หลายเรื่องเล่า กับณ มน คนหัวฟูแก้มป่อง ^_^
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
แวะ บิคาร์เนอร์ เมืองแถม ก่อนกลับบ้าน







ออกตัวก่อนนะคะว่าเมืองบิคาร์เนอร์ ณ มนถ่ายภาพมานิดเดียว ดังนั้นจะขอลงภาพเมืองอื่นๆให้ดูเป็นการส่งท้ายการทัวร์อินเดียของณ มนกับพี่เตี้ยนะคะ


ตะลอนในอินเดียมาหลายเมือง จนมาถึงเมืองสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ เมืองนั้นก็คือ บิคาร์เนอร์




เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากนอนหนาวในกระท่อม เราก็ตื่นล้างหน้าล้างตาเพื่อกลับโรงแรม โดยไม่รออาหารเช้า เพราะว่าอยากเข้าห้องน้ำด้วยล่ะ คือห้องน้ำที่นี่มีของดีสีเหลืองๆ ลอยฟ่องอยู่ในโถอ่ะค่ะ แหะแหะ มาถึงตรงนี้ใครรู้สึกแหวะ ก็ไม่ว่ากันเนาะ


หัวหน้าแคมป์ยื้อให้เราทานอาหารก่อน แต่เราไม่อยากทาน เขาเลยขับรถจี๊ปมาส่ง

ระหว่างทางก็เห็นชาวบ้านเดินออกมาตัดน้ำกันในบ่อแล้วเอาหม้อน้ำทูนหัว
ดูให้บรรยากาศอินเดียดีจัง แต่ไม่มีรูปนะคะ เพราะฉะนั้นมาดูรุปหน้าตาที่พักของเราดีกว่า





กระท่อมน้อยกลางทะเลทราย


เรามาถึงโรงแรมก็แวบเข้าห้องน้ำก่อนเลย ซักแห้งตัวเองก่อนเพราะคืนห้องไปแล้ว เลยต้องมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวในห้องน้ำรวมนี่ล่ะ

จากนั้นก็หม่ำข้าวเช้าแล้วก็ได้เจอกันสามีภรรยาชาวสวิสคู่เดิม พูดคุยกันได้ครู่หนึ่งเขาก็ขอตัวออกรถไปก่อน

เราก็นั่งรอคุณชายราชต่อไป ครู่ใหญ่คุณชายก็มาถึงพร้อมกับหน้าตาสดชื่น เพราะได้นอนพักเต็มอิ่ม

เรากลัวหนูทาทาจะเกเรอีกเลย บอกให้ราชออกรถแต่เช้า จะได้ไปถึงบิคาร์เนอร์เร็วๆหน่อย







พี่เตี้ยหน้ากระท่อม


สำหรับเมืองบิคาเนอร์นี่เป็นเมืองแถมค่ะ เพราะตอนแรกเราจะกลับรถไฟแต่เวลาไม่พอ เพราะซานดีปนับวันผิด เราเลยเปลี่ยนแผนมาแวะบิคาร์เนอร์ก่อนเพราะคนอินเดียเขาขับรถทางไกลไม่ไหว มั้ง จริงๆก็ประมาณ800-900กิโลเองแต่ราชขับไม่ไหว








ระหว่างตีรถไปบิคาร์เนอร์ ราชก็ถามว่าเมื่อคืนหลับสบายดีไหม

ณ มนก็บอกไปว่าสบายดี แต่แอบนึกนินทาในใจ หนอยไม่เป็นห่วงแล้วยังมาถามอีก สู้คนขับรถสองสามีภรรยาชาวสวิสนั่นไม่ได้ เขายังมาถามไถ่

ที่ไหนได้พอฟังคำพูดต่อมาของราชนี่ รู้สึกผิดทันที ราชเขาบอกว่า

"เมื่อคืนผมรอดูพวกคุณจนเข้านอนเรียบร้อยถึงได้ขับรถกลับเข้าเมือง นายสั่งกำชับว่าให้ดูพวกคุณให้ดี หากเป็นอะไรไปนายฆ่าผมแน่ๆ"

อ้าว เวรกรรม นึกต่อว่าไปตั้งมากมาย ที่แท้ก็เป็นห่วงเหมือนกันหรือเนี่ย
โทษทีนะราช แหะแหะ








ขอบอกประวัติคร่าวๆของเมืองบิคาร์เนอร์แห่งนี้สักหน่อยว่าเมืองนี้มีประวัติมาหลายร้อยปี
สร้างขึ้นโดยเจ้าชายองค์หนึ่งมีพระนามว่าบิคา พระองค์มีชัยเหนือการรบ ณ ดินแดนแห่งนี้จึงสถาปนาขึ้นเป็นเมือง
แล้วให้ชื่อว่าเมืองบิคาร์เนอร์ตามพระนามของเจ้าชายนั่นเอง





พี่เตี้ยกับสองหนุ่มชาวปัญจาบหน้าป้อมจูนาห์การ์


บ่ายสองนิดๆ เรามาถึงเมือง บิคาร์เนอร์ ราชพาเราไปที่ป้อม จูนากาห์ Juna Garh ทันที สงสัยจะให้เราเที่ยวแต่ป้อม
จากนั้นก็บอกว่าสี่โมงเย็นจะมารับ เพราะจะเอารถไปดูเครือง เนื่องจากวันพรุ่งนี้ต้องเดินทางยาวไกลมากกก


