Group Blog
 
All blogs
 

Review : Toners ภาค 3


ก่อนจะเข้ารีวิวขอขอบคุณลูกค้าคนไทยที่เข้าไปช่วยอุดหนุนซื้อสินค้าในเว็บ ของในเว็บก็ส่งไปเมืองไทยนะจ้ะ ตอนเช็คเอาท์ก็พิมพ์รหัสไปรษณีย์และเลือกประเทศไทย มันก็จะขึ้นราคาค่าส่งของให้เลย ลองเช็คดูก่อนว่าของที่จะซื้อมีขายที่เมืองไทยหรือเปล่า ถ้ามีคุ้มไหมที่จะสั่งซื้อจากอเมริกา สินค้าบางตัวไม่มีขายที่เมืองไทยก็ซื้อจากที่ร้านก็ได้ หากใครสนใจสินค้าตัวไหนแล้วที่ร้านไม่มี ส่งอีเมลล์มาได้ที่ contact@beautycomestrue.com จะลองตรวจสอบราคาสินค้ามาให้ ลองดูสินค้าอื่น ๆ ได้ที่ Beauty Comes True ค่ะ

มาเข้ารีวิวกันดีกว่า ดิฉันเป็นคนผิวมันแต่แพ้ง่ายจึงต้องใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์เท่านั้น ใครที่กำลังใช้โทนเนอร์ที่ผสมแอลกอฮอล์อยากให้ลองเปลี่ยนมาใช้แบบที่ปราศจากแอลกอฮอล์ดู เพราะนอกจากจะไม่ทำลายผิวและเปลี่ยนค่า ph ของผิวแล้วยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลงแบบธรรมชาติในระยะยาวด้วย โดยเฉพาะโทนเนอร์ที่เป็น Organic หรือใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ จะช่วยให้หน้านุ่ม และไม่ทำร้ายผิวอันบอบบาง

ช่วงหลัง ๆ หันมาชอบโทนเนอร์ที่เป็นแบบสเปรย์ ตอนแรกคิดว่าคงต้องฉีดหลายครั้งกว่าสำลีจะชุ่ม คงจะเปลืองน่าดู แต่พอลองจริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ดิฉันฉีดโทนเนอร์ลงบนสำลี 3 ครั้งแล้วลูบไล้บนใบหน้า จากนั้นสเปรย์โทนเนอร์บนหน้าประมาณ 4 ครั้ง บริเวณหน้าผาก แก้ม 2 ข้างและคาง แล้วก็ซับด้วยสำลี ดูเหมือนใช้ปริมาณเยอะแต่จริง ๆ แล้วน้อยมากเมื่อเทียบกับการเทโทนเนอร์ลงบนสำลี จากที่เคยใช้โทนเนอร์ 1 ขวดประมาณ 3 เดือนหมด ก็ใช้ได้ตั้ง 4-5 เดือน

ดิฉันเก็บโทนเนอร์ไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ก็เอาออกมา เวลาพ่นโทนเนอร์ธรรมขาติเย็น ๆ ลงบนหน้าจะรู้สึกสดชื่น สบายหน้ามาก ๆ เลยล่ะ

1. Dr. Dennis Gross (MD SKincare)- Hydra-Pure® Mist



ขนาด 5.0 oz. ราคา $32.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - ก็โอเค อ่อนโยนต่อผิวเพราะไม่มีแอลกอฮอล์ ในเว็บไซต์เขาอธิบายว่าเวลาเราล้างหน้าบางทียังมีพวกสารเคมีหรือสิ่งที่ปนมากับน้ำประปาเช่น แร่เหล็ก, ทองแดง, แมกนีเซียมตกค้างอยู่บนผิวหน้า(สังเกตเห็นได้จากคราบสีน้ำตาลหรือสีแดงในห้องน้ำหรือรอบ ๆ อ่างล้างหน้าที่มีน้ำค้างเป็นเวลานาน) โทนเนอร์ตัวนี้จะช่วยเช็ดคราบที่หลงเหลือนั้นออก ใบหน้าจะสะอาดเกลี้่ยงเกลา ช่วยให้ครีมหรือโลชั่นซึบซับได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยขจัดสิวหัวดำและคราบมัน โอ้โฮ ฟังสรรพคุณแล้วต้องเอามาลองหน่อยดิ มันวิเศษอย่างที่โฆษณาจริง ๆ เหรอ

