หลายเรื่องเล่า กับณ มน คนหัวฟูแก้มป่อง ^_^
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
9 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
เที่ยวซาปา ตามหาลมหนาว(ตอนจบ)




มาแล้วค่ะบล็อกเที่ยวเวียดนาม ซาปา ตอนจบของณ มน ครั้งที่แล้วเล่าค้างไว้ที่จ่างอาน
จากนั้นคณะทัวร์ของเราก็นั่งรถยาวๆ เดินทางมุ่งสู่เมืองซาปากันค่ะ
เป็นอีกเมืองที่เมื่อสมัยฝรั่งเศสมายึดเวียดนามเป็นเมืองขึ้นแล้วพวกเขาพากันมาอยู่ที่นี่
นั่นเป็นเพราะซาปาอยู่บนเขา อากาศเย็นตลอดปีค่ะ 
ที่นี่มียอดเขาฟานซิปัน ซึ่งสูงกว่าสามพันเมตร เรียกว่าสูงสุดในย่านอินโดจีนทีเดียว


ณ มนกับทุกๆคนมาถึงก็มืดค่ำแล้วค่ะเลยไม่ได้มองวิวข้างทางแต่อย่างใด
จริงๆแล้วถึงไม่มืดก็คงไม่ได้มองนะคะ เพราะกินยาแก้เมารถแล้วหลับอย่างเดียว555
สารภาพเลยว่าเป็นคนเมารถอย่างแรงเวลาขึ้นเขาลงเขาค่ะ เจอทางโค้งๆนี่มีสิทธิ์อ๊อกได้




หลังเก็บข้าวของในโรงแรมแล้วก็ออกมาเดินท้าลมหนาวซะหน่อย
วันนั้นซาปามีฝนโปรยปรายเบาๆ ด้วยค่ะ ดีที่ตอนเราออกจากโรงแรมฝนหยุด
เลยมีโอกาสได้เดินดูนั่นนี่ไปเรื่อย 

ด้วยความที่อากาศดีทั้งปีเลยมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากมาย
ทั้งนักท่องเที่ยวเอเชียและพวกฝรั่งดั้งขอทั้งหลาย
ร้านรวงต่างๆ เปิดไฟสว่างไสว เชื่อว่าถ้าถ่ายภาพจากมุมสูงคงเห็นแสงไฟระยิบระยับทั้งหุบเขาแน่





ภาพบนนี้คือตึกศูนย์การค้าที่สร้างโดยยยยย ซันเวิร์ลอีกแล้วครับท่าน
ตึกนี้เป็นสถานีรถไฟที่จะแล่นขึ้นไปที่บนยอดเขาฟานซิปันด้วยนะคะ

ก่อนขึ้นยอดเขาในเช้าอีกวัน ณ มนกับเพื่อนอีกสองคนรีบตื่นกันแต่เช้า
เพื่อมาเดินชมเมืองยามเช้ากันอีกรอบ เลยได้เห็นว่าซาปามีการก่อสร้างเยอะมาก
ทั้งสร้างตึกและสร้างถนน มีขุดมีเจาะแทบทุกที่ ฝุ่นตลบกันไปค่ะ





ที่ก่อสร้างกันเยอะก็คงจะเป็นเพราะเมืองมันเติบโตไวมาก
มีนักท่องเที่ยวมามาก ทุกอย่างก็เลยต้องขยับขยายสร้างใหม่ให้ใหญ่ขึั้น
เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลมาซาปามากขึ้นทุกปี





ภาพบนนี้คือจตุรัสกลางเมืองซาปาค่ะ เป็นลานกิจกรรมไว้ทำกิจกรรมต่างๆ
เมื่อสองสามปีก่อนที่ซาปามีหิมะตกก็จะเห็นคนมาถ่ายรูปมุมนี้กันเยอะมาก
เพราะมองแลลิบไปเบื้องหลังเมืองซาปาจะเห็นแนวทิวเขาที่มีหิมะปกคลุม
เรียกว่าตอนหิมะตกวิวที่ซาปาสวยยังกะยุโรปก็ไม่ปานเชียวค่ะ




