bloggang.com mainmenu search



ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










รำลึกพระเกียรติคุณ 'สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า'
ในนิทรรศการ 'สยาม-อเมริกัน พันวัสสาอัยยิกาเจ้า'


งานฝีพระหัตถ์ของราชนารีสยามและศิลปหัตถกรรมของสตรีไทย ได้นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ "สยาม - อเมริกัน" ที่พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธ.ค.ที่ผ่านมา






สมุดภาพฝีพระหัตถ์ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่ทรงปักเป็นดอกบัวและใบบัวได้อย่างวิจิตรสวยงาม ได้จำลองมาจัดแสดงในนิทรรศการ "สยาม-อเมริกัน" ณ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗






โดยมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้รวบรวมค้นคว้าและจัดหาสิ่งของส่วนพระองค์ ผลงานฝีพระหัตถ์ ผลงานศิลปหัตถกรรมฝีมือสตรีไทย มาจัดแสดงเพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เนื่องในโอกาส ๑๒o ปี งานเวิลด์โคลัมเบียนเอ็กซ์โปซิชัน และเพื่อเฉลิมพระเกียรติวาระ ๑๕o ปีพระราชสมภพและเฉลิมฉลองในโอกาสที่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ถวายพระเกียรติให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ที่มีผลงานดีเด่นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (สาธารณสุข) วัฒนธรรม สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์






ตลอดจนเพื่อน้อมรำลึกถึงพระอัจฉริยภาพ เมื่อครั้งทรงรับผิดชอบการจัดส่งงานศิลปหัตถกรรมของสตรีไทย ทั้งงานผ้าปัก งานร้อยดอกไม้แห้งและเครื่องชุนต่าง ๆ ไปจัดแสดงในงานเวิลด์โคลัมเบียนเอ็กซ์โปซิชัน ณ นครชิคาโก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๖ โดยทรงนำผลงานศิลปหัตถกรรมฝีมือสตรีไทย ไปเผยแพร่สู่สายตาชาวต่างชาติเป็นครั้งแรก และมีผลงานศิลปหัตถกรรมที่ชนะการประกวดในงานดังกล่าว ได้รับรางวัล รวมทั้งสิ้น ๑o๑ รายการ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสตรีไทย เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ มาแล้วกว่า ๑๒o ปี






ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานภาพปักฝีพระหัตถ์ของส่วนพระองค์ และของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มาจัดแสดงในงานนิทรรศการ "สยาม-อเมริกัน" ที่จะเปิดให้เข้าชมได้ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ หยุดทุกวันอาทิตย์ ผู้สนใจเข้าชม ติดต่อได้ที่พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิการเจ้า







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipbs.or.th
banmuang.co.th














"ฤกษ์ดีเปิด...สรัสปทุมนิเทศ”


ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเล็งเห็นปัญหาการว่างงานหรือหางานทำยากของพสกนิกร เนื่องจากขาดพื้นฐานทางด้านวิชาชีพเป็นตัวรองรับ จึงเป็นที่มาของโครงการในพระราชดำริฯ "สรัสปทุม” เมื่อปี ๒๕๕๕ เพื่อเพิ่มทักษะด้านงานอาชีพพื้นฐานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในครอบครัวให้แก่นักเรียนโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูปถัมภ์ฯ รวมถึงประชาชนทั่วไป ดังนั้นเพื่อให้มีสถานที่จัดโครงการส่งเสริมการอาชีพเพื่อพัฒนาชีวิตที่ดี "กรุงเทพมหานคร" จึงจัดงบประมาณสร้างอาคารเรียนเอนกประสงค์ ๔ ชั้น บนที่ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยได้รับพระราชทานนามว่า "อาคารสรัสปทุมนิเทศ" ขึ้น














