ที่มาของทริปนี้เริ่มจากเมื่อสักสองปีก่อนวางแผนว่าอยากจะนั่งรถไฟไปหลังคาโลกสักครั้งหนึ่งในชีวิตก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องไป ก็แค่อยากจะทำอย่างที่ตั้งใจไว้ชวนใครก็ไม่มีใครอยากไปด้วย เวลาที่วางเอาไว้ก็ไม่ลงตัวสักทีแถมอ่านรายละเอียดแล้วทำไมมันยุ่งยากจังวุ้ย เพราะงั้นพับโปรแกรมนี้ไว้ก่อนก็แล้วกันสุดท้ายตัวเองก็ทนแรงผลักในใจของตัวเองไม่ไหวต้องพยายามปัดฝุ่นเอาความฝันอันนี้มาทำให้เป็นจริงใหม่อีกครั้งแต่แผนการเปลี่ยนไปเล็กน้อยคือมองหาบริษัททัวร์หรือหาข้อมูลทัวร์ทีเค้าจะเปิดเส้นทางอย่างที่เราอยากไปแล้วก็เลยมาจบที่ Travellifethailand ซึ่งเค้าบอกว่าตัวบริษัทเค้าเป็นแนว Backpackerเที่ยวลุยๆไม่ใช่พวกทัวร์ช๊อปปิ้ง หรือเป็น ทัวร์ชะโงก เอาไงก็เอากันอ่านรายละเอียดแล้วใช่เลย เส้นทางที่อยากไป จีน -ทิเบต-เอเวอเรสต์ เบส แคมป์ -เนปาล จะลำบากทั้งทีก็เอาให้คุ้มเลยแล้วกัน จัดเลยเกือบๆสองอาทิตย์กับทริปนี้ เตรียมตัวเสียตังค์กันเลยดีกว่า

หลังจากตกลงปลงใจกับบริษัทนี้แล้วก็มามองหาเพื่อนร่วมเดินทางบริษัทนี้จะจัดทริปนี้ ปีละ 4 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นสองช่วงคือ เดือน พ.ค. 2 กรุ๊ปและเดือน ต.ค. อีก 2 กรุ๊ป เราก็เล็งเห็นแล้วว่า คนทำงานบริการอย่างเรา เดือน พ.ค.น่าจะเหมาะเพราะเป็นเดือนที่บ้านเราเค้าเรียกว่า โลซีซั่นจะยื่นใบลาไปไหนมันก็จะง่ายหน่อย ถ้าเป็นตุลาอาจจะกินแห้วได้แถมไปเกือบสองอาทิตย์เชียวนะ ก็เลยลงตัวที่ 2 - 13 พ.ค.ใบลาก็ยื่นไว้เลยตั้งแต่ต้นๆปี พอวันลาอนุมัติปุ๊บ คอนเฟิร์มทัวร์ปั๊บ

ท้าวความกลับไปนิดหนึ่งถึงพลพรรครักเอยที่ร่วมทริปในครั้งนี้ตอนแรกหาใครไปด้วยไม่ได้เลย จนพ่อบอกว่างั้นก็ให้แม่ไปเป็นเพื่อนก็แล้วกันเพราะว่าเค้าไม่อยากให้ไปคนเดียว กลัวว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจะไม่มีใครดูแลแม่เลยได้เป็นผู้เข้าชิงอันดับต้นๆในโปรแกรมนี้ แต่เราก็ไม่อยากให้แม่ไปลำบากกับเราเท่าไหร่ประจวบกับไปงานแต่งงานเพื่อนซี้ที่หาดใหญ่ เลยถามเพื่อนอีกคนว่าเรามีโปรแกรมแบบนี้สนใจไม๊ โชคเข้าข้างเราจนได้ มีเพื่อนที่มันดันคิดประหลาดๆเหมือนกัน ประมาณว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอกูได้ไปเหยียบดินแดนที่เค้าเรียกว่าหลังคาโลกหน่อยเหอะ ก็เลยได้ข้อสรุปว่าไปกับเพื่อนคนนี้ก็แล้วกัน เลยกลับมาบอกที่บ้านว่ามีเพื่อนไปด้วยแล้วจะได้ไม่ต้องให้แม่ไปลำบากกะเราด้วย

หลังจากได้สมาชิกเรียบร้อยก็เป็นอีกช่วงลำบากของชีวิต จะมีอะไรซะอีกก็ช่วงจ่ายเงินเตรียมตัวเที่ยวกันนี่ไง ทัวร์นี้ค่าใช้จ่าย 82,900 บาทแต่ทางบริษัทจะทยอยเรียกเก็บ โดยขั้นแรกจ่ายมัดจำ 5,000บาทเพื่อจะนำไปใช้จองตั๋วเครื่องบินและเป็นการกากันตีว่าเราไม่เบี้ยว ฮาๆๆๆๆ หลังจากนั้นจะเรียกเก็บอีก15,000 พร้อมขอหนังสือเดินทาง เพื่อนำไปจัดการเรื่องวีซ่าประเทศจีน กะ เนปาลรวมทั้งใบ permit สำหรับเข้าเมืองทิเบตแล้วงวดสุดท้ายก็คือเดือนเมษาก่อนออกเดินทางจ่ายที่เหลือทั้งหมดอีก 62,900 บาทรู้สึกกระเป๋าเบาหวิวววว กันเลยทีเดียว

ปล. นายที่อนุญาตให้ลาไปเที่ยวที่นี่ เค้าไปก่อนหน้าเราซึ่งทริปเค้าจะเป็นภูฎาน เนปาล ทิเบต เค้าบอกเราว่าเค้าชอบ ภูฎานมากกว่า แล้วเค้าตั้งคำถามเราว่า WhyTibet?? (เผอิญว่าเค้าเป็นต่างด้าวอ่ะนะ) แปลเป็นไทยง่ายๆคือ ทำไมต้องเป็นทิเบต??นั่นสิ ทำไมต้องทิเบต

เราก็ให้คำตอบเค้าไม่ได้เหมือนกันรู้แค่ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตที่อยากจะขอนั่งรถไฟสายที่สูงที่สุดในโลก และไปเยือนดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหลังคาของโลกสักครั้งในชีวิตได้ไปเห็นไปเหยียบบ้านเกิดของท่านทะไลลามะและกำลังจะได้เห็นคนที่เค้ามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าวิธีการกราบไหว้แบบเป็นเอกลักษณ์ของเค้าที่เราเคยเห็นแค่ในทีวีเราก็จะได้เห็นจริงๆ เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีอย่างหนึ่งที่ถึงแม้ว่าในเรื่องอื่นๆเราอาจจะไม่ได้อย่างที่ใจเราคาดหวังไว้แต่ความฝันเรื่องการท่องเที่ยวของเราได้ถูกเติมเต็มและทำให้มันกลายเป็นความจริงรวมถึงความฝันกับการเดินทางครั้งนี้ด้วย เสียดายอย่างเดียวที่ความตั้งใจจริงๆคือเราจะไปด้วยตัวเองไม่ได้อยากไปกับบริษัททัวร์ แต่แผนที่เปลี่ยนไปก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อยจุดมุ่งหมายมันก็เหมือนกันคือเราได้ตามความฝันนั่นคือ "นั่งรถไฟไปหลังคาโลก"