พอลองแล้วมันก็โอเคอ่ะนะ แต่ไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย ใบหน้ารู้สึกสะอาดผ่องใสดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นชนะเลิศ ราคาเกินจริง
ข้อดี - เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เช็ดหน้าใสสะอาดดี ใช้ได้นาน
ข้อเสีย - แพงเว่อร์ ปริมาณก็น้อยกว่าโทนเนอร์ทั่ว ๆ ไปซึ่งจะขนาดประมาณ 6.8 oz. แต่อันนี้แค่ 5 oz. เท่านั้น
จะซื้อต่อหรือไม่ - ขวดนี้หมดก็คงไม่ซื้อต่อแล้วล่ะ แต่อาจจะกลับมาใช้เวลาคิดถึง

2. DDF - Aloe Toning Complex



ขนาด 8.0 oz. ราคา $32.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - เป็นโทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ มี sodium PCA ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื่น สำหรับผู้ชายก็ใช้สเปรย์หลังโกนหนวดได้ด้วย ช่วยลดอาการระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวที่แพ้ง่าย อ่อนโยนต่อผิว อ่อนโยนจนรู้สึกว่าไม่ต่างกับสเปรย์น้ำบนหน้า ยังงง ๆ ว่าตกลงซื้อน้ำสีเขียวมาใช้มั้ง เพราะใช้แล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนใบหน้า
ข้อดี - ช่วยให้หน้าชุ่มชื่นและไม่แพ้เท่านั้น ขวดหนึ่งใช้ได้นานถึง 6 เดือน ขนาดใช้วันละ 2 ครั้งนะ
ข้อเสีย - ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนใบหน้า ราคาแพงเมื่อเทียบกับผลที่ได้
จะซื้อต่อหรือไม่ - ไม่แล้วล่ะ ยังมีโทนเนอร์ที่ราคาถูกกว่าและให้ผลดีกว่านี้

3. Alba - Botanica Hibiscus Facial Toner



ขนาด 8.5 oz. ราคา $12.99/฿ไม่ทราบค่ะ




โทนเนอร์ตัวนี้เอาไว้ใช้ตอนล้างหน้าช่วงบ่าย ๆ
ความพึงพอใจ - เป็นโทนเนอร์ธรรมชาติ 84% มีส่วนผสมของดอกไม้เมืองร้อนและผลไม้ เช็ดแล้วสบายหน้ามาก รู้สึกหน้าชุ่มชื่น กลิ่นก็หอมแบบธรรมชาติ
ข้อดี - ราคาไม่แพง คุณภาพก็โอเคเมื่อเทียบกับราคา ปริมาณก็เยอะ
ข้อเสีย - อาจจะสู้โทนเนอร์ราคาแพงไม่ได้ แต่ก็โอเคสำหรับราคาที่จ่ายไป
จะซื้อต่อหรือไม่ - อาจจะซื้ออีก

4. L'occitane - Purifying Rice Toner



ขนาด 6.7 oz. ราคา $20.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - ชอบโทนเนอร์ตัวนี้เพราะมีส่วนผสมของข้าว ต้องเขย่าขวดก่อนใช้เพราะส่วนผสมแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นแรกช่วยในการเช็ดทำความสะอาด ชั้นที่สองช่วยให้หน้าเรียบเนียน ไม่เงา ในเว็บไซต์บอกว่าเหมาะสำหรับคนผิวมัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ช่วยเรื่องลดความมันซะเท่าไร ทาแล้วก็รู้สึกว่าหน้ามันเหมือนเดิม สู้โทนเนอร์ตัวข้างบนไม่ได้
ข้อดี - มีส่วนผสมธรรมชาติคือข้าว ราคาไม่แพงมาก ไม่แพ้
ข้อเสีย - ไม่ได้ลดความมัน
จะซื้อต่อหรือไม่ - คงไม่แล้วล่ะ ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร

วันนี้เท่านี้ก่อนแล้วกันค่ะ ไว้มีเวลาอีกเมื่อไรจะลองรีวิวพวก Makeup Remover ข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวเป็นยังไง ว่าง ๆ ก็เชิญแวะชมที่เว็บไซต์นะคะ




 

Create Date : 18 เมษายน 2553    
Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 22:11:14 น.
Counter : 2114 Pageviews.  

