เมื่อเมืองกำลังเติบโต
วันนี้ขอพูดเกี่ยวกับเมืองที่รักของฉันสักหน่อย... เชียงของ...ฉันรู้จักเมืองนี้ เมื่อ12ปีก่อน ใช่ ก่อนหน้านี้เป็นเมืองที่ฉันรู้สึกว่าน่าอยู่มากเลย เมืองอะไรเนี่ย ขนาดเป็นอำเภอนะ ยังดูเล็กๆน่ารักๆแบบนี้ มีเกสต์เฮาส์ไม่กี่ที่ และฉันก็แวะมาที่นี่เพราะหลงรักเมืองนี้จากรูปภาพที่ฉันเห็นในหนังสือท่องเที่ยวฉบับหนึ่ง เมื่อเวลานั้น บ้านเมืองยังมีตึกเก่าๆ อยู่มากมาย ฉันชอบที่จะเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไปบนถนนที่ไม่ค่อยจะมีรถพลุกพล่านมากนัก นักท่องเที่ยวในเวลานั้นก็ยังไม่ได้มากเหมือนวันนี้ และเมื่อฉันตัดสินใจที่จะลาออกจากงาน เพื่อที่จะแสวงหาตัวตนที่ตัวเองฝันอยากจะทำ ฝันอยากจะเป็น ฉันก็ได้กลับมาเมืองนี้อีกครั้งตามคำเชื้อเชิญของพี่คนหนึ่งที่เปรียบเสมือนผู้จุดประกายของการเปลี่ยนชีวิตของฉันมายังเมืองเล็กๆเมืองนี้ ในเวลานั้น ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะหลงใหลเมืองนี้มากมายขนาดนี้ แต่ก็ยอมรับว่าที่นี่เป็นที่ๆทำให้ตัวฉันเรียนรู้ประสบการณ์มากมาย และณ วันหนึ่ง ฉันจำเป็นต้องขยับตัวเองออกมาเพื่อทำงานของตัวเอง ด้วยความจำเป็นบางอย่าง.... แต่ถึงกระนั้น ฉันก็ยังวนเวียนและใช้ชีวิตในเมืองนี้อย่างมีความสุข และเริ่มที่จะเรียนรู้และใช้ชีวิตกับผู้คนในเมือนนี้มากขึ้น หัดอู้คำเมือง และเริ่มรู้จักเพื่อนใหม่มากขึ้น ชีวิตที่นี่อาจไม่หรูหรา แต่ก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรไปในชีวิต และเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ถนนคอนกรีตก็เริ่มเข้ามาแทนที่ถนนลูกรัง เพราะทุกครั้งบนถนนลูกรังนี้ เมื่อมีนักท่องเที่ยวนั่งรถสามล้อเครื่องผ่าน มันจะหอบเอาฝุ่นกองโตมาฝากฉันถึงหน้าบ้านเสมอๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าลำบากเลยกับการที่ต้องกวาดบ้านบ่อยๆ ปัดฝุ่นบ่อยๆ เมื่อถนนคอนกรีตเริ่มเข้ามาแทนที่ สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นคือ ความร้อนจากผิวถนน ที่ทำให้เมืองนี้ร้อนไปทั่ว และเกิดอุบัติเหตุบนถนนหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อเวลาผ่านไป 5 ปี เมืองนี้ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง มีการก่อสร้างอาคารใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย พร้อมกับการจากไปของบ้านไม้สวยๆหลายหลัง พร้อมกับทางเดินตัวหนอนริมน้ำที่ดูเหมือนคนสร้างไม่ได้มีความต้องการให้มันสวยเท่าไหร่ (ในความคิดเห็นส่วนตัวของฉันเอง) เพราะมันดูรกไปด้วยเศษขยะ ถุงพลาสติดมากมาย ก้นบุหรี่ ขวดเบียร์ ฯลฯ ซึ่งบางครั้งฉันทนไม่ได้ก็พยายามที่จะเก็บมันมาทิ้งลงถังขยะ ด้วยความอายต่อสายตาตัวเองที่เห็น และรู้สึกว่าไม่ชอบเลยที่จะเห็นดอกไม้พลาสติกเกลื่อนอยู่บนต้นหญ้าริมน้ำไปหมด ใช้เวลาในการเก็บอยู่เกือบอาทิตย์ มันก็ดูสะอาดตาขึ้น แต่ก็ดูเหมือนว่าเป็นการกระทำที่ดูสิ้นคิดไปหน่อย เพราะแทนที่ฉันควรไปบอกใครที่มีหน้าที่ตรงนี้มาช่วยจัดการมันที แต่ก็ไม่มีผลเพราะเคยลองแล้ว กลายเป็นความคิดของฉันถูกต้องแต่ไม่ถูกใจของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ หรือเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็แค่การเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ หรือสิ่งก่อสร้างเท่านั้น แต่ด้านจิตใจหรือจิตสำนึกของความรักในบ้านเกิดกลับหายไปพร้อมกับความเจริญที่เข้ามาแทนที่ ในแต่ละวันที่ผ่านไป มีหลายๆอย่างรอบๆ ตัวฉันเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ผับบาร์และร้านคาราโอเกะ ขึ้นกันพึบพับ คนเฒ่าคนแก่นอนไม่หลับ ตกใจตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะเสียงรถมอเตอร์ไซด์ของพวกวัยรุ่นที่บิดกันสุดฤทธิ์ บางวันก็เป็นเสียงดนตรี เสียงกลองที่ดังกระหึ่ม กระแทกหัวใจของคนเฒ่าให้แทบหายใจไม่ออกเพราะเสียงของมันเหมือนการกระทำเหล่านั้น จะไม่มีที่สิ้นสุด เป็นการสั่งสมความสามารถเพิ่มมากขึ้นด้วยการชกต่อยและยกพวกลุยกลุ่มคู่อริที่เผอิญหมั่นใส้ตั้งแต่ตอนนั่งดริ๊งค์กันอยู่ในผับ และเมื่อผับเลิกก็จะเป็นเวลาปล่อยผีที่สิงอยู่ในตัวให้ออกไปทำร้ายฝ่ายตรงขัามให้เจ็บปวดและปางตาย เผอิญในทุกๆครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ มักจะมามีเหตุที่หน้าบ้านเสมอ เพราะมันดูสว่างด้วยดวงไฟที่เขาติดเอาไว้เพื่อความสะดวกต่อรถราที่วิ่งอยู่ในเมือง คงไม่ต้องคาดเดาว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร เพราะฉันรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มีคนมาตีกันหน้าบ้านฉัน อาฮ้า โธ่....ใครจะกล้าบ้าขนาดนั้น ฉันก็นอนไม่หลับนะซิ เป็นอย่างนี้ออกบ่อยจนสุขภาพจิตเรื่มมีปัญหาเสียแล้วเราและในปีนี้ 2550 ก็เริ่มมีรถบรรทุกคันใหญ่วิ่งบรรทุกสิ่งของต่างๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเรือ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะรีบเร่งหรือกำลังทำงานอะไรกัน แต่สำหรับฉัน ฉันรู้สึกว่าพวกนี้กำลังทำลายความสงบของเมืองงามเมืองนี้ไปอย่างไม่รู้ตัว ฉันไม่รู้ว่าหลังจากนี้เมื่อสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาวแห่งที่ 3 ที่ทางราชการมีอนุมัติให้ทำขึ้นที่เชียงของนี้ จะนำอะไรที่แย่ๆเข้ามาที่นี่อีก ฉันไม่เคยคิดว่าการพัฒนาบ้านเมืองจะทำให้คุณภาพชีวิตของคนเมืองนี้จะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ หรือพวกเขาจะรอให้เมืองนี้ล่มสลายไป พร้อมกับความเจริญทางวัตถุที่กำลังครอบคลุมไปทั่วเมืองในเวลานี้สงสารก็แต่เหล่าคนรุ่นใหม่ที่จะต้องอยู่กับสิ่งที่หลวมๆของสังคมสมัยใหม่กันต่อไป หรืออาจจะมีปฏิหารณ์ที่จะทำให้เมืองนี้กลับมางดงามได้เหมือนเดิม " ก็เมื่อเมืองมันกำลังเติบโตแบบนี้" ใครรู้ช่วยตอบที
ติ๊กกี้คิดว่า อีกหน่อยมนุษย์เราต้องใช้เงินซื้ออากาศ บริสุทธิ์เพื่อนำมาหายใจ
เพราะธรรมชาติมันหมดไปตามวัตถุนิยม ที่สำคัญ อยากพูดเรื่องข้าว เด๋วนี้เกษตรกรหันไปปลูกอย่างอื่น กันเยอะเพียงเพราะคิดว่ามันทำกำไร ได้เป็นกอบ เป็นกำมากกว่า แล้ว อีกไม่นาน เชื่อไหม เราต้องสังซื้อข้าวจจากเมือง นอกเข้ามากินกัน ฝากบอกต่อๆกันไปเรื่อง ข้าว ด้วย อยากใหเชาวนา ปลูกข้าวต่อไป อย่าหะนเหไปตามวัตถุนิยมมากนัก
เห็น ชื่อเจ้าของบลอกน่าสนใจเลยตามมาอ่านน่ะจ๊ะ
Tikky!