Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 4

บทที่ 4

ณ ป่าไผ่ภายนอกเมืองลั่วหยาง


บุรษนามตัดกระบี่ ยืนประจัญหน้าเข้าสู้แววตาขอความเห็นใจของนางมารหิมะอย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะลอบยิ้มที่มุมปากด้วยนึกถึงชัยชนะจากนั้นจึงฟาดคมดาบเป็นแนวเข้าหาต้นคอขาวยาวระหงส์ของนางมารน้อยอย่างไม่มีลังเล

“ท่านพ่อข้าพเจ้าขออภัย” นางมารน้อยหลับตาลอบคร่ำครวญสำนึกเสียใจที่ต้องจากไปทั้งที่ยังไม่ได้แก้แค้นแทนพ่อ

แต่พริบตาขณะที่คมดาบของตัดกระบี่ได้วาดเป็นวงจนเกือบใกล้เข้าถึงร่างนางมารน้อย ฉับพลันที่หางตาขวาของตัดกระบี่ก็พลันเหลือบเห็นประกายแสงที่สะท้อนคมกระบี่ที่พุ่งปรี่เข้ามาใกล้ ทั้งรุนแรง รวดเร็วและเพ่งเล็งจุดตายของตัดกระบี่เป็นมั่นคง

“รังแกสตรีเช่นนี้จะเรียกว่าชาวยุทธ์ได้หรือ” ผู้กล่าวอ้างที่แท้เป็น หวงเย่ว์ ซึ่งมองสถานการณ์ผิดไปคิดเห็นเป็นเพียงว่าสาวน้อยหนึ่งนางถูกรังแก จึงพุ่งเล็งปลายกระบี่อันเปี่ยมพลังวัตรเข้าจี้ไปที่คอหอยของตัดกระบี่อย่างจริงจัง แต่มิเพียงเท่านั้นด้านซ้ายของตัดกระบี่ยังสัมผัสได้ถึงลมที่พัดกระหน่ำเข้าใส่ จำเป็นต้องให้มันเหลือบมองไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็น เงาทวนที่พุ่งปราดเข้ามาขนาบบีบคั้นอีกทาง

“หยุดดาบซะคนถ่อย” ผู้กล่าวประโยคย่อมเป็น อู๋จิง ซึ่งพุ่งปลายทวนเข้าจี้ และยิ่งเมื่อเข้าใกล้ตัดกระบี่ เด็กหนุ่มก็หมุนข้อมือแขนหัวไหล่ ซัดพลังวัตรเป็นเกลียวหนักแน่นรุนแรงทะลุทะลวงจนหอบลมพายุเข้ากระหน่ำซ้ำเสริม

“บัดซบ!!!” ตัดกระบี่คลั่งแค้นใจยิ่งด้วยว่าต้องหยุดคมดาบที่กำลังเข้าถึงต้นคอของนางมารน้อย ชักกลับมารับมือปกป้องตัวเองอย่างช่วยไม่ได้

ตัดกระบี่รวบรวมสมาธิและพลังปราณอย่างแน่วแน่เตรียมรับมือคมกระบี่ด้านซ้ายปลายทวนด้านขวา ทว่าเขาไม่ตื่นตระหนกใด ๆ รอจนปลายกระบี่เข้าใกล้เพียงคืบจึงระเบิดพลังปราณชักนำคมดาบเลื่อยฟันปลาวาดเป็นแนวตัดขวางผ่านกระบี่อย่างรวดเร็ว พริบตาดุจอัสนีผ่านฟ้า กระบี่ของหวงเย่ว์ก็ขาดกลางอย่างง่ายดาย สุดที่เด็กหนุ่มจะคาดคิด ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งมองตาค้าง