Review : Cleansers ภาค 3



ไม่ได้รีวิวมานานเพราะมัวแต่ยุ่งขายของ วันนี้ได้ฤกษ์ดีมานั่งริวิว มาลองดูของใหม่ ๆ กันดีกว่าค่ะ

1. MD Skincare (Dr.Dennis Gross) - All-in-One Facial Cleanser with Toner



ขนาด 8.0 oz. ราคา $38.00, 4.0 oz. ราคา $25.00 /฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - ชอบมากกก ยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในใจเลยล่ะ อ่อนโยนต่อผิว แต่ก็ล้างหน้าได้สะอาดหมดจด ไม่มีกลิ่นน้ำหอมให้ชวนเวียนหัว ล้างแล้วหน้านุ่มสะอาด สดชื่น เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย คนผิวมันก็ใช้ดี

แต่คลีนเซอร์ตัวนี้มีวิธีใช้ต่างจากโฟมล้างหน้าทั่วไปคือ ต้องทาคลีนเซอร์บนหน้าขณะที่หน้าแห้ง ตัวโลชั่นเป็นสีเหลือง นวดโลชั่นบนหน้าแห้งประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าโลชั่นเปลี่ยนเป็นสีใส ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น โอ้ออออ ความรู้สึกหลังล้างสุดยอดดด
ข้อดี - อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับคนผิวมันและคนผิวแพ้ง่าย ล้างหน้าได้สะอาดหมดจด ขวดหนึ่งใช่ได้นานตั้ง 5-6 เดือน
ข้อเสีย - ต้องมีเทคนิคการใช้นิดนึง ไม่เหมือนโฟมล้างหน้าทั่ว ๆ ไป
จะซื้อต่อหรือไม่ - ซื้อสิ กำลังใช้ขวดที่ 2 ขอยึดตัวนี้เป็นหลัก

2. Cetaphil - Daily Facial Cleanser (Normal to Oily Skin)



ขนาด 16.0 oz. ราคา $9.49/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - ใครว่าของถูกและดีไม่มี นี่แหล่ะทั้งถูกทั้งดี สู้โฟมล้างหน้าราคาแพง ๆ ได้สบายมาก เป็นเจลใส ๆ ผสมน้ำแล้วเกิดฟอง กลิ่นไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม แต่กลิ่นแบบทางแพทย์ เย็น ๆ สบาย ๆ โฟมล้างหน้าราคาแพงบางตัวยังสู้เซทาพิลตัวนี้ไม่ได้เลย มีตัวนี้ไว้ใช้ล้างหน้าช่วงบ่าย ๆ จะได้ไม่เปลืองตัวข้างบน
ข้อดี - ปริมาณเยอะ ใช้ได้นานหลายเดือน ราคาก็ถูก คุณภาพก็ดี
ข้อเสีย - ไม่มีนะ
จะซื้อต่อหรือไม่ - ซื้อแน่นอน หมดไป 2 ขวดแล้ว

3. Shiseido - The Skincare - Purifying Cleansing Foam



ขนาด 4.6 oz. ราคา $30.00/ ฿1,050




ความพึงพอใจ - ที่ซื้อตัวนี้มาเพราะเห็นว่ามีเม็ดเล็ก ๆ ผสมอยู่ ช่วยขจัดขัดผิวไปในตัว แล้วก็ติดใจจากที่เคยลอง Shiseido - The Skincare - Extra-Gentle Cleansing Foam (อ่านรีวิวได้ ที่นี่ )เลยอยากเปรียบเทียบว่ามันต่างกันอย่างไร

พอลองใช้แล้วก็เห็นว่ามีเม็ดสีแดงเล็ก ๆ ผสมอยู่ในเนื้อโฟมนะ แต่น้อยมาก ๆ ไม่รู้สึกแตกต่างจากที่ใช้ Extra-Gentle Cleansing Foam สรุปแล้วก็เหมือน ๆ กัน
ข้อดี - อ่อนโยน บีบออกมาแค่นิดเดียวก็ล้างหน้าได้ทั้งหน้าแล้ว ใช้ได้นานหลายเดือน
ข้อเสีย - กลิ่นน้ำหอมแรง ใช้แล้วมึนหัว ต้องรอหลายวันกว่าจะชิน
จะซื้อต่อหรือไม่ - คงไม่แล้วล่ะ ติดใจ MD Skincare (Dr.Dennis Gross) - All-in-One Facial Cleanser with Toner

