Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 19

บทที่ 19

หยดหนึ่งน้ำค้างกลางใบไม้เขียว นิ่งสงบอยู่เพียงนั้นจนกระทั่ง ลมพัดมาแต่อ่อนเบา สั่นสะเทือนใบไม้นั้นให้หวั่นไหว น้ำค้างจึงจำใจตกลงลอยเหินกลางฟ้า แต่เพียงก่อนกระทบพื้นช่วงหนึ่ง คมกระบี่แวววาวก็ลากผ่านตัด ขาดหยดน้ำนั้นเป็นสองอย่างงดงามยิ่ง

หวงเย่ว์ร่ายรำกระบี่เพียงลำพัง วาดคมอาวุธสวยงามดุจเต้นรำกลางแมกหมู่ใบไม้ และน้ำค้างที่ร่วงหลงตามแรงลม

เด็กหนุ่มผู้นี้นับว่ามีความพยายามมิน้อย และฝีมือเขายามนี้ก็ไม่นับว่าต่ำทรามแต่อย่างใด ความมุ่งมั่นและการฝึกฝนนั้นเองที่ผลักดันให้ก้าวหน้ามาจนได้เลื่อนขั้นเป็นครูฝึกสมใจ

และเมื่อหวงเย่ว์ร่ายรำเพลงกระบี่จนใกล้จบเต็มที่ ก็มีเสียงปรบมือหนึ่งดังขึ้นพร้อมเพรียงกับจังหวะวาดกระบี่สุดท้าย ทำเอาชายหนุ่มต้องรวบกระบี่หันกลับมองไปยังต้นเสียงอย่างว่องไว

“ยังคงงดงามดุจอิสตรี” ผู้กล่าวเสียดสีย่อมเป็นไหมขาว อาจารย์หญิงผู้เดินผ่านมาใกล้ แต่งกายมิใคร่จะเรียบร้อยนักทว่าก็ดูมีเสนห์น่าชมมิน้อย ผมเผ้าก็ดูยังไม่จับมัดเรียบร้อยซะทีเดียว

ได้ฟังคำนางหวงเย่ว์ก็รู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างแต่ก็หาได้โต้เถียงอันใดไม่ คิดไปเพียงว่ามิเคยได้รับฟังพร้อมทั้งกล่าวเปลี่ยนเรื่องออกไป

“อาจารย์หญิง ท่านสบายดีแล้วหรือ” หวงเย่ว์กล่าวทั้งที่ยังก้มหน้าคาราวะ

“นับจากวันนั้นแล้ว นี้ผ่านมากี่วันแล้วหรือ” อาจารย์หญิงกล่าวพร้อมเหงยหน้ามองไปยังฟากฟ้า

“หากหมายถึงนับจากวันที่ปราบมารร้ายได้ นี้ก็เป็นเวลานับเดือนเห็นจะได้” หวงเย่ว์ตอบ

“ถ้าเช่นนั้นปานนี้ ไม้เขียว คงกลับถึงสำนักของเขาเนิ่นนานแล้วกระมั่ง” ไหมขาว อ้างกล่าวถึง ไม้เขียว ผู้แข็งกระด่าง ซึ่งขอตัวกลับทันทีเมื่อเสร็จภารกิจ

“แล้วอาการบาดเจ็บของท่าน มิทราบหายคืนกี่ส่วนแล้ว” หวงเย่ว์นั้นพูดถึงอาการบาดเจ็บที่นางได้รับมากจากการต่อสู้กับมารเมฆดำ

“สนใจอันใดตัวโง่งม หรือเจ้าต้องการจะเร่งข้าให้จากไป” ไหมขาวกล่าวจบ ก็เดินเข้าไปหาหวงเย่ว์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยยากจะคาดเดาใจ

“มิกล้า ๆ ท่านอาจารย์โปรดพักผ่อนเสมือนว่าอยู่สำนักท่านเองเถิด” หวงเย่ว์กล่าวน้ำเสียงโอนอ่อน ทว่าในใจยังคงอึดอัดอย่างไรบอกมิได้