ในการนี้ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เปิดอาคาร "สรัสปทุมนิเทศ" โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช ที่ปรึกษาคณะกรรมการสถานศึกษาขึ้นพื้นฐาน, คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน, สมภพ อินทรจันทร์ ผอ.โรงเรียนวัดปทุมวนาราม, ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ, ภัทรภร จิโรจนวงศ์ คณะกรรมการโครงการสรัสปทุม และคณะครู-นักเรียนเฝ้ารอรับเสด็จฯ ณ โรงเรียนวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วยขาช็อป อย่าง ม.ร.ว.สุมาลยมงคล โสณกุล, "คุณหญิง" ม.ล.อุบลวดี ชยางกูร, พนิดา ภาณุพัฒนพงศ์, ไพบูลย์ -เบญจมาภรณ์ อุนะรัตน์ "อ้วน" วัลลิยา-พงศ์วรุตม์ ปังศรีวงศ์, ภากมล รัตตเสรี ก็พร้อมใจกันอุดหนุนสินค้า เพื่อช่วยเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ฝึกอาชีพและนักเรียนคนละหอบใหญ่














ภายหลังทรงกดปุ่มเปิดแพรป้าย "อาคารสรัสปทุมนิเทศ" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการดำเนินงานของโรงเรียนฯ ที่ได้พระราชทานแนวพระราชดำริ ด้านการส่งเสริมการเรียนรู้วิชาชีพในโรงเรียนก่อนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานให้นักเรียนมีทางเลือกและมีความพร้อมในการเข้าศึกษาต่อสายอาชีพในระดับสูงต่อไป อาทิ ผลงานวิชาชีพของนักเรียนวิชางานไม้ งานศิลปะ เสริมสวย งานไฟฟ้า งานเกษตร งานสหกรณ์นักเรียน และงานเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชอย่างง่าย และในโอกาสนี้ ทรงมีพระราชปฏิสันฐานกับตัวแทนจากโรงแรมแคมปินสกี้ที่นำสูตรน้ำสลัด รวมถึงน้ำผลไม้นานาชนิดมาช่วยสอนให้แก่ผู้เรียนฝึกอาชีพ ด้วยความสนพระทัย นอกจากนี้ยังทอดพระเนตรการแสดงของนักเรียนโครงการ "คืนโขนสู่เยาวชนไทย" ๒ ชุด ได้แก่ การแสดงประกอบเพลงพระราชนิพนธ์เต่าเห่ และการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ อีกด้วย














ทั้งนี้ ภัทรภร จิโรจนวงศ์ เผยว่าสำหรับโครงการ "สรัสปทุม" ดำเนินการภายใต้หลัก ๓ อ คือ อาชีพ โอกาส และอนาคต โดยเปิดสอนวิชาชีพให้แก่ผู้สนใจทั่วไปผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง อาทิ อาหาร งานประดิษฐ์ เฉพาะวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา o๙.oo-๑๒.ooน. โดยวิทยากรผู้มีความชำนาญในสาขาต่าง ๆ เช่น วิทยาลัยวังหญิง ซึ่งเน้นใช้วัตถุดิบจากสิ่งรอบตัว



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th
komchadluek.net














"นิทรรศการขัวศิลปะ ครั้งที่ ๒”


นิทรรศการขัวศิลปะครั้งที่ ๒ เป็นการแสดงผลงานศิลปะของศิลปินในกองทุน ศิลปินเชียงรายมากกว่า ๑๕o คน ทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย งานปั้น งานแกะสลัก เซรามิค ที่เปิดกว้างให้กับศิลปินรุ่นเล็ก รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยน แสดงงานร่วมกันในพื้นที่ขัวศิลปะ อันแสดงถึงพลังความสมัครสมานสามัคคี และยังสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชุมชนศิลปินในกองทุนศิลปินเชียงราย นอกจากนี้นิทรรศการจะเป็นศูนย์รวมการเรียนรู้ทางด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เพื่อสร้างความเข้าใจ ทัศนคติ ทางด้านศิลปะ ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง….เป็นสะพานเชื่อมศิลปะสู่สังคม






งานเปิดนิทรรศการ: วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.oo น. ประธานในพิธี คุณ เขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ณ ขัวศิลปะ ArtBridgeChiangRai (ABCR) จ. เชียงราย


