2010 Odyssey Two จอมจักรวาล 2






จอมจักรวาล 2
2010 Odyssey Two (1982)
โดย Arthur C.Clarke 
สนพ.Thai Science Fiction แปลโดย ณัฐ ศาสตร์ส่องวิทย์

"ณ จุดเริ่มต้นของยุคอวกาศ มนุษย์ได้ค้นพบสภาพไร้น้ำหนักและจดจำอิสรภาพที่สูญเสียไปเมื่อครั้งที่ออกจากท้องทะเลโบราณ

เมื่อพ้นจากสภาพแรงดึงดูด อิสรภาพบางอย่างได้กลับคืนมา ความกังวลและห่วงใยหลายอย่างเกี่ยวกับโลกมลายหายไปพร้อมกับน้ำหนัก"

หลังจากยานดิสคัฟเวอรี่ 1 ได้สูญเสียลูกเรือไปทั้งหมดและลอยอยู่ท่ามกลางวงโคจรของดาวพฤหัสบดี 

เฮยฺ์วู้ด ฟลอยด์ อดีตประธานสภาแห่งชาติเกี่ยวกับการเดินทางท่องอวกาศ จำต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อภารกิจที่ล้มเหลว

ด้วยยานดิสคัฟเวอรี่ 2 ของอเมริกากว่าจะสร้างเสร็จก็อีก 3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างน้อย จำเป็นต้องร่วมมือกับ"เลโอนอฟ" ยานอวกาศรัสเซียในการปฏิบัติภารกิจไขปริศนาแท่งหินโมโนลิธสีดำและกู้ยานดิสคัฟเวอรี่ 1 รวมถึงสืบต้นตอของปัญหาคอมพิวเตอร์ HAL 9000 

ฟลอยด์ถูกเรียกตัวมาปฏิบัติภารกิจร่วมกับทีมงานจากรัสเซีย เดินทางสู่ดาวพฤหัสบดีท่ามกลางความแปลกประหลาดใจที่รอพวกเขาอยู่...
ไม่ว่าจะเป็นการพบสิ่งมีชีวิตต่างดาว 
ไหนจะยานของพวกเขาก็ไม่ใช่ลำแรกที่จะไปถึงก่อน 
แท่งหินปริศนาที่ยังไม่มีใครไขความลับออกอก 
คำเตือนลึกลับจากบุคคลที่ใครๆก็ต้องฉงน 
ก่อนที่เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่มีผลต่อระบบสุริยจักรวาลของเราจะระเบิดขึ้น...พร้อมกับ
คำเตือนสุดท้ายที่ว่า

"อย่าได้มีมนุษย์หน้าไหนมาเหยียบดาวยูโรป้าโดยเด็ดขาด"

........................................................................................

เล่มที่ 2 ในชุด Space Odyssey ที่ Clarke เขียนต่อทิ้งช่วงจาก 2001 A Space Odyssey เล่มแรกถึง 14 ปีและเขียนต่อจากจุดจบในหนังแทน ไม่ใช่ต่อจากตอนจบของเล่มแรกที่ไปยังดาวจาเพตัสตัดมาที่แท่งหินลอยอยู่บริเวณดาวพฤหัสบดีแทน 

ผมว่าอ่านยากกว่าเล่มแรก ความสนุกและความตื่นเต้นก็น้อยกว่าด้วย มีสะดุดเป็นพักๆกับสำนวนแปล การเว้นวรรค การสะกดคำที่ผิดบ้าง แต่หลักๆก็คือ อรรถรสของเนื้อเรื่องที่ไม่ได้ชวนคิดและน่าติดตามเท่า 2001 แต่ฉากจบนี่อลังการทีเดียว 

อย่างไรก็ตามมีประเด็นชวนฉุกคิดที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ในการใช้แหล่งพลังงานจากตัวดาวเคราะห์ที่เราเข้าไปสำรวจ เช่น ยูโรป้า เพื่อใช้เป็นพลังงานเสริมสำรองให้ยานอวกาศใช้เดินทางให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น อาจจะใช้เป็นจุดพักในการเดินทางออกไปนอกระบบสุริยะของเราก็ได้ 

ถ้ามีสิ่งมีชีวิตต่างดาวจริงๆแล้วเราจะอยู่ร่วมจักรวาลกับมันได้หรือไม่ จะมีโอกาสติดต่อสื่อสารกันหรือไม่ แล้วจะติดต่อกันได้อย่างไร รวมถึงสิ่งมีชีวิตต่างดาวอาจจะไม่ได้มาในรูปแบบที่เราคุ้นเคยอย่างในหนังไซไฟทั่วๆไป แขนขายาวตาโตหัวโตก็ได้ อาจจะมาในรูปของจิตที่พัฒนาจนไม่มีตัวตนแต่ผ่านเครื่องมือตัวแทนอารยธรรมของมันอย่างยานอวกาศ
แท่งหินหรืออะไรก็ได้ใครจะไปรู้

สุดท้ายคือถ้าเกิดมีอะไรที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดควาเปลี่ยนแปลง ครั้งมโหฬารในแบบที่
เราคาดไม่ถึงต่อดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเรา โลกของเราจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร 
สิ่งมีชีวิตบนโลกจะเกิดอะไรขึ้น เหมือนที่ผมเคยดูสารคดีที่ว่า ถ้าไม่มีดาวพฤหัสบดีที่เป็น
ตัวกรองดาวหางและอุกกาบาตขนาดต่างๆก่อนที่มันจะเข้ามาสู่ระบบสุริยะภายในของเราด้วยแรงดึงดูดอันมหาศาลของดาวพฤหัสบดี คงมีการชนบนโลกครั้งใหญ่ทุกๆ 10,000 ปี เป็นแน่แท้ 

"จักรวาลไม่เพียงแต่แปลกกว่าที่เราคิด แต่แปลกกว่าที่เราสามารถคาดคิด"

ป.ล.แนวคิดเรื่องสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่อาศัยอยู่ในบรรยากาศชั้นโจเวียนของดาวพฤหัสบดียังปรากฎอยู่ในเรื่อง "A Meeting With Medusa" ของ Arthur C.Clarke ด้วย

คะแนน 8.2/10



Create Date : 12 ตุลาคม 2560
Last Update : 12 ตุลาคม 2560 21:45:54 น.
Counter : 2120 Pageviews.

2 comments
  
ห้วงอวกาศนี่ช่างลึกลับ แต่น่าค้นหาพอๆกัน เสียดายที่เทคโนโลยียังมีขีดจำกัด และสติปัญญาคนเราก็ยังมีขีดจำกัดในหลายเรื่อง
น่าตื่นเต้นนะครับ ถ้าได้คิดถึงว่าในอนาคตเราจะได้ไปท่องอวกาศบ้าง
โดย: ruennara วันที่: 12 พฤศจิกายน 2560 เวลา:2:43:19 น.
  
ห้วงอวกาศลึกลับและชวนค้นหาเหมือนจิตใจมนุษย์เลยครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 9 มกราคม 2561 เวลา:13:09:44 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
ตุลาคม 2560

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog