จะยอมเป็นเจ้าชายนิทรา แล้วใช้เวลาที่ยังมีทั้งคืน ข่มตานอนหลับฝันไม่ยอมตื่น ให้รักเรายังยั่งยืนอยู่ในฝัน

<<
กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 

เรื่องสั้น สัมพันธภาพ (บทที่ 9)

บทที่เก้า







ภาพดอกไม้ไร้ชื่อยามเที่ยงวัน สถานที่ กำแพงเมืองจีน ประเทศจีน




หลังจากแยกจากนิศากร รพีก็กลับมานั่งจ้องภาพวาดนั้น พลางนึกถึงเรื่องราวในยุคอดีต ครั้งแรกที่เขาพบหล่อน วัยเด็กที่น่ารักอ่อนโยนนั้น ทำให้ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขากลับมีรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
“เราชื่อรพี เป็นลูกเจ้าพระยาอินทรเทพ ตามเจ้าคุณพ่อมาพบเกลอท่าน”
“เราชื่อคุณดวง ส่วนนั่นน้องเรา คุณเดือนหรือบุหลัน”
บุหลัน ชื่อแปลกดีแปลว่าอะไรน๊า อ้อ พระจันทร์ ใช่หล่อนงามไม่แพ้จันทร์วันเพ็ญเลย รพีคิด
“คุณพี่รพีจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนั้นใช่มั้ยคะ” บุหลันถามพลางชี้มือไปที่บริเวณที่ติดกับขอบรั้วบ้านหล่อน
“ใช่ เราจะเป็นเพื่อนบ้านกัน” รพีพูดพลางส่งยิ้มให้สาวน้อยทั้งสองอย่างเป็นมิตร
กระดาษที่เขาถืออยู่เลื่อนตกลงสู่พื้น ทำให้เขาหลุดจากภวังค์กลับสู่ภาวะปัจจุบันอีกครั้ง ใครคนหนึ่งกำลังตรงมาหาเขา บุหลัน วชิระรังสี ไม่ใช่สิ นิศากร รัชนีมาส ต่างหาก เธอคนนี้คือนิศากร รัชนีมาส นั่นแหละไม่ว่าชื่อเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไร เธอก็ยังเป็นเธอเสมอ เธอผู้อยู่ในความทรงจำของฉัน สาวน้อยผู้เลอโฉม
“เอ่อ อาจารย์คะ แขขอภาพนั้นคืนได้มั้ยคะ แล้วพรุ่งนี้แขจะนำภาพมาส่งให้ใหม่ค่ะ” นิศากรรีบพุ่งประเด็นลงไป รพียิ้มให้หล่อนด้วยความเอ็นดู แต่หล่อนกับคิดว่าเขาขอเหตุผล
“คือ มันมีความหมายสำหรับแขมาก แขประทับใจที่นั่น บ้านหลังนั้น รวมทั้งอะไรหลายๆอย่างที่เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนั้น แขขอคืนนะคะ” เธออ้อนวอน
“บ้านของคุณ” เขาหลุดปากไปเบาๆ แต่อีกฝ่ายไม่ทันได้ยิน เพราะหล่อนมัวแต่พะวงกับภาพวาดในมือรพีอยู่นั่นเอง
“ก็ได้ครับผมจะคืนคุณ และผมก็ดีใจที่มันมีความหมายสำหรับคุณมาก” เขาพูดด้วยใจจริง โดยลึกเขาก็แอบหวังว่าภาพนี้จะเป็นตัวเชื่อมให้ความสัมพันธ์ของเขาฟื้นเร็วยิ่งขึ้น
“ขอบคุณค่ะอาจารย์” เธอกล่าวด้วยความดีใจ ม้วนภาพเก็บและหันหลังกลับ แต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“เอ่อ อาจารย์คะ อาจารย์เคยรู้จักใครคนหนึ่งที่คล้ายตัวเรามากๆ ไหมคะ” หล่อนถามถึงเด็กชายคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นเขา รวมถึงเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่คาดว่าจะเป็นหล่อนเองด้วย
“ครับ” รพีตอบเพียงสั้นๆ ให้หล่อนเดาความหมายเอง เมื่อเห็นหล่อนยังคงนิ่งอยู่ จึงเสริมออกไป
“คอยให้ลิขิตสวรรค์เป็นผู้อธิบายเถอะครับ” เขายิ้มให้แฝงความหมายเป็นนัยๆ ไว้