ถัดจากนั้นตัดกระบี่ก็เพียงเหลือบมองปลายทวนที่มาด้วยกำลังหนักหน่วงทางด้านซ้ายเพียงปลายหางตา และฉับพลันที่ปลายคมทวนอยู่ห่างคอหอยของเขาเพียงหนึ่งคืบ ตัดกระบี่ก็เคลื่อนไหว วาดมือกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และที่ตื่นตะลึงยิ่งนั้นก็ด้วยเขาใช้เพียงมือซ้ายเปล่า ๆ พุ่งเข้าคว้าจับด้ามทวนยึดกำแน่นหยุดยั้งแนววิ่งของทวนก่อนถึงเป้าหมายเพียงหนึ่งนิ้วเห็นจะได้

“ไม่น่าเชื่อ” อู๋จิงได้แต่ลอบตะลึงงันนึกไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีผู้หยุดพลังทวนเขาได้ด้วยมือเปล่า และไม่เพียงเท่านั้น ตัดกระบี่ยังลอบกระแทกพลังผ่านฝ่ามือที่กำด้ามทวนจนด้ามไม้แตกกระจายเป็นเป็นเสี่ยง

และในขณะที่สองพี่น้องซึ่งแส่เข้าขวางได้แต่ตะลึงงันในระดับความต่างของฝีมือ ตัดกระบี่ก็กระโดดลอยตัวเหนือพื้นก่อนจะสลับขาเตะซ้ายขวากลางอากาศอย่างรวดเร็วเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็วยากจะหลบทัน

แรงเตะนั้นพาร่างของหนุ่มน้อยทั้งสองลอยหมุนลิ่วกลางอากาศก่อนจะตกลงกระแทกพื้นรุนแรงสิ้นท่าไปในพริบตา แต่นี้ยังถือว่าโชคดีแล้วที่ตัดกระบี่เพียงตักเตือนสั่งสอนหาใช่ใส่เต็มกำลังไม่ มิอย่างงั้นคงหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก

นางมารน้อยผู้อาภัพ แม้นจะมีผู้เข้ามาช่วยเหลือแต่ทั้งสองคนนั้นหาได้เป็นคู่มือตัดกระบี่ไม่ แม้นเพียงแค่ถ่วงเวลาให้เธอพักพื้นรวบรวมพลังยังมินับว่าทำได้เลย

“อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น” เธอได้แต่ลอบคร่ำครวญ หากแม้นมีเวลาอีกเพียงนิดเธอคงพอมีแรงจะหลบหนีไปได้

“จบกันซะทีนะ” ตัดกระบี่กล่าวขณะเตรียมง้างดาบเข้าหามารหิมะอีกครั้ง

แต่เหตุการณ์สุดจะคาดคิดกลับเป็น หลินฟง ผู้เพิ่งมาถึงและเข้าร่วมด้วยความไม่รู้ เขาพลันกระโจนเข้ากระแทกตัดกระบี่อย่างสุดกำลังแต่นั้นไม่บังเกิดผลเสียหายใดแก่ตัดกระบี่ได้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ย้อท้อเอาสองมือเข้ากอดรัดฉุดดึงตัดกระบี่อย่างแน่วแน่

“แม่นางน้อยรีบหนีไป” หลินฟงกล่าวพร้อมทั้งพยายามฉุดกระชากตัดกระบี่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่กระนั้นร่างตัดกระบี่ก็หาเคลื่อนที่แต่อย่างใด

“บัดซบยิ่งนัก” ตัดกระบี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โมโหโกรธายิ่งก่อนจะง้างเท้าหมายเตะ หลินฟง ด้วยพลังวัตรเต็มที่แต่พริบตาที่ปลายเท้าใกล้จะถึงตัวหลินฟงผู้เคราะห์ร้าย หวงเย่ว์ ก็รีบกล่าวทัดทานว่า

“ท่านผู้อาวุโส โปรดหยุด เด็กคนนั้นไม่มีวรยุทธ์”

“อะไรนะ!!!” ตัดกระบี่ได้แต่ตะลึงงันยิ่ง ด้วยว่าถ้าเป็นผู้ไร้วรยุทธ์เจอเพลงเตะอันรุนแรงเช่นนี้เข้าไปหากไม่ตายย่อมพิการเป็นแน่ และด้วยวิถียุทธภพการทำร้ายผู้ไร้ยุทธ์เช่นนี้ย่อมถือว่าไร้เกียรติอย่างยิ่ง

