space
space
space
space

8 วิธีกินเส้นเน้นสุขภาพ





+ การใส่บะหมี่ในน้ำ พร้อมเครื่องปรุงและต้มประมาณ 3 นาที จนเดือด เป็นวิธีที่ผิดเพราะจะทำเส้นบะหมี่สำเร็จรูปซึ่งเคลือบด้วย Wax ผสมผงชูรสกลายสภาพเป็นสารพิษ ซึ่งร่ายกายต้องใช้เวลา 4-5 วันในการขับออกจากร่างกาย






+ วิธีต้มที่ถูกต้อง คือ เทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในน้ำและต้มจนเดือด เมื่อบะหมี่สุกแล้ว เทน้ำที่ต้มซึ่งมีส่วนผสมของ Wax ผสมผงชูรสซึ่งเป็นสารพิษทิ้ง ต้มน้ำใหม่ให้เดือดอีกครั้ง และใส่เส้นบะหมี่ที่ต้มไว้ลงไป ปิดไฟ แล้วจึงใส่เครื่องปรุงขณะน้ำยังร้อน เพื่อป้องกันผงชูรสในเครื่องปรุงกลายเป็นสารพิษ สำหรับบะหมี่แห้งสามารถใส่เครื่องปรุงได้ทันที เมื่อช้อนเส้นขึ้นจากน้ำเดือด

+ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี พบว่า มีการเติม กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก สารกันบูดเกินปริมาณกำหนดของคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล (Codex) คือ มากกว่า 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กพบปริมาณกรดเบนโซอิกสูงสุด รองลงมาเป็นเส้นหมี่ ก๋วยจั๊บเส้นใหญ่ ก๋วยจั๊บเส้นเล็ก บะหมี่โซบะ และก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ หากร่างกายได้รับในปริมาณสูงเป็นเวลานานๆ จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง

+ บะหมี่บีทรูท อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ เกลือแร่ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม สารไนเตรต สารเบทานิน ที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง คุณสมบัติพิเศษกว่าผักชนิดอื่นคือ ไม่ว่าผ่านการปรุงหรือถนอมอาหารแบบใดก็ยังคงความสดและคุณค่าได้ดี โดยนำส่วนประกอบของบีทรูทเข้ามาแทนที่ของน้ำเปล่า นอกจากคุณค่าอาหารจะเพิ่มขึ้นแล้ว บะหมี่ยังมีสีชมพูน่ากินอีกด้วย สนใจดูแลสุขภาพในปัจจุบัน ฉัตรทิพย์ เจ้าของเมนูได้ที่เบอร์ 085-899-81220

+ คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก จนงดกินข้าวเพราะอ้างว่าต้องการงดคาร์โบไฮเดรต ที่จะทำให้อ้วนได้ไม่แพ้ไขมันนั้นควรอย่างยิ่งที่จะกินบะหมี่บ้าง เพราะบะหมี่เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ยอดเยี่ยมพอๆ กับก๋วยเตี๋ยว สปาเกตตี มะกะโรนี และโรตี คุณสามารถกินได้บ่อยๆ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะอ้วน เพราะบะหมี่เป็นคาร์โบไฮเดรตละเอียด มีคุณสมบัติย่อยง่ายกว่าคาร์โบไฮเดรตชนิดธรรมดา

+ ตอนเลือกซื้อต้องสังเกตบนซอง ว่ามีสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ อยู่ด้วย เมื่อนำมาปรุงจะต้องเติมไข่ หรือเนื้อสัตว์ และผัก ลงไปทุกครั้ง ที่สำคัญต้องไม่ลืมฉีกซองเครื่องปรุงใส่ลงในบะหมี่ทุกครั้ง ที่ปรุง ใส่น้ำให้พอดี ซดน้ำให้ได้มากที่สุด หมดชามยิ่งดี เพราะเท่ากับว่า ได้รับสารอาหาร 3 ชนิดเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่

+ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะทางในการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์คือ ลดเครื่องปรุงให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่านั้น เติมเนื้อสัตว์และผักเพื่อให้ร่างกาย ได้รับสารอาหารเพิ่มมากขึ้น และไม่ควรกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปติดต่อกันประจำเป็นเวลานาน เพราะจะเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมมากเกินไปจนเกิดการสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง

+ ปัจจุบันได้มีการวิจัยบะหมี่สูตรลดความอ้วน โดยช่วยให้อิ่มนาน ทั้งยังดูดซับคอเลส-เตอรอลส่วนเกินในลำไส้และช่วยเรื่องระบบขับถ่ายด้วย โดยลดส่วนผสมปริมาณแป้งสาลีในบะหมี่ 1 ก้อน ซึ่งหนักประมาณ 50 กรัม ให้น้อยลง และเติมสารเพคตินที่สกัดได้จากเปลือกมะนาวเข้าไปประมาณ 6 กรัมเพื่อให้ออกฤทธิ์สลายคอเลสเตอรอลในกระเพาะอาหาร เมื่อสารเพคตินเข้าสู่กระเพาะอาหารจะพองตัวและแปรสภาพเป็นสารอาหารที่มีความหนืดคล้ายแยมทาขนมปัง ช่วยให้อิ่มนานกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วไป ทั้งยังออกฤทธิ์ต่อเอนไซม์ในลำไส้ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ จากการทดสอบในอาสาสมัคร พบว่า รอบเอวลดลงประมาณ 2 นิ้ว บะหมี่ลดน้ำหนักที่พัฒนาขึ้นมีอยู่ 2 รสชาติ คือ รสแกงส้มและรสต้มขมิ้น ในรูปของบะหมี่เจผ่านการรับรองจาก คณะกรรมการอาหารฮาลาล และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะผลิตบะหมี่ออกมาจำหน่ายไม่เกินปีหน้า ชาวจีนโบราณเชื่อว่าการกินเส้นบะหมี่เป็นการเสริมมงคล แต่สมัยนี้ถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ ก็ควรต้องกินให้ถูกวิธี ถูกหลักอนามัยด้วย ชีวิตของคุณจึงจะยืดยาว

เรื่อง : LuckyAries

ขอบคุณ Woman Plus




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2552   
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 8:09:56 น.   
Counter : 1265 Pageviews.  
space
space
ผิวสวย หน้าใส ด้วยมะพร้าว







ทราบหรือไม่ว่า มะพร้าวก็สามารถทำให้ผิวสวย หน้าใส ได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

- อุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด

น้ำมะพร้าวถือเป็นเครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ (Natural Mineral Drink) เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ทองแดง กรดอะมิโน กรดอินทรีย์ และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคสที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันทีอีกด้วย

- ชะลออาการอัลไซเมอร์

การดื่มน้ำมะพร้าวทุกวันจะช่วยชะลออาการอัลไซเมอร์ได้ จากผลงานวิจัยของ ดร.นิซาอูดะห์ ระเด่นอาหมัด อาจารย์ประจำภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือเอสโตรเจนสูง ซึ่งมีผลช่วยชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อมในสตรีวัยทอง นอกจากนี้ การดื่ม น้ำมะพร้าวเป็นประจำทุกวันยังสามารถช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นอีกด้วย

- ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

น้ำมะพร้าวสามารถช่วยเสริมสร้างความสวยใสของผิวพรรณ ทำให้เปล่งปลั่งและขาวนวลขึ้นจากภายในสู่ภายนอก เพราะในน้ำมะพร้าวมีเอสโตรเจนอยู่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวกระชับ ยืดหยุ่น และชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ และในน้ำมะพร้าวยังสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ได้ดี แถมยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับของเสียหรือสารพิษออกจากร่างกาย (คล้ายๆ กับการดีท็อกซ์) จึงช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส อีกทั้งความเป็นด่างของน้ำมะพร้าวยังช่วยปรับสมดุลของร่างกายในช่วงที่มีความเป็นกรดสูง ทำให้กลไกการทำงานของระบบภายในเป็นปกติ ส่งผลให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก

- สปอร์ตดริ๊งค์จากธรรมชาติ

เนื่องจากน้ำมะพร้าวมีปริมาณเกลือแร่ที่จำเป็นสูง รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาความอ่อนเพลียเนื่องจากอาการท้องเสียหรือท้องร่วงได้ จึงจัดเป็นสปอร์ตดริ๊งค์ (Sport Drink) สามารถดื่มหลังการสูญเสียเหงื่อจากการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย นอกจากนี้ ในประเทศไต้หวันและประเทศจีน ยังนิยมดื่มน้ำมะพร้าวเพื่อลดอาการเมาหลังการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีผิวสวย หน้าใส ก็ดื่มน้ำมะพร้าวกันดูได้.

ที่มา เดลินิวส์




 

Create Date : 22 สิงหาคม 2552   
Last Update : 22 สิงหาคม 2552 7:40:55 น.   
Counter : 1253 Pageviews.  
space
space
พบยาอาจรักษาโรคตาชาวโลก 77 ล้าน ยันต้อหินให้ถอยกลับ






นักวิทยาศาสตร์อิตาลี ค้นพบวิธีการ ควบคุมแรงกดดันภายในลูกตา ไม่ให้แรงกดดันในลูกตาสูง ต้นเหตุเซลล์ประสาทถูกทำลายกลายเป็นต้อหินสาเหตุทำตาบอด...

วารสาร "สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา" แจ้งว่า นักวิทยาศาสตร์เมืองมะกะโรนี ได้ค้นพบยาหยอดตาแบบใหม่ ซึ่งมีสรรพคุณทำให้โรคต้อหินต้องหันหลังกลับได้

โรคต้อหินเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดชั้นนำ โดยทำให้แรงกดดันในลูกตาสูง จนเซลล์ประสาทถูกทำลาย ประมาณว่า มนุษย์ทั่วโลกต้องทุกข์ทรมานเพราะโรคนี้มากในราว 77 ล้านคน แม้ว่าจะมีหนทางอื่นที่จะควบคุมแรงกดดันภายในลูกตาไว้บ้าง หากแต่เมื่อเซลล์ประสาทตาเสียหาย เป็นที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีทางที่จะให้มันกลับคืนมาทำหน้าที่อย่างเก่าได้

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยโรมได้คิดประดิษฐ์ยาหยอดตาซึ่งเข้าปัจจัยสร้างความเจริญเติบโตของประสาทเอาไว้ทดลอง และ ได้ทดลองหยอดให้กับหนูที่เป็นต้อหิน 2 ตัว ปรากฏว่า ตัวหนึ่งอาการดีขึ้นและยังคงดีอยู่นานถึง 18 เดือน ส่วนอีกตัวหนึ่งอาการคงเดิม ขณะนี้ยัง คงอยู่ระหว่างการทดลองเพิ่มเติม.


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2552   
Last Update : 21 สิงหาคม 2552 7:28:35 น.   
Counter : 1308 Pageviews.  
space
space
12 เทคนิคกันสมองเหี่ยว




เรื่องของการปลุกระดมสมองให้สดชื่นแจ่มใสเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ต้องการ เพราะเมื่อสมองแจ่มใส ปลอดโปร่ง อะไรก็ดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การฟัง พูด อ่าน เขียน จดจำ หรือความคิด

กลับกัน หากสมองเหี่ยว ฝ่อ ไม่สดใส อาจจะเกิดจากความเครียด หรือการหมกมุ่นกันเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานๆ หรือ ขาดการพักผ่อน ทักษะดังกล่าวก็จะลดน้อยถอยไป กรรมวิธีที่จะทำให้สมองแข็งแรงไปอย่างยืนยาวนั้น สถาบันดีสปายน์ไคโรแพรคติก เทคนิคมาแนะนำ