ณ มนกับพี่เตี้ยลงรถอย่างว่าง่ายแล้วก็เดินเข้าป้อม ซึ่งไม่ได้อยู่บนเนินเขาเหมือนเมืองอื่นๆ เราแวะไหว้เจ้าแม่กาลีและหนุมานตรงประตูทางเข้า ก่อนจะมานั่งแหมะที่เก้าอี้ หน้าป้อม






ป้อมจูนาห์การ์ ที่ได้แต่มองแต่ไม่ได้ลองเข้าไปชม


หลายเมืองที่ผ่านมาในแคว้นราชสถาน เราสองคนเที่ยวแต่ป้อม จนหน้าจะเป็นป้อมอยู่แล้ว พี่เตี้ยออกอาการเอียนป้อมมากถึงกับเอ่ยปากว่าจะนั่งอยู่นี่ล่ะไม่ไปไหนแล้ว

ณ มนก็ว่าตามกันแต่ถึงอย่างนั้นก็เดินไปสำรวจร้านค้าตรงสวนหย่อมนิดหน่อยเพื่อหาซื้อไอติมมากินแก้ร้อน แล้วก็มานั่งยืดแข้งยืดขาข้างๆพี่เตี้ย

ระหว่างนั้นก็มีสองหนุ่มชาวปัญจาบมาขอแย่งที่นั่งด้วย ดั่งภาพข้างบนนั่น พูดคุยไต่ถามกันได้ความว่า เขามานั่งรอเวลารถบัสกลับเมืองปัญจาบ หลังจากนั้นก็เมาท์กันตลอดสองชม. ก่อนจะลาจากกันไป



เอาล่ะค่ะ หลังจากนี้ณ มนจะเล่าเรื่องการเดินทางในเมืองสุดท้ายและวันสุดท้ายในอินเดีย สลับไปกับการชมภาพงามๆของเมืองต่างๆที่ณ มนไปเที่ยวมานะคะ




อินเดียเกท อนุสรณ์สถานสำคัญของเมืองเดลี

คืนนั้นเราพักค้างคืนที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง แล้วเราก็ได้เจอสองสามีภรรยาชาวสวิสอีกแล้ว แหมโลกช่างกลมจริงๆ หลังจากที่ขับรถตามกันมาตลอดหลายร้อยกิโลจากไจซาลเมอร์

ตอนกลางคืนหยิบเอามาม่ารสต้มยำกุ้งออกมาต้มกินกันสองคน ให้ความรู้สึกใกล้บ้านเข้ามานิดหน่อยค่ะ ก่อนจะหลับยาวเลย





วัดบาไฮ วัดที่หลอมรวมทุกคำสอนดีๆของทุกศาสนาไว้ด้วยกัน



เช้าวันรุ่งขึ้นหลังทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เก็บของเชคเอาท์ออกจากโรงแรมในเวลาเก้าโมงเศษๆ ฤกษ์งามยามดีทีเดียว ตอนเรายัดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ลงในบั้นท้ายหนูทาทา





กุตัปมีนาร์ หอคอยแสนโรแมนติก

ระหว่างนั่งรถออกจากเมืองบิคาร์เนอร์ ที่ต้องบอกว่าเป็นเมืองแถมจริงๆ เพราะแวะไปป้อมนิดเดียว แถมวัดที่ว่าดังๆ ก็ไม่ได้ไปไหว้ อีกอย่างอารมณ์คิดถึงบ้านมาตะหงิดๆ เลยใจร้อนอยากกลับเดลีโดยไว

จู่ๆ พี่เตี้ยก็บอกกับณ มนว่าเมื่อคืนรู้สึกอะไรไหม
ณ มนก็ทำหน้าตาเอ๋อ มีอะไรหรือพี่
พี่เตี้ยเลยบอกว่าเมือ่คืนรู้สึกเหมือนมีคนมาเขย่าตัวแล้วก็เขย่าเตียงด้วย ลืมตาก็ไม่ขึ้น สงสัยว่าจะเจอดีเสียแล้ว





หนุ่มน้อยในกุตัปมีนาร์


ณ มนก็ร้องเหวอ ออกมาเลยทีเดียว อะไรกันเนี่ย ไปมาหลายเมืองเพิ่งจะมาเจอดีในเมืองสุดท้ายนี่เอง ขนาดเมืองจ๊อดปูร์ที่ห้องนอนอยู่ใต้ขื่ออันใหญ่ เรายังไม่เจออะไร หรือชัยปุระที่บ้านอายุเก่ากว่า200ปี ก็ไม่เจอ ดันมาเจอที่บิคาร์เนอร์ซะงั้น





ศรีกันดรา ที่ฝังพระบรมศพของ พระเจ้าอักบาร์มหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์โมกุล


แต่ยังไงก็แล้วแต่ถือว่าโชคดีที่ไม่ได้เจออะไรมากกว่านั้น เราก็ไม่ทันได้สังเกตด้วยว่าห้องพักของเรามันแปลกประหลาดอะไรตรงไหน แค่ห้องอยู่ตรงมุมตึกพอดี ติดๆกับบันไดเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดว่าพี่เตี้นจะเจอดี





ทัชมาฮาลผ่านซุ้มประตู

ณ มนกับพี่เตี้ยคุยกันมาเรื่อยๆ จนเห็นป้ายว่าอีกประมาณ400กิโลจะถึงเมืองเดลี เห็นอย่างนั้นก้วางใจ พากันหลับพักผ่อนสายตา คิดว่ายังไงคงไปถึงเดลีก่อนหกโมงเย็นแน่ๆ






