จะยอมเป็นเจ้าชายนิทรา แล้วใช้เวลาที่ยังมีทั้งคืน ข่มตานอนหลับฝันไม่ยอมตื่น ให้รักเรายังยั่งยืนอยู่ในฝัน

 
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
6 เมษายน 2553
 

เรื่องสั้น สัมพันธภาพ (บทที่ 2 -3)

บทที่สอง







“แขไปก่อนนะคะแม่” หล่อนรีบละล่ำละลักบอก พลางไหว้แม่ในคราวเดียวกัน โดยผู้รับยังไม่ทันที่จะตั้งตัวได้ด้วยซ้ำ หล่อนก็ก้าวพ้นประตูบ้านออกไปเสียแล้ว

การจราจรที่ติดขัดในสังคมเมืองขนาดใหญ่คงเป็นปัญหาหลักในหลายๆ ประเทศที่ผู้เกี่ยวข้องต่างต้องหัวเสียทุกครั้งที่เรื่องนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการแก้ไขภาวะทุกข์สุขอันเกี่ยวเนื่องกันกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรในประเทศ ข้อนี้หล่อนรู้ดี รู้ว่าต้องทนยอมรับสภาพปัญหานี้ให้ได้ ตราบใดที่ผู้เกี่ยวข้องยังแก้ไม่ตก ทุกคนจำเป็นที่จะต้องยอมรับสภาวะเดิมๆ ไปเองโดยปริยาย ซึ่งไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องขออุทธรณ์แต่อย่างใด

ณ ที่หนึ่ง ผู้คนมากมายที่ถูกกำหนดอยู่ในเส้นทางชีวิตสายเดียวกัน จะถูกรวบรวมเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มเดียว อัดแน่นจนขยับเขยื้อนแทบไม่ได้ ส่วนที่เกินก็ถูกปัดทิ้งไว้โดยไม่แยแสว่าชีวิตจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรต่อไป เขาเหล่านั้นก็ได้แต่รอ รอว่าเมื่อไรจะได้เป็นฝ่ายถูกเลือกบ้าง แต่ใช่ว่าพวกที่ถูกคัดไว้จะมีชีวิตที่สุขสบาย เขาผู้ถูกเลือกนั้นยังต้องเผชิญชะตากรรมอีกมากบนเส้นทางสายนั้นบนรถโดยสารประจำทาง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ซึ้งอย่างถ่องแท้ว่าจะต้องโดนมรสุมโถมกระหน่ำอย่างไรในภายหน้า แต่เพราะความจำเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่กำหนดให้ทุกสิ่งดำเนินต่อไปได้ตามขบวนการของมันภายใต้กฎของความจำยอม

เวลาผ่านล่วงเลยไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่ขณะนี้หล่อนรู้สึกเวียนศีรษะอย่างมากจนสุดที่จะพรรณนาได้ ใช่...อากาศเริ่มน้อยลงทุกทีๆ อ้า! รู้สึกดีขึ้นแล้วเล็กน้อย หลังจากมีใครสองคนพยายามถีบตัวเองให้หลุดออกจากวงโคจรแห่งวิบากกรรมนี้ จะโทษใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ตัวหล่อนเองที่พยายามดื้อดึงสุดความสามารถให้ตกเข้ามาสู่วงจรอุบาทว์นี้ หากนึกเฉลียวใจเชื่อพ่อแม่สักนิด หล่อนก็คงหลุดพ้น ไม่ใช่สิ คงไม่ต้องมาสัมผัสกับวิถีชีวิตอย่างนี้เป็นแน่ ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนได้รับแต่ความสะดวกสบายเสียจนเคยตัว ทุกครั้งที่ต้องเดินทางออกจากบ้าน ไม่คุณพ่อก็คุณแม่ที่จะคอยดูแลไปรับไปส่งตลอด หล่อนสัมผัสแต่เพียงว่าต้องนั่งปั้นหน้าจนเบื่อในรถส่วนตัวยามเมื่อติดสัญญาณไฟแดงคราวละนานๆ อ้า...ถึงพอดี ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นถูกปล่อยให้เตลิดไปไกลเสียนาน เมื่อรู้สึกอีกทีก็ถึงที่หมายตามแรงใจที่หล่อนปรารถนาพอดี