รพีรู้ดีทุกอย่าง เขาเห็นมาตั้งแต่ต้น ยังจำและรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา เธอ และใครหลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาในทุกยุคทุกสมัย เอ๊ะ! ใครกันมายืนทำลับๆ ล่อๆ ที่หน้าประตู ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร คงรอหล่อนอยู่แน่ๆ เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที พยายามระงับอารมณ์ไว้ ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้นะรพี เย็นไว้ ต้องให้เวลากับหล่อนบ้าง เขาคิด
“อาจารย์คะ แขกลับก่อนนะคะ” เขาเพียงแต่พยักหน้า ยิ้มเศร้าๆ ในใจก็นึกหวาดหวั่นเช่นกัน กลัวว่าเธอที่เฝ้ารอจะหลุดลอยไป ดูท่าทางที่สนิทสมกันนั่น ยิ่งร้อนใจยิ่งนัก แต่เขาก็จะรอ รอจนถึงที่สุด รอความเห็นใจ รอให้หล่อนเป็นผู้เลือกเอง
“แขมาพบอาจารย์ทำไมครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พิภพถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ภพ เรากลับกันเถอะค่ะ” หล่อนหันมามองรพีอีกครั้งก่อนก้าวเดินไป ซึ่งรพีก็มองตามเขาอยู่เช่นกัน
“ทำไมเงียบไปครับ พี่ภพดูไม่หล่อเหรอ แขถึงไม่พูดด้วย” เขาทะเล้นตามเคย
“เปล่าค่ะ แขแค่คิดอะไรเพลินไปนิดหน่ะค่ะ แล้วยัยฝนไปไหนแล้วคะ”
“ขานั้น นั่งรอในรถเรียบร้อยแล้ว เห็นบ่นว่าหิว หิวตลอด” พิภพไม่วายแขวะน้องในที
ทั้งคู่จึงรีบสาวเท้าตรงไปที่รถ เพื่อไม่ให้อีกคนที่นั่งรอหงุดหงิดไปมากกว่านี้
“ยัยแข ทำไมนานจัง ไหนบอกว่าแป๊บเดียวไง” พรรษบ่น
แทนคำตอบใดๆ หล่อนเพียงแต่ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ แล้วนิ่งเงียบคิดถึงคำพูดรพี “ครับ” เสียงยังคงแว่วข้างใบหู หมายความว่าอะไรกันแน่ เขาเป็นคนเดียวกันกับเด็กคนนั้นเหรอ หรือเขาเป็นแค่ญาติกันกับเด็กคนนั้น หรือเพียงแค่บังเอิญรู้จักกันเท่านั้น สิ่งไหนกันที่น่าจะเป็นได้ จู่ๆ บทความที่เคยอ่านก็แทรกเข้ามาในความคิดหล่อน การระลึกชาติจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าน๊า หล่อนยังไม่อาจคาดเดาได้เลยจริงๆ
เมื่อนิศากรก้าวลงจากรถ พิภพก็ตั้งป้อมใส่น้องสาวทันที
“ไหนใครบอกจะช่วยพี่ จนป่านนี้แล้วไม่เห็นเราจะทำอะไรให้เลย”
“โธ่ พี่ภพ ใครว่าไม่ทำ ฝนก็คอยให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ไง” เมื่อหันไปสบตาพี่ชายที่ดูจริงจังไม่เล่นอย่างเคยจึงกล่าวต่อ “พี่ภพก็รู้ยัยแขดื้อจะตาย ขืนฝนยิ่งบีบบับคับแกตอนนี้ ถ้าโกรธฝนด้วยอีกคน ใครจะช่วยพี่ภพล่ะ” เธอแก้ตัวกับพี่ชาย
ขณะนี้รถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องยังคงไม่มีใครยอมลงจากรถ พิภพยังคงเงียบอยู่ พรรษเลยเริ่มต้นพูดอีกครั้ง
“ก็ฝนรับปากแล้วไงว่าจะช่วย ไม่ต้องห่วงหรอกน่าพี่ชาย ยังมีเวลาตั้งหลายปี ไม่ทันแก่หรอก” คราวนี้หล่อนโดนเขกหัวไปหนึ่งทีโทษฐานยียวน
“หายงอนหรือยัง” พรรษถาม “ถ้าหายแล้ว ขอฝนคืนบ้างนะ”
สองคนผลัดกันจี้เอวไปมา วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆ พากันเข้าบ้านไป
ที่บ้านนิศากร ทั้งพ่อและแม่ต่างสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกสาวคนเดียวนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“เป็นอะไรไปลูก มีเรื่องไม่สบายใจก็บอกพ่อได้นะ พ่อเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“แม่ว่าพักนี้ดูลูกซึมๆ ไป เรียนหนักเหรอลูก” ทั้งพ่อและแม่ช่วยกันยิงคำถามจนหล่อนไม่รู้จะเริ่มอธิบายตรงไหน