อลังการอนุสรณ์สถานแห่งความรัก "ทัชมาฮาล"



ที่ไหนได้ เรามารู้สึกตัวตื่นกันเมื่อจู่ๆ รถก็เกิดอาการกระเด้งกระดอนแปลกๆ พอลืมตาขึ้นมามอง

สองข้างทางแทนที่จะเป็นถนนสี่เลนหรือหกเลนมุ่งตรงไปเมืองหลวง ดันกลายเป็นถนนเส้นเล็กนิดเดียว แถมยังเป็นหลุมเป็นบ่อ

ณ มนกับพี่เตี้ยหันมามองหน้ากัน พลางนึกในใจว่า
อีตาราช พาเราสองคนหลงทางอีกแล้ว กรรมมมมมม







ตำหนักดอกมะลิ ในป้อมอักรา ที่คุมขังพระเจ้าชาห์จาฮาน ผู้สร้างตำนานรักบันลือโลก



คราวนี้ไม่กล้าหลับกันแล้วทีนี้นั่งมองถนนมองหน้ากันสลับกับมองเกบอกปริมาณน้ำมันที่มันร่อยหรอลงทุกที

แต่ทางที่รถเราขับผ่านก็ยังเป็นทางเล็กกันดารอยู่เลย ยิ่งกว่านั้นเมื่อราชขับผ่านไปที่เนินเขาลูกหนึ่ง ถนนแทบจะไม่เป็นถนนเพราะมันมีลักษณะเหมือนกับเขาเพิ่งจะเอาแบคโฮไถเกรดถนน มีแต่ดินทรายก้อนหิน







ฟาห์เตปูร์ สิครี

ครั้งนี้ล่ะ ลุ้นสุดๆไม่รู้ว่าถนนเส้นนี้จะพาเราไปถึงเดลลีกันหรือเปล่า ที่สำคัญกลัวน้ำมันมันจะหมดเสียก่อนน่ะสิ เราใช้เวลาอยู่กับถนนเล็กๆเส้นนี้กว่า2-3ชั่วโมงทีเดียว






มุมเหงาๆ ในเมืองร้างแสนงาม



โชคดียังอยู่กับณ มนและพี่เตี้ยค่ะเพราะหลังจากตะลุยถนนฝุ่นเส้นนี้แล้วเราก็มาถึงถนนลาดยาง และเห็นป้ายบอกชื่อเมืองที่ราชถามถึง

ใจเรามาเป็นกองโดยเฉพาะหลังจากที่ราชเติมน้ำมันเสร็จเรียบร้อยแล้วขับต่อมาอีกนิดก็เห็นทางไฮเวย์ที่ตัดตรงไปเดลลี

เอาล่ะคราวนี้ราชจะขับแซงซ้าย ป่ายขวาหรือจะบีบแตรดังขนาดไหน ณ มนก็ไม่สนแล้ว เพราะป้ายมันบอกว่าอีก120กิโลเมตรจะถึงเดลลี

เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย






ฟาห์เตปูร์ สิครี เมืองร้างแสนงามในอักรา

พออารมณ์ดีก็เลยมีกะจิตกะใจจะคุยกัน เพราะโทรศัพท์มือถือของราชดังขึ้นนั่นแหล่ะเลยเป็นหัวข้อให้ณ มนกับพี่เตี้ยได้สนนทนากันแบบยาวๆเป็นครั้งแรก

ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะมันเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้นั่งรถคันนี้โดยมีราชเป็นคนขับเสียแล้ว






แอมเบอร์ พาเลซ วังสวยในเมืองสีชมพู ชัยปุระ



ราชบอกว่าลูกสาวคนโตโทรมาหา เราเลยถามว่าอายุเท่าไหร่ เขาบอกว่าอายุ15 ส่วนเขานี่อายุ35

ณ มนกับพี่เตี้ยมานั่งคำนวณกันใหญ่ว่าพ่ออายุเท่านี้ ลูกอายุเท่านี้ แสดงว่าราชมีลูกตอนอายุ20น่ะสิ

เราก็แปลกใจกันไม่คิดว่าจะมีลูกไวขนาดนั้น เลยถามไปว่าคุณแต่งงานอายุเทาไหร่เหรอ







พระราชวังสายลม ฮาวามาฮาล สวยหวานจับใจ


ตอนราชบอกนี่ต้องบอกว่าอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อเลยค่ะ เขาบอกแต่งตั้งแต่อายุ16 โห แม่เจ้า มิน่าคนอินเดียถึงมีประชากรมากขนาดนี้






พุชการ์ทะเลสาบศักดิสิทธิ์กลางทะเลทราย



เราคุยกันมาเรื่อยๆ จนมาถึงเขตเมืองเดลี ซึ่งน่าจะเป็นเขตธุรกิจของเขาเพราะมีแต่ตึดสูงๆ สวยๆ เพียบเลย มีทั้งบ.น้ำมันชื่อดัง และบ. เครื่องใช้ไฟฟ้ากับบ.มือถือ แต่ละตึกสวยงามมาก






เลคพาเลซ อุทัยปุระ


หกโมงเย็นนิดๆ เรามาถึงสนามบินอินทิรา คานที เราสองคนจ่ายเงินค้าจ้างและทริปให้กับราช

