๑~๑ ความรักทรงกลม ๑~๑
aircraftcoffee
ความรักทรงกลม
คำนำ
ชีวิตของคนเราเติบโตขึ้นมาด้วยการหล่อเลี้ยงของความอาทร และความเกื้อกูลซึ่งกันและกันมากมาย เมื่อเราลืมตาดูโลก ก็เห็นรอยยิ้มต้อนรับอันอบอุ่น ละมุนใจของผู้เป็นพ่อ แม่ ของเรา ความรักของท่านกลั่นจากหัวใจที่ขยายกว้างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนดั่งทรงกลม ที่ขยายจากศูนย์กลาง กว้างออกไปได้เรื่อยๆ จึง ให้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ให้อย่างไร้ข้อแม้ ให้อย่างไร้เงื่อนไข และให้อย่างไร้กาลเวลา ความรักของพ่อ แม่ จึงเป็นรักแท้ ที่บริสุทธิ์ ใส สะอาด โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ส่งใจส่งความรักถึงท่าน แล้วน้อมเคารพบูชาท่าน ด้วยการมอบสิ่งดีๆ ให้ท่านอย่างสุดหัวใจ เพราะท่านเป็นดั่ง พระในบ้าน ของลูก กุศลผลบุญในอันเกิดจากการทำหนังสือเล่มนี้ ขอน้อมกราบบูชา พ่อ ผู้ให้กำเนิดทุกๆชีวิตที่เกิดมา
น้อมบูชาด้วยจิตคารวะ ชมรมจริยธรรมไทย โทร.0-1751-5865
สมบัติอันล้ำค่า สมบัติอันล้ำค่านั้น ซ่อนอยู่ที่ไหน นักล่าสมบัติ คงจะตอบว่า ซ่อนอยู่ที่เกาะมาสมบัติเป็นแน่ ส่วนผู้คงแก่เรียน คงจะแย้งว่า อยู่ในตำรับตำราต่างหาก แต่ถ้าถามนักกีฬา เขาก็คงจะตอบว่า สมบัติอันล้ำค่าจะเป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้ นอกจากร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ที่แน่ๆสมบัติอันล้ำค่านั้น คงต้องเป็นสิ่งที่น่าปรารถนาอย่างยิ่ง
แต่ก่อนนานมาแล้วยังมีชายชราคนหนึ่ง แก่มากจนจำอายุตนเองไม่ได้ หากใบหน้าของเขายังคงอิ่มเอิบเปล่งประกายเลือดฝาด เคราสีเงินยวงสะอาดตาของเขาปกคลุมมาถึงหน้าอก ร่างกายของเขาแข็งแรงมาก ตายังไม่ฝ้าฟาง หูก็ยังไม่หนวก เขามีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง แต่เขาก็ยังเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างภายในครอบครัว ปีนี้เขาตัดสินใจว่าจะเลือกใครคนหนึ่งจากลูกชาย 15 คน ของเขามาสืบทอดภารกิจนี้เสียที แต่จะเลือกใครดีล่ะ เมื่อชายชราคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ จึงสั่งให้ลูกชายทั้ง 15 คนมาพบแล้วแจกเมล็ดดอกไม้ให้ลูกๆ คนละ 1 เมล็ด พร้อมทั้งบอกว่าใครสามารถปลูกเมล็ดพืชนี้ให้งอกงานจนออกดอกบานสะพรั่ง คนนั้นก็จะได้เป็นผู้สืบทอดมรดกต่อไป เมื่อลูกๆได้เมล็ดพืชมาแล้ว ต่างนำไปปลูกและดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ลูกชายคนเล็กของชายชราผู้นี้มีชื่อว่า เสี่ยวเหลียงจือ เมื่อได้เมล็ดดอกไม้แล้ว เขาก็นำไปปลูกในกระถาง รดน้ำเอาใจใส่อย่างดีทุกวันทุกคืนแต่เมล็ดพืชก็ไม่แตกกล้าสักที เสี่ยวเหลียงจือรู้สึกเศร้าโศกเสียใจมาก เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนย่างกรายเข้ามาถึงแล้ว ชายชราผู้เป็นพ่อกำหนดว่าวันนี้จะเป็นวันคัดเลือกดอกไม้ของลูกๆ ลูกทุกคนต่างอุ้มกระถางดอกไม้ที่ออกดอกบานสะพรั่งอย่างสวยสดงดงามมาให้ผู้เป็นพ่อชม เพื่อรอการคัดเลือก ชายชราเดินตรวจดอกไม้ที่สวยงามในมือของลูกๆด้วยสีหน้าที่ไม่มีแววยินดีแม้แต่น้อย เขาเดินตรวจจากบุตรชายคนโตมาจนถึงบุตรชายคนที่ 14 โดยมิได้หยุดเลย เมื่อเดินมาถึงเสี่ยวเหลียงจือ บุตรชายคนสุดท้องซึ่งยืนถือกระถางเปล่า ที่ไม่มีทั้งต้นไม้และดอกไม้ ชายชราจึงหยุดกึกอยู่ตรงนั้น เสี่ยวเหลียงจือน้ำตาไหลพราก กล่าวกับบิดาอย่างสำนึกผิดว่า พ่อครับ ผมไม่มีดอกไม้จะมอบให้พ่อ.. ชายชรากลับแย้มยิ้มและพูดอย่างยินดีปรีดาว่า ลูกเอ๋ยสิ่งที่เจ้ามอบให้พ่อนั้นมีค่ายิ่งกว่าดอกไม้มากมายนัก อะไรหรือครับ ความซื่อสัตย์ไงล่ะ เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่... ชายชราจึงเปิดเผยความลับต่อลูกๆว่าที่เมล็ดพืชที่ตนแจกแก่ลูกๆนั้น เป็นเมล็ดพืชที่นำไปคั่วจนสุกแล้ว ดังนั้นต้นไม้ที่ผลิดอกสวยงามเหล่านั้น ล้วนมาจากเมล็ดพืชจากที่อื่นไม่ใช่เมล็ดพืชที่ผู้เป็นพ่อแจกให้ ดอกไม้พวกนี้จึงเป็นสักขีพยานยืนยันความไม่ซื่อตรงของพวกเขา สุดท้ายชายชราจึงกล่าวอบรมลูกๆว่า ขอให้ลูกๆจงเป็นคนซื่อตรงเถิด ความซื่อตรงเป็นคุณสมบัติอันล้ำค่าของคนเรา ชายชราผู้มองการณ์ไกล มิได้มองหาลูกชายที่แข็งแรง ร่ำรวย หรือเฉลียวฉลาดเลย หากแต่มองหาลูกชายที่ซื่อสัตย์ จริงใจ แม้เสี่ยวเหลียงจือ จะมีเพียงกระถางว่างเปล่า แต่ใจของเขางดงามยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆ เพราะเป็นใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันหาได้ยากยิ่ง ในโลกที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขันนี้ เขาจึงเป็นผู้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ และได้รับมอบหมายสิ่งสำคัญจากผู้เป็นบิดา ย่อมแสดงให้เห็นว่า ความซื่อตรงและจริงใจเป็นสิ่งที่เราทุกคนคาดหวัง อยากได้จากกันและกันมากที่สุด มอบความซื่อตรงจริงใจให้แก่กัน เพราะนี่คือสมบัติอันล้ำค่า ที่เราทุกคนต่างปรารถนา และสามารถมอบให้แก่กันและกันได้ ให้โลกนี้งดงามด้วยความจริงใจ งามยิ่งกว่าดอกไม้ใดๆทั้งมวล
ขอขอบคุณ บทความในหนังสือเล่มนี้ (ความรักทรงกลม) จัดพิมพ์เพื่อมอบเป็นธรรมบรรณการ จำนวน 3,000 เล่ม (มิได้จำหน่าย) ขอขอบคุณเจ้าของบทความเป็นอย่างยิ่ง ที่กรุณาอนุเคราะห์เพื่อการจัดพิมพ์ ชมรมจริยธรรมไทย โทร.0-1751-5865
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
คุณจะช่วยผมได้หรือยัง