แต่ที่ณ มนไปยังไม่มีหิมะตกนะคะ เลยเดินดูเมืองชิลด์ๆกันไป
เดินมาจนถึงบึงน้ำกลางเมือง ตรงนี้เป็นอีกจุดไฮไลท์ของซาปาค่ะ
ถ่ายรุปออกมาแล้ววิวสวยมากเลย




จับเพื่อนมาเป็นนางแบบซะหน่อย

อ้อ ตอนที่ณ มนเขียนบล็อกนี้ น้องไผ่ไกด์ที่พาพวกณ มนไปเที่ยว
บอกกับณ มนว่าตอนนี้ซาปาหิมะลงแล้วจ้า เห็นจะจริงอย่างน้องไผ่รายงานค่ะ
เพราะขนาดเมืองไทยเอง ตอนนี้(ธค.62)ภาคกลางอุณหภูมิยังราวๆ16-18 องศาเลยนะคะ
นับประสาอะไรกับเมืองบนเขาสูงอย่างซาปา หิมะต้องลงอย่างไม่ต้องสงสัยค่ะ




จากบึงน้ำหันหลังมาก็จะได้ภาพมุมนี้ค่ะ
เอาล่ะค่ะได้เวลาเดินกลับโรงแรมแล้ว
เรามาถ่ายมุมยอดฮิตของซาปากันอีกที่
โบสถ์กลางเมืองนั่นเอง เป็นโบสถ์เก่าแก่ถือเป็นเอกลักษณ์ของซาปาเลยค่ะ




โบสถ์สวยงามสงบยามเช้า แต่พอสายหน่อยจะมีแต่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรุปเต็มเลยค่ะ
การตื่นเช้ามันได้พบกับโอกาสดีๆ แบบนี้เนาะ
แล้วถามว่าอยู่บ้านตื่นเช้าไหม ตอบว่าไม่ ก็ไม่ค่ะ555 อยู่บ้านตื่นสายมาก
แต่เวลามาเที่ยวเราต้องตื่นเช้าเพื่อใช้เวลาให้คุ้มที่สุด



ดูนาฬิกาก็ได้เวลาต้องเดินกลับโรงแรมกันแล้ว เพื่อไปกินอาหารเช้า
จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรมมาพร้อมๆ กับทุกคนในคณะเพื่อขึ้นรถไฟไปยอดเขาฟานซิปันค่ะ



ชอบมุมนี้จริงๆ ก่อนจะขึ้นสถานีรถไฟ ตึกเติกดูสวยงามยุโรปเชียว




อาคารเก่าของหน่วยงานรัฐสักอย่างนี่ล่ะค่ะ ยังให้กลิ่นอายสมัยเป็นเมืองขึ้น
ส่วนเราก็ได้เวลาขึั้นรถไฟไปยอดเขาฟานซิปันแล้วค่ะ



อยากถ่ายให้เห็นรถไฟชัดๆก็จนใจค่ะ เพราะคนเยอะมาก
เล่าคร่าวๆได้ว่าเป็นรถไฟที่มีแค่ตู้เดียวสั้นๆ ลักษณออกแนวทอยเทรนเสียมากกว่า
ขึ้นไปได้แป๊บหนึี่งก็ถึงสถานีด้านบนแล้วค่ะ จากนั้นเราก็เดินขึ้นบันไดกันอีกนิดหน่อย
แล้วก็เดินมาถึงจุดที่ต้องนั่งกระเช้าขึั้นยอดเขา





โชคดีนักหนาที่วันนั้นฟ้าเปิดค่ะ เลยได้เห็นวิวสวยๆมากมาย แต่ว่ามีคนขึ้นกระเช้าเยอะค่ะ
เลยอาจทำให้หันหน้าหันหลังไปถ่ายรูปไม่สะดวกนัก
ก็พยายามเล็งๆ ถ่ายมาให้ดูกันนะคะ ได้ประมาณนี้แหละ แหะๆ




