bloggang.com mainmenu search
ดี๊ด๊ากะหนุ่ม ๆ มาสองบล๊อคติดกัน เปลี่ยนอารมณ์มาอ่านบทกวีจีนกันต่อ เหลือบทกวีในเล่มอีกสิบห้าบท เขียนพู่กันจีนไว้หมดแล้ว ถ้ามีเวลาพิมพ์คงให้่อ่านต่อกันอีกสองสามบท ถ้าไงก็อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า




ภาพจากเวบ integral-options.blogspot.com















อู๋ถี
หลี่ซังอิ่น



พบพานแสนยาก ยามจากข้องเข็ญ
ลมตะวันตกอ่อนแรง ดอกไม้ทั้งร้อยโรยรา
ไหมในฤดูใบไม้ผลิจนตัวตายใยจึงสิ้น
เทียนที่จุดกลายเป็นเถ้า นำ้ตาเทียนจึงเหือดแห้ง

ยามรุ่ง หน้ากระจก ความทุกข์ทำให้ผมเปลี่ยนสี
ยามค่ำคืน ขับกวีกลางแสงจันทร์ให้เหน็บหนาว
จากที่นี่ สู่เขาผิงไหลไม่ไกลนัก
นกสีฟ้าช่วยเยี่ยมแทนด้วยน้ำใจไมตรี






หมายเหตุ




ภาพจากเวบ qqyy.com


บทกวีส่วนใหญ่จะมีชื่อ แต่บทนี้ไม่มีชื่อ ด้วยความตั้งใจของกวี เข้าใจว่าเพราะเป็นบทที่ไม่แสดงความรู้สึกที่ชัดแจ้ง กวีที่แต่งบทประพันธ์นี้ชื่อ หลี่ซังอิ่น (李商隱) มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.๘๑๒ ถึง ค.ศ.๘๕๘ ในตอนปลายราชวงศ์ถัง บิดาเป็นขุนนาง เมื่อเติบโตขึ้นหลี่ซังอิ่นก็เข้ารับราชการด้วยในตำแหน่งต่ำ ๆ บทกวีของเขามักแฝงด้วยอารมณ์ความรู้สึกและความขัดแย้ง มีทั้งแนวคิดปรัชญาศาสนาพุทธ ลัทธิขงจื๊อและเต๋าซึ่งขัดแย้งกัน มีเรื่องของชีวิต ความรักและความทุกข์แต่ก็เขียนอย่างไม่ชัดเจน หลี่ซังอิ่นเป็นคนสนใจการบ้านการเมือง แม้แต่บทกวีเกี่ยวกับความรัก ก็อาจจะมีความหมายแฝงในด้านความเป็นไปทางการเมือง เพราะสถานการณ์ในช่วงนั้นไม่มีใครพูดอะไรตรง ๆ ได้


ในบทกวีที่ยกมาข้างต้น ซึ่งเกี่ยวกับความรักที่ซ่อนเร้นนี้ ผู้อ่านบางคนตีความว่า เป็นเรื่องพรรรณนาความรักที่ไม่สมหวัง ระหว่างกวีและหญิงชาววังหรือนักบวชหญิง แต่นักวิชาการหลายท่านก็เห็นว่า ไม่ควรไปคิดว่าบุคคลที่กล่าวถึงเป็นตัวผู้แต่ง ควรมองเฉพาะศิลปะการประพันธ์ที่เด่นในการแสดงแง่มุมของความรัก ความหวัง ความสุข ความท้อแท้ของมวลมนุษย์


ข้าพเจ้าใคร่จะศึกษาความหมายของบทกวนี้ทีละบรรทัด ดังนี้

บรรทัดที่ ๑ เราหาโอกาสพบกันได้ยากยิ่ง เมื่อได้พบแล้วก็ยากที่จะตัดใจอำลาจากกัน ในสมัยโบราณความรักมีอุปสรรคมาก นอกจากปัญหาครอบครัว บางครั้งสังคมก็ไม่ยอมรับ

บรรทัดที่ ๒ ปลายฤดูชุนเทียนหรือฤดูใบไม้ผลิ ตอนจะเข้าหน้าร้อน ลมเย็นจากตะวันออกจะอ่อนลง ในเวลานั้นดอกไม้ที่บานในฤดูชุนเทียนก็ร่วงโรย (อาจจะมีดอกไม้ประเภทอื่นออกดอกแทน) เป็นการเปรียบเทียบว่าหมดเวลาที่จะได้พบกัน




ภาพจากเวบ artx.cn


บรรทัดที่ ๓ เป็นประโยคที่แสดงความซื่อสัตย์ ความมั่นคงในความรัก แทนที่จะพูดธรรมดา ๆ ก็ใช้คำเปรียบถึงหนอนไหมหว่า ในฤดูใบไม้ผลิไหมจะชักใย เมื่อใยในตัวหมด หนอนก็ตาย กวีเล่นคำว่า Si (絲) เส้นไหม พ้องเสียงกับคำว่า si (思) ที่แปลว่า คิด หมายความว่า ฉันจะรักเธอจนตาย

บรรทัดที่ ๔ บรรทัดนี้ก็เป็นคำเปรียบเทียบในลักษณะเดียวกันกับรรทัดที่แล้ว คือเปรียบเทียบตนเองกับเทียนซึ่งมีน้ำตาเทียนไหล ในขณะที่เทียนเผาไหม้เมื่อหมดเชื้อกลายเป็นเถ้าถ่าน น้ำตาจึงจะหยุดไหล