4. Origins - Plantidote™ Mega-Mushroom Face Cleanser



ขนาด 5.0 oz. ราคา $26.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ของ Weil for Origins ดีแทบทุกตัวแต่ตัวนี้บอกตรง ๆ ว่าผิดหวัง ใช้แล้วยังงงว่ามันล้างหน้าให้สะอาดตรงไหน วิธีใช้คือให้ทาบนผิวหน้าแห้งแล้วล้างด้วยน้ำอุ่น ลองแล้วไม่เห็นรู้สีกว่าล้างหน้าเลยอ่ะ หน้าเหนียวเหนอะหนะ เลยลองเช็ดครีมออกด้วยสำลี ก็ไม่ต่างกัน หน้ายังเหนอะหนะเหมือนเดิม ต้องใช้เซทาพิลล้างออก
ข้อดี - คนผิวแห้งคงชอบมั้ง ครีมเข้มข้นมาก
ข้อเสีย - รู้สึกว่าล้างหน้าไม่สะอาด ราคาแพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
จะซื้อต่อหรือไม่ - ไม่ซื้อแล้วจ้ะ

โอกาสหน้าจะมารีวิวโทนเนอร์ ตอน 3 ค่ะ




 

Create Date : 15 เมษายน 2553    
Last Update : 16 เมษายน 2553 3:20:52 น.
Counter : 1401 Pageviews.  

Review : Eye Cream


ผิวรอบดวงตาหากดูแค่เผิน ๆ ก็ดูเรียบเนียนดี ไม่มีปัญหา แต่หากปล่อยปละละเลย ไม่ดูแลทาครีมเลยล่ะก็ รับรองว่าริ้วรอย เส้นตีนกาได้มาทักทายถามหาให้ตกใจเล่นแน่นอน ไม่ต้องรอถึงอายุ 30 แค่ 20 ต้น ๆ ก็มาเยือนแล้ว

ริ้วรอยรอบดวงตาก็มาจากหลายสาเหตุ สาเหตุจากธรรมชาติ เช่น อายุมากขึ้น หรืออยู่ท่ามกลางแสงแดดนาน ๆ การสูบบุหรี่ก็มีส่วนทำให้เกิดริ้วรอย รอยคล้ำใต้ดวงตา หรือการแต่งหน้า ทาเครื่องสำอางรอบดวงตา การเสียดสีจากการการเช็ดล้างทำความสะอาดรอบดวงตาบ่อย ๆ ก็ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันสมควรได้

อีกสาเหตุหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดคือ การนอนตะแคงข้าง หากคุณชอบนอนตะแคงข้างขวา ผิวรอบดวงตาข้างขวาก็จะรับน้ำหนักและถูกเสียดสีมากกว่าผิวรอบดวงตาข้างซ้าย ทำให้เกิดริ้วรอยชัดเจนหรือมีเส้นริ้วรอยมากกว่า แพทย์ผิวหนังบางคนสามารถบอกได้เลยว่าคนไข้ชอบนอนตะแคงด้านไหนจากการดูผิวรอบดวงตาเท่านั้น คำแนะนำคือให้นอนหงายนั่นเอง

ฉะนั้นผู้หญิงอย่างเราควรหันมาดูแลผิวรอบดวงตาตั้งแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า เพื่อชะลอและป้องกันริ้วรอยหรือตีนกาให้มาช้า ๆ หน่อย ครีมทารอบดวงตาก็มีมากมายเหลือเกิน ลองมาดูว่าอันไหนที่ดิฉันลองใช้แล้วได้ผลประเสริฐ อันไหนต้องบอกลาเลิกซื้อกันไปเลยค่ะ

1. Lancôme RÉNERGIE MICROLIFT EYE R.A.R.E



ขนาด 0.5 oz. ราคา $60.00/฿2,300


แถมให้อีกห้าดาว

ความพึงพอใจ - สุดยอด สุดยอด สุดยอดอายครีม ครีมมหัศจรรย์จริง ๆ ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งไปเลย นอกจากริ้วรอยรอบดวงตาจะจางลงจนแทบหายไปแล้ว ยังช่วยเรื่องรอยคล้ำใต้ตาให้หายไปด้วย ต่อให้นอนดึก เหนื่อยล้าแค่ไหน ครีมตัวนี้ก็ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูแข็งแรง กระชับ เรียบเนียน ผ่องใส ไม่ต้องห่วงอีกแล้ว
ข้อดี - ได้ผลเห็นจริง ทาตอนเช้ากับก่อนนอนแค่ 3 วันเท่านั้นก็เห็นผลแตกต่างแล้ว ไม่ต้องรอนาน กระปุกหนึ่งใช้นาน 2-3 เดือนเลยล่ะ
ข้อเสีย - กระปุกกระจิดริด
จะซื้อต่อหรือไม่ - ขอฝากตัวฝากใจ(และดวงตา)กับครีมตัวนี้ตลอดปายยยยย

