|
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 4
บทที่ 4
ณ ป่าไผ่ภายนอกเมืองลั่วหยาง
บุรษนามตัดกระบี่ ยืนประจัญหน้าเข้าสู้แววตาขอความเห็นใจของนางมารหิมะอย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะลอบยิ้มที่มุมปากด้วยนึกถึงชัยชนะจากนั้นจึงฟาดคมดาบเป็นแนวเข้าหาต้นคอขาวยาวระหงส์ของนางมารน้อยอย่างไม่มีลังเล
ท่านพ่อข้าพเจ้าขออภัย นางมารน้อยหลับตาลอบคร่ำครวญสำนึกเสียใจที่ต้องจากไปทั้งที่ยังไม่ได้แก้แค้นแทนพ่อ
แต่พริบตาขณะที่คมดาบของตัดกระบี่ได้วาดเป็นวงจนเกือบใกล้เข้าถึงร่างนางมารน้อย ฉับพลันที่หางตาขวาของตัดกระบี่ก็พลันเหลือบเห็นประกายแสงที่สะท้อนคมกระบี่ที่พุ่งปรี่เข้ามาใกล้ ทั้งรุนแรง รวดเร็วและเพ่งเล็งจุดตายของตัดกระบี่เป็นมั่นคง
รังแกสตรีเช่นนี้จะเรียกว่าชาวยุทธ์ได้หรือ ผู้กล่าวอ้างที่แท้เป็น หวงเย่ว์ ซึ่งมองสถานการณ์ผิดไปคิดเห็นเป็นเพียงว่าสาวน้อยหนึ่งนางถูกรังแก จึงพุ่งเล็งปลายกระบี่อันเปี่ยมพลังวัตรเข้าจี้ไปที่คอหอยของตัดกระบี่อย่างจริงจัง แต่มิเพียงเท่านั้นด้านซ้ายของตัดกระบี่ยังสัมผัสได้ถึงลมที่พัดกระหน่ำเข้าใส่ จำเป็นต้องให้มันเหลือบมองไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็น เงาทวนที่พุ่งปราดเข้ามาขนาบบีบคั้นอีกทาง
หยุดดาบซะคนถ่อย ผู้กล่าวประโยคย่อมเป็น อู๋จิง ซึ่งพุ่งปลายทวนเข้าจี้ และยิ่งเมื่อเข้าใกล้ตัดกระบี่ เด็กหนุ่มก็หมุนข้อมือแขนหัวไหล่ ซัดพลังวัตรเป็นเกลียวหนักแน่นรุนแรงทะลุทะลวงจนหอบลมพายุเข้ากระหน่ำซ้ำเสริม
บัดซบ!!! ตัดกระบี่คลั่งแค้นใจยิ่งด้วยว่าต้องหยุดคมดาบที่กำลังเข้าถึงต้นคอของนางมารน้อย ชักกลับมารับมือปกป้องตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
ตัดกระบี่รวบรวมสมาธิและพลังปราณอย่างแน่วแน่เตรียมรับมือคมกระบี่ด้านซ้ายปลายทวนด้านขวา ทว่าเขาไม่ตื่นตระหนกใด ๆ รอจนปลายกระบี่เข้าใกล้เพียงคืบจึงระเบิดพลังปราณชักนำคมดาบเลื่อยฟันปลาวาดเป็นแนวตัดขวางผ่านกระบี่อย่างรวดเร็ว พริบตาดุจอัสนีผ่านฟ้า กระบี่ของหวงเย่ว์ก็ขาดกลางอย่างง่ายดาย สุดที่เด็กหนุ่มจะคาดคิด ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งมองตาค้าง
ถัดจากนั้นตัดกระบี่ก็เพียงเหลือบมองปลายทวนที่มาด้วยกำลังหนักหน่วงทางด้านซ้ายเพียงปลายหางตา และฉับพลันที่ปลายคมทวนอยู่ห่างคอหอยของเขาเพียงหนึ่งคืบ ตัดกระบี่ก็เคลื่อนไหว วาดมือกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และที่ตื่นตะลึงยิ่งนั้นก็ด้วยเขาใช้เพียงมือซ้ายเปล่า ๆ พุ่งเข้าคว้าจับด้ามทวนยึดกำแน่นหยุดยั้งแนววิ่งของทวนก่อนถึงเป้าหมายเพียงหนึ่งนิ้วเห็นจะได้
ไม่น่าเชื่อ อู๋จิงได้แต่ลอบตะลึงงันนึกไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีผู้หยุดพลังทวนเขาได้ด้วยมือเปล่า และไม่เพียงเท่านั้น ตัดกระบี่ยังลอบกระแทกพลังผ่านฝ่ามือที่กำด้ามทวนจนด้ามไม้แตกกระจายเป็นเป็นเสี่ยง
