ป้อมอัครา Agra Fort กับคุณไกด์แสนดี
**ตอนแรกว่าจะอัพวันพรุ่งนี้ค่ะ แต่ตอนนี้เคลียร์งานได้แล้วก็เลยมานั่งหน้าคอมพ์ได้**
หลังจากที่อารมณ์เสียนิดๆมาจากทัชมาฮาล แล้วก็กู้อารมณ์กลับมาได้ ราชก็เลยพาเราออกมาจากทัชมาฮาล
ระหว่างนั้นเราขับรถกลับไปในย่านโรงแรมที่พักอีก ราชไปรับผู้ชายคนหนึ่งค่ะ รูปร่างอวบๆแต่งตัวดี หน้าตายิ้มแย้ม และเมื่อข้าเข้ามานั่งในรถ เขาก็หันมายิ้มพร้อมกับแนะนำตัวว่า
"ผมอาเหม็ดครับ เป็นไกด์ของพวกคุณ"
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"เราสองคนยิ้มให้เขากลับไป
พลางนึกในใจว่า แล้วทำไมตาราชมันไม่มารับอาเหม็ดเสียตั้งแต่ก่อนไปทัชมาฮาลนะ ทำให้เราเสียเงินให้ไกด์ผีไปตั้งหลายดอลล์
ราชขับรถได้ครู่หนึ่งเราก็มาถึงป้อมอัคราค่ะ ที่เห็นหน่มชุดขาวใส่แว่นนั่นแหล่ะอาเหม็ด ส่วนสาวในรูปก็คือพี่เตี้ย
"หางตั๋วทัชมาฮาลหล่ะครับ"อาเหม็ดถามเรา
"ไม่ได้เก็บเอาไว้อ่ะ"พี่เตี้ยตอบไปอย่างนั้นทั้งที่จริงๆน่ะคือเจ้ามาโนชมันโกงต่างหาก
"เสียดายนะครับไม่อย่างนั้นจะลดราคาค่าเข้าชมได้ตั้ง50รูปี "
"ไม่เป็นไรเราจ่ายเต็ม300รูปีก็ได้"ณ มนบอกพร้อมกับควักเงินกองกลาง เพราะพี่เตี้ยแกมอบหน้าที่การถือเงินให้ณ มน ค่ะ
แกแปลกมากทำงานบัญชีแต่ให้มาหักลบคุณหารกับการใช้เงินในชีวิตจริงแกจะงงค่ะ บอกว่าคุ้นกับเครื่องคิดเลข
อาเหม็ดรับเงินมาจากเราแล้วก็พาเราสองคนเดินเข้าไปในป้อม
ทางขึ้นป้อมเป็นเนินพอให้ออกแรงเล็กน้อย มองจากด้านนอกแล้ว รั้วรอบกำแพงของอัครา ฟอร์ทดูแข็งแกร่งมาก ป้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม อยู่ตรงบริเวณโค้งของแม่น้ำยมุนา มีกำแพงสองชั้น ระหว่างกำแพงมีคูน้ำคั่นกลางด้วย
"เมื่อก่อนคลองนี้จะเลี้ยงจรเข้เอาไว้ กันพวกบุกรุก"อาเหม็ดบอก
"อ๋อ งี้นี่เอง"
ว่าแล้วคุณไกด์ก็พาเราเที่ยวชมที่ต่างๆในว้งพร้อมกับบอกเล่าถึงความเป้นมา
"อัคราฟอร์ทนี่มีหมาราชาอยู่ถึง3พระองค์คือ พระเจ้าอักบาร์ พระเจ้าจาหันกีร์ และพระเจ้าชาห์จาฮาน"
"นับรวมแล้วก็เป็นวังหลวงมาถึง3สมัย"
"วังเลยมีการตกแต่ง3แบบ"อาเหม็ดอธิบายในขณะที่เดินไปเรื่อยๆ
พระเจ้าอักบาร์คือผุ้ซึ่งเปิดกว้างกับทุกศานสนาวังของท่านจึงมีการตกแต่งด้วยศิลปะหลายแบบทั้งแบบพุทธ คือมีดอกบัวด้วย มีแบบฮินดูด้วย
"ในส่วนของพระเจ้าจาหันกีร์ผุ้เป็นบุตร จะออกไปทางแนวเปอร์เซีย เพราะชายาคือนูห์จาฮาน มีเชื้อเปอร์เซียและแกก็ออกจะรักเมยมากเลยตามใจเมีย"อาเหม็ดว่างั้น