ปี ค.ศ. 1970 แผ่นดินไหวระดับความรุนแรง 8.2 ริกเตอร์ ทำให้อาร์เมเนียเรียบเป็นหน้ากลอง ผู้คนกว่า 30,000 คนตายเรียบในเวลาไม่ถึง 4 นาที ท่ามกลางความยุ่งเหยิงและการทำลายล้างอย่างหมดจดนี้ คุณพ่อคนหนึ่งได้ทิ้งภรรยาของเขาไว้ที่บ้านเพื่อความปลอดภัยและรีบวิ่งไปยังโรงเรียนที่คาดว่ามีลูกชายอยู่ เพียงเพื่อจะพบว่าอาคารดังกล่าวพับราบไม่ต่างกับแพนเค้ก หลังจากอาการตกใจและเศร้าเสียใจที่สุดในชีวิตค่อยๆทุเลาลงแล้ว เขาก็นึกถึงคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับลูกชายว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ! น้ำตาเริ่มรินออกมาเต็มตา เขามองไปที่กองซากปรักหักพังซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงเรียน มันช่างสิ้นหวังเหลือเกิน แต่เขาก็ยังจำสัญญาที่ให้ไว้กับลูกชายได้ เขาเริ่มสำรวจเส้นทางที่พาลูกชายมาส่งที่ห้องเรียนในแต่ละเช้า จำได้ว่าห้องเรียนของลูกน่าจะอยู่ในมุมขวาด้านหลังอาคารเรียน เขารีบวิ่งไปที่นั่น และเริ่มขุดซากเศษอิฐเศษปูน ในขณะที่กำลังขุดอยู่นั้น ผู้ปกครองที่สิ้นหวังรายอื่นๆก็เริ่มทยอยมา กุมหัวใจพร้อมกล่าวอย่างรันทดว่า ลูกชายของฉัน ! ลูกสาวของฉัน ! ผู้ปกครองที่มีเจตนาดีคนอื่นๆ พยายามดึงเขาออกจากซากปรักหักพังของโรงเรียน โดยบอกว่า มันสายเกนไปแล้ว ! พวกเขาตายหมดแล้ว ! คุณช่วยอะไรไม่ได้หรอก ! กลับบ้านซะ ! ไม่เอาน่า ยอมรับความจริงดีกว่า คุณทำอะไรไม่ได้แล้ว! คุณยิ่งทำให้อะไรๆ เลวร้ายขึ้น ! เขาตอบทุกคนด้วยประโยคเดียวกันว่า ตอนนี้คุณจะช่วยผมได้หรือยัง แล้วเขาก็ลงมือขุดหาลูกชายจากอิฐทีละก้อนๆ หัวหน้านักดับเพลิงปรากฏตัวขึ้น พยายามดึงเขาออกจากซากปรักหักพัง และเตือนว่า ไฟกำลังลามไปทั่ว อาจเกิดระเบิดขึ้นได้ทุกแห่ง คุณกำลังอยู่ในอันตรายนะ เราจะช่วยคุณเอง กลับบ้านเถอะ และคุณพ่อชาวอาร์เมเนียนซึ่งทั้งรักและห่วงใยลูกได้ตอบกลับไปว่า คุณจะช่วยผมได้หรือยัง ตำรวจมาถึงและบอกว่า คุณกำลังโกรธและผิดหวังมากเท่านั้นเอง มันจบแล้วครับ คุณจะทำให้คนอื่นเป็นอันตรายไปด้วย กลับบ้านซะ เราจะจัดการเอง ! ซึ่งเขาก็ตอบว่า คุณจะช่วยผมได้หรือยัง ไม่มีใครช่วยสักคน ด้วยความกล้าหาญ เขาลงมือเองโดยลำพังเพราะต้องการให้รู้แน่ด้วยตนเองว่า ลูกชายของฉันยังมีชีวิตอยู่หรือตายแล้ว เขาขุดอยู่นาน 8 ชั่วโมง ...12 ชั่วโมง...24ชั่วโมง...36 ชั่วโมง และในชั่วโมงที่ 38 นั่นเอง เขาดึงก้อนหินขนาดใหญ่ออกและได้ยินเสียงลูกชายของเขา เขาตะโกนเรียกลูกชาย อาร์มานด์ และได้ยินเสียงตอบรับ พ่อ ! ? ! ผมเองฮะพ่อ ! ผมบอกเพื่อนๆว่า ไม่ต้องตกใจ ผมบอกเขาว่า ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่ พ่อต้องมาช่วยผมและช่วยพวกเขาด้วย พ่อสัญญาไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะอยู่เคียงข้างลูกเสมอ! แล้วพ่อก็ทำได้จริงๆ พ่อ ! เกิดอะไรขึ้นในนี้ มันเป็นอย่างไรบ้าง พ่อถาม มีเด็ก 14 คนจาก 33 คน รอดชีวิตฮะพ่อ พวกเราทั้งกลัว หิวข้าว หิวน้ำที่สุดเลย ขอบคุณจริงๆที่พ่อมาอยู่ตรงนี้ตอนที่ตึกถล่ม ตึกมันแยกออกจากกันเป็นเหมือนรูปสามเหลี่ยม เราเลยปลอดภัยฮะพ่อ ออกมาเร็วเจ้าหนู !
ไม่ฮะ พ่อ ! ให้เพื่อนๆออกไปก่อน เพราะผมรู้ว่าพ่อต้องช่วยผม ! ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมรู้ว่าพ่อจะอยู่เคียงข้างผม !
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
20 เหรียญ กับคนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
ชายหนุ่มเลิกงานและกลับเข้าบ้านช้า ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าและพบว่าลูกชายวัย 5 ขวบรอคุณพ่ออยู่ที่หน้าประตู
ลูก : พ่อครับ พ่อ ผมมีคำถามถามพ่อข้อนึง พ่อ : ว่ามาสิลูก อะไรเหรอ ลูก : พ่อทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไหร่ พ่อ : ไม่ใช่โกงการอะไรของลูกนี่ ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ พ่อตอบลูกด้วยความโมโห ลูก : ผมอยากรู้จริงๆ โปรดบอกผมเถอะ พ่อทำงานได้เงินชั่วโมงละเท่าไหร่ ลูกพูดขอร้อง พ่อ : ถ้าจำเป็นจะต้องรู้ล่ะก็ พ่อได้ชั่วโมงละ 20 เหรียญ ลูก : โอ... ลูกอุทานแล้วคอตก พูดกับพ่ออีกครั้ง พ่อครับ ผมอยากขอยืมเงิน 10 เหรียญ พ่อกล่าวด้วยอารมณ์ นี่เป็นเหตุผลที่แกถามเพื่อจะขอเงินแล้วไปซื้อของเล่นโง่ๆ หรืออะไรที่ไม่เข้าท่าหรอกเหรอรีบไปนอนเลยนะ แล้วลองคิดดูว่า แกน่ะเห็นแก่ตัวมากชั้นทำงานหนักหลายๆชั่วโมงทุกวัน และไม่มีเวลาสำหรับเรื่องเด็กๆไร้สาระอย่างนี้หรอก เด็กน้อยเงียบลง เดินไปที่ห้องแล้วปิดประตู
ชายหนุ่มนั่งลงและยังโกรธอยู่กับคำถามของลูกชาย เค้ากล้าที่จะถามคำถามนั้นเพื่อจะขอเงินได้อย่างไร หลังจากนั้นเกือบชั่วโมงอารมณ์ชายหนุ่มก็เริ่มสงบลง และเริ่มคิดถึงสิ่งที่ทำลงไปกับลูกชายตัวน้อย บางทีเขาอาจจำเป็นต้องใช้เงิน 10 เหรียญนั้นจริงๆ และลูกก็ไม่ได้ขอเงินเขาบ่อยนัก ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นไปบนห้องแล้วเปิดประตู พ่อ : หลับหรือยังลูก ลูก : ยังครับ พ่อ : พ่อมาคิดดู เมื่อกี้นี้พ่ออาจทำรุนแรงกับลูกเกินไป นานแล้วที่พ่อไม่ได้คลุกคลีกับลูก เอ้า นี่เงิน 10 เหรียญที่ลูกขอ
เด็กน้อยลุกขึ้นนั่ง ขอบคุณครับพ่อ ว่าแล้วก็ล้วงลงไปใต้หมอนหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา แล้วนับช้าๆ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็โกรธขึ้นอีกครั้ง ก็มีเงินแล้วนี่ แล้วมาขออีกทำไม ลูก : เพราะผมมีไม่พอครับ แต่ตอนนี้ผมมีครบแล้ว พ่อครับ ตอนนี้ผมมีเงิน ครบ 20 เหรียญแล้ว ผมขอซื้อเวลาพ่อชั่วโมงนึง... พรุ่งนี้พ่อกลับบ้านเร็วๆนะครับ ผมอยากกินข้าวเย็นกับพ่อ...