ตัดกระบี่รีบพยายามชักนำดึงพลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่หาใช่สำเร็จง่ายดายไม่ เพลงเตะนั้นแรงพอที่จะทำให้หลินฟงบาดเจ็บลอยลิ่วไปเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นหนุ่มน้อยผู้เคราะร้ายก็ยังไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยว่าตัดกระบี่ดึงพลังกลับได้เกินแปดส่วนแล้ว

“ไอ้เด็กโง่” ตัดกระบี่ได้แต่ลอบด่าทอ

แต่แม้นเมื่อตัวขัดขวางได้ไปหมดแล้วตัดกระบี่ก็หาใช่จะได้กำจัดนางมารไม่ ด้วยว่าเมื่อเหลียวกลับมามองก็พบว่านางมารน้อยได้หนีหายไปเสียแล้ว

“ตัวมารบัดซบ!!!” ตัดกระบี่กล่าวอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะพยายามเหลือบมองซ้ายขวาหาร่องรอยติดตาม แต่หาพบสิ่งใดไม่ สุดท้ายจึงได้แต่เลือกทางอย่างคาดเดาพุ่งลอยตัวไปในทิศทางหนึ่ง

“น้องสามเป็นอะไรไหม” อู๋จิง เดินมาทาง หลินฟง ที่กำลังนอนกุมท้องอย่างเจ็บปวดก่อนที่หนุ่มน้อยจะผืนกล่าวตอบไปว่า

“ไม่เป็นไรมากพี่รอง ข้ายังพอเดินไหว” หลินฟงกล่าวก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน

“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอยอดฝีมือเช่นนี้” อู๋จิง กล่าวเป็นเชิงชื่นชมต่อตัดกระบี่อยู่เป็นสมควรแต่ก็ต้องรีบหยุดปากเมื่อได้ยินพี่ใหญ่ของตนกล่วต่อไปว่า

“บ้าที่สุด อันตัวเรานี้อ่อนแอถึงเพียงนี้เลยหรือ” หวงเย่ว์ กล่าวอย่างแค้นใจในขณะที่ในมือขวาก็เพียงกำกระบี่ที่ขาดครึ่ง

หวงเย่ว์ นั้นแม้นจะเป็นเพียงศิษย์ในสำนักเทพกระบี่สาขาย่อยเล็ก ๆ อันหนึ่งในเมืองหลวง แต่ก็ถือว่ามีฝีมือเป็นถึงอันดับสองเพียงรองจากเจ้าสาขาเท่านั้น ย่อมต้องมีความทะนงตัวอยู่บ้าง และถึงแม้นเด็กหนุ่มจะรู้ว่ายุทธภพนี้ยังมีผู้มีฝีมืออีกมากมาย แต่มันย่อมแตกต่างอย่างยิ่งกับการได้ประลองและพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงนี้

“บ้าที่สุด!!!!” หวงเย่ว์ตะโกนขึ้นฟ้าด้วยความคับข้องใจ

และในวันนี้เองวงล้อแห่งชะตากรรมก็ได้เริ่มหมุนเดินอีกครั้งเมื่อ หิมะที่หาใช่เหมันต์ได้พัดผ่านมาพบกับชะตาบุรุษแห่ง มาร ฟ้า เทพ


ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองลั่วหยาง

สามพี่น้อง หวงเย่ว์ อู๋จิง และ หลินฟง ได้เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่เนืองแน่นได้ด้วยผู้คนมากมาย เขาทั้งสามพยายามจะหาที่นั่งพักกินอาหาร แต่ก็หาพบโต๊ะว่างในชั้นล่างไม่ จึงช่วยไม่ได้ที่ทั้งสามจะต้องเดินขึ้นไปชั้นสองแทน แต่ถึงกระนั้นชั้นสองก็ยังมีชาวยุทธ์มากมายอยู่ดี

“สมกับเป็นโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อจริง ๆ เพียงจะหาโต๊ะดื่มชายังว่ายากเลย” อู๋จิง กล่าวในขณะที่ก็มองเหลียวซ้ายแลขวาหาโต๊ะไปทั่ว