กระเช้าของซันเวิร์ล ใหญ่โอ่โถง แล้วก็นุ่มนวลมากกกก
นั่งไปนี่แทบไม่รู้สึกอะไรเลย ปกติณ มนกลัวการนั่งกระเช้านะคะ
แต่พอนั่งของซันเวิร์ลแล้วไม่รู้สึกกลัวเลย

แป๊บๆ เราก็มาถึงจุดลงกระเช้าเพื่อจะเดินขึ้นฟานซิปัน
ใครไม่เดินก็มีรถไฟอีกต่อค่ะ ซึ่งจุดนี้เราต้องจ่ายเองนะคะ ทัวร์ไม่จ่ายให้
แต่เพื่อแลกกับการเที่ยวสบายๆ ไม่เหนื่อย จ่ายเถอะค่ะ รับรองวิวบนโน้นสวยคุ้มเงินมากกกก


ตรงนี้คือจุดชมวิวจุดแรกนะคะ และอาคารทางซ้ายมือของภาพที่มีหลังคาซ้อนสองชั้นน่ะค่ะ
ตรงนั้นจะเป็นจุดที่ให้เราต่อรถไฟเพื่อขึ้นไปบนยอดเขาอีกต่อหนึ่ง





โปรดสงสารแข้งขาและเรี่ยวแรงตัวเอง ขึ้นรถไฟเถอะค่ะ ขอแนะนำ




วิวมองต่ำเห็นพระองค์ใหญ่




ขึ้นมาแล้วจะเห็นวิวแบบนี้ค่ะ สวยยยยยยยยยยย แบบสวยมากกกกกกกกกก
วันนั้นฟ้าใสมองเห็นไปได้ไกลสุดสายตาเลยค่ะ
อากาศด้านบนราวๆ 6 องศาบวกกับลมแรง คือเย็นมาก
แต่แลกกับความสวยระดับเทพเช่นนี้ หนาวแค่ไหนก็ไม่หวั่นค่ะ



ถ่ายรุปไปหลายมุมเลยค่ะ ฟ้าสวยเป็นใจมากๆ



วิวที่เราเห็นพวกนี้ เดี๋ยวตอนขาลงเราจะเดินไปเที่ยวกันค่ะ
ออมแรงขาขึ้นเอาไว้เพื่อมาใช้แรงตอนขาลงนะคะ





เห็นแล้วนึกถึงพวกหนังจีนกำลังภายในเลย แบบพวกจอมยุทธิ์ที่มาฝึกวิชาบนเขางี้ค่ะ
เมฆลอยต่ำกว่ายอดเขาเสียอีก





บนนี้ใช้คำว่าสวยเปลืองมาก มองไปทางไหนก็สวย
ส่วนนางแบบนายแบบสี่คนนี้หากดูรูปแล้วจะบอกว่าสวยหล่อก็ไม่ว่ากันนะคะ 5555


(จุดเช็คอินสูงสุดของฟานซิปัน)

ส่วนคุณพี่สองท่านนี้เป็นพี่ร่วมคณะทัวร์ที่น่ารักมากๆค่ะ
อยากบอกว่าทัวร์คราวนี้ณ มนโชคดีสุดๆนะคะ
อากาศดีทุกวัน อาหารดี ไกด์ดี แถมคนร่วมคณะท่องเที่ยวก็น่ารักกันทุกคนเลย



เอาล่ะคะ่ มาเดินลงกันดีกว่า



เนื่องจากขาลงเราไม่ต้องใช้กำลังขามากนักก็เลยแวะถ่ายรูปกันไปเรื่อย
ชิลด์กันไปตลอดทาง ยกเว้นทางไหนเป็นบันไดลงชันๆ ก็ต้องเกร็งขากันมากหน่อย





รูปแกะสลักตรงเชิงชายหลังคา




ฟ้าสวยปรานีคนมาเที่ยวมากๆ



ในรูปด้านล่างนี่จะเห็นรถไฟสีแดงๆ ที่แล่นลอดใต้บันได
รถไฟนี่ล่ะค่ะที่ณ มนกับเพื่อนๆ นั่งขึ้นมา