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
แครอต กาแฟ ไข่ จะเข้ากันได้อย่างไร
วันหนึ่งลูกสาวพร่ำบนถึงชีวิตอันแสนลำเค็ญให้พ่อฟังว่า เธอกำลังรู้สึกอับจนปัญญาที่จะจัดการกับชีวิตและปรารถนาที่จะยอมแพ้พ่าย ประหนึ่งว่าเมื่อสางปัญหาหนึ่งเสร็จสิ้น อีกปัญหาหนึ่งก็ก้าวเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
ผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นพ่อครัวจึงเดินนำเธอเข้าไปในครัวจัดแจงต้มน้ำในหม้อสามใบ ด้วยไฟแรงจนน้ำเดือด เขาใส่แครอตในหม้อใบแรก วางไข่ลงในหม้อใบที่สอง และตักกาแฟลงไปในหม้อใบสุดท้าย แล้วปล่อยให้มันต้มไปเรื่อยๆ โดยไม่มีคำอธิบายเลย ฝ่ายลูกสาวเริ่มหงุดหงิดและหมดความอดทน ทั้งยังสงสัยว่าพ่อกำลังทำอะไร
ยี่สิบนาทีผ่านไป เขาก็ปิดเตาแก๊ส ตักแครอตขึ้นมาวางไว้ในชาม นำไข่วางไว้ในชามอีกใบหนึ่ง และตักกาแฟไว้ในชามสุดท้าย แล้วหันไปถามลูกว่า ลูกเห็นอะไรบ้าง แครอต ไข่ กาแฟ เธอตอบ
เขาจึงขอร้องให้เธอสัมผัสแครอต เธอจึงรู้ว่ามันนิ่มแล้วเขาก็ให้ลูกสาวตอกไข่ เมื่อเธอแกะเปลือกไข่ออก ก็พบว่าไข่นั้นได้ต้มสุก แล้วท้ายที่สุดเขาให้ลูกสาวลองจิบกาแฟดูเธอยิ้มและลิ้มรสอันหอมกรุ่นนั้น แล้วค่อยๆถามว่า นี่หมายความว่าอย่างไรหรือคะคุณพ่อ
พ่ออธิบายว่า เราได้กระทำต่อสามสิ่งนี้ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน นั่นคือ น้ำเดือด แต่ผลลัพธ์มันกลับแตกต่างกัน จากเดิมแครอตดูแข็งๆและไม่โอนอ่อนผ่อนตาม พอผ่านการต้มมันกลับนิ่มและดูอ่อนปวกเปียก ไข่ซึ่งดูบอบบาง มีเพียงเปลือกบางๆคอยห่อหุ้มของเหลวภายใน แต่น้ำเดือดทำให้ของเหลวนั้นกลับแข็งขึ้น ขณะที่ชงกาแฟกลับมีลักษณะเฉพาะตัวตลอดกาล เมื่อมาเจอน้ำเดือด น้ำต่างหากที่แปรเปลี่ยนไป แล้วลูกล่ะเป็นอะไร พ่อถามลูกสาว เมื่อความทุกข์มาเยือน ลูกจะเตรียมรับมืออย่างไร ลูกเป็นแครอต ไข่ หรือ กาแฟ
แล้วคุณล่ะ? แครอตนั้นดูแข็งโป๊กแต่เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากนานาก็จะเฉา อ่อนแอ และสูญเสียเรี่ยวแรงกำลังไป หรือจะเป็นไข่ซึ่งดูเหมือนสามารถปรับสภาพได้ในตอนแรก จิตใจอันอ่อนไหวของคุณจะเป็นอย่างไร หลังจากที่ต้องเผชิญกับความเป็นความตาย การแตกแยก การหย่าร้าง หรือการเลย์ออฟ หัวใจของคุณหยาบกร้าน และแข็งกระด้างขึ้นหรือเปล่า แม้เปลือกภายนอกของคุณยังคงเดิม หากหัวใจและจิตวิญญาณของคุณเล่า มันปวดร้าว และได้แปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่ง หรือคุณเหมือนเมล็ดกาแฟ เมื่อเจอน้ำเดือดอันนำมาซึ่งความเจ็บปวด แต่ ณ อุณหภูมิสูงสุด 100 องศาเซลเซียส กาแฟกลับมีรสชาติดีขึ้นยามนั้น หากคุณเป็นดั่งกาแฟ เมื่อถึงภาวะที่เลวร้ายที่สุด นอกจากคุณจะสามารถจัดการกับชีวิตตนเองได้แล้ว คุณยังสามารถทำสิ่งรอบข้างให้ดีขึ้นได้ด้วย
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
บันทึกก้อนกรวด เก็บเอาไว้ วันละเล็กวันละน้อย