"น่าจะดีนะพระราชาองค์นี้เคาระพเมียดี"ณ มนบอกพี่เตี้ยเป็นภาษาไทย
"ส่วนของตำหนักจะมีม่านปักลายเปอร์เซียสวยงามมาก"อาเหม็ดพาเราเดินมาในส่วนตำหนักของจาหันกีร์
"มีพัดลมแรงมือด้วยนะครับ"ไกด์บอก
"แล้วพัดยังไง"พี่เตี้ยถาม
"เขาจะมีห่วงแขวนไว้แล้วก็มีใช้เชือกขึงพัดขนาดใหญ่ให้นางสนมคอยดึงพัดลมนั้น"อาเหม็ดช้ให้ดูห่วงเล็กๆสองห่วงที่เพดาน
"พระราชาเย็นแต่คนรับใช้คงร้อนแย่" ณ มนมองตาม
จากนั้นอาเหม็ดก็พาเดินมาที่ตำหนักของพระเจ้าชาห์จาฮานผุ้สร้างตำนานรักบันลือโลก
"ท่านมีรสนิยมดี ตำหนักของท่านเลยสร้างจากหินอ่อนทั้งหลัง"อาเหม็ดกล่าวดว้ยความชื่นชม
"ก็เพราะรสนิยมดีน่ะหล่ะน้า เงินเลยเกือบหมดคลัง"ณ มนแอบนิสัยไม่ดีนินทาท่าน
"แล้วไหนหล่ะตำหนักที่ท่านถูกลูกชายจับมาขัง"พี่เตี้ยถาม
"นี่ไงครับ เรียกกันว่าตำหนักดอกมะลิ jasmin palace"
พวกเรามองตาม เป็นวังที่สวยงามมาก สร้างจากหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์
ออรังเซบจับพระบิดามาขังไว้ที่นี่ พระองค์จึงทรงมองทัชมาฮาลจากวังนี้นานถึง8ปีเต็มก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงในอ้อมกอดของพระธิดาองค์โต
ระหว่างนั้นทรงทอดพระเนตรทัชมาฮาลทุกวัน
น่าเศร้าจริงๆ
"ตำหนักนี้สร้างได้สวยมากนะครับ ดูแผ่นหินอ่อนกลางตำหนักสิครับ"
อาเหม็ดชี้ให้เราดูแผ่นหินอ่อนขนาดใหญ่กลางตำหนัก
"นั่นคือหินอ่อนแผ่นเดียวแต่แกะสลักเป็นลวดายดอกไม้ถึง8ชั้น"
"ตรงกลางมีท่อที่จะส่งให้น้ำพุ่งขึ้นมาเป็นน้ำพุเพื่อดับความร้อนในฤดูร้อนด้วยครับ"
อาเหม็ดชี้ให้เราดูตาม เห็นแล้วอดทึ่งไม่ได้ แต่ไม่สามารถเข้าไปดูใกล้ๆเพราะถูกรั้วกั้นเอาไว้
"ให้ความรู้สึกเหมือนถูกกักขังจริงๆ"เราสองคนมองหน้ากัน
พูดถึงพระเจ้าชาห์จาฮานแล้วท่านเป็นมุสลิมที่เคร่งครัดมากแต่ก็ไม่กีดกันศาสนาอื่น
"ทุกเช้าท่านจะตื่นตั้งแต่ตีห้ามาละหมาด จากนั้นจะเสด็จออกให้ประชาชนได้เข้าเฝ้า และละหมาดครบทั้งห้าเวลา"
จากตำหนักดอกมะลิเราเดินมาถึงลานกว้างกลางวัง
"เอาไว้ทำอะไรหรือตรงนี้"ณ มนถามเพราะเป็นลานกว้างจริงๆ
"เป็นที่สำราญของพระราชาตรงนี้เคยมีการจำลองบ่อตกปลาให้พระมเหสีได้ทรงตกปลาด้วย ส่วนสวนตรงกลางลานนั่น เคยรับสั่งให้นำองุ่นพันธุ์ดีจากทางเหนือมาปลูก"คุณไกด์ใจดีอธิบาย
"คงสำราญกันน่าดูนะ"เราถาม
"ครับ สำราญมาก ส่วนตรงนั้นเป็นที่พักของสนมนางใน"อาเหม็ดชี้ให้ดู
"เออแล้วมหาราชานี่เขามีสนมกันเยอะไหม"ณ มนถามอาเหม็ด คุณไกด์ยิ้มก่อนจะตอบ
"ก็ไม่มากไม่น้อยครับ แค่1ปีจัดคิวมาปรนนิบัติไม่ซ้ำหน้าเท่านั้นเอง"
