city palace ที่พำนักมหาราชากับมุมแปลกตาของเมืองสีชมพู
หลังจากชะโงกทัวร์ที่พระราชวังสายลม จนเจ้าแป๋มบ่นว่ามันน้อยไปนะตอนนั้น คราวนี้เลยขอแก้ตัวค่ะ
ณ มนกับพี่เตี้ยปักลักตั้งป้อมกันอยู่ที่พระราชวังพระนครนี่นานมากกกกค่ะ มาดูกันดีกว่า
**************************
ราชพาเราสองคนมาจากพระราชวังสายลมขับรถแป๊บเดียวก็ถึงcity palace ซึ่งมหาราชาองค์ปัจจุบันของชัยปุระทรงประทับอยู่ที่นี่
แต่เราสองคนไม่ได้เป็นคนพิเศษเช่นสื่อมวลชนไทยอย่างคุณสันติ เศวตวิมล เราเลยไม่ได้เข้าเฝ้าเป็นการพิเศษ
แอบอิจฉาคุณสันตินิดๆ เพราะเมื่อก่อนเคยทำงานอยู่ที่ตึกเดียวกันก็ได้เจอหน้าเขาบ่อยๆค่ะ เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้คนหัวฟูๆคนนี้มันส่งสายตาอิจฉาแกมริษยาให้เขาอยู่ออกบ่อย
เราจ่ายเงินไป180รูปีเป็นค่าเข้าชม ด้วยเงินพอดีไม่ขาดไม่เกินเพราะได้รับคำเตือนมาว่าอย่าให้เกินเด็ดขาดเพราะจะไม่ได้เงินทอน
เรื่องเงินๆทองๆนี่ณ มนไม่พลาดค่ะเตรียมเงินให้เขาพอดีเป๊ะเลย
พนักงานให้ตั๋วมาสี่ส่วน แบ่งเป็นจุดเที่ยวชมต่างๆในวังนี้ เช่นที่แสดงอาวุธ จุดแสดง ราชรถ แสดงภาพวาด และที่ชมเครืองทรงของมหาราชามหารานี โดยรวมแล้วเรียกว่าพิพิธภัณฑ์ของมหาชาราซาไว มาน ซิงห์ที่2
บางส่วนไม่เปิดให้เข้าชมด้วยเนื่องจากมหาราชาองค์ปัจจุบันยังทรงประทับอยู่ที่นี่นั่นเอง
ภายในพระราชวังพระนคร
ในนี้สวยไปหมดทุกมุมเพราะมันสีชมพูไปหมดซะทุกที เราเลยกดชัตเตอร์กันเพลินไปเลย
แต่ให้หงุดหงิดเล็กน้อยถึงปานกลางเพราะว่าพวกคนแขกนี่เขาคงสะกดคำว่าเกรงใจไม่เป็น
ก็เห็นว่าเรายกกล้องจะถ่ายรูปจะเดินหลบสักนิดไม่มีแถมบางทียังยิ้มให้กล้องเราอี๊ก
เกี้ยวค่ะ
เดินมาดูจุดจัดแสดงราชรถกันบ้างดีกว่า หลายคันเบาะบุด้วยผ้าไหมดูหรูหรา อลังการมาก สมเป็นพาหนะของมหาราชา
เดินดูให้น้ำลายหกเล่นๆแบบว่าอยากนั่งมั่งแต่บุญของก้นเราคงไม่ถึงจึงได้แต่มองเฉยๆ
มาถึงจุดแสดงภาพวาดค่ะมีหลายภาพบรรยายถึงการก่อร่างสร้างเมือง ภาพสงครามและภาพมหาราชาองค์ต่างๆ
แต่จุดที่เราสนใจมากที่สุดอยู่ที่หอจัดแสดงเครื่องทรงของมหาราชากับมหารานีค่ะ
เพราะแต่ละชุดนั้นปักเลื่อมพราวพรายสวยงามมากกกกก
แต่เขาห้ามถ่ายรูป อยากร้องไห้ออกมาดังๆ
คือแบบว่าสวยจริงๆนะคะไม่รู้จะบรรยายยังไงทั้งปักเลื่อมทั้งปักลวดลายละเอียดมากๆ
นอกจากจะแสดงเสื้อผ้าเครื่องทรงแล้วยังจำลองการใช้ชีวิตของสาวๆในวังด้วย
หุ่นแต่ละนางที่จัดแสดงสวมใส่เสือ้ผ้าสวยงาม อุปกรณ์ประทินโฉมครบครัน ซึ่งดูแล้วมันมากจนงงว่าเขาจะแต่งกันหมดได้ยังไงหนอ
เดินชมไปก็เกิดกิเลสเพิ่มพูนมากขึ้นทุกที อยากจะถ่ายรูปแต่ก็ไม่อยากแหกกฏเลยได้แต่ใช้สายตากับความทรงจำบันทึกภาพมาค่ะ
"มาดูนี่ดินะ"พี่เตี้ยกวักมือเรียกณ มน
"มีอารายพี่เตี้ย"ณ มนเดินมาหาพี่แก
เห็นพี่เตี้ยออกอาการแบบไอคอนเนี้ย
แปลความหมายออกไหมคะ ถ้าไม่ออกจะกระซิบบอกให้ นี่เป็นการแอบนินทาเลยนะเนี่ย เผอิญตอนนี้พี่เตี้ยแกไปเลห์ค่ะไม่อยู่เมืองไทย ณ มนเลยขออนุญาตเผาสักนิด
หน้าตาพี่แกเคลิ้มฝันมากกกก
"ดูดิ มหาราชาองค์เนี้ยเท่ห์เนอะ"
"ไหน"ณ มนเงยหน้าดูบ้างเป็นภาพวาดของมหาราชามาน ซิงห์ที่2
เออ ท่านทรงพระเท่ห์จริงๆแฮะ(คือไม่รู้จะใช้ราชาศัพท์ยังไงอ่ะค่ะ)
ดูแล้วท่านคมเข้มแบบแขกมากๆแล้วเครื่องทรงของท่านก็สวยงามสุดๆมิน่าเล่าพี่เตี้ยแกถึงเคลิ้มปานนี้
เราสองคนยืนชื่นชมท่านอยู่พักใหญ่ก็เดินจากมาดูส่วนอื่นๆของวังต่อไป
ออกมาจากหอแสดงเครื่องทรงก็เดินไปดูร้านค้ารอบๆกำแพงวังด้านใน
มีทั้งร้านขายเสื้อผ้าส่าหรี่ ภาพวาด เครื่องเงิน ของฝาก โปสการ์ด เรียกว่ามีของขายเพียบ
แต่ทุกอย่างไม่สามารถเรียกเงินรูปีจากกระเป๋าของเราได้
คติของเราคือเที่ยวอย่างเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการช้อป
ซึ่งมันก็ดีตรงที่เราไม่ต้องหอบหิ้วให้พะรุงพะรัง เพียงแต่ว่ากลับมาถึงเมืองไทยก็หาข้ออ้างในการบอกเพื่อนๆให้ดีหน่อยก็แล้วกัน เวลาที่พวกเขาถามถึงของฝาก
ขอเอารูปจันมาฮาลมาฝากอีกรอบ เพราะว่าที่นี่คือที่ที่มหาราชาองค์ปัจจุบันเสด็จไปพักตอนฤดูร้อนค่า
ก่อนออกจากที่นี่เราต้องเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยเพราไม่อยากจะยุ่งยากระหว่างทาง
เกิดปวดขึ้นมาจะแวะเข้าปั๊มก็ไม่ได้ด้วยว่าปั๊มน้ำมันของอินเดียเขาไม่ได้มีบริการแบบครบครันเหมือนบ้านเรา ไม่แน่เหมือนกันว่าเขาจะมีห้องน้ำแบบสะอาดๆไว้บริการหรือเปล่า เราเลยต้องจัดการธุระส่วนตัวกันให้เรียบร้อยเพราะเท่าที่เห็นมาเจอห้องน้ำสะอาดในปั๊มที่เดียวคือเมืองไจซาลเมอร์