“พูดได้ดี ไหนของลองร่ายรำเพลงกระบี่เมื่อครู่ ให้อาจารย์หญิงผู้นี้ชื่นชมเสียหน่อย” ไหมขาว กล่าวก่อนจะเดินไปหักกิ่งไม้ยาวมาถือไว้คล้ายดั่งไม้เรียว

ชายหนุ่มได้แต่มองด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนจะจนใจ ร่ายรำเพลงกระบี่ตามคำสั่งของนาง และยังคงเป็นหวงเย่ว์ที่ร่ายรำได้งดงามแคล่วคล้องว่องไว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงไม่สมใจผู้รับชม

“ต่ำหน่อย” ไหมขาวกล่าวก่อนจะใช้กิ่งไม้แทนไม้เรียวตีไปที่ข้อมือที่ถือกระบี่ของหวงเย่ว์

“วางเท้ามิควรห่างไป” ครานี้ไหมขาวตีลงไปที่หน้าขาของหวงเย่ว์บ้าง

“หนักแน่นหน่อย” เธอยังคงกำกับการแสดง และแม้นหวงเย่ว์จะอึดอัดอยู่ไม่น้อยแต่ก็สำนึกในใจว่าสิ่งที่ถูกสั่งสอนล้วนทำให้เพลงกระบี่ที่ร่ายรำสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เด็กหนุ่มได้แต่แอบนึกชื่นชมนางอยู่ในใจไม่น้อย

ในขณะที่ไหมขาวก็รู้สึกบางอย่างที่พิเศษในตัวเด็กหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก นางจ้องมองหวงเย่ว์ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากก่อนจะนึกสนุกตวัดแทงกิ่งไม้แทนเพลงกระบี่

“รับมือ” สิ้นเสียงนั้นปลายกิ่งไม้ก็พุ่งหมายแทงเข้าที่คอหอยชายหนุ่ม

“เฉียบคมมาก” หวงเย่ว์จ้องมองปลายไม้เรียวที่พุ่งจี้อย่างตื่นตะลึงก่อนจะดีดตัวถอย หลบฉากอย่างเฉียดฉิว ก่อนจะมีอีกหนึ่งเพลงกระบี่ฟันตัดขวางตามติดซ้ำเติม

“นี้ก็เร็วมาก” หวงเย่ว์เอี้ยวตัวหลบอย่างเต็มที่ จึงเพียงรอดหลบได้ แต่หาจังหวะโต้ตอบได้ไม่

“ต้องถอยก่อน” หวงเย่ว์ยามนั้นทำได้แต่ถอย

“หลบได้ดี ลิงน้อย” ไหมขาวกล่าวน้ำเสียงแจ่มใส ร่ายรำกิ่งไม้แทนกระบี่ตวัด ฟัน แทง ตัด รวดเร็วเห็นเป็นเงากระบี่นับสิบโจมตีอย่างไม่ยั้ง ในขณะที่หวงเย่ว์ก็หลบหลีกสลับปัดป้องด้วยปลอกกระบี่อย่างรวดเร็ว

“มองแทบไม่ทันแล้ว” แม้นปลอกกระบี่หวงเย่ว์จะเร็วแต่นางกลับเร็วยิ่งกว่า

“น่ารักจริงๆ” ไหมขาวลอบกล่าวในใจ ก่อนจะคิดไปใยเด็กหนุ่มถึงใช้เพียงปลอกกระบี่รับมือ ทั้งที่หากให้กระบี่จริงย่อมคลี่คลายเพลงกระบี่ของนางได้เพราะกิ่งไม้ย่อมไม่ทนคมศาสตรา ยามนั้นนางจึงได้แต่ลอบชื่นชมในจิตใจยุติธรรมของเด็กหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะเปิดเผยร้อยยิ้มจริงใจ

“กระบี่สายลม” นางกล่าวก่อนจะแทงออกด้วยกิ่งไม้ทว่าเร็วยิ่งกว่าธนู หวงเย่ว์ยามนั้นเพียงแค่หลบก็แทบเหลือกำลังแล้ว เขาทำได้เพียงเอียงคอหลบได้อย่างฉิวเฉียดเห็นเป็นกิ่งไม้ผ่านเฉี่ยวกรีดต้นคอเป็นเลือดซึมไป แต่นางกลับไม่หยุดมือวาดกิ่งไม้ตัดขวางให้เขาต้องก้มหลบอย่างฉับพลันตัดขาดปลายผม