ในขณะที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวถูกกำหนดให้ขับเคลื่อนด้วยวิทยาการที่ทันสมัย สิ่งประดิษฐ์ถูกคิดค้นเพื่อสนองความต้องการอย่างไม่หยุดยั้ง หล่อนสังเกตเห็นว่าพวกเขาเหล่านั้นลืมอะไรไปบางอย่างหรือไม่ก็ตั้งใจที่จะละทิ้งมันไว้ก็เป็นได้ ความเป็นมนุษย์ ผู้ซึ่งต้องการเลือดเนื้อ จิตใจ จิตวิญญาณ ความเอื้ออาทรคอยหล่อเลี้ยงและที่สำคัญต้องการคนคอยดูแลเอาใจใส่ ในทุกวันนี้จักรกลมนุษย์ถูกปลุกกระแสให้หมุนรอบไปดั่งเครื่องจักรที่เขาเหล่านั้นสร้างขึ้นอย่างไม่มีผิดเพี้ยนไปจากกัน เมื่อมองไปรอบๆ จะเห็นแต่มนุษย์งาน เข้างานเป็นเวลา ออกงานตามเวลา วิถีชีวิตดำเนินไปอย่างรีบเร่งไร้สภาพจิตใจ แม้กระทั่งตัวหล่อนเองซึ่ง ณ บัดนี้หล่อนเดินมานั่งในห้องเรียนตั้งแต่ เมื่อไรก็ไม่รู้ เหมือนดังว่าสภาพร่างกายถูกสั่งให้ดำเนินไปตามหน้าที่และบทบาทที่มันได้รับก็เท่านั้น เสียงจ้อกแจ้กจอแจเริ่มเบาลง จนเหลือไว้เพียงใครบางคนกำลังพูดอยู่ หล่อนไม่สนใจเลยแม้แต่จะเหลียวไปดู หรือใส่ใจในคำพูดเหล่านั้น เพราะสมองหล่อนขณะนี้สับสนยิ่งนัก ความฉงนในเรื่องเมื่อคืนตลอดจนเช้ายังคงวนเวียนกลับไปกลับมาให้หล่อนได้คิดทบทวนปะติดปะต่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้กระนั้นหล่อนก็ยังไม่สามารถให้ความกระจ่างแก่ตัวหล่อนเองได้ สิ่งเหล่านั้น คนเหล่านั้นต้องการสื่อถึงอะไรนะ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเล่า ที่ท่าน้ำนั่น...

“แข...แข...ยัยแข” จากพยางค์สุดท้ายที่ถูกเปล่งออกมาค่อนข้างดังนั้น ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งและชะงักไปเล็กน้อย เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงรีบเหลียวหาที่มาของเสียงทันที

“โธ่! ยัยฝนนั่นเอง เสียงดังไปได้ ตกใจหมดเลย” นิศากรรีบรัวคำพูดใส่

“ยังจะมาว่ากันอยู่ได้ ก็หล่อนนั่นแหละเป็นอะไร ฉันเรียกตั้งนานแล้วนะ” อีกฝ่ายก็ไม่ยอมลงให้เช่นกัน

เงียบ...ไม่มีคำพูดใดๆ นิศากรยิ้มให้แบบเก้อๆ แทนคำตอบ ใช่สิ ณ ตอนนี้หล่อนคงไม่บ้าพอที่จะเล่าความฝันที่หล่อนคิดว่าจริงเสียเต็มประดาขนาดนั้น ให้เพื่อนซี้หาว่าเพี้ยน หรือไม่ก็ป่วยขนาดหนักหรอก