ก่อนจากกัน นายราชยังบอกอีกว่า หากพวกคุณมาอินเดียอีก อย่าลืมซื้อทัวร์กับซานดีปและจ้างผมเป็นคนขับนะครับ

เราไม่ได้รับปากค่ะ แหม แค่พาเราหลงบ่อยๆนี่ยังจะมาบอกงี้อีกหรือนายราช มันจะน่าจ้างไหมล่ะนั่น






วังริมทะเลสาบในวันที่น้ำแห้งขอด

พอราชไปแล้ว เราก็แวะเข้าห้องน้ำซักแห้งกันอีกรอบเพราะตอนนี้เนื้อตัวหัวหูมอมแมมเต็มทีจากการขับหลงทางของนายราชนั่นล่ะ






วิหารหินอ่อนกลางอ้อมกอดของขุนเขา อุทัยปุระ
จากนั้นก็มาเดินเข้าสนามบิน แต่จนท.เขาไม่ให้เข้าจนกว่าจะถึงเวลาเชคอิน เราเลยนั่งรอกันหน้าสนามบินนั่นเอง ที่ตอนนี้มีคนนั่งรอกันเพียบ ทั้งหัวดำหัวทองหน้าสลอนเลยค่ะ





อีกมุมงามๆ ของวิหาร

สักพักมีคณะทัวร์กลุ่มใหญ่ลงจากรถมา พี่เตี้ยเลยบอกว่าให้เราสองคนทำเนียนเดินไปกับทัวร์คนไทยกลุ่มนั้น เผื่อจะได้เข้าไปนั่งรอด้านใน





ป้อมเมรานกาห์ ป้อมยิ่งใหญ่กลางเมืองแห่งความตาย



ได้ผลค่ะ เพราะจนท.ปล่อยให้เราเดินเข้าไปสบายๆ เลย แหมดีนะที่พี่เตี้ยฉลาดถ้าเป็นณ มนคงนั่งตากลมหนาวรออยู่ตรงนั้นล่ะค่ะ





เมืองสีน้ำเงิน จ๊อดปุระ


ระหว่างนั่งรอเวลาก็เดินไปดูข้าวของในร้านค้า แต่ไม่ถูกใจเลยไม่ซื้ออะไรมานอกจากหนังสือดาราของเขา

ก็แม่ณ มนเขาชอบดาราอินเดียค่ะ มีการแซวลูกด้วยนะบอกว่าถ้าเจอชาร์ รุก ข่าน อย่าลืมขอลายเซ็นให้แม่






ป้อมโซนาร์ ไจซาลเมอร์


แต่ลูกสาวก็ไปเที่ยวเมืองกันดารขนาดนั้นจะไปเจอพ่อชาร์ รุกได้ไง เลยซื้อหลังสือ ดาราไปฝากแทนค่ะ






วังบนป้อมโซนาร์

ซื้อหลังสือเสร็จก็กลับมานั่งรอ ระหว่างนั้นก็เจอสองสามีภรรยาชาวไทยที่กำลังจะไปแลกเงินคืน สองคนนี้พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยก็เลยเมาท์ใหญ่ว่า

ไม่เอาแล้วอินเดีย ยังไงก็ไม่มาอีกแล้ว เพราะไปแคชเมียร์ มากับกลุ่มทัวร์ แต่โดนตรวจค้นอยู่ตลอดเวลา จะค้นอะไรนักก็ไม่รู้ เลยสาปส่งอินเดีย






เมืองสีทอง

ณ มนกับพี่เตี้ยได้แต่ฟัง เพราะเมืองที่เราไปไม่เจอแบบนั้นเลยสักนิด อีกอย่างถ้าคุณคิดจะไปเที่ยวที่บ้านไหนเมืองไหน คุณก็ต้องทำใจเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเลย ว่ามันอาจจะเกิดปัญหาเล็กน้อยขึ้นบ้างระหว่างทาง

เพราะมันไม่ได้อยู่บ้านตัวเองนี่นา มันจะสะดวกสบายทุกอย่างได้ไงจริงไหมคะ แต่ได้แค่คิดไม่ได้พูดกับเขาหรอก เดี๋ยวเขาจะพาลสาปส่งเราสองคนไปกับแคชเมียร์ด้วย 555







กาดิซาร์เลค

เมื่อได้ยินเสียงประกาศให้ขึ้นเครื่องณ มนกับพี่เตี้ยก็ลุกจากเก้าอี้เดินไปขึ้นเครื่อง

นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 0.30น.TG316 ก็เหินออกจากน่านฟ้าของเมืองเดลี

เป็นการบอกว่าการเดินทางไกลครั้งแรกของณ มนจบลงแล้ว แต่ใจจริงน่ะมันยังไม่จบนะคะ

เพระหลังจากทัวร์อินเดียคราวนี้ หัวใจของณ มนมันก็ทำท่าจะติดปีกไปเสียแล้วค่ะ อยากจะเดินทางไปเปิดหูเปิดตาในสถานที่แปลกใหม่อยู่เรื่อยๆ

ยอมรับว่าถึงจะเดินทางในอินเดียแค่ไม่กี่วัน แต่หลังจากนั้น ชีวิตของตัวเองก็เปลี่ยนแปลงไปมาก

ไม่น่าเชื่อว่าการเดินทางสามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเองได้มากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมมันยังหาเรื่องเที่ยวไปเรื่อย แหะแหะ

ก็บอกแล้วนี่คะว่าหัวใจมันติดปีกไปแล้ว จะให้อยู่นิ่งกับที่คงไม่ได้






อาทิตย์ตกกลางทะเลทรายธาร์


ถือเป็นการปิดการเดินทางอินเดียของณ มนเท่านี้นะคะ
ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านค่ะ ทั้งที่เรื่องมันยาวมากเลย


ถ้ามีการเดินทางอีกเมื่อไหร่จะมาเล่าให้อ่านกันอีกนะคะ







Create Date : 28 สิงหาคม 2551
Last Update : 3 กันยายน 2551 10:26:59 น. 36 comments
Counter : 3183 Pageviews.