ของถูกก็ดีได้ ของที่หาง่ายก็ใช่จะไร้ค่า ขุมทรัพย์ไม่จำเป็นต้องอยู่สุดขอบฟ้า แต่อาจดารดาษใกล้ๆตัวเรา
ในสมัยโบราณ มีชนเผ่าหนึ่งเที่ยวเร่ร่อนไปในที่ต่างๆค่ำไหนนอนนั่น โดยจะปลูกกระโจมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มทุกคืนก่อนนอน พวกเขาจะสวดมนต์อ้อนวอน ขอโชคลาภจากเทพเจ้าอยู่เสมอ คืนหนึ่ง! ขณะที่พวกเขากำลังบูชาเทพเจ้าอยู่นั้น ได้เกิดลมพัดอื้ออึง ฟ้าแลบแปลบปลาบ พวกเขาต่างคิดว่า เหตุอัศจรรย์กำลังจะบังเกิดขึ้น ทันใดนั้นเอง! พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังก้องมาจากท้องฟ้าเบื้องบนว่า... พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังข้า ในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเดินทางไปยังที่ใดก็ตาม จงเก็บก้อนกรวดที่เจ้าไดพบในระหว่างทาง ใส่ย่ามของเจ้าเอาไว้ ตกกลางคืนเมื่อใด พวกเจ้าจะทั้งดีใจและเสียใจ สิ้นเสียงนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง ไยเทพเจ้าจึงบอกให้เก็บก้อนกรวดที่ไร้ค่าเช่นนั้น แทนที่จะประทานทรัพย์สมบัติ หรือบอกขุมทรัพย์อันล้ำค่าให้ พวกเขารู้สึกไม่พอใจ ต่างเข้านอนด้วยความผิดหวัง รุ่งขึ้น พวกเขาพากันออกเดินทางไปเหมือนเช่นเคย ทุกคนได้พบเห็นก้อนกรวดมากมายเกลื่อนกลาดทุกหนแห่งที่ย่างเท้าไป พวกเขาจึงหยิบติดมือมาอย่างเสียมิได้ เพียงคนละสองสามก้อนเท่านั้น ทั้งยังเก็บไปก็บ่นไป ครั้นถึงยามพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาพากันหยุดพักแรมปลดย่ามที่สะพายออก ตรวจดูของในย่ามก็พบว่า ก้อนกรวดที่เก็บมานั้นได้กลายเป็นเพชร ล้วนแล้วแต่งดงามเป็นประกาย ทุกคนต่างดีอกดีใจ พากันชื่นชมโชคลาภของตนกันยกใหญ่ แต่แล้ว! เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ต่างเก็บก้อนกรวดมาน้อยเหลือเกิน พวกเขาก็พากันรำพึงรำพัน ด้วยความเสียดาย...เสียใจ ง่ายนิดเดียว...ที่จะเก็บก้อนกรวดแต่ละก้อน แต่ชนเผ่าเร่ร่อน ผู้รอนแรมหาโชคไปทั่วหล้า หาได้ใส่ใจในก้อนกรวดที่ดูไร้ค่าอย่างนั้น สุดท้าย...จึงได้เสียใจ เราทุกคนเกิดมา ต่างขวนขวายแสวงหาสิ่งดีๆ กับชีวิต เราอาจหวังความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ปรารถนาจะไปให้ถึงดวงดาวจนบางทีเราก็ลืมไปว่า ความสุขที่เราปรารถนานั้น หาได้จากสิ่งง่ายๆ ใกล้ตัว... อาจอยู่ในรอยยิ้ม... ในคำทักทาย ในการกระทำอันเรียบง่ายของชีวิตประจำวัน อาจอยู่ในเรื่องเก่าๆที่เราได้ยินได้ฟังมาครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น การทำบุญ ให้ทาน การรักษาศีลจนกลายเป็นเรื่องที่เราคุ้นชิน แต่มิได้ตระหนักถึงคุณค่า เสมือนก้อนกรวดที่เราเห็นอยู่ดาษดื่นชินตา แต่ทว่า... เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ดูเหมือนทำไปก็ไม่ได้อะไรเหล่านี้ แท้จริง คือ อริยทรัพย์อันล้ำค่า ที่จะส่องประกายแจ่มชัด ยามเมื่อรัตติกาลแห่งชีวิตมาเยือน เมื่อถึงยามนั้น