“ อ้าว ! ว่าแล้วยังจะมายิ้มอีก หล่อนน่ะสายเป็นหนที่สามในรอบสองสัปดาห์ที่เพิ่งเปิดเทอมมาเลยนะ โชคดีที่วันนี้อาจารย์เข้าช้า ไม่อย่างนั้นหล่อนก็สายตามเคย แต่แหม ขนาดเข้าช้า หล่อนยังทำใจเย็นไม่ใส่ใจ ปล่อยให้มันลอยละเมอเพ้อพกถึงใครต่อใครอยู่ได้ เอ...ถ้างั้นที่อาจารย์พึ่งเข้ามาสั่งงานเมื่อกี้หล่อนคงไม่ได้ยินล่ะสิท่า” อีกฝ่ายยังคงรัวคำพูดเป็นชุด นิศากรทำหน้าประหลาดใจเล็กน้อย หล่อนไม่รู้เลยว่าอาจารย์เข้าแล้ว

“หรือว่าหล่อนไม่สนใจเลย แม้แต่จะมองหน้าอาจารย์”
นิศากรไม่ตอบ หล่อนได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ยอมจำนนในทุกกรณีที่พรรษกล่าวหาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ

“แล้วกันเพื่อน อาจารย์ใหม่หน้าตารึก็ดี๊ดี สูงสง่า เท่ห์” พรรษพูดไป ก็ทำท่าเพ้อฝันในรูปงามๆ ของชายผู้เป็นอาจารย์ แต่ก็ยังไม่วายหันหน้ามาแขวะเพื่อนต่อ

“ภูมิฐานซะขนาดนั้น หล่อนยังไม่สนใจอีก ถามจริง เธอมัวไปทำอะไรอยู่ห๊า”
คราวนี้นิศากรไม่นิ่งอมพะนำอีกแล้ว เธอรีบสวนเพื่อนซี้ไปว่า “ก็นั่งใจลอยอย่างที่เธอว่าไงล่ะเพื่อน ฮิ ฮิ ฮิ”

“หัวเราะ...ขำ ขำเข้าไป ดูสิว่าได้ยินการบ้านแล้วจะขำออกไหม”
นิศากรเงียบทำท่าตั้งใจฟังสุดฤทธิ์ให้หล่อนเห็น หล่อนจึงเริ่มเข้าเรื่อง

“อาจารย์...อาจารย์อะไรน๊า อ๋อ! อาจารย์รพี สั่งให้เราทำงานคนละหนึ่งชิ้น ส่งสัปดาห์หน้า หัวข้อเรื่องหยุดพัก”

“เดี๋ยวยัยฝน อาจารย์อะไรนะ” พรรษแปลกใจเล็กน้อยในคำถามของหล่อนแทนที่จะเป็นการถามในเรื่องงานแต่กลับมุ่งความสนใจไปที่อาจารย์แทน แต่แล้วหล่อนก็นึกได้ คิดไปว่านิศากรคงจะสนใจในรูปลักษณ์ที่หล่อนพูดถึงเป็นแน่

“อาจารย์ท่านชื่อ รพี อินทรทิพากร เป็นอาจารย์มาใหม่ พึ่งจบปริญญาโทสาขาอะไรฉันก็จำไม่แม่นด้วยสิ รู้แต่เกี่ยวกับจิตรกรรมอะไรนี่แหละ จะมาสอนเราในวิชาเลือกไง”

“เจอครั้งแรกก็ขี้เกียจสอนเลยเหรอ เห็นนักศึกษากรี๊ดเข้าหน่อยทำเล่นตัว” หล่อนพึมพำในลำคอเบาๆ นึกเสียดายอยู่ในทีที่ไม่ได้เห็นหน้า แต่ไม่ใช่เพราะความคลั่งไคล้ในความหล่อสมาร์ท ดังที่เพื่อนบรรยายให้ฟังหรอก แต่เพราะชื่อนั่นต่างหาก ชื่อที่ฟังคุ้นหู คุ้นเหมือนพึ่งได้ยินเมื่อเร็วๆ มานี้เอง
เมื่อสายตาที่ละไปจากผู้พูดเมื่อสักครู่กลับมากระทบสบกันอีกครั้ง หล่อนจึงโพล่งออกไป