 
มาเยี่ยมพี่นะค่ะ สบายดีไหมคะ หนูหายไปหลายวันเลยอ่ะ แบบว่ากะลังเห่อหลาน


โดย: หมูบิน (Bann_Andaman ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:8:44:22 น.  

 
กระท่อมน่ารักมากเลยค่ะพี่นะ ชอบๆ

แป๋วก็ไม่เครียดค่ะ
แล้วก็คิดว่าสบายดี มั้ง


โดย: นู๋แป๋ว (nupaew ) วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:11:07:46 น.  

 
เรียกว่าการเดินทางแบบมาราธอนเลยค่ะคุณ ณ มน
แต่ว่าก็ชอบอ่านนะคะ เพราะว่าคุณ ณ มนเล่าให้เราได้เห็น
ภาพง่ายๆ เลย แถมภาพประกอบก็สวยๆ ทั้งนั้นค่ะ

จบการท่องเที่ยวที่อินเดียโดยมีมือขับเป็นนายราชไปแล้ว
เมื่อไหร่หนอจะได้เดินทางแบบนี้อีกค่ะ .. ยังไงก็
จะติดตามกันต่อไปนะคะ


..........

ชอบใจประสาทหินอ่อนจัง ดูสวยงามค่ะ คาดว่า
ถ้าไปเห็นด้วยตา อาจจะเพลินใจไม่อยากกลับก็ได้นะคะ
ฮีๆ แต่ว่าต้องแอบขอหนุ่มหล่อๆ ไว้สักคนนะคะ
เพราะไม่งั้นอาจจะร้องไห้กลับบ้านก็ได้น๊าเออ ^^


โดย: JewNid วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:22:57:46 น.  

 
ตามไปเที่ยวต่อ อ่านแล้วเห็นภาพแล้ว เหลืออย่างเดียวอยากไปด้วยจัง อิอิ



โดย: asariss วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:8:30:34 น.  

 
ปิดท้ายการพาเที่ยวอินเดียแบบเต็มอิ่มเลยเชียว ได้เห็นวิวงาม ๆ แล้วได้ความรู้เรื่องเมืองที่ณ มนพาไปเยือนด้วย

เพิ่งจะได้เห็นตำหนักดอกมะลิที่ขังพระเจ้าชาห์จาฮานน่ะเนี่ย สร้างได้สวยมาก ได้รู้ประวัติแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเศร้าจัง


โดย: haiku วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:9:47:40 น.  

 
บอกแล้วว่าจะตามมาเที่ยว
ก็มาตามนัดค่ะ..
ขอบคุณมากๆ..สำหรับภาพ+เรื่องราวประกอบ Indian trip

zwani.com myspace graphic comments
Graphics for Thank You Comments


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:11:11:37 น.  

 
สวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ไปด้วยคนจิ


โดย: ตาอ้วนชวนคุย วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:11:59:23 น.  

 
อ๊าก เกือบตามมาเที่ยวด้วยไม่ทัน ชอบภาพพระอาทิตย์มากๆ เลย โรแมนติ๊กโรแมนติกเนาะ

ป.ล. กระท่อมน้อยที่พักก็น่ารักอ่ะ อยากไปๆ ชาตินี้จะได้ไปอินเดียกับเค้าบ้างมั้ยน้อ


โดย: เบบูญ่า วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:15:02:04 น.  

 
การเขียนสลับใช้ภาพคั่นนี่ชอบมากๆเลยครับ ทำให้อ่านได้เพลินๆดี และทำให้ตัวหนังสือไม่ต่อกันยาวเป็นพรืดๆ เอ บล๊อกใครหว่าเป็นแบบนี้ ไว้รอทริปใหม่นะครับ


โดย: ฮิโระ (ordinary_hero ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:16:32:02 น.  

 
ฮิโระ....แต่เรืองก็ยังยาวมากอยู่ดี กลัวมากกว่าคนแวะเข้ามาจะเบื่อน่ะสิคะ พอรู้ว่าไม่เบื่อนี่ก็ดีใจมาก ปล.ขอบคุณที่รอทริปใหม่ค่า

เบบูญ่า...แหม ไม่ได้ไปอินเดีย แต่ได้ไปภูฏาน พี่น่าจะอิจฉาน้องนะเนี่ย

จิวนิด...ขอบคุณมากมายที่มาร่วมทัวร์กับณ มนตั้งแต่ต้นจนจบถึงแม้จะยาวนานมาก อยากบอกว่าถ้าโอกาสอำนวยไปอินเดียให้ได้นะคะ

คุณแม่น้องเนเน่....อยากให้ไปด้วยเหมือนกันค่ะ จะได้เห็นความงามเหมือนกัน

ตาอ้วน...งั้นคราวหน้าถ้ามีการเดินทางครั้งใหม่จะชวนตาอ้วนไปด้วยดีไหมคะ

เริงฤดีนะ...ขอบคุณค่าที่มาทัวร์ด้วยกันจนจบ ถ้ามีการเดินทางครั้งใหม่อย่าลืมแวะมาเดินทางดว้ยกันอีกนะคะ



โดย: ณ มน วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:44:44 น.  

