กระบี่กล้า จันทราเรือง ชางเยวี่ย
ความอ่อนเยาว์ของชีวิตได้ถูกพรากไปและมันถูกแทนที่ด้วยชะตากรรมอันโหดเหี้ยม เกาซูเยี่ยผู้เคยเป็นเด็กหนุ่มที่ดีพร้อมกลับถูกบ่มเพาะให้เป็นอีกบุรุษ เลือดเย็น โหดเหี้ยม ไร้ซึ่งความปรานีและเก็บความแค้นไว้ในใจรอวันสะสาง สิบปีที่เขารอคอยอย่างอดทนเพื่อวันนี้เดินทางมาถึงวาระที่เกาซูเยี่ยจะลงมือกับคนที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บางร่างกายและจิตใจของเขาอย่างแสนสาหัส
ทว่าสิ่งที่เกาซูเยี่ยจารจำในดวงจิตอาจมีเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่อาจละทิ้งมัน เมื่อเธอคนที่เกาซูเยี่ยทั้งรักและชิงชังในคราเดียวกันไม่หลงเหลือรอยอาลัยไว้ให้เขาเลยแม้แต่น้อย แต่เวลาที่เตรียมการเพื่อวันนี้มันก็ควรเป็นไปอย่างที่เกาซูเยี่ยต้องการไม่มีอะไรที่เขาจะหวนอาลัยกับมันไม่เว้นแม้แต่ความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ที่เขาได้ครอบครอง เมื่อปณิธานเดียวที่เกาซูเยี่ยรอคอยคือการได้ครอบครองหญิงที่เป็นทั้งศัตรูและคนรัก
บ้านเมืองปั่นป่วน ยุทธจักรสั่นคลอนและชีวิตอยู่บนทางแยกที่ต้องเลือก หนึ่งคือเพื่อนรักที่กอดคอร่วมเป็นร่วมตายหากอีกหนึ่งคือสตรีที่เขาหมายได้กายมาครอบครอง เกาซูเยี่ยจำเป็นต้องเลือกมันไม่มีหนทางให้เขาได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน เมื่อใดกันเล่าสิ่งที่เกาซูเยี่ยปรารถนาจะได้มาเสียทีเขาไม่เคยหวังจะครอบครองความยิ่งใหญ่ใดๆ เลย แต่มีเพียงแค่หญิงเดียวหากมันกลับสูงเกินมือสอย ซ้ำเมื่ออยู่เพียงใกล้ตาไม่อาจคว้ามาเคียงใจความอดทนคงเป็นสิ่งเดียวที่เกาซูเยี่ยต้องแบกรับมันไว้ และเมื่อถึงเวลาวาสนาที่กลั่นแกล้งเขามาตลอดจะได้มอบเธอคืนมาเสียที
สำหรับนิยายเรื่องนี้ พูดกันเลยว่า แค่ปกก็คุ้มแล้วค่ะ สำหรับคนที่อ่านงานจีนกันมา ตัวเนื้อเรื่องก็เป็นสิ่งที่ชวนให้ติดตามประการหนึ่งแล้ว แต่อีกสิ่งที่สำคัญก็คือปกค่ะ เล่มนี้เป็นผลงานของ ENO เสียด้วย เป็นหนึ่งในนักวาดปกที่มีคนชื่นชอบไม่น้อยเลยค่ะ ฟีน่าเองเห็นปกเล่มนี้ก็บอกตัวเองแล้วว่า เรื่องเป็นไงไม่รู้นะ แต่ต้องสอยเพราะปก เพราะถือว่าเป็นของสะสมประเภทหนึ่งเลยก็ได้นะคะ
แล้วส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไร ฟีน่าเป็นคนอ่านประเภทไม่ค่อยได้ตามข่าวสารนิยายเท่าไร ออกอะไรมาก็อ่าน อ่านตัวอย่างคร่าวๆ ไปนิดหน่อย ก็เห็นว่าเป็นแนวจอมยุทธ์กันอยู่ แต่ไม่ได้คิดอะไรมากเนื่องจากนิยายจีนต้องเป็นทำนองนี้อยู่นั่นเองค่ะ แต่พออ่านได้จริงๆ สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นแฟนนิยายจีนแนวกำลังภายในเต็มขั้นมาก่อนแบบฟีน่า เกิดอาการขอเวลาปรับตัวเล็กน้อยกันเลยทีเดียวนะคะ
