอก รู้สึกเปรี้ยวหรือขมในปาก มักมีอาการเรอ จุก เสียด แน่น เป็นต้น สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเราเป็นโรคนี้คือ พฤติกรรมการบริโภคที่หันไปใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตก ตื่นเช้ามาก็เร่งรีบไปทำงาน ไม่ค่อยกินข้าว กินแต่กาแฟ แถมยังชอบกินอาหารเย็นหนักๆ แล้วก็นอน อาหารจึงยังตกค้างอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ต้องหลั่งกรดออกมาย่อยอาหารที่ยังตกค้างอยู่ ประกอบกับท่านอนไม่ถูกต้อง หัวเสมอหรือต่ำกว่าลำตัว ทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่ลำคอ เกิดอาการแสบระคายเคืองขึ้นมาบนคอและถ้าปล่อยให้หลอดอาหารส่วนปลายระคาย เคืองไปนานๆ อาจทำให้หลอดอาหารเป็นมะเร็งได้
ส่วนทางแก้ไขโรคนี้ ผศ.นพ.ชฎิล ธาระเวช อาจารย์แพทย์ศัลยกรรม ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เผยว่า ถ้าเป็นไม่มากก็ให้ลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน เช่น ลดชา กาแฟ และของมัน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัว และเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร มาเป็นมื้อเช้า กลางวัน เย็น มื้อละไม่ต้องมาก แค่ให้พออิ่ม เพื่อให้มีอาหารในกระเพาะอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง ควรงดอาหาร และนอนหนุนหมอนให้หัวสูงกว่าลำตัว "สำหรับคนที่เป็นมากหน่อยก็อาจใช้ยาลดกรดช่วย และถ้าเป็นหนักๆ ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจด้วยเครื่องตรวจกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ให้ผลแม่นยำมาก แล้วค่อยทำการผ่าตัด ปัจจุบันการผ่าตัดโรคนี้พัฒนาไปมาก สามารถใช้วิธีการส่องกล้องเข้าไปกระชับหูรูดให้แข็งแรงและมีแผลเพียงเล็กๆ" ผู้เชี่ยวชาญย้ำเพื่อให้ความมั่นใจ ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
Create Date : 29 มิถุนายน 2552 | | |
|
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 7:14:27 น. |
| |
Counter : 1675 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
บุหรี่กับมะเร็งปอด น่ากลัวกว่าที่คุณคิด |
|
บุหรี่กับมะเร็งดูเหมือนเป็นของคู่กันที่แยกไม่ออก เกือบทุกคนต่างก็รู้ดีว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปอด แต่คนไทยกว่า 10 ล้านคนก็ยังสูบบุหรี่ต่อไป เมื่อถามนักสูบบุหรี่หลายๆ คนว่าไม่กลัวเป็นมะเร็งหรือ ก็มักจะได้คำตอบว่า สูบมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเป็นสักที หรือไม่ก็ สูบแค่วันละมวนสองมวนไม่เป็นหรอก
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ ลิ่มศิลา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นผู้คลุกคลีกับผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ได้ให้ทัศนะว่า
มะเร็งปอดเป็นโรคที่น่ากลัวมาก ทั้งสำหรับแพทย์เองและผู้ป่วย เพราะในระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการ เมื่อมีอาการชัดเจนก็มักจะอยู่ในระยะอันตรายที่ไม่อาจรักษาให้หายได้
อาการดังกล่าวนั้นมีได้มากมาย เช่น