 
ไฮกุ...ใช่เลยจ้ะทัชมาฮาลนี่สวยมากแต่มีเรื่องเศร้ามาก เพราะเกิดขึ้นจากความตายของคู่รัก แถมคนสร้างยังโดนลูกชายจับขังในข้อหาผลาญเงินแผ่นดินอีก เศร้ามาก

ปล.ดีใจมากเลยนะที่ไฮกุมาร่วมเดินทางกับณ มนตั้งแต่ต้นจนจบ หากมีการเดินทางครั้งใหม่อย่าลืมมาด้วยกันอีกน้า

หมูบิน...หวัดดีจ้าหมูบิน หลานน่ารักไหมเอ่ย อยากเห็นรุปมั่งจัง

นู่แป๋ว...ดีมากจ้าที่ไม่เครียด เครียดมากเดี๋ยวเราแก่เร็วเนาะ


โดย: ณ มน วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:10:54:46 น.  

 
อินเดีย...ไม่ได้ไปมาหลายปีแล้วค่ะ
Bangkok, Thai glittercomments


โดย: เอื้องศาลา วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:17:29:14 น.  

 
ฟังณ มนพาเที่ยวแล้วเพลินดีเลยต้องตามมาเที่ยวทุกรอบ ถ้าจะพาไปทัวร์ที่ไหนก็แวะไปบอกอีกนะจ๊ะ


โดย: haiku วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:22:26:31 น.  

 
เข้ามาหลายรอบแล้วค่ะ แต่เม้นต์ไม่ได้สักที เม้นต์แล้วหลุด

ชอบบ้านพักจัง หลังคาหน้ารักดี พี่เตี้ยอาการเดียวกับจันเลยค่ะ แต่จันจะเอียนปราสาท มีช่วงหนึ่งเที่ยวปราสาทบ่อยมาก จนเอียนเลยง่ะ


โดย: rambujan วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:23:57:30 น.  

 
มาเที่ยวอินเดียด้วยคนค่ะพี่นะ
เห็นทัชมาฮาลแล้วคิดถึงปกหนังสือ ณ ฟากฟ้านี้ฯ เลยเนาะ
สวยงามมากๆเลยค่ะ

วันนั้นได้ดูรายการทางช่อง ช่องไรนะ ที่เป็นช่องไอทีวีเก่าน่ะ 555 จำไม่ได้ซะงั้น
เค้าเอาเรื่องราวเกี่ยวกับอินเดียมาลง เลยนั่งดู
ที่ว่าชาวอินเดียจะมาอาบน้ำในแม่น้ำ แม่น้ำอะไรก็จำไม่ได้อีกแล้ว 555
แต่เป็นแม่น้ำที่เลคพาเลซ อุทัยปุระ ใช่ไหมนะ 555 ไม่แน่ใจอีกแล้วไอ้เปิ้น!

เห็นภาพแบบนี้แล้ว อินเดียสวยมากเลยนะคะพี่นะ
สถาปัตยกรรมเค้าสุดยอดจริงๆ

ปล.คิดถึงเหมือนกันจ้ะ


โดย: fonrin วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:21:10:37 น.  

 
เปิ้น...โน่นก็จำไม่ได้นี่ก็จำไม่ได้ ดีนะที่จำพี่ได้ไม่งั้นมาบลอกนี้ไม่ถูกแน่ๆ
พูดถึงอาคารบ้านเรือนของอินเดียนี่เขาสร้างได้สวยงามยิ่งใหญ่จริงๆ แหละ ดูแล้วทึ่งมากเลย
ปล.คิดถึงเดฟกับอิงฟ้าเหมือนกัน

คุณจัน...ค่ะอะไรที่เห็นบ่อยๆมันก็พาลเกิดอาการเบื่อได้ ต้องเว้นระยะสักพักแล้วอาการคงจะดีขึ้น

เอื้อง...แบบนี้ต้องหาโอกาสกลับไปเยือนน้า จะได้ระลึกความทรงจำไง

ไฮกุ...ได้เลยจ้า มีเที่ยวอีกเมื่อไหร่จะไปตามที่บลอกเลย


โดย: ณ มน วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:11:44:51 น.  

 
เล่าสนุกดีค่ะ

อ่า..มีตาราชขับพาหลงตลอดอย่างนี้ น่ากลัวเหมือนกันนะคะ(หรือทางเล็กๆ ที่ว่านั่นเป็นทางลัดน้อ?)


เห็นด้วยว่าการเดินทางมันเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างได้จริงๆ ค่ะ

เราเองก็เป็นนะคะ อย่างน้อยก็มองอะไรๆ กว้างขึ้น ไม่แคบเหมือนเมื่อก่อน


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:13:05:36 น.  

 
ซาหวัดดียามบ่ายคะพี่นะหน้ามน สบายดีไหมคะ
ช่วงนี้กะลังม่วนซื่นกะน้องนิวอยู่ งานการไม่ต้องทำกานแย้ววววววววว


โดย: หมูบิน (Bann_Andaman ) วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:14:18:20 น.  

