มิถุนายน 2551

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
30
 
 
All Blog
Naminara Republic & Chun Cheon Town-26 May 2008
การเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่เช้าวันนี้ เริ่มจากตัวเรากะชานซูตื่นนอนกันแต่เช้า เพราะว่านัดกันเอาไว้แล้วว่าเราจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้า (เช้าของเรานี่คือ เจ็ดโมงกว่าๆนะ) อย่าเข้าใจผิดว่าเช้ามืดหล่ะ แต่ถ้าเป็นเวลาที่เมืองไทยก็ช้ากว่าเกาหลี สอง ชั่งโมงก็เพิ่งจะตีห้ากว่าๆเท่านั้นเอง ชานซูได้ยืมรถของพี่สาวเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวานเพื่อที่วันนี้พวกเราจะไปเกาะนามิกัน เหตุผลที่ต้องการไปที่นี่เพราะว่าตัวเราเองอยากไปมากๆ อยากจะไปหาพี่เบยองจุน จาก Winter Love Sonata หุหุ บางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่คนนี้คือพระเอกเกาหลีในดวงใจเราเลยหล่ะ แบบว่าคลั่งมานานแล้ว ประมาณตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ผู้ชายอะไรอบอุ่นชะมัดเลย ว่าแล้วก็กลับมาเรื่องเที่ยวของเราดีกว่า

ทริปนี้มีทั้งหมดสี่คน มี ข้าพเจ้า ชานซู ฮียอง แล้วก็เพื่อนร่วมห้องของ ฮียอง ชื่อว่า เฮจอง อะไรสักอย่างนี่หล่ะ ขับรถกันไปเรื่อยๆ ที่เกาหลีนี่รถเกือบทุกคันจะมี GPS สำหรับบอกทางแล้วของเค้าละเอียดมากๆเลย สามารถพิมพ์ที่อยู่แล้วเครื่องมันจะหาให้หมดเลยไปได้ถึงที่หมายเป๊ะๆ สะดวกมากๆ ถึงแม้ว่าชานซูจะไม่เคยไปที่นี่มาก่อนก็สามารถที่จะขับรถพาพวกเราไปถึงท่าเรือเพื่อที่จะข้ามไปเกาะนามิได้ เกาะนามิ อยู่ที่ Naminara Republic ออกนอกเมืองโซลไปอีกประมาณ 60-70 KM (ไม่แน่ใจตัวเลขนะฮ๊า) พอมาถึงปั๊บเราก็ต้องเสียค่าที่จอดรถเพื่อที่จะไปรอขึ้นเรือ โดยค่าที่จอดรถจะอยู่ที่ 4,000 WON ต่อคัน แต่ไม่แน่ใจว่าต่อวันรึป่าว คิดว่าน่าจะอ่ะนะ แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วเพื่อที่จะขึ้นเรือไปเกาะนามิ ค่าตั๋วอยู่ที่ 8,000 WON ต่อคนเป็นค่าเรือไปกลับ

พอไปถึงเกาะปั๊บ เริ่มแรกก็ต้องแชะที่ประตูก่อนเลย พวกเราก็ถ่ายกันใหญ่ ถ้าใครอยากดูรูปก็คงต้องแวะไปที่อัลบั้มที่ได้อัพโหลดรูปเอาไว้อ่ะนะ อยู่ใน msn my space อ่ะ จริงๆเกาะนี้เหมือนเป็นอุทยานอย่างนึงอ่ะ เหมาะสำหรับการพักผ่อน ที่นี่มีบังกะโลให้เช่าด้วยนะ แต่ราคาค่อนข้างแพง แล้วก็มีที่สำหรับทำค่ายต่างๆ แต่หลักๆแล้วก็เป็นที่ๆหนุ่มๆสาวๆชาวเกาหลีเค้าไว้มาเดทกันอ่ะ อันนี้ทราบมาจากเพื่อนๆ แต่เป็นครอบครัวก็ได้นะ เพื่อนฝูงก็พอไหวอยู่ (ก็อย่างกลุ่มเรานี่ไง) เดินมาปั๊บก็เจอฉากเด็ดในละครเลย เป็นทางเดินที่สองข้างทางเป็นต้นสนปลูกเอาไว้เรียงกันอย่างเป็นระเบียบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฉากในละครเรื่อง Winter Love Sonata ถ้าใครอยากรู้เพิ่มเติมก็แนะนำให้ถาม กู (เกิ้ล) เอาเองก็แล้วกันนะฮ๊า เดินต่อไปก็จะเจอตุ๊กตาหิมะ ซึ่งเป็นฉากที่พระเอกกะนางเอกเคยกะหนุงกะหนิงกัน เราก็แอบไปแชะเอาไว้อีกแล้ว แล้วก็ไปเจอพิพิธภัณฑ์ของหนังเรื่องนี้เป็นเหมือน Gallery มีรูปพระนางเพียบเลย อยากเห็นหน้าพระเอกของเราก็ไปดูได้ในรูปที่เราโพสเอาไว้นะจ๊ะ แล้วเราก็เดินดูรอบๆบริเวณเกาะอ่ะนะ ก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็เป็นการเก็บภาพความประทับใจมากกว่า