"หา งั้นเลยเหรอ" ณ มนกับพี่เตี้ยตาค้างเลย
มิน่าเล่าถึงสำราญกันปานนี้ก็เล่นมีสนมไม่ซ้ำหน้าเป็นใครก็สำราญกันสุดๆแหล่ะ
จากส่วนของตำหนักในที่เรียกกันว่า ดิวาน อิ คาส Diwan i kas เราเดินมาถึงที่ทำงานของเสนา อำมาตย์ และห้องออกว่าราชการของมหาราชา ด้านข้างที่ว่าราชการมีห้องเล็กๆที่ฉลุลวดลายโปร่ง เป็นที่นั่งสำหรับมเหสีนั่งชมการว่าราชการของมหาราชา
และข้างหน้าก็จะมีศาลาขนาดใหญ่ให้ประชาชนเข้าเฝ้าเพื่อร้องทุกข์ ศาลาที่ว่าหรือที่เรียกกันว่าดิวาน ดิ แอม หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
เราใช้เวลาในป้อมอัครานานมาก เพราะอาเหม็ดพาเดินชมและให้ความรู้แบบไม่น่าเบื่อ ไม่เหมือนตามาโนชรายนั้นออกทะเล้นมากกว่าความรู้
สรุปแล้วอาเหม็ดสอบผ่านในฐานะไกด์ที่ซานดีปเตรียมให้เราค่ะ
เมื่อออกจากอัคราฟอร์ท อาเหม็ดถามเราว่าจะไปวซื้อของฝากไหม
"ไม่อยากซื้ออ่ะ"เราสองคนบอก
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ"คุณไกด์ไม่จู้จี้เรื่องมากหวังเงินเปอร์เซ็นต์จากเรา
"โห ช่างเป็นคนดี"ณ มนซาบซึ้งกับอาเหม็ดมาก
จากนั้นเราก็ขับรถมาส่งอาเหม็ดที่ในเมือง
"โชคดีนะครับ ขอให้สนุกกับอินเดีย"
"ขอบคุณมากนะอาเหม็ด"พี่เตี้ยกับณ มนโบกมือให้เขาเมื่ออาเหม็ดลงจากรถไปแล้ว
อารมณ์ร่ำลาของเราสวยงามมาก
ลองนึกถาพตามนะคะ ประมาณรถทาทากำลังคล่อยๆเคลื่อนตัวออกไป เราชะโงกหน้าไปโบกมือให้เขา
อาเหม็ดก็โบกมือตอบ
ภาพสวยค่ะ สวยงามมาก
แต่จู่ๆตาราชก็เบรครถพรืด
"เกิดอะไรขึ้นอ่ะราช"พี่เตี้ยถามคุณชายคนขับของเรา
"เอ่อ จะปวะซื้อของหน่อยน่ะครับ"
"แป่ว" หมดกันอารมณ์ร่ำลาอันสวยงามของเรา
ขนาดอาเหม็ดยังยืนมองด้วยความงงงันที่ตาราชจอดรถแล้วลงมาซื้อของหน้าตาเฉย
"โธ่ ตาราชเอ๊ย แกนะแก" ณ มนนึกอยากจะฆ่าตาคนนี้จริงๆ
"ขันติเว้ย ขันติไอ้น้อง"พี่เตี้ยบอกกับณ มนประมาณว่าบอกตัวเองไปด้วย
"จะพยายามนะพี่"ณ มนว่างั้น
แล้วเราก็ออกจากตัวเมืองอัคราเพื่อเดินทางไปเมืองสีชมพูชัยปุระต่อไป
แต่ระหว่างทางจะขอแวะเที่ยวเมืองร้างอันแสนสวยกันก่อนนะคะ แล้วตอนหน้าจะมาเล่าถึงเมืองร้างอันแสนงามที่ณ มนตั้งใจว่าจะไปเยือนให้ได้ค่ะ
มาติดตามกันต่อนะคะ
Create Date : 16 มิถุนายน 2549 |
|
31 comments |
Last Update : 16 มิถุนายน 2549 17:28:06 น. |
Counter : 3757 Pageviews. |
|
|
|
jasmin palaceนั่นก็เศร้ายิ่งกว่าอีก คิดดูว่าต้องถูกขังแล้วได้แค่ทอดพระเนตรทัชมาฮาลอย่างเดียวตั้งแปดปีแน่ะ