 
สวยจริงๆเลย ชอบมาก

ชอบที่พักเป็นพิเศษด้วย น่ารักดี


โดย: เยี่ยมรุ้ง วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:16:26:38 น.  

 
มากี่ทีก็หลงรักซุ้มประตูเข้าทัชมาฮาลทู้กกกกทีสิน่า


โดย: หมูบิน (Bann_Andaman ) วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:11:33:11 น.  

 
ณ มน ขา

แองจีมาแร้นนนน

เพิ่งอ่าน ณ ฟากฟ้านี้ หัวใจมีรัก จบไปหมาดๆเลยนะเนี่ย รูปในบล็อกนี้เหมือนremindทริปของอิงฟ้ากับเดฟเลยนะเนี่ย


คุยเรื่องนิยายดีกว่านะ

แองจีว่า นิยายเรื่องนี้คล้ายสารคดีเดินทางมากกว่าเรื่องโรแมนซ์ จริงอยู่ที่คาแรกเตอร์ พระ-นางและตัวประกอบค่อนข้างชัดเจนและตรงไปตรงมา แต่มัน "คาดเดาได้" มากเกินไป อะ แหะ ...เอาน่ะๆ แม้จะติก่อน แต่ก็จะชมว่า ณ มนบรรยายได้ดี ทำให้เอ็นดูอิงฟ้าและหลงนายเดฟไปได้แม้ไม่เห็นหน้าเลยนะ ที่สำคัญ นพินกับริวธาดาก็เป็นคู่กัดที่หรรษามั่กๆ

ถ้าใครติดต่อเอาไปทำละครทีวี อย่าลืมเสนอชื่อเพื่อน>>แองจี ให้รับบทอิงฟ้า นะจ๊ะ ไม่รับค่าตัวเลยละ ก้า



โดย: angy_11 วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:13:30:28 น.  

 
พี่ ณ หนีไปเที่ยวอีกแล้ว ตอนนี้เพื่อนอยู่ที่แคชเมียร์ค่ะ เพราะมาประชุมไอทีที่เดลฮี แต่ว่าตูนติดงานไปไม่ได้ นี่ก็บรรยายการนั่งรถไฟมากกว่า 30 ชั่วโมง จากเดลฮีขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ ก้นแทบพังหนังสือหมดไปสองเล่ม...


โดย: ColdOut วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:21:23:06 น.  

 

สวัสดีคะ แวะมาทักทายวันพุธ มีความสุขในการทำงานนะคะ



โดย: หน่อยอิง วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:11:45:41 น.  

 
ColdOut...อันนี้เป็นทริปเก่าน่ะจ้ะ ของใหม่ยังไม่มีเลย
แต่ว่าตอนนั้นเล่าไม่จบก็เลยนำมาเล่าต่อให้จบนี่ล่ะจ้ะ

ปล.อินเดียเป็นไงบ้างเอ่ย

จี้...โห น่ารักสุดๆ ไปหานิยายของณ มนมาอ่านด้วย
ขอบคุณมากๆเลยจ้าสำหรับคำติชม มีประโยชน์มากๆเลยนะสำหรับคนเขียนน่ะ
เพราะจะได้นำมาพัฒนางานเขียนชิ้นต่อๆไปได้ไง
พูดถึงริวธาดากับนพินแล้ว ณ มนชอบคู่นี้มากเลยนะ
โดยเฉพาะนังริว รู้สึกสนุกดีตอนเขียนตัวละครตัวนี้

ปล. ถ้าเขาติดต่อมาจริงๆ นะจะโทรไปเชิญจี้มาเป็นนางเอกเลยจ้า สัญญเลยเอ้า

หมูบิน...พี่เพิ่งจะได้เงยหน้าจากคอมพ์ได้สองวันเองมั้ง เร่งงานหนึ่งกว่าจะสำเร็จแทบตาย
แต่ตอนนี้ลั่นล้าแล้วล่ะเพราะงานราบรื่น เตรียมตัวควักกระเป๋าได้แล้วเน้อ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดเล่มใหม่น่าจะมาเร็วๆนี้ล่ะ

เยี่ยมรุ้ง...ค่ะทีพักน่ารักมากเลย แต่ตอนกลางคืนหนาวมากกกกก

สาวไกด์ฯ ...มีตาราชขับรถให้ลุ้นกันไปตลอดทางล่ะค่ะ ชีวิตมีรสชาติว่างั้น

การเดินทางถึงจะเป็นแค่จังหวัดต่างๆในเมืองไทยเราเอง ก็สามารถเปิดโลกทัศน์ของเราได้มากเลยค่ะ เช่นเดียวกับการที่เราได้บ้านอื่นเมืองอื่น ได้เห็นอะไรที่มันแตกต่างไปทั้งวิถีชีวิต ความเป็นอยู่และวัฒนธรรมประเพณีของเขา ทำให้เรามองโลกกว้างขึ้น มีมุมมองใหม่ๆให้กับความคิดของเราเอง คุ้มมากเลยนะคะกับการเดินทาง



โดย: ณ มน วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:11:57:18 น.  

 
หน่อยอิง..ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนกันค่า


โดย: ณ มน วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:11:59:43 น.  

 
ง่า...จริงๆ เหรอพี่นะ แล้วนี่ทันสัปดาห์หนังสือตค.นี้ป่ะคะ อยากรู้ อยากรู้
เฮ้อ... แต่ของหนูยังลูกพี่ลูกคนอยู่เรยยยยยย ว้า..เซ็งเป็ด


โดย: บินหลา (Bann_Andaman ) วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:12:27:02 น.  

 
หมูบิน...ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อค น่าจะทันงานหนังสือตุลาคมนี้นะจ๊ะ

มาช่วยพี่ลุ้นกันเหอะ

แล้วพี่ก็ส่งกำลังใจช่วยหมูบินลุ้นอีกแรงนะจ๊ะ ขอให้ผ่านไวๆ


โดย: ณ มน วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:15:14:13 น.  

 


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:07:43 น.  

 
โพสแล้วล่ม ๆๆๆๆๆๆๆ อ่ะ เซ็งปนเศร้าเลยโจ


โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:12:50 น.  

 
โจ..โอ๋ ๆ ไม่ต้องร้องไห้จ้า ในที่สุดก็โพสได้แล้วนิ
พักนี้บลอกแกงค์ประหลาดๆ เนาะ ต้องใจเย็นๆเข้าไว้


โดย: ณ มน วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:11:16:48 น.  

 
แง้วๆ อยากรู้แล้วจิ่ว่าใช่ 2 เรื่องนั้นป่าวนะ แฮมแฮมอ้วนกลมป่าวน้า
อยากอ่านคร่าาาาาาาาาา โอมเพี้ยง ขอให้ทันค่าพี่นะ แล้วเมื่อถึงวันนั้น ก็คงจะได้ฤกษ์เสียงตังค์แฮ


โดย: หมูบินของพี่นะคนเดียว (Bann_Andaman ) วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:15:40:05 น.  

 
ว้าว กระท่อมน้อยกลางทะเลทราย ฝนอยากไปเห็นของจริงจังเลยเน้อ

ดีจังไปเที่ยวไหนก็จำรายละเอียดและประวัติมาบอกเล่ากันน่ะค่ะ ฝนน่ะไปแล้วไปเลย และชอบลืม

สวยๆ ทุกภาพเลยค่ะ

เมืองสีน้ำเงินเนี่ย ดูภาพอย่างนี้แล้วเยอะและดูแออัดจังเลยนะคะ



ขอบคุณมากๆ นะคะคุณ ณ มน ที่อวยพรวันเกิดให้ฝน ขอให้มีความสุข สนุกกับการท่องเที่ยวเช่นกันน๊า


โดย: Malee30 วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:1:59:05 น.  

 
คุณฝน...ณ มนใช้จดเอาค่ะ ถ้าไม่จดก็ลืมเหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นเวลาไปเที่ยวนี่นอกจากมีหนังสือคู่มือแล้วยังมีสมุดบันทึกอีกเล่มหนึ่งด้วยค่ะ
ปล.ณ มนก็ต้องขอบคุณคุณฝนเหมือนกันที่มาเที่ยวกับณ มนตลอดเลย

ปล.2 ณ มนถึงได้ชอบเมืองสีทองที่สุดไงคะ เมืองสีชมพูดูวุ่นวาย เมืองสีน้ำเงินนี่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับเขาเท่าไหร่

หมูบินของพี่นะ....แฮมแฮม เป็นโครงการปีหน้าจ้ะ สำหรับเรื่องที่จะออกเดือนหน้าเป็นภาคต่อของนิยายเรื่องหนึ่งที่พี่เขียนเอาไว้จ้า


โดย: ณ มน วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:11:15:15 น.  

 
กระท่อมน่ารัก สวยจังเลย ไม่น่าเชื่อว่าประเทศอินเดียจะสวยขนาดนี้อ่ะ

แต่ชอบเมืองสีน้ำเงินอ่ะ สวยดี แปลกดีอ่ะ


โดย: sodakung วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:47:41 น.  

 
ตามมาเที่ยวค่ะ ชาตินี้จะมีโอกาสไปเยือนอินเดียกับเค้ามั่งมั๊ยน๊อ


โดย: คุณย่า วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:21:47:53 น.  

 
เส้นทางนี้กุ้งไม่ได้ไป ชอบจังค่ะ คราวหน้าจะไป Blue city มั่งแล้ววว


โดย: อิ่มอิ่ม (อิ่มอิ่ม ) วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:11:56:25 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ณ มน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ณ มน ชื่อนี้แปลว่า "ที่หัวใจ" ตอนแรกตั้งใจจะใช้เป็นเพียงนามปากกาที่ใช้เขียนหนังสือเท่านั้น

แต่สุดท้ายก็นำมาใช้เปิดบลอคจนได้ แหะแหะ

ณ มนเป็นคนธรรมดาๆ ชอบเดินทาง ชอบคุย ชอบเล่าชอบเมาท์ไปเรื่อย ถ้าไม่เบื่ออ่านเรื่องเล่าที่บางคราวก็เฮฮา บางคราก็ไร้สาระล่ะก็ แวะมาเยี่ยมเยือนกันได้ค่ะ ^_^


บอกเล่าเก้าสิบกันนิดนะคะว่า
บทความและข้อเขียนทุกชิ้นในบลอกนี้
ได้รับการคุ้มครองตาม พรบ. ลิขสิทธิ์ค่ะ
เข้ามาอ่านได้นะคะ แล้วก็แสดงความคิดเห็นได้ด้วย
แต่อย่าลอกกันนะคะ


***********


ผลงานของณ มนค่ะ























































ผู้เยี่ยมชม
Friends' blogs
[Add ณ มน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.