ไม่ให้หยุดหายใจนางตวัดชักเพลงกระบี่ลากกลับ ตัดผ่านปลายแขนเสื้อของเขาจนขาดหวิ่น ก่อนจะเหินร่างฟัดกระบี่เป็นรูปกากบาทรวดเร็วร้ายแรง ยามนั้นเขาทำได้เพียงใช้ปลอกกระบี่ต้านรับหนึ่งเพลง ก่อนจะจนใจไม่เร็วพอต้านเพลงกระบี่ที่สองรีบผละตัวทิ้งกระบี่หนีจากสนามรบตัวเปล่า

คนอยู่กระบี่อยู่ คนจากกระบี่จาก หากนี้เป็นการต่อสู้จริงๆ หลังจากนี้หวงเย่ว์คงหมดโอกาสรอดแล้วจากการที่ได้ทิ้งกระบี่ไป

“มองไปยังพื้นด้านล่าง” ไหมขาวกล่าว

พริบตาที่หวงเย่ว์เหลือบมองไปยังพื้นด้านล่างก็ต้องตะลึงงัน จ้องมองตาค้างด้วยว่าบนพื้นดินนั้นถูกเขียนไว้ด้วยคมกระบี่เป็นอักษรคำว่าลม (风) บางทีเพลงกระบี่ขั้นสูงที่ถูกใช้นี้คงมิเพียงหยอกล้อทว่าสอนสั่งไปด้วย

แต่เพียงกล่าวจบนางก็ต้องกระอักเป็นเลือดทันทีก่อนจะรีบใช้แขนเสื้อยกขึ้นมาปิดบังสีหน้าที่ซีดเผือดพร้อมทั้งปาดเช็ดเลือดออกไป แต่กระนั้นรอยเลือดอันมากมายที่ปลายแขนเสื้อย่อมปิดไม่มิด

“ท่านยังไม่หายดี” หวงเย่ว์กล่าว

“เด็กโง่ อาการช้ำในของข้าพเจ้าหายดีแล้ว แต่ที่ไอเป็นเลือดนี้มาจากโรคประจำตัวที่มันไม่แสดงอาการมานานแล้ว จนกระทั้งโดนพิษจากการสู้กับปีศาจร้ายเมื่อคราวก่อน”

“อาจารย์หญิงเก่งกาจ ไม่นานก็ต้องเป็นปกติแน่” หวงเย่ว์กล่าวทั้งมิทราบตนเองเช่นกันว่าใยถึงห่วงใยนางมิใช่น้อย

“ตัวโง่งม บางโรคนั้นหาใช่ว่ามียารักษาได้ ยังดีที่ข้าพเจ้าฝึกยุทธ์คงช่วยยืดอายุไปได้”

“มันไม่มีวิธีอันใดจะช่วยเหลือได้เลยหรือ” นางฟังน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากชายหนุ่มยามนั้นก็ได้แต่นิ่งงันก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

“วิธีรักษาคือ….” นางเว้นเสียงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “มันไม่มีหรอก วิธีรักษา” คำตอบถูกกล่าวออกพร้อมร้อยยิ้มอันเงียบเหงาก่อนจะกล่าวเสริมไปว่า

“ในชีวิตข้าพเจ้ายังมีสิ่งที่อยากทำอีกมากนัก” ไหมขาวกล่าวก่อนจะเหงยหน้ามองฟ้าอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง

“หากท่านต้องการสิ่งใดโปรดบอก ข้าพเจ้ายินดีช่วยเหลือเต็มที่” หวงเย่ว์ตอบอย่างจริงจังจริงใจจนนางต้องยิ้มให้เขาหนึ่งครา เป็นร้อยยิ้มที่ทำลายกำแพงแห่งความเย่อหยิ่งที่นางเคยสร้างไว้สิ้น ก่อนจะตอบอย่างเขินอายคราวเด็กสาวว่า

“ข้าพเจ้าอยากเห็นหิมะ เมืองที่ข้าพเจ้าอยู่นั้นทั้งปีไม่มีหิมะเลยแม้นสักวันเดียว” สิ้นคำกล่าวนางก็ปรี่ตัวเดินจากไปเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น


ยามค่ำ ภายในห้องของเจ้าสาขาฯ นามกระดาษแดง

ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบ ๆ ธรรมดาทว่าข้าวของเครื่องใช้ล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น ภายในห้องยามนั้นสว่างสไวด้วยตะเกียงไฟซึ่งเผยให้เห็นร่างอันผอมซีดของกระดาษแดงซึ่งนั่งอ่านคัมภีร์มารเปลี่ยนอสูรด้วยสีหน้าแววตาอันเต็มไปด้วยกิเลส

แต่ในรัตติกาลอันมืดมิด ก็บังเกิดหนึ่งเสียงเบา ๆ ดังขึ้นเพียงเท่ากับหินตกใส่กระเบื้องเหนือหลังคาห้อง กระดาษแดงก็หยุดอ่านคัมภีร์มารทันที แววตาพลันเปลี่ยนกลับมาเป็นอำมหิตนัก พร้อมทั้งร้อยยิ้มอันเจ้าเลห์เปิดเผยพร้อมลอบกล่าวในใจว่า

“หนูสกปรก ปล่อยให้ข้ารอเนิ่นนาน”

กระดาษแดงยังคงแกล้งทำเป็นอ่านคัมภีร์มารต่อไปอีกครู่หนึ่งทั้งที่รู้ว่ามีผู้แอบมอง ก่อนจะหยุดพักนำมันไปเก็บไว้ในกล่องไม้สวยงามแล้วค่อยๆ นำมันไปวางไว้ในลิ้นชักอย่างถนุถนอมยิ่ง


ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเองทางด้านหวงเย่ว์ซึ่งกำลังนอนอ่านตำราบนเตียงของตนเองอย่างสบาย และเตรียมตัวเข้านอนโดยเดินไปยังตะเกียงไฟเพื่อจะดับมัน แต่พริบตานั้นเองก็พลันมีเสียงตะโกนกล่าวดังขึ้นทั่วทั้งสำนักสาขาเทพกระบี่ว่า

“มีคนร้าย ๆ” เสียงคำกล่าวอันดังไปทั่วทำเอาหวงเย่ว์รีบคว้าจับกระบี่วิ่งปรี่ออกนอกห้องทันที ก่อนจะพบกระดาษแดงเหินร่างผ่านไปพร้อมกับกล่าวว่า

“หวงเย่ว์ตามข้ามาเร็ว” สิ้นคำกล่าวอาจารย์เฒ่า เด็กหนุ่มก็รีบเหินร่างตามติดไปทันที

ทั้งสองใช้วิชาตัวเบาวิ่งตามติดโจรร้ายในชุดดำที่ใส่หน้ากากปิดบังหน้าตาในมือซ้ายถือไว้ด้วยกล่องไม้ยาว โดยกระดาษแดงวิ่งนำและมีหวงเย่ว์ติดตามมาไม่ห่าง

“โจรร้ายผู้นั้นขโมยคัมภีร์มาร นับว่าเป็นอันตรายต่อยุทธภพ หากมีโอกาสจับตายมันได้”กระดาษแดงกล่าวคำอำมหิตต่อหวงเย่ว์

“ครับ อาจารย์” หวงเย่ว์กล่าวตอบอย่างขอไปที ด้วยว่าเมื่อพิจารณาท่าร่างพร้อมกับวิชาตัวเบา เขากลับรู้สึกว่าโจรผู้นี้วรยุทธ์ไม่ด้อยไปกว่ากระดาษแดงแต่อย่างใดเลย และยิ่งเมื่อพิจารณาว่าวิ่งไล่กันมาเนิ่นนานกลับไม่ถึงตัวมันเสียทีนี้ย่อมยืนยันฝีมือมันได้เป็นอย่างดี

หากไล่แบบนี้ไม่รู้เมื่อไรจะจับตัวได้กัน ว่าแล้วอาจารย์เฒ่าจึงเปิดปากกล่าวต่อไปว่า