***หมายเหตุ เมื่อเช็คอายครีมตัวนี้ที่เว็บไซต์ลังโคมอเมริกากับลังโคมประเทศไทยจะเห็นว่าไม่เหมือนกัน เว็บไซต์ลังโคมอเมริกาจะเป็นชื่อ RÉNERGIE MICROLIFT EYE R.A.R.E ตามที่ดิฉันรีวิวไว้ แต่เว็บไซต์ลังโคมประเทศไทยจะเป็นชื่อ Renergie Morpholift R.A.R.E.™ Repositioning Eye Cream

ดิฉันไม่แน่ใจว่าอายครีมสองตัวนี้มีสูตรเหมือนกันหรือไม่ และไม่อาจรับรองผลการใช้ Renergie Morpholift R.A.R.E.™ Repositioning Eye Cream ที่เมืองไทย หากใครจะซื้อขอให้สังเกตชื่อให้ดี ๆ นะคะ***

2. Elizabeth Arden Intervene INTERVENE Anti-Fatigue Eye Cream



ขนาด 0.5 oz. ราคา $42.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - เป็นอายครีมที่ได้ผลดีอีกตัวหนึ่งเลยล่ะ ริ้วรอยรอบดวงตาจางลงจริง รอยคล้ำใต้ตาก็หายไป ใช้ได้ดีไม่แพ้ Lancôme RÉNERGIE MICROLIFT EYE R.A.R.E เลยล่ะ สูสี ๆ
ข้อดี - เห็นผลภายใน 3 วัน ทาวันละ 2 ครั้งตอนเช้าและก่อนนอนนะ แถมราคาถูกกว่าของ Lancôme
ข้อเสีย - ไม่มีนะ
จะซื้อต่อหรือไม่ - ซื้อนะช่วงที่แจกของแถม ฮ่าฮ่าฮ่า

3. Elizabeth Arden Ceramide Gold Ultra Lift and Strengthening Eye Capsules



ขนาด 60 capsule, 0.35 oz. ราคา $52.00/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - เซราไมด์ แคปซูลเป็นตัวที่โด่งดังของเอลิซาเบท อาร์เดนเลยล่ะ หลังจากลองใช้แล้วรู้สึกว่าตัวนี้จะเน้นเรื่องกระชับและยกผิวรอบดวงตามากกว่าเรื่องริ้วรอยนะ ข้างในแคปซูลจะเป็นน้ำเซรั่ม คล้าย ๆ น้ำมัน แตะบนผิวรอบ ๆ ดวงตา ผิวรอบดวงตาดูแข็งแรงขึ้น เรียบเนียน กระชับดี แต่ไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลงเรื่องริ้วรอยหรือใต้ตำดำคล้ำสักเท่าไร
ข้อดี - ช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูสดใส แข็งแรงขึ้น วิธีเก็บแคปซูลกรณีที่เปิดแล้วใช้ไม่หมด คือดิฉันเก็บไว้ในกล่องใส่คอนแทคเลนส์ ปิดให้สนิท เซรั่มจะได้ไม่ระเหย แคปซูลหนึ่งใช้่ได้ประมาณ 2 วันเป็นอย่างน้อย (ประมาณ 4 ครั้ง) หนึ่งกระปุกมี 60 แคปซูล ก็จะใช้ได้นานถึง 3 เดือนเลยล่ะ
ข้อเสีย - ต้องมีเทคนิคเวลาใช้ ไม่เหมือนทาครีมทั่ว ๆ ไป
จะซื้อต่อหรือไม่ - คงไม่แล้วล่ะ ใช้ครีมสะดวกกว่า

4. Clinique All About Eyes



ขนาด 0.50 oz. ราคา $28.50/฿1,400




ความพึงพอใจ - ถ้าบอกตรง ๆ ก็คือผิดหวัง ที่ลองซื้อครีมตัวนี้มาเพราะโฆษณาจริง ๆ อายครีมตัวนี้โฆษณาเยอะมาก ๆ อ่านคำอธิบายแล้วก็คิดว่ามันน่าจะดีจริง ๆ แต่พอลองใช้แล้ว ไม่เห็นผลตามที่โฆษณาเลย ใช้จนหมดกระปุกแล้วริ้วรอยก็ยังอยู่เหมือนเดิม รอยคล้ำรอยบวมใต้ตาก็อยู่เหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รางวัล เมื่อเทียบคุณภาพกับอายครีมของ Lancome กับ Elizabeth Arden แล้วสู้ไม่ได้เลย
ข้อดี - ช่วยเรื่องความชุ่มชื่นรอบดวงตานิดหน่อย และก็ราคาถูก
ข้อเสีย - ผิดหวัง ไม่ได้ผลตามที่โฆษณา เสียตังค์ เสียอารมณ์
จะซื้อต่อหรือไม่ - ไม่แน่นอน