นิทรรศการขัวศิลปะ ครั้งที่ ๒ (2nd ARTBRIDGE CHIANG RAI ART EXHIBITION)
วันที่ : ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ – ๓o พฤษภาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : ขัวศิลปะ (๕๕๑ หมู่ ๑ ถ.พหลโยธิน ต.บ้านดู่ อ. เมือง จ. เชียงราย ก่อนถึงแยกสนามบิน แม่ฟ้าหลวง ติดกับวัดขัวแคร่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : o๙-๘๔๑๘-๕๔๓๑
อีเมล : artbridge.cr@gmail.com











































































ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com
เฟซบุค Khwan Atthawut














"ห่มลมหนาว จิบงานศิลป์ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม”


ช่วงนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนใส่เสื้อกันหนาวตัวหนา โดยเฉพาะคนกรุงที่สุดแสนจะฟิน เพราะเพิ่งได้สัมผัสลมหนาวระลอกแรก หลังจากหลายปีที่ผ่านมาแทบลืมไปแล้วว่าเมืองไทยมีฤดูหนาว สิ่งที่ให้ความอบอุ่นกับคนเมืองได้ตอนนี้เห็นจะเป็นแดดยามเช้า ถ้าขยับขึ้นไปบนที่ราบสูงคงต้องอาศัยก่อกองไฟให้ไออุ่น แต่ทว่าวันนี้ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้นำเสนอทริปท่องเที่ยววันหยุดหน้าหนาว กับโครงการ "จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ ๒๕๕๖ : ออนซอนหลายลายผ้าอีสาน" นอกจากจะได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ยังได้ห่มไออุ่นวัฒนธรรมจากผ้าอีสานกันด้วย










ในปี พ.ศ. ๒๕๓๑ จากอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา อันเลื่องชื่อในเรื่องผ้าไหมไปเพียง ๒๕ กิโลเมตร จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ได้ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่กว่า ๖oo ไร่ บนเชิงเขาพญาปราบ ตำบลตะขบ โดยเริ่มจากเป็นแหล่งผลิต ไข่ไหมจำหน่ายให้สมาชิกเกษตรกรเพื่อรับซื้อรังสดในการผลิตเส้นไหมและเป็นพื้นที่ปลูกหม่อนอันเป็นอาหารหลักของหนอนไหม และเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ. ๒๕๔๔ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม จึงได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปีละครั้งในเดือนธันวาคม ให้บุคคลทั่วไปที่หลงใหลในธรรมชาติได้ชื่นชมบรรยากาศอันงดงาม และเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม ชมแปลงพืชผักและดอกไม้สีสวยสดนานาชนิด รวมถึงเลือกซื้อไม้ดอกไม้ประดับ และผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ซึ่งปลูกด้วยความเอาใจใส่จากเหล่าเกษตรกรของ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม










งานนี้โชว์ไฮไลต์ ๗ สุดยอดผลงานศิลปะจาก ๗ ศิลปิน ทั้งอาร์ติสท์ชาวไทยและต่างชาติ ผ่านการตีความจากผ้าอีสานลายต่างๆ นำเสนอมุมมองวัฒนธรรมพื้นถิ่น สะท้อนผ่านเอกลักษณ์และเรื่องราวของผ้าอีสาน ซึ่งผลงานจะปรากฏให้เห็นใน ๕ จุดท่องเที่ยวสำคัญของฟาร์ม โดยมีรถรางให้บริการพาเราเข้าไป พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้แก่


จุดที่ ๑ ทุ่งคอสมอสและแปลงเก็บผักปลอดสารพิษ
จุดที่ ๒ ลานฟักทองและทุ่งดอกไม้หลากสี
จุดที่ ๓ หมู่บ้านอีสาน
จุดที่ ๔ หมู่บ้านจิม
จุดที่ ๕ ตลาดจิม


