แนะบังคับทารกกินผักบ่มนิสัยกินอยู่ง่ายตอนโต
เนสท์เล่เผยผลวิจัยประสบการณ์การบริโภคในวัยทารกมีผลต่อการยอมรับอาหารใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ได้ดีขึ้น แนะสร้างนิสัยลูกให้กินผักตั้งแต่อายุ 6-12 เดือน เห็นผลกว่า 70%

ดร.แอนเดรียมายเออร์ หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ แห่งศูนย์วิจัยและพัฒนาของเนสท์เล่ เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ ค้นหาวิธีที่จะทำให้ทารกยอมกินอาหารชนิดใหม่หรืออาหารที่ไม่คุ้นเคย โดยการวิจัยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้ทารกอายุ 6-12 เดือน รับประทานผักติดต่อกัน 9 วัน

การทดลองแบ่งเป็น3 กลุ่มคือ กลุ่มกินผักชนิดเดียว (ไม่เปลี่ยนเลย) ติดต่อกัน 9 วัน กลุ่มกินผักสามชนิดโดยเปลี่ยนชนิดทุกสามวัน (เปลี่ยนเล็กน้อย) และกลุ่มสามกินผักสามชนิด ให้วันละชนิดสลับกันไป (เปลี่ยนบ่อยมาก) แล้วเก็บสถิติปริมาณที่รับประทานเพื่อดูปฏิกิริยา รวมทั้งความชอบของทารก โดยมารดาเป็นผู้ให้ความเห็นร่วมกับผู้สังเกตการณ์ภายนอก

ผลวิจัยพบว่าการเปลี่ยนผักทุกวัน มีผลให้เด็กยอมรับผักชนิดใหม่ได้ง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งยอมรับผักได้ดีกว่าเด็กที่เปลี่ยนผักรับประทานน้อยกว่า (เปลี่ยนเล็กน้อย) ซึ่งเป็นเด็กกลุ่มสอง

การทดลองส่วนที่2 นำทารกอายุ 7 เดือน มารับประทานผักที่ไม่ชอบในครั้งแรกซ้ำอีก แม้ว่า 2-3 ครั้งแรกทารกจะปฏิเสธผัก แต่เมื่อถึงการป้อนครั้งที่ 6-8 ทารกกว่า 70% ยอมกินผักนั้นและกินซ้ำได้อีกหลังจากนั้น

ผลการวิจัยนี้แสดงว่าประสบการณ์ที่เกี่ยวกับอาหารในช่วงแรกๆของชีวิตทารก มีผลต่อการเลือกอาหาร ฉะนั้นพ่อแม่ควรขยันและพยายามส่งเสริมให้ลูกกินอาหารชนิดใหม่ๆ เพราะยิ่งให้บ่อยเท่าไรก็มีผลต่อการยอมรับของเด็กมากขึ้นเท่านั้น พ่อแม่ควรให้ลูกทดลองกินอาหารใหม่ไม่ต่ำกว่า 6-8 ครั้ง เพื่อให้เด็กยอมกินอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นจนได้

ทารกและเด็กอาจจะไม่ชอบผักชนิดใดชนิดหนึ่งในตอนแรกแต่พ่อแม่ไม่ควรท้อถอยแต่ควรพยายามต่อไป การที่พ่อแม่พยายามส่งเสริมให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ เด็กก็จะเรียนรู้ที่จะกินให้เป็นและชอบที่จะกิน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์เนสท์เล่กล่าว

ผลการวิจัยของเนสท์เล่เป็นข้อมูลด้านโภชนาการที่ใช้หลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนเพื่อช่วยให้พ่อแม่สามารถฝึกให้ลูกๆ มีนิสัยการรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อคุณภาพที่ดีในอนาคต


//www.komchadluek.net/2008/04/18/x_it_h001_198263.php?news_id=198263