“แล้วตอนนี้อาจารย์ไปไหนแล้วหล่ะ”

“ก็พอดีท่านอธิการเรียกประชุมอาจารย์ทุกท่านด่วน ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร ถ้าคาดไม่ผิดคงปัญหาเรื่องเด็กมาสายแล้วทำใจลอยหล่ะมั๊ง” พูดแล้วหล่อนก็หัวเราะร่วน นึกพอใจในตัวเองที่สามารถกัดให้อีกฝ่ายหน้าตูมลงได้ แม้จะเป็นวาจาที่ต้องการเพียงเย้าเล่นก็ตาม แต่แล้วหล่อนก็ต้องเป็นฝ่ายโอ๋ ยอมง้อหล่อนอีกเช่นเคย





บทที่สาม





“งอนอะไรกันอยู่คร้าบ ให้พี่ง้อด้วยคนได้มั้ยจ๊ะ”
เสียงนุ่มๆ แฝงไว้ด้วยความขี้เล่นในส่วนท้ายประโยค แว่วสวนขึ้นมาแต่ไกล ซึ่งทั้งสองสาวคุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี

“นึกแล้วเชียว ต้องเป็นพี่ภพแน่ๆ แล้วเข้ามาได้ไงคะเนี่ย” นิศากรชิงพูดก่อนพรรษ

“ก็พี่เห็นเพื่อนเราเขากลับกันหมดแล้ว แล้วทำไมน้องพี่ถึงขยันอยู่เฝ้าห้องได้ล่ะจ๊ะ” พรรษตอบออกไป

ความขี้เล่นและเป็นกันเองนี้ล้วนมาจากบุคลิกภายในของเขาทั้งสิ้น มิได้เสริมเติมแต่งให้ดูมากหรือหย่อนเกินไปเลย พิภพหรือพี่ภพของนิศากรนั้นเป็นชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์สูงวัยกว่าหล่อนเล็กน้อย เขามีดวงตาสีน้ำตาลเข้มวางใต้คิ้วที่ดกหนาคู่นั้น ส่องประกายแฝงแววซุกซนอยู่ในที จมูกถูกเน้นให้นูนโด่งตามธรรมชาติ รอยยิ้มที่เผยให้เห็น ณ ขณะนี้บ่งบอกถึงสภาวะอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เขาช่างเป็นคนมีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดีเสมอ จนบางครั้งเผลอนึกไปว่ามีซักเรื่องไหมที่ดูแย่ในสายตาเขา รูปหน้านั้นเล่ายามเพ่งพินิจโครงหน้ารูปเหลี่ยมน้อยๆ นั่น ยิ่งน่าพิศวงในความลงตัวที่ธรรมชาติรังสรรค์จัดแต่งขึ้นมาให้เขา บวกกับผิวพรรณที่เกลี้ยงเกลา ขาวดูสะอาดสะอ้าน มองแล้วรื่นตายิ่งนัก

ส่วนเพื่อนของหล่อน พรรษหรือฝน เธอจัดเป็นผู้หญิงที่สวยถึงสวยมากคนหนึ่ง ผิวขาวนวล นัยน์ตาสีน้ำตาลแก่ จมูกโด่งได้รูป ใบหน้าเรียวๆ นั้นรับกับขอบปากบางๆ และคิ้วที่โค้งน้อยๆ ได้เป็นอย่างดี เธอดูทันสมัย สมเป็นหญิงยุคใหม่

“มาก็ดีแล้วค่ะ พี่ภพ ยัยแขกำลังงอนฝนอยู่ พี่ภพช่วยฝนง้อหน่อยนะ” พรรษได้ทีรีบอ้อน พี่ชาย

“แล้วกัน แกล้งกันเอง แล้วงั๊ยมาลงที่พี่อย่างนี้ล่ะยัยฝน” พิภพรีบโวย

“ก็ได้ พี่ภพไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร งั้นที่สัญญากันไว้ถือเป็นโมฆะ” พรรษได้ทีรีบงัดข้อต่อรองขึ้นมาขู่