. ไอมาก หรือหอบเหนื่อยเพราะการสูญเสียเนื้อปอด หรือเพราะน้ำท่วมปอด . เสียงแหบ เพราะประสาทเลี้ยงกล่องเสียงถูกทำลาย . น้ำหนักลดมาก อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร เพราะพิษมะเร็ง . เจ็บปวดที่ผนังอกหรือกระดูก เพราะมะเร็งแพร่กระจายไป . เป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ถ่ายปัสสาวะ อุจจาระเองไม่ได้ เพราะมะเร็งแพร่กระจายไปยังสมองหรือไขสันหลัง ในระหว่างปี พ.ศ.2510-2532 ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ ได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นมะเร็งปอดและการสูบบุหรี่ในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งผลการศึกษายืนยันได้ชัดเจนว่า ผู้ชายที่เป็นมะเร็งปอดเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ถึงร้อยละ 92 และในกลุ่มนี้เป็นประเภทสูบจัดถึงร้อยละ 91 ขณะที่มะเร็งปอดในผู้ป่วยหญิงมีส่วนสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ร้อยละ 27
ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้สูบบุหรี่ที่เป็นมะเร็งปอดนั้น มักจะเป็นมะเร็งปอดชนิดร้าย คือ แพร่กระจายเร็วในระยะเวลาอันสั้น ที่สำคัญมักจะเป็นในช่วงอายุระหว่าง 50-60 ปี (ร้อยละ 44 ของผู้ป่วยทั้งหมด) ซึ่งเป็นระยะที่ชีวิตกำลังเจริญก้าวหน้า เป็นที่พึ่งหลักของครอบครัว และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นกับท่านผู้ใด ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
ดูเหมือนคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้ คือ ผู้เป็นมะเร็งปอดมีโอกาสหายมากน้อยเพียงใด ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ ได้กล่าวว่า มะเร็งปอดเป็นโรคที่รักษายาก และยังมีโอกาสหายจากโรคได้น้อย นายแพทย์แกรห์ม แห่งสหรัฐอเมริกา ทำการผ่าตัด ตัดปอดที่เป็นมะเร็งปอดออกได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2476 (ค.ศ.1933)
การแพทย์ปัจจุบันถือว่าการผ่าตัดเป็นวิธีหลักที่จะช่วยรักษามะเร็งปอดให้หายได้ แต่ผู้ป่วยมักมาถึงแพทย์เมื่อเป็นมากเสียแล้ว ทำให้อัตราการตัดมะเร็งออกได้อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ในบรรดาผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระได้ทำการศึกษาไว้ในระยะ 20 ปีเศษที่ผ่านมา จำนวน 3,050 ราย มีอัตราการตัดมะเร็งออกได้นั้น เฉลี่ยเพียงร้อยละ 8.2 ยิ่งกว่านั้น ผู้ป่วยกลุ่มที่ตัดมะเร็งออกได้ มีโอกาสหายหรือมีชีวิตอีกได้เกิน 5 ปีเพียงร้อยละ 26 (หรทอประมาณร้อยละ 23-50 ตามระยะมากน้อยของโรค) โดยต้องให้ยารักษามะเร็งเสริมตามความจำเป็นด้วย
ส่วนผู้ที่เป็นมากเลยระยะผ่าตัดได้ และมีความทุกข์ทรมาน ส่วนหนึ่งแพทย์อาจช่วยบรรเทาและอาจช่วยยืดชีวิตด้วยยาได้ แต่ต้องลงทุนค่ายารักษาที่สูงมาก สำหรับเศรษฐกิจเมืองไทย คือ กว่าจะให้การรักษาครบบริบูรณ์จะต้องใช้เงินรายละประมาณเกือบแสนบาท โอกาสที่จะได้ผลประมาณร้อยละ 54 เท่านั้น
ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสยืดชีวิตเกิน 1 ปีได้ประมาณร้อยละ 85 อยู่ได้นานกว่า 2 ปี ร้อยละ 32 และเวลานี้มีผู้มีชีวิตได้นานกว่า 3 ปีเพียงร้อยละ 4 เท่านั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ไม่ได้รักษาหรือรักษาไม่ได้จะไม่มีโอกาสอยู่ได้ถึง 1 ปีเลย
บุหรี่กับมะเร็งปอดจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าที่หลายๆ คนคาดคิด
ขอบคุณ หมอชาวบ้าน
Create Date : 28 มิถุนายน 2552 | | |
|
Last Update : 28 มิถุนายน 2552 7:28:04 น. |
| |
Counter : 973 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|