“ไม่น่าเชื่อ…” หวงเย่ว์ลอบกล่าวอย่างประหลาดใจก่อนจะสะกิตให้ อู๋จิง มองไปยังทิศทางเดียวกับเขา

“นั่นผู้อาวุโสผมแดง” หลินฟง กล่าวเมื่อมองไปเห็นตัดกระบี่ นั่งเพียงลำพังกินอาหารอย่างเงียบ ๆ และดื่มสุราเพียงคนเดียว

ฉับพลันที่อู๋จิงเหลือบไปเห็นตัดกระบี่ก็รีบเดินปรี่เข้าไปหาทันที ยากที่หวงเย่ว์หรือหลินฟงจะห้ามปรามได้ทัน พริบตาเดียวอู๋จิงก็ยืนประจัญหน้ากับตัดกระบี่แล้ว

อู๋จิงจ้องมอง ตัดกระบี่อย่างไม่กลัวเกรงในขณะที่ ตัดกระบี่ก็หยุดวางตะเกียบขึ้นหันสบตามองจ้องเช่นกัน สุดท้ายจึงเป็นอู๋จิงที่กล่าววาจาไปว่า

“ท่านผู้อาวุโสโปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย” กลับเป็นอู๋จิงที่รีบคุกเข่านั่งคาราวะขอเป็นศิษย์ เสียอย่างนั้น

“ไอ้พวกเด็กเหลือขอ ข้ายังโมโหที่พวกเจ้าสอดมือเข้ามาช่วยนางมารหิมะไม่หาย ยามนี้ยังมีหน้ามาขอเป็นศิษย์อีกงั้นหรือ แค่ข้าไม่จัดการพวกเจ้าก็ถือว่าโชคดีนักหนาแล้ว” ตัดกระบี่ยังร่ายยาวต่อไปอีกว่า

“อีกอย่างข้าแก่กว่าเจ้าเพียงราวสิบปี อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสจะได้หรือไม่ และข้าก็ไม่เคยคิดจะรับศิษย์อีกด้วย” ตัดกระบี่ กล่าวจบก็หยิบตะเกียบขึ้นกินอาหารต่อ พร้อมทั้งโบกมือไล่อย่างไม่สนใจ

“ผู้อาวุโส ได้โปรดเถอะ ข้าพเจ้าไม่เคยพบเห็นผู้ใดจะเก่งกาจเยี่ยงท่านมาก่อนเลย” อู๋จิง ยังคงรุงรังขอร้อง ครานี้ตัดกระบี่เริ่มคิ้วกระตุกด้วยความรำคาญมากแล้ว

“ไร้สาระ หากรบกวนเวลากินเวลาดื่มของข้าอีก เห็นทีข้าจะต้องอบรมสั่งสอนพวกเจ้าให้รู้สำนึก” ตัดกระบี่ด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมทั้งตบฝ่ามือกระแทกโต๊ะเสียงดังสนั่นแทนคำขู่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเช่นนี้ หวงเย่ว์ จึงเดินเข้ามาสมทบพร้อมกล่าวอย่างมีมารยาทไปว่า

“ท่านผู้อาวุโส พวกข้าขออภัยต่อท่านอย่างยิ่ง ด้วยว่าตอนนั้นพวกเรานั้นมิทันสังเกตว่าเป็นท่านผู้สูงส่ง และยิ่งมิทราบได้ว่าคู่ต่อสู้ของท่านนั้นที่แท้เป็นนางมารหิมะภัยของยุทธภพ จึงเสียมารยาทต่อท่านไป หวังว่าท่านคงจะไม่ถือโทษโกรธพวกเด็กน้อยเช่นพวกเรา” หวงเย่ว์ กล่าวขอโทษอย่างสุภาพยิ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นคนฉลาดพูดไม่น้อย ทำเอาตัดกระบี่ต้องโอนอ่อนให้บ้าง