เนื้อเรื่องหลักจะเป็นการพูดถึงการโค่นล้มลัทธิหนึ่งที่พระเอกทำการปราบปรามอย่างเด็ดขาด ไร้ความปรานี เนื่องจากมีเรื่องส่วนตัวระหว่างกันอยู่ ภาพของพระเอกที่เราได้เห็นจะเป็นผู้ชายใจคอโหดเหี้ยมเป็นที่สุด และมีปมในใจค่อนข้างเยอะ ซึ่งทั้งหมดก็มาจากลัทธินี้เป็นหลักอีก แต่ลึกลงไป มันก็มีเหตุผลเพิ่มเติมก็คือ พระเอกรอคอยอะไรบ้างอย่าง ก็คือคนที่เขารักและเกลียดที่สุด ความแค้นที่เธอกับเขาเมื่อสิบปีก่อนมันฝังในใจแต่เหมือนไร้ประโยชน์เมื่ออีกฝ่ายกลับทำบางอย่างเพื่อลืมมันให้หมดสิ้น แต่เขาก็ไม่สิ้นหวังจะทวงทุกอย่างคืนจากผู้หญิงคนเดียวที่รัก แต่มันก็ไม่ง่ายเลย อุปสรรคมากมายมันทำให้เขาเจอเดิมพันที่ใหญ่กว่าและอันตรายกว่าที่เคยพบเจอ
คำเตือนก่อนอ่านรีวิวนี้นะคะ มันอาจมีข้อความสปอยส์ค่อนข้างมากเนื่องจากว่ามันมีหลายฉากจะต้องเล่า ใครที่ไม่อยากอ่านสปอยส์เรื่อง เพื่อความลุ้นในการอ่านจริง กรุณาอ่านแบบระมัดระวังนะคะ เพราะถ้าสปอยส์แล้ว บางจุดของเรื่องจะทำให้ไม่ลุ้นไปเลยทันทีค่ะ
จบการเตือนเรื่องสปอยส์ไปแล้ว มาต่อกันด้วยคำถามที่ฟีน่าเคยถามในเพจตัวเองแล้วว่า คุณคาดหวังอะไรกับมากกว่ารัก ต้องการแนวรักมากน้อยแค่ไหน ถ้าคุณต้องการนิยายแนวน่ารัก อ่านง่ายหน่อย หรือมีปมประเด็นบ้าง แต่ไม่ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด ร่างกายขาดน้ำตาลในกระแสเลือดจนต้องหามาเติมใจนะคะ พูดกันเลยว่าเล่มนี้ไม่ตอบโจทย์มากกว่ารัก แต่ถ้าคนอ่านเบื่อแนวรักเลี่ยนๆ อยากอ่านแนวกำลังภายในแบบสุดขั้ว มิตรภาพระหว่างเพื่อน การชิงอำนาจสำคัญกว่าประเด็นความรัก อยากได้ความสุดขีดในจินตนาการแบบการโลดโผนในยุทธจักร เล่มนี้ตรงประเด็นที่คุณตามหานะคะ
แค่แรกเริ่มเดิมที พระเอกผู้มีปมในใจ จะเผยให้เห็นความดาร์คไซต์ในตัวเขาแบบสุดขีด เมื่อเขามีแค้นฝังแน่นเป็นรอยแผลเป็น เขาคงไม่ใช่ชายแสนอ่อนโยนใจดี แต่มีความโหดเหี้ยมให้เห็นตลอดเวลา หากเมื่ออ่านไป เราจะไม่รู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารังเกียจ จะกลายเป็นคนที่น่าสงสารแทน ยิ่งได้รู้ว่าเหตุผลอะไรที่เขาจะเกลียดลัทธิที่เขากำลังจ้องกวาดล้างอยู่ ก็ยิ่งเข้าใจพระเอกมากกว่าเดิม ในความร้ายที่ฉาบไว้บนผิวภายนอกของพระเอก กลับซ่อนอะไรไว้มากมาย โดยเฉพาะความดีที่ยังไม่ได้ลบเลือนไปจากตัวเขาเลย อะไรที่ผลักดันให้เขายอมโดนคนตราหน้าที่กล้าแม้แต่จะทำลายคนในครอบครัวตัวเองแบบนั้น ทุกอย่างมันมีเหตุผลสำหรับมัน