ห้องน้ำที่พระราชวังพระนครนี่สะอาดผิดคาดค่ะ คงเป็นเพราะเป็นสถานทีท่องเที่ยวล่ะมั้งเลยดูแลกันดีแบบนี้
ออกจากพระราชวังพระนครก็หาซื้อน้ำดื่มค่ะ เรื่องน้ำดื่มนี่ก็สำคัญนะหลังจากการทดลองซื้อมาหลายยี่ห้อเราพบว่า
แต่น แตน แต๊น
น้ำดื้มพะยี่ห้อเป๊บซี่ชนะเลิศค่ะ รสชาติใช้ได้ เราเลยตกลงเลือกซื้อน้ำยี่ห้อนี้ตลอดเวลา10วันที่อยู่ในอินเดีย
อ่านมาถึงตอนนี้ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมคะว่า เอ๊ะ ทำไมคุรชายราชยังไม่ออกฤทธิ์อะไรเลย
อย่าคิดในแง่ดีแบบนั้นค่ะ เพราะเมื่อเราตกลงว่าเราจะตีรถออกจากเมืองชัยปุระเพื่อไปเมืองพุชการ์ คุณชายของเราก็เข้าสู่โหมดปกติ
คือ "ว่างเป็นพักดื่มน้ำชา ขับไปขับมาก็หลงทาง"
ราชพาเราขับซอกแซกไปตามถนนในเมือง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นทางออกเมือง
แต่เอ๊ะทำมายทางมันแคบๆแล้วก็เป็นตรอกซอกซอยแบบนี้หว่า
สรุป***หลงทางอีกแล้วคร้าบ
คุณชายเราหลงอีกแล้ว ขับซอกซอนไปตามทางนั้นทางนี้อยู่นานกลัวว่าเราจะไม่รู้ล่ะมั้งว่าหลง
แต่หลงทางวันนี้ไม่ได้ทำให้ณ มนโกรธหรือหงุดหงิดค่ะ
เพราะอะไรรู้ไหม
ก็เพราะว่าทางที่ราชพาเราไปหลงนั้นมันเป็นอีกมุมของเมืองสีชมพูค่ะ
ณ มนเห็นว่าอาคารบ้านเรือนแถวนี้ไม่ได้ทาสีชมพูค่ะ แถมร้านค้าสองข้างทางในซอยแคบๆนี้ก็ดูจะเป็นร้านค้าที่ชาวอินเดียเขามาจับจ่ายใช้สอยซื้อของกันจริงๆเพราะไม่เห็นมีนักทอ่งเที่ยวสักคน
ร้านค้าที่เห็นมีร้านขายข้าวสาร ร้านขายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มร้านขายยา ร้านขายผลไม้และขนม
หันไปมองทางนั้นเห็นเด็กเล็กๆวิ่งเล่นกันเป็นกลุ่ม
มองอีกทางเห็นเจ้าหนุ่มมายืนวางมาดเท่ห์ใกล้ๆรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองประมาณอวดความเท่ห์ว่างั้น
อีกด้านเห็นไอ้หนุ่มหน้ามนมายืนรอสาวสวยที่กำลังเดินออกจากบ้านมา
นี่ไงคะเหตุผลที่ทำให้ณ มนไม่หงุดหงิด หรือโมโห
เพราะณ มนได้รู้ความลับมาว่าเบื้องหลังตึกสีชมพูที่อยู่ริมถนนนั่น ยังมีอีกหลายสีหลบอยู่เบื้องหลัง
แถมสีสันเหล่านั้นก็มีชีวิตชีวาสวยงามไม่แพ้สีชมพูเสียด้วย
Create Date : 21 กรกฎาคม 2549 |
|
14 comments |
Last Update : 21 กรกฎาคม 2549 15:11:18 น. |
Counter : 1093 Pageviews. |
|
|
|