“ใจเย็นสิน้องสาว อย่าพึ่งด่วนตัดสิน พี่ยังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าไม่ช่วย แต่จำไว้นะสัญญาแล้วห้ามคืนคำ และขอย้ำต้องสำเร็จด้วย เข้าใจมั้ย” พิภพกล่าวพร้อมขยี้หัวน้องสาวเล่น เอ็นดูในความเจ้าเล่ห์ของสาวน้อย

“สัญญา พี่ภพสัญญาอะไรไว้กับยัยฝนคะ บอกแขหน่อยได้มั้ย” นิศากรเห็นอาการยักคิ้วหลิ่วตาของคนทั้งคู่ก็อยากรู้บ้างว่าเรื่องอะไร ทำไมไม่พูดให้กระจ่าง

“ไม่ได้ครับผม เรื่องนี้เป็นความลับ ถึงเวลาพี่สัญญาจะบอกแขเป็นคนแรก” เขาปฏิเสธกับนิศากรด้วยวาจาที่สุภาพแล้วหันไปขอแรงสนับสนุนจากน้องสาว “จริงมั๊ย ยัยฝน น้องร๊าก...”

“จริงเจ้าค่ะ คุณพี่ภพ….” หล่อนทอดหางเสียงให้ยาวไม่แพ้พี่ชาย

นิศากรได้แต่มองตาม คนโน้นพูดที คนนี้พูดทีเธอก็รู้สึกเป็นสุขแล้ว สุขใจที่ได้รับฟังอย่างเงียบๆ หล่อนเห็นความสนิทสนมของพี่น้องคู่นี้มาตั้งแต่เล็ก และทุกครั้งก็อดนึกเทียบกับตัวเองไม่ได้ หล่อนเกิดเป็นลูกคนเดียวบนกองเงินกองทองที่เพียบพร้อมไปซะทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ หลายครั้งหล่อนรู้สึกเหงา อยากมีพี่มีน้องไว้คอยแบ่งปันความรัก ความทุกข์ ความสุข ความเอื้ออาทรแก่กัน แต่ก็นับว่าหล่อนยังโชคดีที่มีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ที่รักและคอยดูแลเอาใจใส่ ทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน ทุกครั้งหล่อนคิดเท่านี้ความน้อยใจก็มลายหายไปสิ้น แต่ครั้งนี้ ความฝันนั่น หรือมันเป็นความจริงกันแน่ มันยังฝังลึก ยังแว่วสะท้อนวนเวียนอยู่ในหัวทุกขณะจิต

“แขครับ เรากลับกันเถอะ” พิภพเตือนหล่อน หลังดูเวลาว่าเย็นมากแล้ว

วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกๆ วัน ตั้งแต่เด็กมาแล้ว เราเรียนโรงเรียนเดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน จะห่างไปก็เพียงไม่กี่หลังเท่านั้น และ ณ ตอนนี้ก็ยังเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันอีก จะเป็นความบังเอิญก็ไม่ใช่ ความตั้งใจก็ไม่เชิง ฉันตั้งใจจะเข้าคณะอักษรศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เพราะใกล้บ้านมากที่สุด การเดินทางค่อนข้างสะดวกสบาย ส่วนยัยฝนตั้งใจที่จะตามฉันมาโดยตรง ในตอนเช้าเราต่างคนต่างไปก็จริงแม้จะสู่ที่หมายเดียวกันแต่ตอนเย็นนั้นเราต่างมีเป้าหมายคนละที่ซึ่งคือบ้านของเราแต่ละคน แต่เรากลับยอมที่จะรอและกลับพร้อมกัน มันคงเป็นความผูกพันมั้ง ความผูกพันระหว่างพี่น้องที่ฉันไม่เคยได้สัมผัสอย่างแท้จริง พี่ภพไม่ได้เรียนคณะอักษรศาสตร์เหมือนเราสองคน แต่พี่ภพก็มักจะมานั่งรอเราเสมอๆ ในยามว่าง แต่หากวันใดติดเรียนตอนเย็น หรือทางคณะมีงานด่วนเข้ามาพี่ภพก็จะวานรุ่นน้องซึ่งอยู่คณะบริหารด้วยกันมาบอกก่อนทุกครั้ง ไม่เคยเลยซักครั้งที่พี่ภพจะให้พวกเรารอด้วยความกระวนกระวายโดยไม่รู้เวลาที่แน่นอนว่าจะได้กลับเมื่อไหร่