คนเขียนสามารถบอกเล่าถึงความขมขื่นในชีวิตพระเอกได้เรียกว่าดีนะคะ และบอกได้เลยว่าในช่วงการเล่าย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ดำมืดที่สุดในชีวิตพระเอก ก็เป็นแค่ช่วงเดียวที่เราจะรู้และเข้าใจว่าพระเอกกับนางเอกเขาไปรักกันได้ยังไงและตอนไหนนะคะ เนื่องจากนิยายเล่มนี้ไม่ได้ต้องการขายความรักที่หวานชื่นรื่นอารมณ์เลย ถ้าไม่พูดถึงสาเหตุแห่งการถูกทรยศ คุณอาจจะไม่รู้ถึงปมพวกนี้เลยสักนิดเดียว
แต่ไม่รู้ว่าคนที่อ่านไปแล้วแบบฟีน่าจะรู้สึกเหมือนกันไหมว่า บางช่วงบางฉากของเล่มนี้ พระเอกกลับมีบางช่วงถูกเพื่อนรักของเขาอย่างโม่เซียงมาแย่งความสนใจและความเด่นไปเลย ตอนที่แค่กล่าวถึงจะไม่เท่าไร แต่เมื่อโม่เซียงบุรุษชุดดำ(ที่อยู่บนปกคู่กับพระเอก ที่เป็นบุรุษชุดขาว) เข้าฉากมาในตอนท้ายภาคหนึ่ง เปลวทรายพรายแสง เขามีบุคลิกขัดแย้งกันที่ชวนคิดว่า เขาเป็นคนเลวหรือคนดีกันแน่ จะช่วยพระเอกจริงๆ ไหม หรือมาพร้อมสิ่งใด แม้ว่าเกาซูเยี่ย จะกลับมามีบทบาทต่ออีกนิดได้ แต่พอเข้าภาคสองอย่าง ร่ายนครจักรพรรดิ ถ้าปล่อยให้เป็นการไปตามดั้นด้นตามหานางเอกมาอยู่กับเกาซูเยี่ย ก็คงจะลบล้างความเด่นของโม่เซียงไปบ้าง และพอมีอะไรให้หวานชื่น ซึ่งมันไม่ใช่เลย
เมื่อเข้าสู่ภาคสองเต็มตัวบทบาทของนางเอก เริ่มคืนมาบ้าง แต่ก็เหมือนพระเอก ที่ถูกแย่งบทเด่นไปอีก คราวนี้จากปุโรหิตของเผ่าเหมียวเจียง ซึ่งปูมหลังของเขาเด่นมาก น่าติดตามสุดๆ จนแอบคิดเลยว่า ต้องมีอะไรแน่เชียวถึงได้วางให้เขามีความน่าสนใจขนาดนั้น แล้วก็จริงนะคะ เด่นไม่แพ้ใครเลย และกลายว่าพระเอก นางเอก ถูกสร้างมาเพื่อส่งเสริมตัวละครอื่นหรือเปล่า เมื่อร่ายนครจักรพรรดิ ไปเน้นบทบาทและสุดยอดปรารถนาของโม่เซียงแทนจนหมด แต่ถึงขนาดโม่เซียงอาจจะไม่ปรากฏตัวเพราะความจำเป็นบางอย่าง แต่คนสนิทของเขาอย่าง จ่างซุนซือหย่วนดันมาเด่นในช่วงปลาย และความรักของเขากับคนที่รักไม่ได้ ดันน่าจะเป็นรักบนโศกนาฏกรรมที่น่าสนใจเสียกว่าอีกนะคะ เพราะความรักของพระเอก นางเอกแทบจะไม่มีการกล่าวถึงอีกต่อไป เพราะชื่อตอนบอกแล้วว่า มันกลายเป็นสงครามการชิงบัลลังก์แทน พระเอกเหมือนถูกลดบทบาทเป็นตัวรองกันเลยทีเดียว ส่งเสริมโม่เซียงสุดๆ ยิ่งทุกอย่างคลี่คลาย