และในขณะที่สองพี่น้องซึ่งแส่เข้าขวางได้แต่ตะลึงงันในระดับความต่างของฝีมือ ตัดกระบี่ก็กระโดดลอยตัวเหนือพื้นก่อนจะสลับขาเตะซ้ายขวากลางอากาศอย่างรวดเร็วเข้าที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างรวดเร็วยากจะหลบทัน
แรงเตะนั้นพาร่างของหนุ่มน้อยทั้งสองลอยหมุนลิ่วกลางอากาศก่อนจะตกลงกระแทกพื้นรุนแรงสิ้นท่าไปในพริบตา แต่นี้ยังถือว่าโชคดีแล้วที่ตัดกระบี่เพียงตักเตือนสั่งสอนหาใช่ใส่เต็มกำลังไม่ มิอย่างงั้นคงหนักหนาสาหัสกว่านี้มาก
นางมารน้อยผู้อาภัพ แม้นจะมีผู้เข้ามาช่วยเหลือแต่ทั้งสองคนนั้นหาได้เป็นคู่มือตัดกระบี่ไม่ แม้นเพียงแค่ถ่วงเวลาให้เธอพักพื้นรวบรวมพลังยังมินับว่าทำได้เลย
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น เธอได้แต่ลอบคร่ำครวญ หากแม้นมีเวลาอีกเพียงนิดเธอคงพอมีแรงจะหลบหนีไปได้
จบกันซะทีนะ ตัดกระบี่กล่าวขณะเตรียมง้างดาบเข้าหามารหิมะอีกครั้ง
แต่เหตุการณ์สุดจะคาดคิดกลับเป็น หลินฟง ผู้เพิ่งมาถึงและเข้าร่วมด้วยความไม่รู้ เขาพลันกระโจนเข้ากระแทกตัดกระบี่อย่างสุดกำลังแต่นั้นไม่บังเกิดผลเสียหายใดแก่ตัดกระบี่ได้ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่ย้อท้อเอาสองมือเข้ากอดรัดฉุดดึงตัดกระบี่อย่างแน่วแน่
แม่นางน้อยรีบหนีไป หลินฟงกล่าวพร้อมทั้งพยายามฉุดกระชากตัดกระบี่ด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่กระนั้นร่างตัดกระบี่ก็หาเคลื่อนที่แต่อย่างใด
บัดซบยิ่งนัก ตัดกระบี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โมโหโกรธายิ่งก่อนจะง้างเท้าหมายเตะ หลินฟง ด้วยพลังวัตรเต็มที่แต่พริบตาที่ปลายเท้าใกล้จะถึงตัวหลินฟงผู้เคราะห์ร้าย หวงเย่ว์ ก็รีบกล่าวทัดทานว่า
ท่านผู้อาวุโส โปรดหยุด เด็กคนนั้นไม่มีวรยุทธ์
อะไรนะ!!! ตัดกระบี่ได้แต่ตะลึงงันยิ่ง ด้วยว่าถ้าเป็นผู้ไร้วรยุทธ์เจอเพลงเตะอันรุนแรงเช่นนี้เข้าไปหากไม่ตายย่อมพิการเป็นแน่ และด้วยวิถียุทธภพการทำร้ายผู้ไร้ยุทธ์เช่นนี้ย่อมถือว่าไร้เกียรติอย่างยิ่ง
ตัดกระบี่รีบพยายามชักนำดึงพลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่หาใช่สำเร็จง่ายดายไม่ เพลงเตะนั้นแรงพอที่จะทำให้หลินฟงบาดเจ็บลอยลิ่วไปเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นหนุ่มน้อยผู้เคราะร้ายก็ยังไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยว่าตัดกระบี่ดึงพลังกลับได้เกินแปดส่วนแล้ว
ไอ้เด็กโง่ ตัดกระบี่ได้แต่ลอบด่าทอ
แต่แม้นเมื่อตัวขัดขวางได้ไปหมดแล้วตัดกระบี่ก็หาใช่จะได้กำจัดนางมารไม่ ด้วยว่าเมื่อเหลียวกลับมามองก็พบว่านางมารน้อยได้หนีหายไปเสียแล้ว