1. ดื่มน้ำให้พอ เพราะสมองของคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 85% ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดน้ำ สมอง ก็จะทำงานช้าลง ทำให้กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดอะไรไม่ค่อยออก

แต่การดื่มน้ำนั้นแต่ละคนจะมีความต้องการน้ำไม่เท่ากันขึ้นอยู่กันน้ำหนัก และพฤติกรรมต่างๆ ทั้งการเคลื่อนไหว และการบริโภค แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำวันละ 3-5 ลิตร ส่วนเด็ก 2-3 ลิตร

2. หายใจลึกๆ ช่วยส่งพลังงานไปถึงสมอง ถ้านั่งหายใจ หลังก็ควรจะตั้งตรง จะช่วยให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น และถ้านั่งนานเนไปควรเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดเส้น ยืดสาย เพื่อให้ปอดขยาย

3. เลือกรับประทานอาหาร ที่มีไขมันดีทดแทนไขมันในสมองที่สึกหรอ อาทิ น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย ปลาแซลมอน อีฟนิ่งพริมโรส วิตามินซี

4. ตั้งโปรแกรมให้สมอง โดยใช้ความตั้งมั่นตั้งใจอย่างจริงจัง สมองจะค่อยๆ ปรับพฤติกรรมให้ไปสู่เป้าหมายได้

5. หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ไปกระตุ้นพลังออร่าให้สว่างสดใสจะช่วยดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต

6. ฝึกสมาธิพัฒนาอารมณ์ ให้สมองผ่อนคลาย จะช่วยทำให้มีจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถทำได้ทั้งตื่นเช้าหรือก่อนนอนทุกวัน

7. ออกกำลังกาย กระตุ้นการทำงานของสมองพร้อมกับดื่มน้ำบ่อยๆ

8. หาอะไรใหม่ๆ ให้ชีวิต เช่น รู้จักคนใหม่ๆ อ่านหนังสือเล่มใหม่ ขับรถเส้นทางใหม่ หรือแลกเปลี่ยนทัศนคติใหม่ๆ กับเพื่อน สมองจะหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) และสารแห่งการเรียนรู้ โดปามีน ทำให้เกิดการอยากเรียนรู้อย่างมีความสุข

9. รู้จักให้อภัยและลดความโกรธ จะทำให้สูญเสียพลังงานน้อยลง และยังเป็นการช่วยลดภาระให้กับสมอง

10. พูดเรื่องดีๆ กับตัวเองซ้ำๆ ให้เกินวันละ 100 ครั้ง

11. บันทึกสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันลงในสมุดบันทึก ช่วยทำให้สมองคิดในเชิงบวก ทำให้หลับฝันดี มีสมาธิ

12. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงเวลา 21.00 น. จะเป็นช่วงเวลานอนที่ดีที่สุด

เรื่องนี้ไม่ใช่เหมาะสำหรับเด็ก แต่เป็นเรื่องที่ทุกเพศ ทุกวัยสามารถปฏิบัติได้เป็นการยืดอายุสมอง ให้อยู่กับเราไปได้นานเท่านาน!!


ข้อมูลจาก //www.pooyingnaka.com




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2552   
Last Update : 19 สิงหาคม 2552 7:00:06 น.   
Counter : 1264 Pageviews.  
space
space
ความดันเลือดสูงกินอะไรคลายโรค


รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ กลุ่มวิชาเภสัชโภชนศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ความดันเลือดสูง กินอะไร คลายโรค




โรคความดันเลือดสูง หรือโรคแรงดันเลือดสูง ภาษาอังกฤษเรียก Hypertension ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างสูงต่อการเกิดอาการหัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมองแตก ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการผิดปกติ แม้ความดันเลือดจะสูงมากๆ ก็ตาม บ้างทราบว่าตัวเองมีความดันเลือดสูงแต่ก็ละเลยไม่สนใจรักษาเพราะรู้สึกปกติ สบายดี ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่างๆ ตามมาภายหลัง