ก็ไม่แน่ใจว่าใครกันคือพระเอกตัวจริง อาจจะเพราะความที่เรื่องไม่ได้เน้นนิยายรักด้วยหรือเปล่า ประเด็นมิตรภาพของสหาย ความซื่อสัตย์ต่อนาย และเรื่องอื่นๆ จึงถูกเลือกขึ้นมาเป็นการดำเนินเรื่องหลัก ส่วนรักและพลัดพรากของพระเอก ก็เป็นจุดเล็กๆ ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่แทน เสมือนว่าไว้เป็นของตอบแทนความอดทนที่ต้องฉิวเฉียดของทั้งสองนานเป็นสิบๆ ปีแทน
สำนวนในแง่ของสำนวนแนวจอมยุทธ์ ฟีน่าไม่ได้คร่ำหวอดในทางนี้มากนัก แต่ก็พูดได้ว่าเล่มนี้เล่าเรื่องในทางนี้มาได้สนุกน่าอ่านต่อ เคล็ดวิชาสารพัดขนออกมาใช้งาน ลึกลับซับซ้อนกันดีเหลือใจ แต่ส่วนที่อาจจะรู้สึกว่าจะว่าขำหรือว่าอะไรดีก็คือ วิชาแนวซอมบี้นี้ละคะ ไม่คิดเลยว่านิยายจีนจะมามุกผีชีวะหรือ walking dead เล่นกับเขาด้วย แต่คนเขียนช่างสรรหาความคิดในการวางแผนจัดการศัตรูจริงๆ เราก็ไม่คิดว่ามันจะมีอะไรที่ประหลาดจนสามารถปลุกคนตายให้กลายมาเป็นกองทัพผีเดินได้ แถมภาคสอง เต็มไปด้วยอิทธิฤทธิ์กันสุดๆ ราวกับจอมขมังเวทย์เลยทีเดียว ไม่มีอะไรที่เผ่าเหมียวเจียงทำไม่ได้ ราชาแห่งพิษทำได้ สะกดจิตคนก็ทำได้ ปลุกผีก็ทำได้ สุดยอดของการต่อสู้กันเลยทีเดียว
ในส่วนของลัทธิจรัส ลัทธิมารของเล่มนี้ อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าพวกลัทธิหลอกลวงคน ชักจูงคนใช้ความศรัทธาผสมกับการกล่อมประสาทมีมาทุกยุคทุกสมัยเลยทีเดียว จริงๆมันก็ไม่ต่างกับบรรดาลูกน้องที่โม่เซียงเลี้ยงไว้ ศรัทธาและความภักดีสูงส่งจนยอมตายแทนกันได้ ราวกับเป็นพวกมือระเบิดฆ่าตัวตายกันเลย ทั้งๆที่รู้ว่าต้องไปตายก็สงบนิ่งแบบไม่สะทกสะท้านอะไร
พูดถึงประเด็นของโม่เซียงเล็กน้อย ที่มันจะสปอยส์เต็มขั้นนะคะ ออกแนวยังไม่เก็ทสักเล็กน้อยว่าทำไมโม่เซียงถึงต้องทุ่มเทตัวเองถึงเพียงนั้น การที่อยากไปถึงจุดสูงสุดของคนเหนือคนแบบนั้น มันมีทางออกอีกตั้งเยอะ แต่สิ่งที่โม่เซียงทำอ่านแล้วก็รู้สึกแปลกที่ว่าชีวิตตัวเองที่จ่ายไป แม้ได้ทุกอย่างกลับมาอย่างที่ต้องการ แต่เขาไม่เหมือนเดิม เป็นคนที่เหมือนคนตายไปครึ่งตัวแล้ว มันจะช่วยอะไรได้ หรือจะไปหวังให้ลูกน้องเป็นมือเป็นเท้าให้หรือ มันจะไปยั่งยืนเท่ากับตัวเองจัดการเองได้หรือ สภาพแบบนั้นก็ไม่ต่างจากแค่หุ่นตัวหนึ่งที่ต้องให้คนอื่นดูแล ก็ได้แต่หวังว่าเล่มต่อไป ตัวโม่เซียงน่าจะพลิกให้ตัวเองกลับมาสู่สภาพเดิมได้สักครึ่งหนึ่งก็ยังดี