ขอให้เราเป็นผู้หนึ่งที่ดีใจ และดีใจ ดีใจที่เราได้เก็บก้อนกรวดมา และดีใจ ที่เราเก็บมาไม่น้อยเลย ทุกครั้งที่เราทำความดี แม้สิ่งที่ทำจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็เป็นประวัติชีวิตอันดีงาม ที่ควรจดจำ และบันทึกไว้ ด้วยภาพ... ด้วยถ้วยคำ... ด้วยความรู้สึก... และนึกถึงบ่อยๆ นึกถึงครั้งใด... ก็ปลาบปลื้มเป็นสุขใจ กำลังจะเบ่งบาน เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีอย่างต่อเนื่องไป... ไม่สิ้นสุด
*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*~*
Create Date : 16 กรกฎาคม 2551 |
|
48 comments |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 4:18:17 น. |
Counter : 1381 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 16 กรกฎาคม 2551 7:26:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 16 กรกฎาคม 2551 10:42:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: runch 16 กรกฎาคม 2551 13:43:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 16 กรกฎาคม 2551 19:49:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 16 กรกฎาคม 2551 20:37:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่จากัวร์ IP: 125.25.32.21 16 กรกฎาคม 2551 20:48:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 16 กรกฎาคม 2551 22:51:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 16 กรกฎาคม 2551 23:00:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 17 กรกฎาคม 2551 7:49:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 17 กรกฎาคม 2551 9:36:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 18 กรกฎาคม 2551 2:08:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไอเฟลน้อยคอยรัก IP: 124.121.104.213 18 กรกฎาคม 2551 15:11:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.วรกะปัญญา (กะว่าก๋า ) 19 กรกฎาคม 2551 2:12:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดา ดา 20 กรกฎาคม 2551 4:06:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 20 กรกฎาคม 2551 5:31:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 20 กรกฎาคม 2551 8:28:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: บุญทับ 20 กรกฎาคม 2551 13:14:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ^^♥ (มัชชาร ) 20 กรกฎาคม 2551 15:12:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแอ๊ด 20 กรกฎาคม 2551 17:39:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 20 กรกฎาคม 2551 19:00:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 20 กรกฎาคม 2551 21:39:24 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณที่เอามาฝากกันนะคะ