โกลาหลบนเครื่องบินกับก้าวแรกบนแผ่นดินอินเดีย
***มาแล้วจ้า ขอบคุณนะคะที่ทุกคนลงชื่อร่วมเดินทางพร้อมกับณ มน กันหลายคน
ตอนนี้มีเรื่องเห่อมากกกค่า เพราะหนังสือเล่มแรกในชีวิตจะวางแผงแล้วในวันที่25 มิถุนายนนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวเนื่องจากการเดินทางไปอินเดียของณ มน นี่แหล่ะค่ะ
แต่ว่าจะมาในรูปแบบของนิยายค่ะ พิมพ์กับสนพ.แจ่มใส งานนี้ดีใจจนหน้าบานกว่าเดิมอีกหลายเท่าค่า
มาเรื่องการเดินทางของเรากันต่อดีกว่าค่ะ
เกริ่นมาแบบนี้คงพอจะรู้กันแล้วนะคะว่ามันต้องเกิดเรื่องวุ่นๆบนเครื่องบินแหง๋ๆ ถูกต้องแล้วค่ะมันมีเรื่องจริงๆด้วย
วันที่เดินทางหลังจากขึ้นเครื่องแล้ว ตามประสาคนงบน้อยเลยต้องนั่งชั้นประหยัด แถมได้ที่นั่งแถวกลางที่มี4ที่น่ะค่ะ เพราะที่นั่งริมหน้าต่างถูกกลุ่มทัวร์จีนจับจองกันหมดแล้ว แถมยังส่งเสียงคุยกันล้งเล้งตามปกติของเขาค่ะ
(ขอโกงไม่บรรยายภาพค่าเอาไว้ถึงเมืองนี้แล้วจะบรรยายให้ฟังนะคะ)
เนื่องจากที่นั่งมี4ที่พี่เตี้ยได้นั่งริมสุด ณ มนได้นั่งที่สอง คราวนี้เหลือที่นั่ง3กับ4 พี่เตี้ยหันมายิ้มเจ้าเล่ห์กับณ มนค่ะ
"ลุ้นเอานะไอ้น้องว่าที่นั่งที่เหลือจะเป็นแขกหรือเปล่าอิอิ"แน่ะมีขู่ เพราะว่ากิตติศัพท์เรื่องกลิ่นแขกพี่แขกนั้นโด่งดังมาก
"โหยคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกมั้งพี่" ณ มน ยังหวังว่าจะโชคดีค่ะ
ปรากฏว่าสักครู่ก็มีผุ้หญิงคนหนึ่งเป้นคนไทยมานั่งที่เก้าที่ที่4 ฉันเลยหันมายิ้มแบบผู้มีชัยให้พี่เตี้ย
แต่ครู่เดียวเท่านั้นแหล่ะที่มีชัยเพราะแป๊บหนึ่งก็มีพี่แขกท่านหนึ่งอายุอานามก็น่าจะสัก50ปีมานั่งแหมะตรงที่นั่งที่เหลือติดกับฉันนั่นเอง
หันไปมองหน้าพี่เตี้ยแกส่งรอยยิ้มแบบผุ้ชนะกว่ามาให้พร้อมกับชูยาดมให้ซะอีก
"ไม่เป้นไรพี่มียาดม"แน้ มาเยาะเย้ยกันอีก
นี่ยังดีนะคะที่พี่ท่านไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ดังนั้นยาดมเลยไม่ต้องใช้ แต่ไม่มีทางที่ฟ้าจะให้ณ มน โชคดีมากถึงเพียงนั้นเพราะต่อมาพี่แขกท่านี้แกจะก่อฤทธิ์ชนิด ณ มน กับหญิงไทยอีกท่านต้องเอือมระอาเลยค่า