“ไอ้ลูกเต่าโง่งม รู้หรือไม่ว่ากล่องไม้นั้นหาได้มีคำภีร์มารซ่อนอยู่ไม่” กระดาษแดงกล่าว

มิทราบคำขู่เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก็ทำให้โจรร้ายต้องเหลียวหลังมามองตัวผู้เฒ่าคราหนึ่ง ก่อนจะเหลือบเห็นมันผู้เฒ่าลอบหยิบคัมภีร์มารที่ซ่อนอยู่ในปกเสื้อ ออกมาประหนึ่งยืนยันคำพูด

“เป็นไปไม่ได้” โจรเสื้อดำลอบกล่าวในใจก่อนจะชะลอฝีเท้า มือซ้ายที่หยิบกล่องไม้ขึ้นพร้อมทั้งใช้มือขวาเปิดฝากล่องดู

และภายในกล่องนั้นหาได้มีคัมภีร์ไม่ นี้ทำเอาโจรร้ายตกตะลึงงันมากแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้นกลับมีผงไอพิษสีขาวกระจายพุ่งออกมาแทนที่ ที่แท้กระดาษแดงเจ้าเลห์แอบเก็บซ่อนกล่องไม้ปลอมไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เช่นนี้ยังนับว่าเป็นวิธีการของฝ่ายธรรมะได้อีกเหรอ

“แมวมักตายเพราะความขี้สงสัยของมัน” กระดาษแดงกล่าวพร้อมร้อยยิ้มอันน่ารังเกียจก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าไล่ตามโจรร้ายที่เสียจังหวะก้าวเท้าเพราะพิษร้าย

“ชั่วช้า” โจรชุดดำกล่าวด่าในใจก่อนจะโคจรพลังหมายต้านพิษให้ถึงที่สุด พิษของมันอย่างน้อยนั้นจะทำให้แขนขาด้านชา อย่างมากอาจถึงชีวิตได้ และจังหวะเสียเปรียบนี้เองทำให้กระดาษแดงไล่จี้ติดมาถึงตัวบุคคลลึกลับได้

“ชนะข้าได้ ก็เอาคัมภีร์พร้อมยาถอนพิษไป” กระดาษแดงโหมกระโจนเข้าจู่โจมทันที โดยคลี่ม้วนกระดาษขนาดยักษ์ที่สพายหลังโดยชักปล่อยออกมาเป็นแพยาว ก่อนจะเกรงพลังปราณเปลี่ยนกระดาษเป็นกระบี่ ฟาดฟันรัศมีสังหารกว้างรุนแรง

ฝ่ายโจรแม้นเสียเปรียบแต่ยังคุมสติไว้ได้ มันชักกระบี่ออกมาต้านขวางปราณกระบี่กระดาษไว้อย่างเต็มที่ก่อนจะสำนึกว่าพลังปราณของกระดาษแดงนั้นรุนแรงยากจะต้านไว้ โจรร้ายจึงรีบปักกระบี่ตนกับพื้นไว้ ให้พื้นดินช่วยหนุนต้านแรงกระบี่กระดาษไปด้วยอีกทาง

ทว่าพลังปราณของกระดาษแดงนั้นหาได้ตกไม่ แรงนั้นพาทั้งโจรชุดดำและกระบี่ของมันที่ปักดินต้านไว้ถูกผลักดันถอยไปทั้งคนทั้งกระบี่ กระบี่ที่ปักดินถึงกับคราดพื้นเป็นรอยยาวกว้าง

กระบี่ที่ปักดินนี้คงต้านไม่ได้นานเพราะมันเริ่มงอตัวตามแรงแล้ว แต่พริบตานั้นเองโจรผู้นั้นกลับไม่ธรรมดาดีดตัวตีลังกาเหินร่างพร้อมทั้งดึงกระบี่จากพื้น โดดอ้อมหลบคมกระบี่กระดาษได้อย่างงดงาม

ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะหันกลับมาชักกระบี่ไล่จี้แทง เจ้าสาขาฯนามกระดาษแดงทันที แต่อาจารย์เฒ่ายังร้ายกาจใช้สองมือหยิบกระดาษมาขึงต้านดั่งโล่ห์ได้อย่างง่ายดาย