ดังนั้นเรื่องกระบี่กล้า จันทราเรืองในความคิดของฟีน่า ถ้าคุณไม่คิดจะอ่านเอานิยายแนวรักหวานๆ ตามหัวมากกว่ารัก ก็เรียกได้ว่าอ่านได้นะคะ มันมีความสนุกในแบบที่เป็นนิยายแนวกำลังภายในเป็น ที่อาจจะมีพวกคาถาเวทย์มนตร์มาเกี่ยวพันกันมากสักนิด ความรัก ไม่เน้นรักระหว่างชายหญิง ถ้ามีประเด็นของพระเอก นางเอกน้อยมาก แถมตอนท้ายคู่รักที่ไม่สมหวังกลับแย่งซีนเสียอีก เพราะน่าสนใจกว่า พระเอกกับนางเอก แต่พอมาลงเอยกัน ก็ไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก คงลุ้นจนขี้เกียจจะลุ้นแล้วค่ะ แคล้วคลาดตลอด รักแบบมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเพื่อนอย่างพระเอกกับโม่เซียงยังรู้สึกว่าเห็นชัดกว่าเสียอีก เมื่อต้องเลือก สหายสำคัญกว่าคนรัก ฟีน่าจะชอบมากหน่อยก็คือภาพตุนหวง (เมืองของพระเอก)ที่เล่าในเรื่อง เนื่องจากฟีน่าอยากไปตุนหวงมาก เวลาพูดถึงเมืองนี้จะรู้สึกสนใจมากๆ ในหัวจะมีภาพความยิ่งใหญ่ในอดีตของเมืองนี้ผ่านนิยายเล่มนี้ ปกที่สวยถูกใจ สองสิ่งนี้กลายเป็นจุดที่ทำให้ชอบเล่มนี้นะคะ จริงๆ นิยายเขาก็พยายามจะหาอะไรแปลกใหม่มาให้คนอ่านได้ลองอ่านกัน เพียงแต่เผอิญว่านิยายมันมาอยู่ในหัวมากกว่ารัก ซึ่งสาวๆ ที่เป็นแฟนนิยายหลายคนคิดว่ามันจะเป็นแนวกำลังภายในแต่ยังคงมีความโรแมนติคอยู่ในสัดส่วนครึ่งต่อครึ่งนะคะ แต่สัดส่วนของมันตรงกันข้าม เหลือเพียงหนี่งในสิบของเรื่องด้วยซ้ำไป ก็ไม่แปลกใจที่คนอ่านบางคนอาจจะไม่แนว ก็ไม่แปลกประหลาดหรือผิดตรงไหนนะคะ ไม่ใช่การไปบอกว่าทำไมเราไม่ให้โอกาสนิยายแนวใหม่ ไม่งั้นก็จะมีแต่แนวรักเลี่ยนๆ ก็เพราะหัวของนิยายมันพะยี่ห้อไว้ว่ามากกว่ารักไงคะ อาจจะต้องแยกหัวให้ชัดเจนว่านี้คือแนวกำลังภายในไปเลยให้ขาดจากกัน เรื่องนี้อาจไปตอบโจทย์นักอ่านผู้ชายหรือสาวที่เบื่อหน่ายนิยายรักหวานๆก็ได้ค่ะ
แต่จะยังไงก็ตามที หรือคนอ่านคิดเห็นเช่นไร สิ่งที่บอกได้ก็คือ บุรุษหนึ่งสละได้เพื่อรัก หากอีกบุรุษสละได้เพื่อความยิ่งใหญ่เหนือผู้คนทั้งแผ่นดิน แต่ไม่ว่าจะปรารถนาสิ่งใด ไม่มีใครได้ทุกอย่างมาโดยไม่ต้องแลกอะไรไป แต่มันคุ้มค่าไหมกับสิ่งที่รอคอย เจ็บปวดเนิ่นนานกับความสุขเพียงชั่วพริบตา และเมื่อเรื่องนี้ไม่ได้จบเพียงแค่กระบี่กล้า จันทราเรือง เราอ่านไปแล้วหนึ่งเล่มก็คงต้องอ่านต่อไป แม้ข่าวสารที่ได้ยินมาก็คือเล่มนี้คือเล่มที่เบาสุดในชุด ฟีน่าก็ยังนึกสภาพไม่ออกเลย ขนาดเบาสุดยังเป็นเช่นนี้ แล้วเล่มที่หนักสุดจะเป็นยังไงดี คงต้องรอคอยการพิสูจน์ด้วยตัวเองนะคะ