ก่อนเครื่องจะขึ้นที่จอทีวีมีการสาธิตอุปกรณ์ต่างๆรวมทั้งกฏข้อห้ามบนเครื่องบินข้อต่างๆ มาถึงกฏข้อห้ามมิให้ใช้โทรศัพท์มือถือบนเครื่อง คำเตือนจบลงไปไม่ถึง2วินาที
"ติ๊ด ตะลีติ๊ดติด"เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทันที ข้างๆณ มน นั่นแหล่ะพี่แขกคนนั้นเลย
ตานี่เขาเพิ่งจะบอกไปหยกๆว่าไม่ให้ใช้โทรศัพท์ นางฟ้าการบินไทยของเราเดินตรงมาทันทีพร้อมกับบอกว่ากรุณาปิดโทรศัพท์ด้วยค่า ตาลุงคนนี้ก็ยอมปิดเครื่องในที่สุด
ยัง ยังค่า ยังไม่หมด แกยังมีฤทธิ์อีก เพราะว่าไม่รู้แกไปดื่มน้ำมาจากไหน ตลอดระยะเวลาบนเครื่องบินแกลุกเข้าห้องน้ำประมาณ4-5ครั้งทำเอาพี่ผู้หญิงคนไทยอีกคนที่นั่งอยู่ริมนอกสุดต้องคอยขยับให้คุณพี่แขกท่านนี้เดินไปเข้าห้องน้ำค่ะ
ยิ่งกว่านั้นอีกสงสัยบรรดาพี่แขกอันเป้นผุ้โดยสารเกินครึ่งของเที่ยวบินนี้ คงจะดีใจที่ได้กลับบ้านเพราะแต่ละคนพากันลุกเดินมาทักทายกันเสียงดังโขมงโฉงเฉง ดังกว่าทัวร์จีนอีกอ่ะ เราก็พยายามเข้าใจนะว่าเขาดีใจที่จะได้กลับบ้านเก่า เอ๊ย กลับบ้านเกิด
แต่เพราะว่าเรานั่งไม่ห่างจากห้องน้ำเท่าไหร่นี่ดี ปัญหาหนักเพราะนอกจากจะเดินไปเดินมาทักทายกันแล้ว ยังพากันเข้าห้องน้ำตลอดเลยอ่ะ เสียงเปิดปิดประตุห้องน้ำดังตลอดเป้นอันว่าใครที่คิดจะหลับบนเครื่องบินเที่ยวนี้คุณหมดสิทธิ
เมื่อเครื่องบินเริ่มลดระดับจะลงจอดที่สนามบินอินทิรา คานธี เมืองเดลลี ระหว่างนั้นเองพี่แขกคนเดิมแกก็หยิบซิมการ์ดโทรศัพท์ขึ้นมาจัดแจงเปลี่ยนใส่ในเครืองของแก ณ มนหวังว่าแกคงแค่เปลี่ยนซิมเฉยๆคงไม่เปิดเครื่องหรอกมั้ง
คิดผิดอย่างแรงค่ะ เพราะพี่ท่านเปิดเครื่องเฉยเลย
แล้วทันที่ล้อแตะรันเวย์เสียงโทรศัพท์แกก็ดังขึ้นทันที
"ติ๊ด ตะละติ๊ด ติด"
ผู้โดยสารทุกคนหันมาทางแถวที่ณ มน นั่ง เราก็หันมามองแก แต่แกทำหน้าเฉยเมยมากเลย ประมาณมองไร เหรอ ก็แค่เปิดโทรศัพท์อ่ะ
คราวนี้นางฟ้าการบินไทยของเราก็รีบเดินจ้ำอ้าวมาเลยค่ะ
"คุณคะกรุณาปิดโทรศัพท์ด้วยค่ะ มันอันตรายนะคะ"
"ไม่เห็นจะเป็นไรเลยก็นี่เครื่องบินก้กำลังลงจอดไม่เห้นจะอันตรายตรงไหน"
แน้ยังมีหน้ามาเถียงอีก
คราวนี้นางฟ้าของเรากลายเป้นนางยักษ์ชั่วคราว ตีหน้าดุพร้อมกับพูดเสียเข้มๆค่ะ