“ไม่มีเวลาแล้ว พิษเริ่มเล่นงานหนัก” โจรร้ายลอบกล่าวในใจ ก่อนจะโคจรพลังปราณเต็มขั้นใช้ออกด้วยสุดยอดวิชาของตน

ยามนั้นหวงเย่ว์ก็ไล่ตามมาจนใกล้จะถึงสนามต่อสู้พอดี แต่คงยังสอดมือเข้าไปช่วยอาจารย์ตนไม่ทัน ได้แต่มองดูเพลงกระบี่ของโจรร้ายที่สวยงามไม่น่าเชื่อ

คมกระบี่นั้นเริ่มจากทิ่มแทงไปที่ข้อมือขวาของกระดาษแดงบีบคั้นให้มันต้องยอมปล่อยมือข้างนั้นจากโล่ห์กระดาษไป ก่อนที่โจรนั้นจะวาดกระบี่ตัดเฉียงสพายแล่งจากล่างขึ้นบนตรงช่องโหว่ของโล่ห์กระดาษที่เปิดออกทันที ทว่าก็ตัดโดนก็แค่เพียงเนื้อผ้าเท่านั้น ก่อนที่คมกระบี่โจรกลับวงกลับรวดเร็วไม่น่าเชื่อหมายตัดขาดสพายแล่งจากบนลงล่างตัดกระดาษขาดสิ้น ก่อนจะสุดท้ายแทงปลายกระบี่จี้ไปที่ข้อมือซ้ายให้กระดาษแดงต้องปล่อยอาวุธกระดาษของตนอย่างเสียหน้า

หวงเย่ว์ยามนั้นได้แต่มองตาค้างในคมกระบี่ที่พลิกแพลงไม่ธรรมดา ทว่าอีกด้านหนึ่งภาพการเคลื่อนที่ของคมกระบี่กลับบอกเขาถึงความลับบางอย่าง

“ไฟ? ” ที่แท้การเคลื่อนที่ของคมกระบี่นั้นเป็นไปตามตัวอักษรคำว่าไฟ(火)นั้นเอง วินาทีนั้นเองหวงเย่ว์ได้แต่ตะลึงงันสุดจะคาดหรือว่าโจรร้ายนั้นที่แท้จะเป็น….

แต่ไม่ทันได้กล่าวอันใดกระบี่ของโจรชุดดำก็จี้เข้าหากระดาษแดงผู้ไร้อาวุธต่อกรแล้ว ชัยชนะของโจรผู้นั้นได้เข้ามาใกล้เพียงเอื้อม

“นังโง่เอ้ย” กระดาษแดงแม้นคับขันกลับไม่ตื่นกลัว กร่นเสียงด่าทอพร้อมร้อยยิ้มเจ้าเลห์ ทว่าคำกล่าวกลับแผงความหมายยิ่ง มันผู้นั้นรู้ได้อย่างไรว่าโจรชุดดำเป็นหญิงทั้งที่โจรผู้นั้นใส่หน้ากากอยู่ หรือที่แท้เป็นมันเองที่เปิดช่องให้โจรร้ายได้คิดลองเสี่ยงขโมยคัมภีร์มาร และเป็นมันอีกนั้นแหละที่รู้ว่าที่ใครคือขโมย

กระดาษแดงรวมพลังปราณเคลื่อนสองมือว่องไวประกบจับกระบี่ได้อย่างอัศจรรย์ทว่าพลังปราณนั้นกลับไม่สว่างสดใส แต่เป็นเย็นเฉียบมืดดำแสดงถึงวิชานั้นย่อมเป็น วิชามารในคัมภีร์เปลี่ยนอสูรเป็นแน่

ผู้เฒ่าร้ายกาจหยุดคมกระบี่ได้ดั่งใจ พริบตาสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดหยาบแห้ง ดวงตาเผยแววอำมหิตพร้อมทั้งพลังปราณพิษสีดำกระจายทั่ว

แม้นโจรชุดดำจะพยายามดันกระบี่เข้าใส่ร่างกระดาษแดงเท่าไร คมกระบี่ก็ไม่เคลื่อนแม้นแต่น้อย ร่างของกระดาษแดงก็ไม่เคลื่อนแม้นสักนิด และยิ่งโจรพลักดันคมกระบี่กลับยิ่งเป็นตัวกระบี่เองที่โค้งงอ จนกระทั้งบิดคล้ายคันศรก็ไม่ปาน

“เป็นไปไม่ได้” โจรร้ายตะลึงงันถึงกลับเปิดปากกล่าวด้วยเสียงอันแหลมเล็กเป็นอิสตรี

กระดาษแดงใช้พลังมารบิดข้อมือจนกระบี่นั้นแตกสะบั้นเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะพุ่งฝ่ามือกระแทกใส่โจรหญิงอย่างเต็มกำลังจนนางต้องลอยลิ่วเหมือนนกปีกหัก เสียงกระดูกแตกดังประดุจฟ้าร้อง พิษร้ายในกายนางแผ่ซ่านทันที แต่ที่น่าสะท้อนใจที่สุดกลับเป็นหวงเย่ว์ผู้อยู่ในเหตุการณ์และปะติปะต่อเรื่องราวได้จนสิ้น

วินาทีนั้นภาพของไหมขาวได้ปรากฎขึ้นในหัวของเขาอย่างชัดเจนพร้อมกับคำกล่าวของนางที่เคยพูดไว้ว่า “วิธีรักษาคือ…มันไม่มีหรอก วิธีรักษา” แต่จริงๆ แล้วหรือว่าคัมภีร์มารที่เคยถูกเล่าขานว่าดุจยาอำมตะคือสิ่งที่นางต้องการ

“อาจารย์หญิง!!!” หวงเย่ว์ตะโกนลั่นก่อนจะชักกระบี่พุ่งตัวเข้าหมายขวางการโจมตีระลอกสองของกระดาษแดงที่เตรียมซ้ำเติมโจรสาวทันที

“โง่เขลา” กระดาษแดงเหลือบมองคมกระบี่ของหวงเย่ว์ที่พุ่งมาทางด้านหลังด้วยหางตา ก่อนจะเคลื่อนกายหลบเพลงกระบี่ด้วยท้าเท่าท่องแดนอสูรอย่างร้ายกาจ และหันไปประจัญหน้ากับหวงเย่ว์อย่างจัง

พริบตานั้นมารกระดาษแดงรีบใช้มือซ้ายครากุมข้อมือขวาของเด็กหนุ่มข้างที่ถือกระบี่ไว้ จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือขวากระแทกเข้าไปที่ต้นแขนของหวงเย่ว์อย่างจังจนกระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ ส่งผลให้กระบี่หลุดมือฉับพลัน และเป็นกระดาษแดงที่หยิบฉวยแย่งกระบี่ได้ว่องไว ชักนำทิ่มปลายคมกระบี่เข้าหาโจรสาวที่ไร้ทางต่อกรทันที

“ไม่!!!!” หวงเย่ว์ตะโกนกล่าวอย่างสุดเสียง แต่ก็หาได้หยุดคมกระบี่ไม่ มันทิ่มแทงทะลุร่างของโจรผู้เคราะห์ร้ายไปเสียแล้ว

ยามนั้นหวงเย่ว์รีบฟาดฝ่ามือซ้ายใส่กระดาษแดงด้วยสัญาตญาณฉับพลัน แต่ฝ่ามือนั้นกลับเพียงทำได้เพียงแค่ให้กระดาษแดงถอยฉากไปเท่านั้นเอง

แต่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะให้เวลาหวงเย่ว์ได้เข้าไปถึงกายโจรหญิงเผื่อดูใจครั้งสุดท้าย

หวงเยว์รีบโอบกอดเธอไว้ด้วยแขนขวา แขนข้างที่กระดูกแตกนั้นเอง และแม้นเขาจะเจ็บปวดไปทั้งแขนดั่งใจจะขาดแต่ก็ฝืนไม่แสดงอาการเจ็บที่ใบหน้า ก่อนจะใช้แขนซ้ายเปิดหน้ากากผ้าของโจรหญิงออก และนางก็เป็นไหมขาวอย่างที่คาดไว้ เธอมีสีหน้าที่เจ็บปวดอย่างมากพร้อมทั้งรอยเลือดที่มุมปาก ก่อนจะกล่าวไปว่า