เห็นบันไดทางซ้ายไหมคะ บันใดนั่นชันมากกกก
ต้องเกาะราวบันไดกันมาตลอดทางเลย



และแล้วเราก็มาถึงองค์พระใหญ่



ภายในฐานองค์พระค่ะ




จากนั้นก็ทดสอบพลังขาด้วยทางลงแสนชันกันอีกรอบ



และแล้วเราก็ลงจากยอดเขาฟานซิปัน จากนั้นกินอาหารเที่ยงแล้วก็เดินทางไปเที่ยวกันต่อ
สถานที่ต่อไปคือหมู่บ้านกั๊ดกั๊ดค่ะ ตรงนี้อากาศเริ่มอุ่นขึั้นก็เลยเริ่มสละเสื้อกันหนาวกันแล้ว



จะไปเที่ยวหมู่บ้านกั๊ดกั๊ดก็ต้องมีการจ่ายค่าเข้าชมค่ะ
เมื่อจ่ายค่าเข้าเที่ยวชมแล้วก็เดินได้เลยค่ะ
ขาไปนี่เป็นทางลงตลอด เดินง่ายๆค่ะ



แผนที่ท่องเที่ยวหมู่บ้าน จะมีจุดต่างๆ ให้แวะถ่ายรุป
หมู่บ้านนี้จุดเด่นเขาคือนาข้าวขั้นบันได




แต่เราไปก็พ้นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวไปแล้ว เลยได้แค่ภาพที่เห็นนี่ล่ะค่ะ






จุดแวะถ่ายรูปอีกแห่งคือลานทุ่งดอกดาวกระจาย



แอบส่องคุณลุงมาหนึ่งรูป



ชาวบ้านที่เขากำลังปลูกผักถอนหญ้ากันแถวๆนั้น



นักท่องเที่ยวสาวที่เช่าชุดชนเผ่ามาเดินเที่ยวและถ่ายรูป
ที่นี่เขาจะมีชุดชนเผ่าให้เลือกเช่าใส่ แล้วมาถ่ายรุปสวยๆกันค่ะ



เอ้า เดินต่อ ขาไปนี่เดินลงๆๆๆ และลงตลอดเลย




เจอหนูน้อยน่ารักส่งยิ้มพร้อมขี้มูกมาให้ด้วย
น่ารักจริงหนอเจ้าเด็กน้อย



ใต้หลังคาชาวบ้านเขาจะแขวนข้าวโพดกันไว้แบบนี้



ส่วนเจ้าหมาน้อยนี่มานอนหลับสบายรับแดดอุ่นๆ







นาข้าวขั้นบันไดในวันที่ข้าวชุดก่อนหน้าถูกเก็บเกี่ยวไปแล้ว
บางแห่งเริ่มปลูกใหม่ บางแห่งก็เหลือแต่พื้นดินว่างเปล่า
รอการเพาะปลูกรอบต่อไป







สองข้างทางที่ผ่านไปจะมีบ้านชาวบ้านเปิดร้านขายของฝากของที่ระลึก
ทั้งผ้าปักผ้าย้อมแบบชนเผ่า และหวีจากเขาควาย




เดินผ่านบ้านหลังหนึ่งเห็นพี่คนนี้กำลังทำงานอยู่
เลยเข้าไปขอถ่ายรูป








ป้ายบอกทาง




บ้านหลังนี้เปิดเป็นแกลลอรี่เล็กๆ



ชาวบ้านแบกของเดินผ่านไป แต่ละคนแข็งแรงกันมาก





และในที่สุดเราก็มาถึงจุดต่ำสุดของหมู่บ้าน ก็คือบริเวณน้ำตกแห่งนี้ค่ะ



ที่นี่จะเป็นจุดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวชมถ่ายรูป
และชมการแสดงของชนเผ่าในหุบเขา