จากขามาที่แสนทรหด และขากลับที่แสนสบายนั้นเทียบกันไม่ติดเลย เมื่อเช้ายังต้องห้อยโหนเป็นลิงเป็นค่าง เสี่ยงโชคโยกย้ายตามจังหวะรถที่แล่นไปตามตัวโน้ตสูงต่ำ ตามแต่ใจผู้ขับจะบรรเลง รถออกตัวเคลื่อนหยุดแต่ละทีก็กระชากลากถูเหวี่ยงไปด้านหน้าทีหลังทีดูอลหม่านไปหมด แต่ตอนนี้บนรถยนต์ส่วนตัวของพี่ภพนี่ นิศากรผู้นี้ช่างต่างจากเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง กลายมาเป็นตุ๊กตาประดับนั่งแจกรอยยิ้มหวานๆ และเสียงหัวเราะใสๆ ให้ผู้ที่ปฏิสัมพันธ์กับหล่อนรู้สึกสดชื่นไปตามทำนองที่หล่อนได้ขับกล่อม เพียงไม่นานก็ถึงที่หมายที่เฝ้ารออย่างง่ายดาย










Create Date : 06 เมษายน 2553
Last Update : 6 เมษายน 2553 15:15:53 น. 6 comments
Counter : 682 Pageviews.  
 
 
 
 
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะไปอ่านนิทานกระต่ายบิน คุณชอบเขียนหนังสือหรือคะ จะแวะมาอ่านอีกนะคะ
 
 

โดย: Love At First Click วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:8:28:26 น.  

 
 
 
แวะมาคราวนี้เจอตัวอักษรเต็มไปหมด เลยย้อนกลับไปอ่านบทต้นด้วย แค่เริ่มก็น่าสนใจแล้วค่ะ

ไม่เคยเห็นซากุระที่เกาหลีเหมือนกันนะคะ เดาว่าถ้าไปช่วงครึ่งแรกของเดือนเมษาน่าจะทันได้เห็นค่ะ

วิธีถ่ายรูปมาโครให้ได้อย่างใจคือถ่ายบ่อยๆค่ะ แล้วคอยสังเกตรูปตัวเองว่าน่าจะปรับตรงไหน รูปของคุณ Sleeping Prince สวยมากค่ะ ทั้งบทแรกและบทนี้ด้วย ... ถ้าอยากคุยละเอียดหลังไมค์หรืออีเมล์มาคุยกันได้ค่ะ SevenDaffodilsatRocketmail.com อย่างลืมเปลี่ยน at เป็น @ นะคะ
 
 

โดย: SevenDaffodils วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:9:29:33 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ คุณ Sleeping_prince

แวะมาทักทายและชวนไปเที่ยวเกาะเสม็ดกับสองเด็กดื้อครับ

 
 

โดย: NET-MANIA วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:16:18:22 น.  

 
 
 
โฮะ ๆ .. โผล่มาอีกฉองตอน..

ดอกไม้สวยค่า.................... รอดูซากุระเกาหลี..

 
 

โดย: poongie วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:20:39:27 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เขียนได้ดีจังเน๊าะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บ๊อกนะคะ
 
 

โดย: อุ้มสี วันที่: 10 เมษายน 2553 เวลา:7:33:02 น.  

 
 
 
มาอัญเชิญไปเจิม blog ...

 
 

โดย: poongie วันที่: 10 เมษายน 2553 เวลา:21:08:01 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Sleeping_prince
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




แม้รูปจะไม่สวย เรื่องจะไม่เด่น แต่ขอสงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อกนะครับ Instagram
New Comments
[Add Sleeping_prince's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com