“ข้าพเจ้าคงไม่รอดแล้ว แต่ยังดีที่ได้ตายในอ้อมกอดชายหนุ่มอ่อนวัย ฮะฮะ” ทั้งที่นางจะไม่รอดแล้วแต่ยังคงพูดแหย่เล่นเหมือนไม่จีรังกับชีวิต

“เข็มแข้งไว้ท่านต้องไม่ตาย”

ไหมขาวได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะกระอักเป็นเลือดอีกครา อาการนางหนักหนายากจะรอดได้

“อดทนไว้อาจารย์หญิง ท่านเองไม่ใช่หรือที่บอกข้าว่ายังมีเรื่องอีกมากมายที่อยากทำ” ไหมขาวรับฟังยังคงทำได้เพียงยิ้มตอบเท่านั้น

“หิมะ ใช่แล้ว หิมะ ท่านยังไม่เคยเห็นหิมะเลย อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ท่านต้องเข็มแข็งไว้” หวงเย่ว์พูดทุกอย่างทั้ง ๆ ที่รู้ว่า จะพูดอย่างไรก็คงรั้งเธอไว้ไม่ได้อยู่ดี

นางไม่กล่าวแม้นสักครึ่งคำ เพียงแต่ยิ้มให้พร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ด้านหลังหวงเย่ว์ นางมองอันใดกัน

“หวงเย่ว์ นั้นหิมะใช่หรือไม่”

หวงเย่ว์เหลือบหันหลังกลับไปมองแต่ไม่เห็นหิมะอันใดเลย ทว่าที่เห็นก็เพียงหิ่งห้อยนับร้อยตัวที่บินสว่างสไวไปมาในยามค่ำคืนนั้นเอง

แต่ทว่าในยามที่ไหมขาวอ่อนแรงอย่างที่สุด สิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นภาพมัว ๆ และแสงสีขาวที่ลอยคล้ายดั่งหิมะ มันคงเป็นหิมะในฤดูร้อนสุดท้ายของเธอ

“ใช่แล้วอาจารย์หญิง มันคือหิมะ” หวงเย่ว์กล่าวทั้งน้ำตา

“สวยงามจริงๆ” สิ้นคำกล่าว ดวงตาของไหมขาวก็ค่อยๆ ปิดลงพร้อมกลับหลับไปอย่างสงบ

ความรู้สึกของหวงเย่ว์แตกสลายลงไปทันที ความรู้สึกของเขาและอาจารย์หญิงแม้นมันจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกดีที่เพิ่งเริ่มต้นและอธิบายไม่ได้ อีกทั้งยังไม่ได้ถูกฟูมฟักพัฒนาไปในทิศทางใด แต่เสียงหัวใจที่แตกสลายกลับดังก้องไปในจิตใจเด็กหนุ่มยิ่งนัก

เขากอดร่างอันไร้วิญาณของเธออย่างโศกเศร้า น้ำตานองหน้าอย่างไม่อาย โห่ร้องดั่งบทเพลงแห่งความสูญเสีย

และวินาทีแห่งความโศกเศร้านั้น ก็ยังคงมีเพียงมารในคราบนักบุญตนหนึ่งที่ไม่รู้สึกสะท้อนใจแม้นเพียงเสี้ยว มารที่ชื่อว่ากระดาษแดง มันเดินเข้าหาหวงเย่ว์อย่างเรียบ ๆ ก่อนจะฟาดสันมือใส่เด็กหนุ่มที่ไร้การป้องกันสิ้นจนหมดสติลงไป




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2550
2 comments
Last Update : 5 ธันวาคม 2550 18:31:32 น.
Counter : 650 Pageviews.

 

 

โดย: ความเจ็บปวด 5 ธันวาคม 2550 18:54:40 น.  

 

สวัสดีครับ แวะมาทำความรู้จักครับ
จะปีใหม่แล้วขอให้มีความสุขมากๆนะครับ
ถ้าว่างก็แวะไปเยี่ยมเยียนบ้างนะครับ

 

โดย: คนสวน (land_scape_man ) 7 ธันวาคม 2550 23:39:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.