 

Create Date : 01 ตุลาคม 2552    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 3:51:11 น.
Counter : 4207 Pageviews.  

เปิดตัว "Beauty Comes True" ลด 10 - 40 % เครื่องสำอางชั้นนำ


เปิดตัว "Beauty Comes True" ลด 10 - 40 % เครื่องสำอางชั้นนำ




www.beautycomestrue.com


หลังจากเป็นผู้เสพมานาน เลยลองผันตัวมาเป็นผู้ขายบ้าง ไม่ช่าย...ไม่ใช่ ไม่ได้ขายยาเสพติด ขายเครื่องสำอางต่างหาก ความคิดนี้เริ่มมาจากความใคร่รู้ว่าราคาต้นทุนพวกโฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิว รองพื้น ลิปสติค ครีมทาผิวต่าง ๆ ที่ขายตามเคาเตอร์ห้างสรรพสินค้าอันแสนจะดูหรูหรา ไฮโซ แพงระยับจริง ๆ แล้วมันราคาเท่าไหร่

ในฐานะผู้บริโภคอย่างเราบางทีก็สงสัยว่าครีมบางยี่ห้อ กระปุกเท่าเหรียญควอเตอร์ ทำไมราคาตั้งร้อยกว่าเหรียญ หรือโทนเนอร์บางตัวราคาสูงเว่อร์เหลือเกิน ถึงจะดีแค่ไหน ราคาก็ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ เลยลองสืบหาราคาจากผู้ค้าส่ง ปรากฎว่าเห็นราคาแล้วช็อค!!! ยี่่ห้อแบรนด์ดัง ๆ หรู ๆ ที่เราเห็น จริง ๆ แล้วราคาต้นทุนของสินค้าแต่ละชิ้นต่ำกว่าที่ตั้งขายไว้หลายเท่าตัวเลยล่ะ ตัวอย่างเช่น ครีมกระปุกหนึ่ง ราคาขายที่เคาเตอร์ห้างกระปุกละ 66 เหรียญ แต่ราคาขายส่งจริง ๆ กระปุกละ 26 เหรียญเท่านั้น!!

เห็นแล้วมึนตึบ หลงซื้อของราคาแพงอยู่ได้ตั้งนาน แล้วพวกของแถมหรือ Free Gift with Purchase ก็เอามาล่อหลอกผู้บริโภคอย่างเราให้ซื้ัอของเขามากขึ้น เช่น ต้องซื้อครบ 50 เหรียญ ถึงจะได้ชุดของแถมนี้ ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเขาใช้คำว่า มูลค่าหรือ value กับพวกของแถม แทนที่จะใช้คำว่า ราคาหรือ price เพราะราคาของพวกแถมพวกนี้ไม่แพงเลย

เห็นอย่างนี้แล้วเลยได้ความคิดว่าหันมาขายเองดีกว่าไหม เป็นการช่วยผู้บริโภคคนอื่นด้วย ไม่ต้องไปหลงซื้อของราคาแพงอีกต่อไป บางทีผู้ซื้ออย่างเราก็ต้องการแค่ของแถม แต่ไม่อยากซื้อของหลาย ๆ ชิ้น ก็จะได้มีทางเลือกตรงนี้ ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ๆ หรือสินค้าบางอย่างกล่องโดนกระทบกระทั่งขณะขนย้าย เขาไม่สามารถเอาไปวางขายที่เคาเตอร์ได้ เขาก็จะเอามาลดราคา คุณภาพสินค้าข้างในเหมือนเดิม


Click to play this Smilebox slideshow: Featured Products
Create your own slideshow - Powered by Smilebox
Make a Smilebox slideshow


ตอนนี้ของก็ทะยอย ๆ เอามาลง ที่น่าสังเกตคือ ยี่ห้อที่มาจากเอเซีย เช่น Shiseido, Kose ที่อเมริกาจะแพงมาก ถ้าซื้อมาจากเอเซียแล้วเอามาขายที่อเมริกาก็จะได้กำไร แต่คนที่อยู่เมืองไทยจะซื้อของยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Lancome, Clinique, Elizabeth Arden จากอเมริกาได้ถูกกว่าซื้อที่เคาเตอร์ที่เมืองไทย

สุดท้ายก็ขอฝาก Beauty Comes True ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ชอบเครื่องสำอาง หรือผู้บริโภคที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ ด้วยนะคะ





 

Create Date : 07 กันยายน 2552    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 3:51:36 น.
Counter : 820 Pageviews.  