ก่อนที่เราจะได้ขึ้นรถรางไปเสพงานศิลป์ กฤติยา กาวีวงศ์ ภัณฑารักษ์นิทรรศการ ได้แนะนำเหล่าศิลปินทั้ง ๗ จากนั้นก็พานำชมนิทรรศการในฟาร์ม










เรามาออนซอนงานศิลป์ ๔ ชิ้นแรกกันในจุดท่องเที่ยวที่ ๒ กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ประกอบด้วยผลงาน "โคคูน" โดย เอจิ ซูมิ ประติมากรรมรังไหมขนาดมหึมา เด่นตระหง่านคู่กับฟักทองลูกใหญ่กลางทุ่งฟักทอง เป็นสัญลักษณ์ให้ย้อนนึกถึงที่มาของเสื้อผ้าที่สวมใส่ ภายในรังไหมเปิดให้น้องๆ หนู ๆ ได้เข้าไปชมเจ้าหนอนไหมยักษ์ เช่นเดียวกับ "แฮมม็อก ๕oo" งานศิลป์ริมรั้วของจีโร่ เอนโดะ เขาปัดฝุ่นพื้นที่รกร้างริมรั้วฟาร์ม ด้วยผ้าขาวม้าหลากเฉดสี ผ่านศาสตร์ศิลป์การจัดวางที่สวยงามจับต้องได้ ตีความให้เห็นเส้นทางของงานผ้าสู่การเป็นสินค้า ส่วนอีก ๒ ผลงานต้องเดินฝ่าทุ่งคอสมอสสีสันหวานแหวว เลยอดไม่ได้ที่จะจอดถ่ายภาพสวย ๆ ลงอินสตาแกรมอวดเพื่อนให้อิจฉาเล่นซะหน่อย










ผลงาน "อีสานมาร์" โดยปราโมทย์ แสงศร คือปลายทางของทุ่งคอส มอส ศิลปินหยอกล้อเรื่องชาติพันธุ์คนอีสานได้อย่างบรรเจิดและน่าสนใจจนหลายคนอดหัวเราะไม่ไหว "ใครจะรู้ว่าเผ่าพันธุ์แข็งแรงที่สุดอาจเป็นกลุ่มชนกินข้าวเหนียว" และใกล้ ๆ กัน เป็นงาน "ป้ายโฆษณา" ของควอน ยองจู ที่พูดถูก วัฒนธรรมของ ๒ ชาติ เกาหลี-ไทยที่คล้ายคลึงกัน










ตัดภาพมาที่ "หมู่บ้านวลาหก" ฉากละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายรัชชานนท์ จุดท่องเที่ยวที่ ๓ ยอดนิยมของฟาร์ม ที่ไม่ว่าคนไหน ๆ ต้องแวะเวียนมาถ่ายรูป แต่เวลานี้จะอีกจุดเด่นที่เห็น คือ ประติมากรรมแบบเคลื่อนไหวด้วยลมชิ้นใหญ่ของกฤช งามสม "แมลงปอล้อคลื่น" บินล่อนอยู่กลางทุ่งนา ศิลปินบอกว่า "ในหน้าหนาว ท้องทุ่งของหมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยแมลงปอพันธุ์สีแดงฝูงใหญ่ บินโต้ลม เป็นภาพประทับใจส่วนตัว จึงอยากสะท้อนกลิ่นอายบรรยากาศภาคอีสานยามหน้าหนาวที่มองแล้วสวยงาม อบอุ่น" นอกจากนี้ยังมีผลงานเกี่ยวกับความเชื่อ "เมด อิน ไทยแลนด์" ของลี วัน ซึ่งเป็นผลงานเดียวที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของศิลปินและคนงานในฟาร์ม










มาถึงงานศิลป์ชิ้นสุดท้าย "ทอลายศาลา" ซึ่งก่อนจะไปสัมผัส แนะนำให้เดินไปชมศูนย์กระบวนการผลิตผ้าไหม ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ที่นี่ให้ความรู้เรามากมาย เริ่มตั้งแต่วงจรชีวิตหนอนไหมที่สร้างเส้นใยธรรมชาติ การสาวไหม การฟอกย้อมเส้นไหม ตลอดจนการทอและการพิมพ์ผ้าไหม ทว่าได้เห็นลวดลายของผ้าอีสานในศูนย์แล้วก็ไม่ยากเลยที่จะเข้าถึงและเข้าใจความหมายของงานประติมากรรม "ทอลายศาลา" ในนาม อักษร+พงศ์ธริน สตูดิโอ ศาลาอเนกประสงค์ขนาดเล็กสีสันสวยงามด้วยแผ่นสีอะครีลิกใส ความโดดเด่นไม่ได้อยู่ที่โครงสร้าง แต่คือเงาที่ตกกระทบกับพื้น ที่เมื่อแดดส่องผ่านศาลาแห่งนี้จะเห็นเป็นลวดลายที่คล้ายลายผ้าอีสาน จนทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้เห็น ต่างตื่นตาตื่นใจอย่างมาก










นิทรรศการครั้งนี้ ศิลปินทั้ง ๗ ได้สร้างผลงานศิลปะในบริบทที่เชื่อมโยงระหว่างเกษตรนิเวศน์ สถาปัตยกรรมอีสาน ธรรมชาติ และวิถีชีวิตเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการตีความจากมรดกอันล้ำค่าอย่าง "ผ้าอีสาน" สิ่งทอที่มีลวดลายแฝงไว้ด้วยเรื่องราวแห่งคติความเชื่อ ทำให้เราได้ทราบถึงความสำคัญและคุณค่าของหัตถศิลป์อีสาน เช่นเดียวกับที่เรารู้สึกในวันนี้ "ได้เห็นลายผ้าบนงานศิลป์ ก็เหมือนเห็นสิ่งดีงามที่คนรุ่นเก่าทิ้งไว้ให้เรา และเป็นรากเหง้าที่ไม่ควรหลงลืม"


รับชมงานศิลป์ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๗ ณ จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา.











ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
kapook.com
เฟซบุค JimThompsonFarmTour














"อาคเนย์จัดหนังสือ ชุด 'อัศจรรย์วัดอรุณฯ' เล่มที่ ๒”


อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน จัดทำหนังสือ “คติสัญลักษณ์และการออกแบบวัดอรุณฯ” ซึ่งเป็นหนังสือเล่มที่ ๒ ในชุด “อัศจรรย์วัดอรุณฯ” โดยรวบรวมแง่มุมทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะสถาปัตยกรรมไทย เปิดเผยถึงที่มาของแนวความคิด ความเชื่อ ตลอดจนกระบวนการในการออกแบบสร้างวัดอรุณราชวราราม ที่สะท้อนคติความเชื่อทางจักรวาลทรรศน์ของชาวพุทธ เตรียมมอบให้ห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนทางด้านศิลปะ และสถาปัตยกรรมทั่วประเทศ พร้อมวางจำหน่ายให้ผู้สนใจที่ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์ โดยนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบเข้ากองทุนปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชวราราม


อาทินันท์ พีชานนท์ รองประธานกรรมการบริหาร อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน กล่าวว่า “ด้วยความงดงามอันทรงคุณค่า อีกทั้งความผูกพันที่กลุ่มบริษัทอาคเนย์ได้นำรูปแบบลักษณะกลุ่มพระปรางค์ของวัดอรุณฯ มาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำบริษัท นับตั้งแต่เริ่มกิจการเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๔๘๙ จนถึงปัจจุบัน จึงเกิดแรงบันดาลใจในการจัดทำหนังสือ “คติสัญลักษณ์และการออกแบบวัดอรุณราชวราราม” เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่เป็นเล่มที่ ๒ ต่อจากหนังสือ “พัฒนาการพระปรางค์ในสยามประเทศ” ซึ่งได้นำออกเผยแพร่ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยอาคเนย์ได้มอบให้แก่สถานศึกษา ผู้ที่สนใจในแวดวงสถาปัตยกรรมไทย และได้วางจำหน่ายนำรายได้เข้าสมทบกองทุนปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชวรารามไปบ้างแล้ว”