ผู้ป่วยส่วนน้อยที่มีอาการปวดศีรษะ มึนศีรษะ จะทราบได้ว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ ทำได้โดยการวัดความดันเลือดเท่านั้น ประชาชนทุกคนสามารถตรวจวัดความดันเลือดได้ตามสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ

ความดันเลือดคืออะไร
ค่าความดันเลือดมี ๒ ค่า เรียกว่า "ตัวบน" และ "ตัวล่าง"
ค่าตัวบนเป็นความดันเลือดในหลอดเลือดที่เกิดขึ้นขณะที่หัวใจบีบตัวไล่เลือดออกจากหัวใจ
ค่าตัวล่างคือความดันของเลือดที่ยังค้างอยู่ในหลอดเลือดขณะที่หัวใจคลายตัว
ปัจจุบันความดันเลือดที่เรียกว่า "เหมาะสม" ของผู้ที่อายุมากกว่า ๑๘ ปีคือ ตัวบนไม่เกิน ๑๒๐ มม. ปรอท และตัวล่างไม่เกิน ๘๐ มม.ปรอท
จะเรียกได้ว่ามีความดันเลือดสูงเมื่อความดันเลือดตัวบนมากกว่า (หรือเท่ากับ) ๑๔๐ และตัวล่างมากกว่า (หรือเท่ากับ) ๙๐ มม.ปรอท ค่าระหว่างนี้เป็น กลุ่มก้ำกึ่ง (borderline-to moderate range)
ถ้าใครสงสัยว่าตัวเองมีโรคนี้หรือไม่ให้ไปพบแพทย์ตรวจวินิจฉัยให้
ถ้าอายุเกิน ๔๐ แล้วก็ควรไปตรวจร่างกายปีละครั้ง เพราะคุณอาจมีความดันเลือดสูงหรืออยู่ในเกณฑ์ก้ำกึ่งโดยไม่มีอาการก็ได้
ถ้าทราบผลการตรวจวัดความดันเลือดแล้ว ตัวคุณและแพทย์จะได้ช่วยกันหาหนทางดูแลสุขภาพของคุณได้ถูกต้อง

ความดันเลือดสูงเกิดจากอะไร และมีอาการอย่างไร
ความดันเลือดสูงส่วนใหญ่เป็นโรคที่ไม่มีสาเหตุเฉพาะ มีหลายปัจจัยมาเกี่ยวข้องทั้งพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น อาหารรสเค็ม เชื้อชาติ วิถีชีวิต ความ เครียด ส่วนน้อยเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด ไตวาย หรือเนื้องอกบางชนิด

ทำไมต้องตรวจวัดความดันเลือด
คนที่มีความดันเลือดสูงอยู่เป็นระยะเวลานานจะเกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดแดง โดยเฉพาะหลอดเลือดเลี้ยงสมอง ตา หัวใจ และไต เป็นเหตุให้หลอดเลือดสมองตีบตันหรือแตก เกิดเป็นอัมพาตช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอกจากนี้ อาจเกิดโรคหัวใจขาดเลือด หรือไตวายเรื้อรังได้

ความดันเลือดสูงมีผลทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ในที่สุดจะเกิดหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา อาจเกิดภาวะ หัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายตามมา โรคความดันเลือดสูงจึงได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรเงียบ เพราะก่อความเสียหายได้มากทั้งกับหลอดเลือดและอวัยวะอื่นๆ โดยไม่แสดงอาการ กว่าจะแสดงอาการร่างกายก็ได้รับความเสียหายไปมากแล้วเกินกว่าจะบำบัดให้กลับคืนสภาพปกติได้