ตัวมารบัดซบ!!! ตัดกระบี่กล่าวอย่างเสียอารมณ์ ก่อนจะพยายามเหลือบมองซ้ายขวาหาร่องรอยติดตาม แต่หาพบสิ่งใดไม่ สุดท้ายจึงได้แต่เลือกทางอย่างคาดเดาพุ่งลอยตัวไปในทิศทางหนึ่ง
น้องสามเป็นอะไรไหม อู๋จิง เดินมาทาง หลินฟง ที่กำลังนอนกุมท้องอย่างเจ็บปวดก่อนที่หนุ่มน้อยจะผืนกล่าวตอบไปว่า
ไม่เป็นไรมากพี่รอง ข้ายังพอเดินไหว หลินฟงกล่าวก่อนจะพยายามลุกขึ้นยืน
ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอยอดฝีมือเช่นนี้ อู๋จิง กล่าวเป็นเชิงชื่นชมต่อตัดกระบี่อยู่เป็นสมควรแต่ก็ต้องรีบหยุดปากเมื่อได้ยินพี่ใหญ่ของตนกล่วต่อไปว่า
บ้าที่สุด อันตัวเรานี้อ่อนแอถึงเพียงนี้เลยหรือ หวงเย่ว์ กล่าวอย่างแค้นใจในขณะที่ในมือขวาก็เพียงกำกระบี่ที่ขาดครึ่ง
หวงเย่ว์ นั้นแม้นจะเป็นเพียงศิษย์ในสำนักเทพกระบี่สาขาย่อยเล็ก ๆ อันหนึ่งในเมืองหลวง แต่ก็ถือว่ามีฝีมือเป็นถึงอันดับสองเพียงรองจากเจ้าสาขาเท่านั้น ย่อมต้องมีความทะนงตัวอยู่บ้าง และถึงแม้นเด็กหนุ่มจะรู้ว่ายุทธภพนี้ยังมีผู้มีฝีมืออีกมากมาย แต่มันย่อมแตกต่างอย่างยิ่งกับการได้ประลองและพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเพียงนี้
บ้าที่สุด!!!! หวงเย่ว์ตะโกนขึ้นฟ้าด้วยความคับข้องใจ
และในวันนี้เองวงล้อแห่งชะตากรรมก็ได้เริ่มหมุนเดินอีกครั้งเมื่อ หิมะที่หาใช่เหมันต์ได้พัดผ่านมาพบกับชะตาบุรุษแห่ง มาร ฟ้า เทพ
ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองลั่วหยาง
สามพี่น้อง หวงเย่ว์ อู๋จิง และ หลินฟง ได้เดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่เนืองแน่นได้ด้วยผู้คนมากมาย เขาทั้งสามพยายามจะหาที่นั่งพักกินอาหาร แต่ก็หาพบโต๊ะว่างในชั้นล่างไม่ จึงช่วยไม่ได้ที่ทั้งสามจะต้องเดินขึ้นไปชั้นสองแทน แต่ถึงกระนั้นชั้นสองก็ยังมีชาวยุทธ์มากมายอยู่ดี
สมกับเป็นโรงเตี๊ยมขึ้นชื่อจริง ๆ เพียงจะหาโต๊ะดื่มชายังว่ายากเลย อู๋จิง กล่าวในขณะที่ก็มองเหลียวซ้ายแลขวาหาโต๊ะไปทั่ว
ไม่น่าเชื่อ
หวงเย่ว์ลอบกล่าวอย่างประหลาดใจก่อนจะสะกิตให้ อู๋จิง มองไปยังทิศทางเดียวกับเขา
นั่นผู้อาวุโสผมแดง หลินฟง กล่าวเมื่อมองไปเห็นตัดกระบี่ นั่งเพียงลำพังกินอาหารอย่างเงียบ ๆ และดื่มสุราเพียงคนเดียว
ฉับพลันที่อู๋จิงเหลือบไปเห็นตัดกระบี่ก็รีบเดินปรี่เข้าไปหาทันที ยากที่หวงเย่ว์หรือหลินฟงจะห้ามปรามได้ทัน พริบตาเดียวอู๋จิงก็ยืนประจัญหน้ากับตัดกระบี่แล้ว
อู๋จิงจ้องมอง ตัดกระบี่อย่างไม่กลัวเกรงในขณะที่ ตัดกระบี่ก็หยุดวางตะเกียบขึ้นหันสบตามองจ้องเช่นกัน สุดท้ายจึงเป็นอู๋จิงที่กล่าววาจาไปว่า
ท่านผู้อาวุโสโปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วย กลับเป็นอู๋จิงที่รีบคุกเข่านั่งคาราวะขอเป็นศิษย์ เสียอย่างนั้น
