วัดนี้..ติดค้างคุณ OxyMan เอาไว้..ค่ะ
เจ็บไข้ได้ป่วยเสียหลายวัน ก็ถือว่าเป็นเรื่องของสังขารที่ต้องมีเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นธรรมดา ปอป้าขอขอบคุณในทุกความห่วงใยและกำลังใจที่มีให้กันเสมอมา..นะคะ มีคุณป่วนเป็นคู่แฝด ก็เลยต้องเป็นแบบนี้แหละ..ค่ะ เดี๋ยวดี เดี๋ยวป่วย ว่ากันไปจนกว่าจะหมดลม.. กลับมาวันนี้ มาชำระหนี้ที่สัญญากับหลาย ๆ ท่านเอาไว้ ว่าจะกลับมาตอบคำถาม นำเรื่องที่มีประโยชน์มากระจาย ตอนนี้ขอเริ่มเรื่องวัดที่สัญญาไว้กับคุณ OxyMan ก่อน.. ไป..ค่ะ เราไปเยี่ยมชมวัดละมุดกันดีกว่า
วัดละมุด ตั้งอยู่ที่ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นวัดที่สร้างมาแต่โบราณ แต่สร้างมาแต่เมื่อไรนั้น ไม่มีผู้ใดทราบ อาศัยสังเกตดูวัตถุโบราณภายในบริเวณวัด เช่น พระอุโบสถที่ก่อสร้างไว้ กับพระพุทธปฏิมากรที่ประดิษฐานในพระอุโบสถ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นด้วยปูนขาว แล้วจึงลงรักปิดทอง มีลักษณะคล้ายกับอยุธยาตอนปลาย หรือรัตนโกสินทร์ตอนต้น ฉะนั้น วัดละมุดคงจะสร้างในสมัยนั้นนั่นเอง
คำว่า ละมุด เป็นชื่อของต้นไม้ที่มีผลรสหวาน เป็นต้นไม้ของเมืองไทย น่าจะสันนิษฐานว่า คงจะมีต้นละมุดใหญ่ขึ้นอยู่ที่นี่ หรือมิฉะนั้น บริเวณของวัดละมุดนี้ จะต้องเป็นสวนต้นละมุดเป็นแน่ทีเดียว เพราะบริเวณหมู่บ้านใกล้เคียงกับวัด ก็ยังมีชื่อเรียกว่าบ้านสวนถั่ว สวนส้ม ก็ยังปรากฏอยู่ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีต้นไม้ละมุดขึ้นอยู่สองต้นที่ด้านหลังพระอุโบสถ แต่ว่ามีอายุประมาณ ๕๐-๖๐ ปีเท่านั้น ซึ่งมิใช่ต้นเดิม อันเป็นสัญลักษณ์นามของวัดละมุด คงจะเรียกตามที่กล่าวมานี้กระมัง
ข้อความข้างต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือประวัติของวัดที่ปอป้าได้รับมาจากเจ้าอาวาส ซึ่งโดยส่วนใหญ่เขียนเล่าไว้กว้าง ๆ ถึงเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดนครปฐมและการเข้ามาของพระพุทธศาสนาเสียมากกว่าความเป็นมาของตัววัดละมุดเอง พร้อมทั้งมีบันทึกเรื่องราวน่าอัศจรรย์มากมายจากคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาของชาวบ้านในละแวกนั้น
พระอุโบสถเก่า มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว
ประวัติวัดละมุด ส่วนเพิ่มเติม เขียนโดย น. ณ ปากน้ำ กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
...ที่มีความสำคัญเกี่ยวกับวัดละมุดก็คือ สมัยเมื่อมีการสร้างวิหารของวัดละมุด ปี พ.ศ. ๒๔๕๙ (ใช้เวลาก่อสร้าง ๘ ปี) โดยการสร้างของหลวงพ่อทอง อินทุ สุวณฺโณ (ท่านย้ายจากวัดธรรมศาลา มาเป็นเจ้าอาวาสวัดละมุดใน พ.ศ. ๒๔๓๓) ท่านเห็นว่าพระศิลาขนาดใหญ่อันเป็นพระประธานอุโบสถวัดโบสถ์สร้างมานาน มีต้นไม้ปกคลุมทั้งภายในและภายนอกำ ไม่มีผู้รักษา จึงได้อาราธนาอัญเชิญชักลากมาประดิษฐานยังวิหารที่สร้างใหม่ รวมทั้งพระศิลาอื่น ๆ อีกหลายองค์
นับว่าเป็นพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีพระพุทธลักษณะงดงาม แปลกกว่าที่เคยพบ ณ ที่แห่งอื่น พระพุทธรูปประธานองค์นี้มีพระพักตร์งาม มน มีเค้าจะเป็นสี่เหลี่ยมเล็กน้อย ที่มีลักษณะสำคัญ คือเป็นพระทรงเครื่องมีชฎาเชิด มีตุ้มหู มีครองพระศอ ลวดลายอันปรากฏบนลายจำหลักศิลาทั้งสองตำแหน่งนั้น เป็นลายแบบเดียวตระกูลเดียวกับลายที่พบฝังใบเสมาสมัยอู่ท่องกับอโยธยาสุพรรณภูมิอย่างชัดเจน แสดงว่าเป็นศิลปะร่วมสมัยกับใบเสมา เมื่อได้พิจารณาจากใบเสมาหินทรายที่ทางวัดนำมาจากวัดโบสถ์ร้าง เป็นหลักฐานที่ยืนยันตามข้อมูลประวัติศาสตร์ศิลป์อย่างชัดแจ้ง ตามหลักฐานที่ท่านพระครูสุพจน์ สุทนฺโต ท่านเขียนไว้บอกว่า นอนจากพระประธานวัดโบสถ์จะมาเป็นพระประธานในพระวิหารวัดละมุดแล้ว ปรากฏว่าเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ยังได้อัญเชิญพระพุทธรูปศิลาองค์อื่นไปเป็นประธานในอุโบสถจนหมด เหตุนี้วัดโบสถ์จึงไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว...