โชติพัฒน์ และ อาทินันท์ พีชานนท์ ประธานและรองประธานกรรมการบริหาร อาคเนย์ฯ



“คติสัญลักษณ์และการออกแบบวัดอรุณราชวราราม” เป็นหนังสือที่คณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ค้นคว้าเรียบเรียง และวิเคราะห์เจาะลึกถึงกระบวนการออกแบบทางสถาปัตยกรรมของวัดอรุณฯ ซึ่งอธิบายถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับโลกและจักรวาลในทางพระพุทธศาสนาตามที่ปรากฏใน “คัมภีร์ไตรภูมิโลกวินิจฉัย” และ “สมุดภาพ ไตรภูมิ” โดยสะท้อนผ่านแบบแผนของระบบสัญลักษณ์ในรูปแบบงานสถาปัตยกรรม และวิธีการจัดวางแผนผังรูปลักษณ์อาคารเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตลอดจนองค์ประกอบอื่น ๆ ของวัด ที่เชื่อมโยงถึงกันจนปรากฏเป็นเอกภาพโดยรวมที่สมบูรณ์ นับเป็นการอธิบายปริศนาโลกตำนาน ซึ่งเป็นรากฐานจิตวิญญาณและความเชื่ออันบริสุทธิ์ของสังคมไทยยุคกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่ยังไม่มีการศึกษาหรือตีความเช่นนี้มาก่อน “คณะผู้บริหาร หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับสังคมไทยทั้งในแวดวงนักวิชาการ นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไปได้เป็นอย่างดี”


เนื้อหาหนังสือ จัดพิมพ์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ค้นคว้าและเรียบเรียงโดยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยศิลปากร มี รศ.เสนอ นิลเดช เป็นที่ปรึกษา และรศ.สมคิด จิระทัศนกุล เป็นบรรณาธิการ ผู้แต่งได้แก่ รศ.ชาตรี ประกิตนนทการ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๓ บท บทแรกเป็นการนำเสนอประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวัดอรุณฯ พร้อมทั้งอธิบายพัฒนาการทางสถาปัตยกรรมที่ปรากฏอยู่ในวัดตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน บทที่สองอธิบายถึงคติความเชื่อทางพระพุทธศาสนาในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นรากฐานความคิดที่นำมาสู่การออกแบบงานสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดอรุณราชวรารามโดยเฉพาะคัมภีร์ไตรภูมิโลกวินิจฉัยที่รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้แต่งขึ้นใหม่และรวมถึงสมุดภาพไตรภูมิอีกหลายฉบับ






และบทที่สาม เป็นการอธิบายในรายละเอียดการออกแบบสถาปัตยกรรมแต่ละชิ้นที่ปรากฏอยู่ในเขตพุทธาวาสของวัดอรุณฯ และการอธิบายคติสัญลักษณ์ของงานสถาปัตยกรรมแต่ละชิ้นโดยเชื่อมโยงเข้ากับคติความเชื่อเกี่ยวกับโลกศาสตร์ในทางพระพุทธศาสนาในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ขนาดรูปเล่มหนังสือ ๑o×๑o นิ้วปกแข็ง ภาษาไทยและอังกฤษ ความยาว ๒๕o หน้า พิมพ์ ๔ สีทั้งเล่ม ราคาจำหน่าย ๒,๕oo บาท เป็นหนังสือเล่มที่ ๒ ในชุดหนังสือ “อัศจรรย์ วัดอรุณฯ” โดยหนังสืออีก ๓ เล่มที่จะตามมาในชุดเดียวกันได้แก่ หนังสือ “ลวดลายเทคนิคการประดับตกแต่งงานสถาปัตยกรรมวัดอรุณฯ, หนังสือ “ภาพประวัติศาสตร์พระปรางค์วัดอรุณฯ” และหนังสือ “มรดกอนุรักษ์รวมแบบงานสถาปัตย์สิ่งปลูกสร้างในวัดอรุณฯ”