มีกังหันให้ถ่ายรูปด้วย

ส่วนเจ้าหนูน้อยคนนี้ลงไปช้อนปลาตัวเล็กๆในน้ำ ไม่กลัวน้ำเย็นๆเล้ย ลูกเอ๊ย 





ที่หมู่บ้านท่องเที่ยวนี้กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์กันหลายจุด
เดินผ่านไปได้ยินเสียงโป๊กๆ อยู่เหนือหัว ต้องรีบเดินผ่านกลัวไม้จะหล่นใส่หัวซะก่อน
บางจุดก็กำลังจัดวางกระถางดอกไม้ตรงริมทางเดิน





อาคารในภาพด้านล่างนี่คือจุดที่มีการแสดงพื้นบ้านค่ะ
แต่ณ มนไปถึงเขาพักการแสดงพอดีเลยอดดู




เลยหันมาถ่ายน้ำตกแทน 




แล้วก็แอบถ่ายนักแสดงมาค่ะ



ก่อนเดินกลับแวะถ่ายรุปคุณยายท่านนี้สักหน่อย จากนั้นก็เตรียมแรงแข้งขาให้ดีค่ะ



จากที่เดินลงชิลด์ๆ ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปสบายๆ ขากลับนี่คือการเดินขึ้น ขึ้นและขึ้นอย่างเดียว
โอ๊ย เหนื่อยมากกกกค่ะ สองตาสอดส่ายมองหาไม้เอามาช่วยพยุงเดินกันเลย
ดูสภาพค่ะ 5555




จากหมู่บ้านเราก็กลับโรงแรมเพื่อกินอาหารเย็นค่ะ
ณ มนกับเพื่อนก็ออกเดินเที่ยวเมืองซาปายามค่ำคืนกันอีกรอบ
ถือเป็นการสั่งลาและล้างแค้นที่เมื่อวานไม่ได้เตรียมเงินด่องมาซื้อของ
คืนนี้แลกเงินมาเรียบร้อยเลยจัดชานมประชดซะเลย555 หนาวก็ไม่หวั่นกินชานมเย็นๆนี่ล่ะ



นอกจากชานมก็ซื้อเกาลัดมากินด้วยค่ะ จัดมาสองกิโลเพราะลองชิมแล้วมันอร่อยมากๆนะคะ
เลยตุนกันมาเยอะขนาดนี้ พี่ๆในคุณะก็ตามไปซื้อกันด้วยหลังจากได้ชิมไป

จากนั้นก็กลับมาเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น



นี่คือโฉมหน้าคณะทัวร์แสนน่ารักของเราในคราวนี้
ถือเป็นโชคดีของณ มนมากๆเลยค่ะที่ทัวร์ครั้งนี้มีแต่เรื่องน่าประทับใจทั้งนั้น
ทั้งสถานที่ท่องเที่ยว การดูแลของไกด์และเพื่อนร่วมคณะที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน


จากซาปาเราตีรถยาวมาฮานอยกันเลยค่ะเพื่อมากินข้าวเที่ยงที่สนามบิน
ขากลับยังคงใช้บริการเวียดนามแอร์ไลน์เหมือนเดิม
บริการดี อาหารใช้ได้ เบาะก็ไม่คับแคบนั่งสบาย



ถือว่าการไปทัวร์ครั้งนี้ มีแต่เรื่องดีๆ น่าประทับใจทั้งนั้นเลยค่ะ

ลาบล็อกท่องเที่ยวเวียดนามด้วยภาพนี้นะคะ เอาไว้มีโอกาสได้ไปเที่ยวอีกเมื่อไหร่
จะมาอัพบล็อกให้อ่านกันใหม่ค่า ขอบคุณที่แวะมาเยือนบล็อกณ มนนะคะ


 



Create Date : 09 ธันวาคม 2562
Last Update : 10 ธันวาคม 2562 13:19:33 น. 9 comments
Counter : 1595 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณhaiku, คุณKavanich96, คุณไวน์กับสายน้ำ


 
น่าสนุกจ้า


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 9 ธันวาคม 2562 เวลา:15:18:13 น.  

 
อยากไปมากค่ะ แต่ยังไม่รู้จะไปช่วงไหนดี กลัวฝนค่ะ แหะๆ แต่ปีหน้ามีไปเวียดนามใต้ค่ะ


โดย: Kisshoneyz วันที่: 9 ธันวาคม 2562 เวลา:22:12:18 น.  