กิจกรรมที่เห็นเค้าทำๆกันก็คือ ปั่นจักรยานรอบเกาะ หรือไม่ก็เป็นแบบปั่นพร้อมกันสองคน หรือเป็นรถแบบคันเล็กๆ มีให้เลือกสามสี่แบบเห็นจะได้ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูแต่ละแบบ ส่วนจักรยานนี่ก็คิดว่าเพื่อนๆคงพอจะนึกออกอ่ะนะว่าหน้าตามันเป็นเยี่ยงใด เดินไปเรื่อยๆก็จะมีรูปปั้นพระนางในเรื่องด้วยนะ เราเลยไปถ่ายรูปซะ พยายามจะปิดหน้านางเอกแล้วเอาหน้าเราใส่ไปแทนอย่างแรง ฮ่าๆๆ ถึงจะเป็นจริงในชีวิตจริงไม่ได้ ก็เป็นในรูปถ่ายเก็บเอาไว้ก็ยังดีอ่ะนะ

เดินเล่นอีกสักพักก็กลับออกจากเกาะ เพื่อที่จะไปเมืองชุนชอน ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆกับ Naminara Republic ของดีเมืองนี่ก็คือไก่ย่าง หรือที่ทางภาษาเกาหลีเรียกว่า Takkalbi เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองนี้เลยหล่ะ แล้วก็ด้วยความเป็นคนใจดีของชานซู เค้าก็หาข้อมูลเอาไว้ก่อนตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าร้านไหนที่เป็นร้านแนะนำ (ในเนต) ก็ได้มาหนึ่งร้านชื่อร้านวามิ (Wami Restaurant) ไก่เค้าอร่อยจริงๆนะ สามารถดูหลักฐานได้จากรูปเหมือนกัน ถ่ายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว การสั่งก็คือเค้าจะขายเป็นชุด ชุดละ 8,500 WON เราไปสี่คนแต่เราสั่งมาทั้งหมด 3 ที่ เค้าก็เอาไก่(เยอะๆ) สำหรับสามคนมาให้ โดยเป็นไก่ย่างที่หมักโดยซอสแบบเฉพาะของเค้าเป็นสีแดงแล้วก็ผสมกับมันฝรั่งหวานแล้วก็กะหล่ำปลีซอย แล้วเค้าก็จะมีซุป(เย็นๆ) มาให้เหมือนกินน้ำเปล่าใส่น้ำส้มสายชูอ่ะ แล้วในน้ำซุบก็จะมีหัวไชเท้าที่ดองขาวๆเอาไว้ด้วย คงเอาไว้ให้กินแก้เลี่ยน มาพร้อมกับผักกาดหอมน่าตาน่ากินมักๆ เวลากินเราก็เอาไก่วางบนผักกาดหอมแล้วก็ห่อๆแล้วก็เอาเข้าปาก อร่อยเหาะจริงๆเลยนะ ขอบอก อ้อ อีกอย่างนะ เวลากินอ่ะเค้าให้เราใส่ผ้ากันเปื้อนด้วยนะเพราะว่ากลัวว่าซอสมันจะกระเด็นมาโดนเนื่องจากว่าเค้าผัดกันตรงนั้นเลย หลังจากไก่เริ่มซาเราก็สั่งบะหมี่เย็นของที่โน่นมากิน ก็จะมีบะหมี่ ผัก แล้วก็ไข่ต้ม สั่งมาแค่สองที่ ก็แชร์กันสองคนต่อหนึ่งชาม เราก็กินกะชานซู กะหนุงกะหนิง (เค้ามีแฟนแล้วๆ จำไว้ๆๆ) ฮ่าๆๆๆ ว่าไปเรื่อย แต่อร่อยดีนะ คิดค่าเสียหายเรียบร้อยก็หมดไปประมาณ 30,000 กว่าๆ WON

แล้วพวกเราก็ขับรถกลับเข้าโซลโดยที่วันนี้เป็นวันที่ต้องลาจากบ้านชานซูแล้ว จริงๆแล้วก็แพ๊คกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็เอาของทุกอย่างใส่รถไว้ตอนเช้าแล้วหล่ะ เพราะหลังจากเสร็จจากเที่ยวเราก็ต้องย้ายเข้า Guest House เลยอ่ะนะ ชานซูก็ขับไปส่งสองสาวกลับหอก่อน หลังจากนั้นก็ไปส่งเราที่ Guest House ซึ่งอยู่แถวๆ ตลาดนัมแดมุน ไปถึง Guest House ก็จัดแจงจ่ายเงินค่าเข้าอยู่ก่อนเลย ห้องที่เราจองเอาไว้เป็น Single Room ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 35,000 WON ต่อคืน เราพักทั้งหมด ห้าคืน ก็ไปคุณกันเอาเองนะ จ่ายด้วยบัตรเครดิตเนื่องจากต้องการสะสมแต้ม (งกตลอด) ที่นี่เราต้องจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนเลยทั้งห้าคืนแล้วเค้าก็จะไม่คืนให้ถ้าเราอยู่ไม่ครบตามที่แจ้งไว้แล้วก็ค่ามัดจำกุญแจห้องอีก 10,000 WON ห้องเค้าถือว่าน่าอยู่ระดับนึงเลยหล่ะ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะว่าเค้ามีให้ดูในเวบไซด์อยู่แล้ว เข้าไปได้ที่ //www.seoulbackpackers.com ว่างๆก็ลองเข้าไปดูนะคะ

โดยช่วงที่เราอยู่จะไม่มีการทำความสะอาดจนกว่าเราจะเช็คเอาท์ออกไป แล้วก็ไม่มีอะไรให้ในห้องยกเว้น เตียง โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้นั่งแบบที่เรียกว่า Stool ผ้าปูที่นอน พร้อมหมอน ผ้านวม โทรศัพท์ในห้องซึ่งโทรออกไม่ได้ -_-' แต่รับสายจากสายนอกได้ ที่ดีอีกอย่างคือเค้ามีบริการโทรในเกาหลีและต่างประเทศ แต่ว่าไม่มีโทรกลับประเทศไทย (แล้วมันดีตรงไหนหว่า) ไอ้ที่บอกว่าดีก็คือว่าเค้ามีบริการโทรในเกาหลีฟรีครั้งละ สามนาที (ก็ยังดีวะ) แล้วก็ทีวี แอร์ ตะขอเอาไว้แขวนผ้าอีกสองจุด ห้องน้ำในตัวแต่อยู่นอกห้อง (งงไม๊เนี่ย) คือว่าพอเปิดประตูเข้าไปปั๊บก็จะมีสองประตูในนั้นแยกเป็นสัดส่วน ห้องน้ำก็อีกประตูนึงแล้วก็ห้องนอนก็อีกประตูนึง