“ข้าก็ไม่อยากจะเอาความพวกเจ้าหรอก เดี๋ยวคนจะหาว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก นี้ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญไปได้” ตัดกระบี่กล่าวน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“ขอให้ข้าพเจ้าได้ขอขมาท่านผู้อาวุโสตัดกระบี่ผู้เกรียงไกร ด้วยเหล้าโรงชั้นดี เพื่อเป็นเกรียรติแก่ข้าพเจ้าได้หรือไม่” หวงเย่ว์ กล่าวเป็นเชิงชื่นชมอย่างยิ่งจนตัดกระบี่ก็แอบยินดีไม่น้อย

“เจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าเป็นใครก็นับว่าไม่เบา” ตัดกระบี่รู้สึกแอบภูมิใจเล็ก ๆ ความโกรธาก็ค่อยๆ จางลงไปมาก

“ดาบเลื่อยฟันปลา ยากจะหาใครไม่รู้ว่าท่านนั้นตัดกระบี่” หวงเย่ว์ คาราวะอีกคราก่อนที่ตัดกระบี่จะเปิดฝ่ามือเชื้อเชิญนั่ง

หวงเย่ว์ คาราวะอีกครั้งก่อนจะนั่งอย่างเรียบร้อยแล้วจึงสั่งเหล้าชั้นเลิศมาหนึ่งที่ ในขณะที่อู๋จิงก็รีบเข้าไปร่วมโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สุดท้ายหลินฟงก็ต้องเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจนัก

“ท่านผู้อาวุโส มีน้ำใจยิ่งนัก นอกจากไม่โทษพวกเราซ้ำยังให้ร่วมโต๊ะซึ่งถือเป็นเกียรติยิ่ง” หวงเย่ว์ กล่าวก่อนจะคำนับแล้วรินเหล้าให้ตัดกระบี่

“พวกเจ้าสองคนหน่วยก้านไม่เลว หากมีคนชี้แนะดีน่าจะเป็นยอดยุทธ์ได้ไม่ยาก” ตัดกระบี่กล่าวถึงเพียง หวงเย่ว์ และ อู๋จิง แต่เพียงยังไม่จบ อู๋จิง รีบกล่าวแทรกว่า

“ผู้น้อยคาราวะอาจารย์”

“ไร้สาระ ใครกันบอกจะให้เจ้าเป็นศิษย์ ข้าเพียงกล่าวไปตามที่เห็น” ตัดกระบี่กล่าวพร้อมทั้งรินเหล้าไปด้วย

“ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์เถิด” อู๋จิง ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ กล่าวตื้อ

“สุรา รสเลิศยิ่งนัก” ตัดกระบี่ดูเหมือนจะไม่สนใจต่อความยาวสาวความยืดกับ อู๋จิงเท่าไรนัก เพียงแต่สนใจในรสสุราเสียมากกว่า อู๋จิงเห็นตัดกระบี่ไม่สนใจเช่นนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

“หากท่านนิยมสุราเช่นนี้ งั้นข้าพเจ้าขอเชิญท่านไปดื่มกับหัวหน้าข้า เขามีสุราที่ดียิ่งกว่านารีแดงเสียอีก” อู๋จิงกล่าว

“หัวหน้าเจ้าคือใครกัน” ตัดกระบี่กล่าว

“หัวหน้าข้า คือ เจ้าสำนักคุ้มภัย ทวนพยักษ์ อันมีนามว่า พยักษ์ขาว”

“พยักษ์ขาวงั้นรึ….” ตัดกระบี่หยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า

“ไปเยือนมันเสียหน่อยคงไม่เสียหาย”

“ขอบคุณผู้อาวุโส หัวหน้าข้านิยมคบหาผู้มีฝีมือยิ่ง หากได้พบกับท่านผู้อาวุโสย่อมต้องเป็นการดีแน่” อู๋จิงกล่าวยินดี



Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 17:05:19 น. 1 comments
Counter : 679 Pageviews.

 
ชอบมากเลยครับ ติดตามมาตลอด

วันไหนไม่ได้อ่าน ก็จะกระวนกระวายใจมากครับ



โดย: ตุ้ย (LovelyPanda ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:25:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.