การละเลยไม่สนใจตรวจร่างกายของประชากรวัยกลางคน เพราะเห็นว่าร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่มีโทษต่อตนเองโรคความดันเลือดสูงนี้ถ้าทราบแต่เนิ่นๆ ผู้ป่วยจะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและชะลอความรุนแรงของโรค การควบคุมความดันเลือดสามารถป้องกันการเกิดผลแทรกซ้อนอย่างใหญ่หลวงอื่นๆ ที่จะตามมาได้ การรักษาความดันเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคแทรกทางสมอง หัวใจ ไต และหลอดเลือดในอนาคตได้

ปัจจุบันคนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น การเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อก็มียาดีจัดการได้เกือบทุกโรค แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เจ็บป่วยเรื้อรังในวัยสูงอายุ เนื่องจากขาดการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องในวัยทำงาน การดูแลหรือป้องกันความดันเลือดสูงในวันนี้จะลดโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนร้ายแรงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตในช่วงหลังของเรานั่นเอง

การดูแลผู้มีความดันเลือดสูง
การรักษาแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือ การใช้ยา (ดูแลโดยแพทย์) อีกส่วนคือไม่ใช้ยา (ดูแลโดยตัวผู้ป่วยและบุคคลรอบตัว)
การไม่ใช้ยาทำได้โดยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ลดความเครียด งดบุหรี่ ลดการบริโภคน้ำตาลขัดขาว อาหารไขมันสูง กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มปริมาณโพแทสเซียมและเส้นใยพืชในอาหาร กินอาหารหลากชนิดให้ได้แร่ธาตุและวิตามินครบ หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม จะช่วยให้ควบคุมความดันเลือดได้ดี

ผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูงเล็กน้อยหรือกลุ่มก้ำกึ่ง อาจเริ่มการรักษาโดยไม่ใช้ยา แต่หากมีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจอยู่ด้วยก็อาจจำเป็นต้องใช้ยาร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์

การดูแลผู้ป่วยกลุ่มก้ำกึ่ง
สหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยความดันเลือดสูงร้อยละ ๘๐ เป็นกลุ่มก้ำกึ่ง ผู้ป่วยกลุ่มนี้สามารถดูแลตนเองได้ดีภายใต้คำแนะนำของแพทย์โดยการปรับวิถีชีวิตและอาหาร งานวิจัยจากตะวันตกพบว่า การออกกำลังกาย การบำบัดจิตใจให้ผ่อนคลาย และปรับอาหารของกลุ่มความดันเลือดสูงแบบก้ำกึ่งให้ผลระยะยาวดีกว่ากลุ่มเดียวกันที่บำบัดอาการโดยการใช้ยา

อาหารที่ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มควรกิน ได้แก่ ผักขึ้นฉ่าย (celery) กระเทียม หอมหัวใหญ่ กล้วย ถั่วต่างๆ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และธัญพืชที่เป็นเมล็ด ปลาทะเลจากน่านน้ำเย็น ผักใบเขียว บร็อกโคลี่ ส้มต่างๆ ฝรั่ง และอาหารที่มีวิตามินซีสูง

ผักขึ้นฉ่ายมีสาร 3-เอ็น-บิวทิล ฟทาไลด์ (3-n-butyl phthalide) มีฤทธิ์ลดความดันเลือด และลดปริมาณ คอเลสเตอรอลด้วย ถ้ากินวันละ ๖ ช้อนโต๊ะพูนทุกวันพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นก็จะเห็นผลลดความดันเลือด (ขึ้นฉ่ายฝรั่งก้านโต ๔ ก้านต่อวัน)

กระเทียมและหอมหัวใหญ่มีผลทั้งลดความดันและคอเลสเตอรอล ให้กินเพิ่มเติมในอาหาร ถ้ากินกระเทียมเม็ดหรือแคปซูลให้กิน ๔,๐๐๐ ไมโครกรัม อัลลิซินต่อวัน
กล้วยเป็นผลไม้มีราคาถูก หาได้ง่าย กินได้ทุกวัย แถมช่วยเรื่องขับถ่ายด้วย เป็นผลไม้ที่มีเส้นใยและมีโพแทสเซียมสูง