Review : Toners ภาค 2


ช่วงนี้หันมาใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ หรือเน้นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่ผสมสารเคมี เพราะเคยอ่านในห้องโต๊ะเครื่องแป้งว่าจริง ๆ แล้วแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ในโทนเนอร์ไม่ได้ช่วยกระชับรูขุมขน แต่กลับทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น แอลกอฮอล์อาจจะทำให้รูขุมขนดูเล็กและกระชับเมื่อทาลงบนผิว แต่หลังจากนั้นแล้วรูขุมขนจะขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ดิฉันจึงเลิกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

ดิฉันเป็นคนผิวค่อนข้างมัน โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์สำหรับผิวมันนั้นหายากมาก มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อในตลาดเท่านั้น เช่น Clarins - Toning Lotion With Iris หรือ Kiehl's - Tea Tree Oil Toner หรือ L'Occitane - Purifying Rice Toner หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์รู้สึกว่าผิวดีขึ้นมาก อ่อนนุ่ม ไม่แห้งกร้านเหมือนเวลาใช้แอลกอฮอล์ รูขุมขนก็เล็กลงด้วย ลองมาดูรีวิวกันค่ะ

1. Clarins - Toning Lotion With Iris



ขนาด 7.0 oz. ราคา $26.50/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - เป็นโทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ก็สามารถควบคุมความมันได้ดี ไม่ทำให้หน้าแห้งเกินไป ช่วยรักษาค่า ph ของผิว ให้ความชุ่มชื่นเพราะมีส่วนผสมของอโล เช็ดคราบสกปรก ฝุ่นละอองออกได้ดีมาก
ข้อดี - ใช้ได้นาน ถ้าใช้วันละ 2 คร้้ง เช้ากับกลางคืน ก็ได้นานถึง 4 เดือน
ข้อเสีย - กลิ่นน้ำหอมไอริสแรงไปหน่อย คนที่ไม่คุ้นหรือไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมอาจจะไม่ชอบ ใช้วันแรก ๆ เวียนหัวทุกครั้ง ใช้ไปหลาย ๆ วันจึงเริ่มชินกับกลิ่น
จะซื้อต่อหรือไม่ - ไม่แน่ใจ อาจจะย้อนกลับมาใช้อีกในอนาคต

2. Avalon Organics - Vitamin C Balancing Facial Toner



ขนาด 8.5 oz. ราคา $9.99/฿ไม่ทราบค่ะ




ที่ซื้อโทนเนอร์ตัวนี้มาเพราะต้องการใช้สลับกับ Clarins - Toning Lotion With Iris ดิฉันล้างหน้าวันละ 3 ครั้ง ใช้โทนเนอร์เช็ดทั้งหน้าและคอ ถ้าใช้แต่ของ Clarins ก็จะหมดไวมาก เลยซื้อโทนเนอร์ที่ราคาไม่แพงมาสลับใช้ ของราคาแพงขอยืดเวลาใช้นาน ๆ
ความพึงพอใจ - ชอบนะ เพราะเป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ 100 % ที่สำคัญคือมีส่วนผสมของแตงกวา มะละกอซึ่งมีวิตามิน C ที่ช่วยในการผลัดผิวและกระชับผิว มีมะนาวเหลืองและชาขาวเป็น antioxidant ช่วยป้องกันรังสีที่จะมาทำลายผิว มีอโลให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว กลิ่นก็เป็นธรรมชาติ เหมือนกลิ่นส้ม ใช้แล้วรู้สึกผิวดูเนียนใสขึ้น รูขุมขนก็เล็กลง เวลาทาไม่รู้สีกเย็นวาบเหมือนพวกแอลกอฮอล์ รักษาค่า ph ของผิวดี
ข้อดี - ทั้งดีทั้งถูก ปริมาณก็เยอะ ไม่ทำร้ายผิว หน้าดูใสขึ้นจริง
ข้อเสีย - ค่อนข้างเหนอะหนะผิวหลังทา คงเป็นเพราะมีอโลผสมอยู่ ไม่เหมาะสำหรับคนผิวมัน เพราะไม่ช่วยเรื่องลดความมัน เก็บไว้สำหรับทาตอนอยู่บ้านหรือทาก่อนนอนจะดีกว่า
จะซื้อต่อหรือไม่ - ซื้อแน่นอน ของถูกและดีอย่างนี้ไม่พลาดแน่นอน