"มันไม่ใช่ความปลอดภัยของคุณคนเดียวนะคะแต่มันหมายถึงทุกคนบนเครื่องบินเที่ยวนี้ กรุณาปิดเดี๋ยวนี้ค่ะ"
นั่นแหล่ะแกถึงยอมปิดเครื่อง
โหย แค่เริ่มต้นนะนี่ก็รบกะแขกตั้งกะบนเครื่องแล้วอ่ะแล้วตอ่ไปนี้ไอ้หมูไม่กลัวน้ำร้อนอย่างณ มนกับพี่เตี้ยจะต้องเจออะไรบ้างน้อ
หลังจากนั่งรอให้พี่แขกกับพี่จีนทยอยเดินลงเครื่องไปก่อน ณ มน เลยมีโอกาสหันมาสนทนากับพี่ผู้หญิงชาวไทยผู้ร่วมชะตากรรม เธอชื่อพี่เอียดค่ะมากับเพื่อนชื่อพี่หนูจะเดินทางท่องเที่ยวที่แคว้นราชสถานเหมือนกับณ มน แต่แกมีเวลามากกว่าก็เลยคิดว่าคงได้เจอกันแค่ที่สนามบินเท่านั้น เราเลยทักทายกันก่อนจะลำลากันที่สนามบินนั่นเอง
เมื่อผ่านเรื่องการตรวจเอกสารมาแล้ว ก็เดินออกจากสนามบิน
ก้าวแรกที่เหยียบบนแผ่นดินอินเดีย อากาศในเดือนธันวาคมของเมืองเดลลีพอเย็นๆเท่านั้นยังไม่ถึงกับหนาวค่ะ มองไปทางซ้ายทางขวาเห็นคนยืนชูป้ายกันสลอน ณ มน กับพี่เตียวก็หาคนชูป้ายชื่อเราเหมือนกัน
จนกระทั่งได้เจอกับป้ายชื่อของพี่เตี้ย คนถือเป็นชายอินเดียรูปร่างสันทัดใส่สูทดูสุภาพเรียบร้อยดี ใบหน้ามีหนวดเล็กน้อยพองาม เจ้าตัวส่งยิ้มมาทักทายเราก่อน
ใช่แล้วเขาคือคุณซานดีป เจ้าของบริษัททัวร์ที่เราติดต่อไว้นั่นเองค่ะ
ซานดีปกล่าวแนะนำตัวก่อนจะพาเรามาที่รถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ค่อนข้างไปเก่ามากกว่ายี่ห้อทาทา ที่ผลิตในอินเดีย พร้อมกับแนะนำคนขับที่มีชื่อว่า "ราช"
อะฮ้า ตัวละครสำคัญโผล่มาแล้วค่ะ นายราชคนนี้หล่ะค่าที่ต้องร่วมผจญภัยในแคว้นราชสถานร่วมกับ ณ มนและพี่เตี้ยไปตลอดเกือบ10วัน
*-*
*-*
*-*
ณ มนขอจบเรื่องราวไว้เท่านี้ก่อนนะคะแล้วจะมาเล่าต่อในตอนหน้าค่า
ขอรับรองว่าสนุกแน่ค่ะ
Create Date : 01 มิถุนายน 2549 |
|
23 comments |
Last Update : 1 มิถุนายน 2549 11:55:11 น. |
Counter : 1035 Pageviews. |
|
|
|
ลี่....ขอบคุณค่าทีไปดูปกนิยายของ ณ มน มาแล้วขอบคุณนะคะหวังว่าจะช่วยอุดหนุนกันน้า
yyswim.....อินเดียสนุกจริงๆค่า เดินทางไปพร้อมกับ ณ มนได้เลยค่ะ
K-Birch.....ขอบคุณที่ชอบเรืองเมืองอินเดียค่า ณ มน รับรองว่าจะเล่าให้สนุกสนานและเห้นภาพเหมือนได้เดินทางไปด้วยตัวเองเลยค่า