ที่โน่นสิ่งที่เราชอบก็คือเค้าจะคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน โดยไฟต่างๆถ้าเราไม่อยู่นี่มันจะดับอัตโนมัติ แล้วพอเราเข้าไปปั๊บเซนเซอร์ก็จะทำงานให้ไฟเปิดอัตโนมัติเหมือนกัน แบบนี้ก็ช่วยประหยัดพลังงานไปได้เยอะเนอะ ดีกว่าเปิดทิ้งเอาไว้ ปกติที่หอพักนี้เค้าไม่อนุญาตให้คนนอกขึ้นไปบนห้องของผู้เช่ายกเว้นได้รับอนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่ดูแลก่อน วันนี้เค้าอนุญาตให้ชานซูขึ้นไปส่งได้เพราะว่ากระเป๋าเราค่อนข้างใหญ่แล้วให้ผู้หญิงตัวเล็กๆน่ารักๆ อย่างเราแบกขึ้นไปคนเดียวได้อย่างไรกัน หุหุ เวลาล่ำลาก็มาถึงอีกแล้ว เราเดินมาส่งชานซูที่รถแล้วก็บอกลากันเพื่อที่จะเจอกันอีกครั้งในวันศุกร์ เนื่องจากว่าบ้านและมหาลัยของ ชานซูอยู่ไกลจากโซลพอสมควร ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางสำหรับเรา เราเลยตัดสินใจพัก Guest House จนถึงวันกลับเลย (แผนเปลี่ยนนิดหน่อย)

หลังจาก ชานซู กลับไป การเดินทางคนเดียวจริงๆก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็เย็นแล้ว แล้วก็เหนื่อยแล้วด้วยคงไม่มีเวลาไปไหนแล้วขอจัดของแล้วนอนเอาแรงดีกว่า ก็เลยลงไปซื้อของที่จำเป็นเช่น ยาสระผม แล้วก็พวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่ม ที่ Family Mart เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ของใช้ที่นี่ค่อนข้างแพงพอสมควร อย่างยาสระผมของ DOVE ซื้อไปขวดกลางๆตกประมาณ ร้อยกว่าบาท สบู่ DOVE ตกก้อนละ 80 บาท พวกน้ำดื่มนี่ก็เริ่มต้นที่ขวดละ 20 กว่าบาท (ขวดเล็ก) ส่วนขวดใหญ่ก็ประมาณ 40 กว่าบาท เห็นเพื่อนที่ทำงานบอกว่านมกล้วยของเค้าอร่อย ก็เลยคว้าหมับมาลองของก่อนหนึ่งขวด 900 WON ก็ประมาณ 30 กว่าบาทบ้านเรา แต่บอกตรงๆว่า ไม่ใช่รสชาติแบบที่เราชอบ ก็เลยลองแค่ขวดเดียว แต่ที่เราชอบตั้งแต่สมัยอยู่นิวยอร์คก็คือประมาณยาคูลบ้านเราอ่ะแต่ว่าขวดเล็กกว่า ก็ขายเป็นแพ๊คๆ ละ 5 ขวด ตกอยู่ประมาณ 500 WON กินแล้วถ่ายท้องดีชะมัด ฮ่าๆๆ กลิ่นมาเลยเห็นม๊า แล้วก็แอบซื้อมาม่าถ้วยนึงเอาไว้เผื่อหิว

อ้อ ลืมบอกไปว่าที่ Guest House นี่ไม่มีบริการอาหารเช้าฟรีนะ มีแค่ ชาและกาแฟฟรีตลอดเวลา อ้อ มี Microwave ให้บริการฟรี รวมทั้งน้ำดื่ม ร้อนเย็น (ก็เครื่องทำน้ำร้อน-เย็นนั่นหล่ะ) เขียนให้เข้าใจยากไปอย่างงั้นเอง วันนี้ก็หมดไปอีกวัน หลังจากตามรอย Winter Love Sonata เสร็จสมดั่งที่ตั้งใจเอาไว้ ตอนนี้ก็ต้องขอตัวไปนอนก่อนดีกว่าเนอะ ไม่ไหวแล้ว ง่วงสุดๆ ไว้เจอกันใหม่ในตอนต่อไป (ถ้าไม่ขี้เกียจก็จะอัพให้เร็วที่สุดอ่ะนะ)



Create Date : 29 มิถุนายน 2551
Last Update : 29 มิถุนายน 2551 19:37:56 น.
Counter : 361 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

manatabo
Location :
กระบี่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ชีวิตคือการเดินทางตลอดเวลา