 
โอน่าจอมซ่าส์...ขอบคุณที่แวะมาเที่ยวด้วยกันนะคะ

น้องแมวน้อย..ไกด์ของพี่บอกว่าถ้าอยากไปเที่ยวแบบไม่เจอฝนให้ไปปลายปีค่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 10 ธันวาคม 2562 เวลา:13:21:23 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
หายไปนานเลยนะคะ
ยินดีที่กลับมาเล่าบล็อกอีก


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 10 ธันวาคม 2562 เวลา:17:49:03 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 ธันวาคม 2562 เวลา:4:13:40 น.  

 
เห็นภาพแล้ว อยากไป สวยน่าทึ่ง ที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงพื้นที่
เกษตรไว้ เป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 11 ธันวาคม 2562 เวลา:6:43:41 น.  

 
ไวน์กับสายน้ำ...ใช่ค่ะ ตรงไหนยังทำเกษตรก็ยังทำกันอยู่
น่าไปเที่ยวนะคะใกล้บ้านเรา ราคาไม่แพงด้วย
กะช่วงจังหวะเวลาดีๆ ก็ได้เจอหิมะอีกต่างหาก

kavanich96...ยินดีแบ่งปันค่า

คุณอ้อมแอ้ม..ณ มนไปอัพบลอกเกี่ยวกับเจ้าแฝดซะมากค่ะ
บลอกท่องเที่ยวนี่น้อยจริงๆ มีทริปทีหนึี่งก็อัพทีหนึี่งค่ะ


โดย: ณ มน วันที่: 11 ธันวาคม 2562 เวลา:12:26:45 น.  

 
เพื่อนร่วมทริปกับไกด์สำคัญจริงๆ ค่ะ

เราไปซาปาสองรอบ ตอนนั้นยังไม่มีกระเช้าเลย เห็นแล้วอยากไปอีกสักรอบไปขึ้นกระเช้าค่ะคุณ ณ มน

กระเช้านี่มีมานานยังน้อนี่

นั่งรถใช้เวลานานแค่ไหนคะ?

ตอนเราเราใช้นั่งรถไฟไป-กลับซาปา-ฮานอยหละค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 11 ธันวาคม 2562 เวลา:13:32:44 น.  

 
สาวไกด์....นั่งรถก็ราวๆ4-5ชั่วโมงค่ะเพราะมีทางด่วน กระเช้ามีสักพักแล้วค่ะ หลังจากบ.ซันเวิร์ลได้สัมปทานจากรัฐบาล ทำให้สะดวกมากเลยค่ะ ตอนนี้บ.นี้เขาไปทำกระเช้าให้แหล่งท่องเที่ยวในเวียดนามเยอะมากค่ะ


โดย: ณ มน IP: 125.26.166.2 วันที่: 11 ธันวาคม 2562 เวลา:18:05:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ณ มน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ณ มน ชื่อนี้แปลว่า "ที่หัวใจ" ตอนแรกตั้งใจจะใช้เป็นเพียงนามปากกาที่ใช้เขียนหนังสือเท่านั้น

แต่สุดท้ายก็นำมาใช้เปิดบลอคจนได้ แหะแหะ

ณ มนเป็นคนธรรมดาๆ ชอบเดินทาง ชอบคุย ชอบเล่าชอบเมาท์ไปเรื่อย ถ้าไม่เบื่ออ่านเรื่องเล่าที่บางคราวก็เฮฮา บางคราก็ไร้สาระล่ะก็ แวะมาเยี่ยมเยือนกันได้ค่ะ ^_^


บอกเล่าเก้าสิบกันนิดนะคะว่า
บทความและข้อเขียนทุกชิ้นในบลอกนี้
ได้รับการคุ้มครองตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ค่ะ
เข้ามาอ่านได้นะคะ แล้วก็แสดงความคิดเห็นได้ด้วย
แต่อย่าลอกกันนะคะ


***********


ผลงานของณ มนค่ะ























































ผู้เยี่ยมชม
Friends' blogs
[Add ณ มน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.