ภาพและข้อมูลจากเวบ
soclaimon.wordpress.com














"เฮลโหล เวิล์ด! เราจะออกแบบอนาคตกันอย่างไร”


เพราะทุกการตัดสินใจในการใช้ชีวิตมีส่วนกำหนดตัวตนของเราและความเป็นไปในอนาคต ร่วมค้นหาความเชื่อมโยงของแต่ละทางเลือกเพื่อสร้างอนาคตที่คุณออกแบบเองได้


ในยุคที่เราเลือกใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ทุกการตัดสินใจมีส่วนกำหนดตัวตนของเราและความเป็นไปในอนาคต ทั้งอนาคตของตัวเราเอง อนาคตของชุมชน ไปจนถึงอนาคตของสังคมและโลกในภาพรวม


เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน เราจะเร่งรีบเพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลง ผ่อนจังหวะเพื่อใช้เวลาใคร่ครวญ หรือสร้างจังหวะใหม่ขึ้นมาเอง เราจะผสาน “สินทรัพย์” เดิมกับ “ปัญญา” ใหม่อย่างไรเพื่อสร้างคุณค่าและชีวิตที่ดีกว่า อะไรคือสมดุลใหม่ในการอยู่กับความเหลือเฟือจากเทคโนโลยีและความขาดแคลนของทรัพยากรโลก หรือกระทั่งความหมายของ “สุนทรียภาพ” ในยุคที่วิทยาศาสตร์เข้ามาทดแทนบทบาทการสร้างสรรค์ของมนุษย์


ยิ่งโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีหลอมรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้นเท่าไร สิ่งที่แตกต่างและดีกว่าจะยิ่งมีความหมายมากขึ้นเท่านั้น อนาคตจึงไม่ใช่การเลือกระหว่างความ “เหมือน” หรือ “ต่าง” หากเป็นการทำงานร่วมกันของทั้งสองสิ่ง เพื่อให้ทุก ๆ คนได้ใช้คุณค่าและปัญญาในแบบฉบับของตนเอง เพื่อออกแบบตัวเราและโลกที่สร้างสรรค์กว่าเดิม


ค้นหาความเชื่อมโยงของการตัดสินใจต่างๆ เพื่อสร้างอนาคตที่คุณออกแบบเองได้ กับนิทรรศการ “Hello World!” ๒o ธันวาคม ๒๕๕๖ – ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๗ ที่ TCDC เข้าชมฟรี สอบถามข้อมูลได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ TCDC โทร. o๒-๖๖๔-๘๔๔๘ ต่อ ๒๑๓, ๒๑๔ (ปิดวันจันทร์)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
tcdc.or.th












ศิลปิน : มิสสมัย ประทุมมัง
เทคนิค : สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด : ๑๕o x ๒๒o ซม.



นิทรรศการ "เทพธิดาดอย”


แกลเลอรี ปาณิศา มีความยินดีขอเรียนเชิญร่วมเป็นเกียรติ

ในพิธีเปิดนิทรรศการศิลปกรรม “เทพธิดาดอย”

โดย มิสสมัย ประทุมมัง

พิธีเปิด วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.oo น.

จัดแสดงถึง ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗


แกลเลอรี ปาณิศา ๑๘๙ ถ.มหิดล ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๕o๑oo

โทรศัพท์ ๖๖ ๕๓ ๒o๒ ๗๗๙ เปิดทำการ o๙.oo - ๑๘.oo (ปิดวันอาทิตย์)







ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคแกลเลอรี ปาณิศา
thailandexhibition.com














"Garden of Eden”


นิทรรศการ : “Garden of Eden”
ศิลปิน : TJAŠA IRIS
ลักษณะงาน : จิตรกรรม
ระยะเวลาที่จัดแสดง : ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๗
สถานที่ : หอศิลป์จามจุรี
ห้องนิทรรศการ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑


แนวความคิด

ด้วยมุมมองของเธอผ่านผลงาน ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินต่างชาติ ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงฤดูหนาวของยุโรป ๔ ครั้งที่ผ่านมา เธอแบ่งเวลาการทำงานของเธอระหว่าง ยุโรปและเอเชีย สร้างผลงานจิตรกรรม พร้อมทั้งจัดแสดงนิทรรศการของเธอเอง ในหลากหลายประเทศ ตามภูมิภาคแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย, สิงคโปร์, อินโดนีเชีย และ มาเลเชีย ซึ่งช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เธออาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ เธอได้สร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ที่เป็นเรื่องราวอันเกี่ยวข้องกับผลงานของเธอในช่วงฤดูหนาว ขณะที่เธออาศัยอยู่ในยุโรป และผลงานในนิทรรศการของเธอครั้งล่าสุด “Gardens of Eden”ได้ถูกวาดขึ้นใน พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวช


TJAŠA IRIS ถือได้ว่าเธอเป็น Colorist ที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่ง ผลงานของเธอนั้นได้รับแรงบัลดาลใจจากพืชพันธุ์ธัญญาหาร สวน และ ทัศนียภาพจากภายนอก งานจิตรกรรมของเธอจึงมักที่จะพรรณนาถึง มวลหมู่ดอกไม้ และ สวนในเขตร้อนที่เขียวชอุ่ม ความชุ่มฉ่ำของพันธุ์ไม้ที่ถูกแสงตกกระทบเฉิดฉายเจิดจ้าอย่างมีชีวิตชีวา ปลูกฝังอยู่ในรากเหง้าของความเป็นศิลปินแห่งลัทธิ Impressionism ความสมัยใหม่ที่คลืบคลานเข้าสู่ช่วงต้นศตวรรษที่ผ่านมาของยุโรป ซึ่งมักจะนำเสนอโลก โดยผ่านมุมมองส่วนตัว ที่บิดเบือนผิดเพี้ยนอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่ออารมณ์อันก่อให้เกิดความรู้สึกจำเพาะ ที่ศิลปิน Expressionist นั้นให้ความหมายที่ชัดเจน คือประสบการณ์ทางอารมณ์ ที่มากกว่าความเป็นจริงในทางรูปธรรม TJAŠA IRIS ยังคงพัฒนาสิ่งที่เธอสนใจ ในเรื่องของสี ที่แสดงออกผ่านงานจิตรกรรมของเธอ สื่อถึงความเรียบง่าย ความสลับซับซ้อน และ ความทันสมัย


เธอมองผลงานของเธอ ผ่านความต่อเนื่องจาก Expressionism เรื่องของสี จึงเป็นสิ่งที่เธอให้ความใส่ใจและใช้มัน อย่างอิสระ มีชีวิตชีวา ส่งสะเทือนไปถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แตกพล่านในงาน จิตรกรรมของเธอ ซึ่งดูจะขัดแย้งกับ ความเร่าร้อน และ ความเยือกเย็น ความสว่าง และ ความมืด ความสดใส และ ความขุ่นมัว และเธอเองได้รวบรวมนำเอาสาระสำคัญ ในแต่ละที่ ที่เธอเคยได้เยี่ยมเยือนใน สวนเขตร้อนที่เต็มไปด้วยภาพแห่งนามธรรม ทัศนียภาพที่ประดับประดาไปด้วยความหนาแน่นของพืชพันธุ์ กับท้องฟ้าที่หมุนวน ในสวนพฤกษศาสตร์จากสิงคโปร์ สู่สวนในบาหลี, กัวลาลัมเปอร์ และ เชียงใหม่ การใช้สี และ รูปร่าง อันก่อให้เกิดความประทับใจกับผู้ชม ที่ร่วมเฉลิมฉลองความรื่นรมย์ของชีวิต ผ่านทางผลงานศิลปะของเธอ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
chamchuriartgallery.blogspot.com



บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะค่ะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor

Create Date :30 ธันวาคม 2556 Last Update :30 ธันวาคม 2556 23:04:24 น. Counter : 4579 Pageviews. Comments :0