โพแทสเซียมทำหน้าที่ดูแลสมดุลของน้ำและการส่งน้ำไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดูแลสมดุลความดันเลือด สมดุลกรด-ด่าง การทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ เซลล์ประสาท ไต และต่อมหมวกไต โพแทสเซียมพบได้ทั่วไปในพืชผักต่างๆ ที่มีมากได้แก่ กล้วย ส้มต่างๆ แอปพริคอต ลูกไหน ลูกพรุน ลูกท้อ ลูกเกด สตรอเบอร์รี่
แตงกวา มะเขือเทศ กะหล่ำปลี มะเขือยาว ขมิ้นชัน ผักขม บร็อกโคลี่ มันฝรั่งทั้งเปลือก ปลาทูน่า เมล็ดฟักทองและเมล็ดทานตะวัน บุคคลทั่วไปต้องการโพแทสเซียมวันละ ๒,๐๐๐ มก. แต่ผู้ที่มีความดันเลือดสูงต้องการถึง ๓,๕๐๐ มก. ต่อวัน ลองกินกล้วยสองผลให้โพแทสเซียม ๙๓๔ มก. เติมลูกพรุนครึ่งถ้วย ๗๒๑ มก. ลูกเกดครึ่งถ้วย ๕๙๘ มก. น้ำส้ม ๑ ถ้วย ๓๕๔ มก. มันฝรั่งอบทั้งเปลือก ๗๒๑ มก. และมะเขือเทศ ๑ ผล ๒๗๓ มก. ได้เกิน ๓,๕๐๐ มก.

คนที่กินอาหารฟาสต์ฟู้ดจะกินผักและผลไม้น้อย ทำให้ได้รับโพแทสเซียมน้อย แถมยังได้รับเกลือโซเดียมสูง ทั้งจากกะปิ น้ำปลา เกลือ ผงฟู (จากขนมปังและขนม อบ) ซีอิ๊วขาว เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ ผักดอง อาหารหมัก ดอง แฮม เบคอน ไส้กรอกทุกชนิด เนื้อเค็ม ขนมกรุบกรอบ บะหมี่สำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยวน้ำและน้ำซุปทั้งหลาย
ที่สหรัฐอเมริกาประมาณว่าประชากรได้รับโซเดียม ตามสัดส่วนดังนี้คือ ๔๕, ๔๕, ๕ และ ๕ นั่นคือ


ร้อยละ ๔๕ จากอาหารกึ่งสำเร็จรูป เช่น อาหารพร้อมอุ่น อาหารกระป๋อง อาหารซองฉีกเติมเนื้อสัตว์กินได้ น้ำสลัด เป็นต้น
ร้อยละ ๔๕ จากการปรุงอาหารที่บ้านหรือร้านอาหาร
ร้อยละ ๕ จากการเติมเกลือเพื่อปรุงรสก่อนกิน (เหมือนที่คนไทยเติมน้ำปลาพริก)
ร้อยละ ๕ เท่านั้นที่มาจากตัวอาหารเอง (จากผักและผลไม้)

ดังนั้น แพทย์มักจะบอกให้คนที่มีความดันเลือดสูง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าความดันเลือดตัวล่าง) ปรุงอาหาร เอง และนำอาหารจากบ้านไปกินที่ทำงาน การศึกษาในผู้ป่วยพบว่า การกินอาหารที่มีโซเดียมสูงและโพแทสเซียมต่ำอยู่เสมอมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและมะเร็ง นอกจากนี้ยังพบว่าอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงและโซเดียมต่ำจะป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและมะเร็ง และบำบัดอาการความดันเลือดสูงด้วย การลดโซเดียมแต่ขาดโพแทสเซียมก็ยังเป็นการเสียสมดุลโซเดียม/โพแทสเซียมอยู่ดี คนที่มีความดันเลือดสูงแบบก้ำกึ่งจึงต้องกินอาหาร ที่มีโพแทสเซียมเพิ่มตามคำแนะนำข้างต้น