บรรทัดที่ ๕ แต่เช้าตรู่ ตอนที่ส่องกระจกทำผมตอนเช้า จะเห็นผมหงอกขาวเพราะความกังวล

บรรทัดที่ ๖ เมื่อกังวลในความรัก กลางคืนก็นอนไม่หลับ ออกไปขับบทกวีเพื่อคลายทุกข์กลางแสงจันทร์ อากาศหนาวเย็น ทำให้เหน็บหนาวกลางแสงจันทร์

บรรทัดที่ ๗ และ ๘ เขาเผิงไหลเป็นภูเขาของเทพที่ทะเลตะวันออก เป็นที่อยู่ของเทพ กวีเปรียบคนรักเป็นเทพธิดาอยู่ที่เขาเผิงไหล ถึงจะเป็นสถานที่เข้าถึงยาก แต่ก็มีนกสีฟ้าซึ่งเป็นทูตพิเศษของเทพตะวันตกคอยช่วยส่งข่าวสารให้




ภาพจากเวบ fengliqh.com


คำว่า อู๋ถี แปลว่า ไม่มีชื่อบท ปกติบทกวีจีนจะมีชื่อสอดคล้องกับแก่นเรื่อง การที่หลี่ซังอิ่น ผู้แต่งบทกวีนี้ไม่ตั้งชื่อบทอาจเป็นเพราะหาชื่อบทที่เหมาะสมไม่ได้ หรือไม่ต้องการจะตั้งชื่อ หลี่ซังอิ่น (ค.ศ.๘๑๒ - ๘๕๘) เป็นกวีมีชื่อคนหนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง มีอีกชื่อหนึ่งว่า หลี่อี้ซาน เป็นคนไหวโจว ปัจจุบันคืออำเภอชิ่นหยัง มณฑลเหอหนาน บิดาเป็นขุนนาง หลี่ซังอิ่นเองก็รับราชการในตำแหน่งที่ไม่สูง มีความสามารถในการประพันธ์บทกวีที่พรรณนาความรู้สึกและความขัดแย้ง


บทกวี อู๋ถี มีแก่นเรื่องอยู่ที่การพรรณนาความเศร้าโศก ความทุกข์ทรมานที่ต้องจากนางผู้เป็นที่รัก ความคิดคำนึงกันตลอดชีวิต ความเศร้าใจว่าเมื่อไหร่จะได้พบกัน เป็นบทกวีที่มีความเด่นในการเปรียบเทียบพรรณนาความรู้สึก

บาทที่ ๕ ยามรุ่ง หน้ากระจก ความทุกข์ทำให้ผมเปลี่ยนสี หมายถึง นางที่กวีรัก ทุกข์กังวลจนผมหงอกขาว




ภาพจากเวบ cathay.ce.cn


บาทที่ ๗ เขาเผิงไหลหรือเขาเผิงซานเป็นชื่อภูเขาในตำนาน เป็นภูเขาของเทพที่ทะเลตะวันออก กวีเปรียบคนรักเป็นเทพธิดา อยู่ที่เขาเผิงไหล

บาทที่ ๘ qing niao (ชิงเหนี่ยว) หมายถึง นกสีฟ้า เป็นนกในตำนานมี ๓ ขา เป็นทูตพิเศษของเทพตะวันตก ในบาทนี้กวีพรรณนาว่า นกสีฟ้าช่วยเขาส่งข่าวสารให้คนรัก




ภาพจากเวบ artx.cn


คำว่า qing (ชิง) หมายถึง สีใดสีหนึ่งใน ๓ สีนี้คือ สีเขียว ฟ้า และดำ แต่ที่ใช้ในความหมายว่า สีดำ มีน้อยมาก ที่ใช้บ่อยคือ ชิงซือ แปลว่า ผมดำ

ความหมายของบาทที่ ๗ และ ๘ รวมกันหมายถึงว่า กวีและนางผู้เป็นที่รักอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า แต่ฟ้านั้นมิอาจกั้นความรักความคิดถึง แม้จะไกลแต่ความรู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ และยังมีนกสีฟ้าช่วยเยี่ยมแทนด้วยนำ้ใจไมตรี

เขาเผิงไหล อยู่ทางตะวันออก นกสีฟ้าเป็นทูตพิเศษของเทพตะวันตก สื่อให้เห็นว่าอยู่ห่างกันคนละฟ้ากฟ้า




ภาพจากเวบ locksuo1979.spaces.live


ข้อมูลจากหนังสือ​ "หยกใสร่ายคำ"
บทพระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี






บทกวีแกะสลักบนตราประทับ



ภาพจากเวบ 412.cc/so5


บทกวีเขียนด้วยพู่กันจีน



ภาพจากเวบ myspace.cn




ภาพจากเวบ china5000.vocy.cn




ภาพจากเวบ shufa.org




ภาพจากเวบ zh.wikipedia.org




ภาพจากเวบ zgsf.com


บีจีและไลน์จากคุณญามี่

Free TextEditor

Create Date :08 ตุลาคม 2552 Last Update :20 มิถุนายน 2556 23:00:42 น. Counter : Pageviews. Comments :76