พระอุโบสถหลังใหม่ และศิลป์ปูนปั้นที่งดงาม
แอบซ่อนอารมณ์ขันของผู้รังสรรค์งานไว้นิด ๆ หน่อย ๆ
ภาพนี้ดูดี ๆ จะเห็นยักษ์ตนหนึ่งแอบสูบกัญชาจากบ้อง ส่วนลิงก็ยิงหนังสะติ๊กด้วย
วันที่ปอป้าและเพื่อนเลิฟ เดินทางไปเยี่ยมชมนั้น พบว่ากำลังมีการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์หลังเก่าที่เอียงทรุดโทรมมาก บรรยากาศโดยทั่วไปภายในวัด เงียบ สงบ ร่มรื่น กวาดตามองไปรอบ ๆ เห็นแต่ความสะอาดสะอ้าน แสดงถึงการดูแลรักษาเป็นอย่างดี พวกเราเข้าไปสนทนาสอบถามคนงาน ๒ คนที่กำลังโบกปูนซ่อมพระอุโบสถหลังเก่าอยู่ ได้รับคำบอกเล่าว่า เป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ รับงานช่วยวัดบูรณะ พระอุโบสถหลังเก่านี้มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว ส่วนพระอุโบสถหลังใหม่ที่อยู่ใกล้กันแค่รั้วกั้นนั้น ก่อสร้างเสร็จแล้ว กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตกแต่งงานศิลป์ ตอนนี้มีช่างศิลป์ทำงานอยู่ ๒ คน ว่าแล้วพวกเราก็เดินเก็บภาพทั้งพระอุโบสถหลังเก่าและหลังใหม่ ยังได้พบปะนั่งคุยกับช่างศิลป์ที่น่ารักทั้ง ๒ ท่านด้วย น้องเขาบอกว่า เจ้าอาวาสวัดนี้เป็นพระที่ดีมีวินัย และมีวิสัยทัศน์กว้างมาก งานพุทธศิลป์ของวัดทั้งหมดก็ได้ท่านช่วยกันออกแบบคิดด้วย
จากนั้นพวกเราเดินต่อไปยังวิหารที่ประตูเปิดแง้มอยู่ ค่อย ๆ ย่องเข้าไปดู เห็นพระสงฆ์องค์หนึ่งกำลังเปิดหน้าต่างวิหารและทำความสะอาด จากการสอบถามท่านบอกว่าอีกสักครู่ พระสงฆ์จะลงโบสถ์ทำวัตรเย็น พร้อมทั้งแนะนำให้เราไปหาเจ้าอาวาสที่มีกุฏิอยู่ใต้ถุนศาลาเอนกประสงค์ เพื่อสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ที่เราต้องการทราบ
บานหน้าต่างพระอุโบสถหลังใหม่ ฝีมือการแกะสลักของพระสงฆ์รูปหนึ่ง
จากการพูดคุยกับท่านเจ้าอาวาส ได้ความว่า วัดนี้มีอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว กรมศิลปากรจะมาขึ้นทะเบียนพระอุโบสถเก่า แต่ชาวบ้านและทางวัดไม่เห็นด้วย เนื่องจากถ้าขึ้นทะเบียนแล้ว การบูรณะซ่อมแซมจะต้องขออนุญาตกรมศิลป์ฯ ซึ่งมีขั้นตอนยุ่งยากและเสียเวลามาก อีกทั้งเงินงบประมาณก็ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ และจำนวนก็เพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอต่อการบูรณะอยู่แล้ว เรื่องปัจจัยนั้น ทางวัดและชาวบ้านสามารถหามาซ่อมกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องพี่งกรมศิลป์ฯ ฟัง ๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าวัดละมุดนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชาวบ้านเป็นอย่างมาก สำหรับพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างมาได้ประมาณ ๒ ปีกว่าแล้ว ด้วยปัจจัยอันมาจากความศรัทธาของชาวบ้านละแวกนี้เป็นหลัก ค่อย ๆ สร้าง ค่อย ๆ ทำไปตามงบประมาณที่มีแต่ละงวด ช่างศิลป์ทั้งสองคนก็เป็นเด็กที่เรียนจบมาจากเพาะช่าง มีใจรักงานพุทธศิลป์เป็นอย่างมาก แรก ๆ เข้ามารับงานวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังวิหาร กินอยู่ที่วัดเป็นปี ๆ เงินทองก็แทบจะไม่เอา สุดท้ายได้ภรรยาเป็นคนพื้นที่นี้ไปเสียเลย เมื่อเสร็จจากงานวาดจิตรกรรมฝาผนังแล้ว เขาก็อาสาทำงานปูนปั้นให้กับพระอุโบสถหลังใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดว่าจะเสร็จเมื่อใด แต่เด็กทั้งสองเป็นคนดีมาก ให้เงินเท่าไรก็เอาเท่านั้น ตอนนี้วัดให้ค่าแรงน้องเขาเพียงคนละ ๔๐๐ บาทต่อวัน พวกเราฟังแล้วสะดุ้ง..ว่า..ทำไมค่าแรงน้องถูกจัง ท่านเจ้าอาวาสบอกว่า น้องทั้งสองว่า เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน แค่มีกินมีใช้ก็พอแล้ว ขอให้เขาได้ทำงานที่เขารัก และฝากฝีมือไว้เป็นอนุสรณ์แก่ลูกหลานก็พอ ฝากฝืมือแต่ไม่มีการฝากชื่อผู้รังสรรค์งานไว้สักแห่งเลย ว่าแล้วพวกเราก็ลงขันกันถวายเงินสนับสนุนงานของวัดตามกำลังทรัพย์ของหมู่เฮา....เอ้า...
ซ้าธุกันหน่อยจ้าโยม...จ๋า
โฉมหน้าของหนึ่งในผู้รังสรรค์งานศิลป์อันทรงคุณค่า และอุปกรณ์การทำงาน
วิหารที่พระสงฆ์ใช้ทำพิธีสังฆกรรมต่าง ๆ
ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ตามที่ น ณ.ปากน้ำ เขียนเล่าไว้
ลวดลายจิตรกรรมฝาผนัง เป็นฝีมือของช่างศิลป์ทั้งสองเช่นกัน
หมู่เฮา ไปนั่งดูน้องเขาทำงานกันอย่างเพลิดเพลิน เผลอแป๊บเดียวหมดไปเป็นชั่วโมง เห็นน้องเขาทำงานแล้ว ต้องขอปรบมือให้ดัง ๆ ใจเย็นจริง ๆ ..ค่ะ แค่ลวดลายที่เขากำลังทำอยู่นั้น เขานั่งทำมาก่อนที่พวกเราจะเข้าไปดู จนพวกเราลากลับ ยังไม่เสร็จเลย..ค่ะ ดูหน้าตาน้องเขาก็แล้วกันว่า หน้าตาใจดีใจเย็นขนาดไหน
สุดท้าย ปอป้าและเพื่อนเลิฟก็มีสัญญาใจต่อกันว่า จะคอยแวะเวียนมาดูว่าน้องทั้งสองทำงานไปถึงไหนแล้วบ้าง นอกจากนี้ ก็ตั้งใจว่ามาคราวใด จะนำปัจจัยและสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นมามอบให้กับวัดและน้องทั้งสองด้วย เพราะรู้สึกประทับใจในความมีน้ำใจและความตั้งใจดีที่น้องเขามีให้แก่วัด ประกอบกับเจ้าอาวาสก็ดูเป็นภิกษุที่มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี แล้วปอป้าจะนำความเคลื่อนไหวงานพุทธศิลป์ของวัดละมุดมารายงานให้เพื่อน ๆ ได้ทราบในโอกาสต่อไป..นะคะ
เพลง มอญอ้อยอิ่ง
ผู้สงบระงับ ย่อมอยู่เป็นสุข
มีความสุขกับการทำใจให้สงบได้ในทุกสภาวะ ตลอดไป...นะคะ