สูตรอาหารลดความดัน
รายงานจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่า อาหาร ที่มีส่วนประกอบของพืชมากลดความดันเลือดได้ นอก จากนี้ ยังลดคอเลสเตอรอล ควบคุมสภาวะเบาหวาน และลดน้ำหนักได้ในกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่มีความดันเลือดสูงเมื่อกินอาหารสูตรนี้พบว่า ๒ สัปดาห์มีการเปลี่ยนแปลงของความดันเลือด คณะวิจัยเชื่อว่าการกินอาหารที่เพิ่มแร่ธาตุโพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ลดความดันเลือด

นอกจากนี้ การกินอาหารลดความดัน (DASH หรือ Dietary Approaches to Stop Hypertension) ยังขับปัสสาวะและขับเกลือออกอีกด้วย ปัจจุบันสูตรนี้เป็นสูตรอาหารแนะนำของสมาคมโรคหัวใจ และหน่วยวิจัยปอด หัวใจ และหลอดเลือดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา คนที่มีความดันเลือดสูงถ้ากินสูตรอาหารลดความดันนี้จะเห็นผลชัดเจนสำหรับการลดความดันเลือด สำหรับคนที่มีความดันเลือดแบบก้ำกึ่งจะได้ผลการลดความดันแบบค่อยเป็นค่อยไป

บางคนอาจจะบอกว่าให้กินน้อยจังแล้วจะอยู่ ได้อย่างไร
จริงอยู่การกินอาหารปริมาณน้อยแต่สามารถดำรงตนอยู่ได้แน่นอน พระที่ท่านเข้ากรรมฐานฉันมื้อละ ๑๐ คำท่านยังดำรงชีพได้เลยค่ะ แต่ท่านจะไม่อ้วนและปลอดโรคด้วย ทุกคนสามารถเลือกคุณภาพของอาหารได้โดยไปเพิ่มรสชาติอาหารด้วยสมุนไพรหรือเครื่องเทศแทนเกลือดีกว่า

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย เช่น เดินวันละ ๔๐ นาที และแนะนำการหายใจเข้าลึกๆ เพื่อนำออกซิเจนเข้าปอดให้มากที่สุด หาวิธีคลายอารมณ์ ลดความเครียดด้วย อาจใช้โยคะ การทำสมาธิ หรือการ สวดมนต์ก็ได้ ถ้าน้ำหนักและความเครียดของผู้ป่วยความดันเลือดสูงลดไปได้แม้เพียงเล็กน้อยก็จะช่วยลดความดันเลือดได้อีกฝ่ายหนึ่ง

ผู้อ่านคงเหมือนกับคนส่วนใหญ่ที่ทำงานนั่งโต๊ะ แต่ละวันไม่ได้ใช้พลังงานเท่าไหร่เลย เดี๋ยวก็ขับรถหรือขึ้นรถเมล์กลับบ้านก็ไม่ได้ออกกำลังกายอีก น้ำหนักของพวกเราจึงพอกพูนและโรคภัยก็ถามหาด้วย การเปลี่ยนแปลงการกินอาหารดูจะดีกว่าการกินยาลดความดันตลอดชีวิตแน่นอน คนไทยอยู่ประเทศไทยเรื่องอาหารสด ผัก ผลไม้ หาได้ไม่ยาก ถ้าอยู่ตะวันออก-กลางต้องกินเหมือนกับอยู่เมืองไทย อย่างนี้สงสัยจะแพงน่าดู กินอยู่แบบพอเพียง มีสุขภาพกายใจแข็งแรงกันถ้วนหน้านะคะ





ผู้เขียน: รศ.ดร.สุธาทิพ ภมรประวัติ


ขอบคุณ หมอชาวบ้าน




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2552   
Last Update : 18 สิงหาคม 2552 7:30:59 น.   
Counter : 4149 Pageviews.  
space
space
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  

tanas251235
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]






space
space
[Add tanas251235's blog to your web]
space
space
space
space
space