3. Origins - Oil Refiner™ Skin purifying tonic



ขนาด 5.0 oz. ราคา $19.50/฿ไม่ทราบค่ะ




โทนเนอร์ตัวนี้ยังงง ๆ อยู่ว่ามีแอลกอฮอล์หรือไม่ จากคำอธิบายในเว็บไซต์ของออริจินส์ดูเหมือนว่าจะใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่ผสมแอลกอฮอล์ แต่เมื่อดิฉันถามเจ้าหน้าที่เคาเตอร์ออริจินส์ เธอบอกว่าโทนเนอร์ทุกตัวของออริจินส์ผสมแอลกอฮอล์ เลยขอขนาดทดลองมาลองใช้ก่อน
ความพึงพอใจ - หลังจากที่เอาขนาดทดลองมาลองใช้ คิดว่าโทนเนอร์ตัวนี้มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เพราะเมื่อทาแล้วมีความรู้สึกเย็นวาบ ผิวหน้าแห้ง รูขุมขนกระชับทันที ผิวแดงขึ้นเล็กน้อย และมีกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อน ๆ จากที่กล่าวก่อนหน้านี้ว่าดิฉันใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ พอมาใช้โทนเนอร์ที่ผสมแอลกอฮอล์ จึงรู้สึกถึงความแตกต่างได้ทันที ใครที่ใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์แล้วจะไม่อยากกลับไปใช้โทนเนอร์ที่ผสมแอลกอฮอล์อีกเลย เพราะผิวจะเริ่มไวกับพวกสารเคมีต่าง ๆ และแพ้
ข้อดี - ราคาไม่แพงมาก คุมความมันได้พอควรเพราะมีส่วนผสมของ White China Clay ช่วยซึบซับความมัน
ข้อเสีย - คิดว่ามีแอลกอฮอล์นะ และเมื่อเทียบกับ Lancôme - PURE FOCUS - TONER แล้วคิดว่าของลังโคมมีประสิทธิภาพมากกว่า (อ่านรีวิวได้ที่ Review : Toners)
จะซื้อต่อหรือไม่ - ไม่ซื้อแน่นอน

4. Neutrogena - Pore Refining® Toner



ขนาด 8.5 oz. ราคา $7.99/฿ไม่ทราบค่ะ




ความพึงพอใจ - เหตุผลที่ซื้อโทนเนอร์ตัวนี้มาเพราะเห็นว่าช่วยลดขนาดขุมขน และมี Alpha and Beta Hydroxy หรือ AHA ช่วยผลัดผิวและให้สีผิวดูเรียนเนียนขึ้น หลังจากที่ใช้แล้วไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แถมจะทำให้หน้าพังด้วย เพราะสารเคมีเยอะมากกกก กลิ่นน้ำหอมและแอลกอฮอล์ฉุนกึก เลยเปลี่ยนมาใช้ทาจักกะแร้ เผื่อจะช่วยให้ขาวขึ้นบ้าง
ข้อดี - ถูกอย่างเดียว
ข้อเสีย - สารเคมีเพียบ น้ำหอมกลิ่นแรงมาก เวียนหัวทุกครั้งที่เปิดใช้ ไม่ได้ผลตามที่โฆษณา และอาจทำให้ผิวหน้าเสียได้
จะซื้อต่อหรือไม่ - ลาขาดกันเลยชาตินี้

**สิ่งที่ต้องระวังสำหรับการใช้ Alpha and Beta Hydroxy คือ จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและเกิดอาการผิวไหม้ได้ ฉะนั้นจะต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งหลังใช้**




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2552    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2552 3:52:06 น.
Counter : 1991 Pageviews.  

1  2  3  4  

Sunny Shiny Day
Location :
WA United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




"โลกสอนมนุษย์ว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกก็กลับสอนให้มนุษย์ผูกพัน"

โดยพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต
Custom Search

Free Blog Content

WeatherBug
Your weather just got better.
Friends' blogs
[Add Sunny Shiny Day's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.