“คือแขคงจะเพลียหน่ะค่ะ เลยคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” หล่อนพยายามโกหกให้คุณพ่อคุณแม่ รวมทั้งตัวหล่อนเองได้สบายใจ แต่ไม่สำเร็จ หล่อนหลอกใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งตัวเอง หลอกความคิดตัวเองนี่มันยากจริง หล่อนคิด
“อย่าปิดเลยลูก พ่อเลี้ยงหนูมาแต่เล็ก ทำไมพ่อจะดูไม่รู้” พ่อยังคงไม่เชื่อ พยายามหว่านล้อมให้หล่อนพูดให้เบาใจ
หล่อนรู้สึกสับสนไม่รู้จะเล่าเหตุการณ์ไหนก่อนดี อะไรล่ะที่ควรพูด อะไรล่ะที่เป็นต้นเหตุของความหนักใจครั้งนี้ พูดไปสินิศากร หล่อนคิด
“คุณพ่อคะ คุณแม่คะ คือพี่ภพเขาบอกรักแขค่ะ” พูดเสร็จหล่อนก็เงียบ รอปฏิกิริยาที่ผู้ฟังจะโต้ตอบกลับมา พ่อของหล่อนหัวเราะลั่นบ้าน ส่วนแม่เพียงแต่อมยิ้ม หล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกที่จะเล่าเรื่องนี้ ทั้งที่หล่อนแทบจะไม่เคยนึกถึงอีกเลยด้วยซ้ำหลังจากวันนั้น และแน่นอนสิ่งนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้หล่อนดูเศร้าไป เมื่อแม่เห็นลูกสาวยังเงียบจึงเข้ามาปลอบ
“โถลูก มีคนรักก็ดีกว่ามีคนเกลียดไม่ใช่หรือคะ ไม่ต้องคิดมากไปหรอก พิภพก็ไม่ใช่คนเกเรอันธพาลที่ไหน อีกอย่างเราก็ยังเด็กกันทั้งคู่ ต้องดูกันอีกมาก ไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอกค่ะ” แม่ก็มักพูดแบบนี้เสมอ หล่อนคิด
“ใช่ๆ พ่อเห็นด้วยกับแม่นะ พิภพเองก็ยังเรียนไม่จบคงยังไม่เร่งรัดเอาอะไรกับลูกหรอก แต่เอ แสดงว่าลูกพ่อโตเป็นสาวแล้วสิ” พ่อไม่วายแหย่ให้ลูกสาวคลายกังวลลง
“คุณพ่อเนี่ยก็ชอบแหย่แขอยู่เรื่อย” หล่อนพูดแบบงอนๆ ตามนิสัยขี้อ้อนของหล่อน
ทั้งพ่อและแม่เข้ามาโอบลูกสาวด้วยความเอ็นดู หัวเราะให้กันและกันอย่างมีความสุข
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ แขไปนอนก่อนนะคะ” หล่อนกล่าวก่อนวิ่งขึ้นห้องไป หลังจากสบายใจขึ้นบ้างแล้วที่อย่างน้อยก็มีคุณพ่อคุณแม่คอยห่วงใยตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องที่ท่านปลอบจะไม่ใช่ที่เรื่องกังวลใจโดยตรงก็ตาม แต่มันก็ทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้น



**********************************************


เวลาเหมือนหยุดหมุน ในวันที่เธอเดินจากไป
โลกทั้งโลกกลับกลายเป็นเพียงสีเทาจางๆ
ใครบางคนหยุดเวลาไว้เพียงเเค่นั้น
เวลาที่ยังมีเธออยู่ เฝ้าคอย คอยให้เธอหวนคืนกลับมา
อีกซักครั้ง........เเม้ความหวังจะดูลางเลือน
เหมือนฉวยดวงจันทราในเงาน้ำ
เเม้จะเอื้อมมือไปเท่าไหร่
ก็จับต้องได้เพียงหยดน้ำตาของตัวเอง










Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 1:30:01 น. 0 comments
Counter : 393 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Sleeping_prince
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




แม้รูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะครับ Instagram
New Comments
[Add Sleeping_prince's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com