ไอ้พวกเด็กเหลือขอ ข้ายังโมโหที่พวกเจ้าสอดมือเข้ามาช่วยนางมารหิมะไม่หาย ยามนี้ยังมีหน้ามาขอเป็นศิษย์อีกงั้นหรือ แค่ข้าไม่จัดการพวกเจ้าก็ถือว่าโชคดีนักหนาแล้ว ตัดกระบี่ยังร่ายยาวต่อไปอีกว่า
อีกอย่างข้าแก่กว่าเจ้าเพียงราวสิบปี อย่าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสจะได้หรือไม่ และข้าก็ไม่เคยคิดจะรับศิษย์อีกด้วย ตัดกระบี่ กล่าวจบก็หยิบตะเกียบขึ้นกินอาหารต่อ พร้อมทั้งโบกมือไล่อย่างไม่สนใจ
ผู้อาวุโส ได้โปรดเถอะ ข้าพเจ้าไม่เคยพบเห็นผู้ใดจะเก่งกาจเยี่ยงท่านมาก่อนเลย อู๋จิง ยังคงรุงรังขอร้อง ครานี้ตัดกระบี่เริ่มคิ้วกระตุกด้วยความรำคาญมากแล้ว
ไร้สาระ หากรบกวนเวลากินเวลาดื่มของข้าอีก เห็นทีข้าจะต้องอบรมสั่งสอนพวกเจ้าให้รู้สำนึก ตัดกระบี่ด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมทั้งตบฝ่ามือกระแทกโต๊ะเสียงดังสนั่นแทนคำขู่ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเช่นนี้ หวงเย่ว์ จึงเดินเข้ามาสมทบพร้อมกล่าวอย่างมีมารยาทไปว่า
ท่านผู้อาวุโส พวกข้าขออภัยต่อท่านอย่างยิ่ง ด้วยว่าตอนนั้นพวกเรานั้นมิทันสังเกตว่าเป็นท่านผู้สูงส่ง และยิ่งมิทราบได้ว่าคู่ต่อสู้ของท่านนั้นที่แท้เป็นนางมารหิมะภัยของยุทธภพ จึงเสียมารยาทต่อท่านไป หวังว่าท่านคงจะไม่ถือโทษโกรธพวกเด็กน้อยเช่นพวกเรา หวงเย่ว์ กล่าวขอโทษอย่างสุภาพยิ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นคนฉลาดพูดไม่น้อย ทำเอาตัดกระบี่ต้องโอนอ่อนให้บ้าง
ข้าก็ไม่อยากจะเอาความพวกเจ้าหรอก เดี๋ยวคนจะหาว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก นี้ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญไปได้ ตัดกระบี่กล่าวน้ำเสียงเบื่อหน่าย
ขอให้ข้าพเจ้าได้ขอขมาท่านผู้อาวุโสตัดกระบี่ผู้เกรียงไกร ด้วยเหล้าโรงชั้นดี เพื่อเป็นเกรียรติแก่ข้าพเจ้าได้หรือไม่ หวงเย่ว์ กล่าวเป็นเชิงชื่นชมอย่างยิ่งจนตัดกระบี่ก็แอบยินดีไม่น้อย
เจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าเป็นใครก็นับว่าไม่เบา ตัดกระบี่รู้สึกแอบภูมิใจเล็ก ๆ ความโกรธาก็ค่อยๆ จางลงไปมาก
ดาบเลื่อยฟันปลา ยากจะหาใครไม่รู้ว่าท่านนั้นตัดกระบี่ หวงเย่ว์ คาราวะอีกคราก่อนที่ตัดกระบี่จะเปิดฝ่ามือเชื้อเชิญนั่ง
หวงเย่ว์ คาราวะอีกครั้งก่อนจะนั่งอย่างเรียบร้อยแล้วจึงสั่งเหล้าชั้นเลิศมาหนึ่งที่ ในขณะที่อู๋จิงก็รีบเข้าไปร่วมโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สุดท้ายหลินฟงก็ต้องเข้าร่วมอย่างไม่เต็มใจนัก
ท่านผู้อาวุโส มีน้ำใจยิ่งนัก นอกจากไม่โทษพวกเราซ้ำยังให้ร่วมโต๊ะซึ่งถือเป็นเกียรติยิ่ง หวงเย่ว์ กล่าวก่อนจะคำนับแล้วรินเหล้าให้ตัดกระบี่
พวกเจ้าสองคนหน่วยก้านไม่เลว หากมีคนชี้แนะดีน่าจะเป็นยอดยุทธ์ได้ไม่ยาก ตัดกระบี่กล่าวถึงเพียง หวงเย่ว์ และ อู๋จิง แต่เพียงยังไม่จบ อู๋จิง รีบกล่าวแทรกว่า
ผู้น้อยคาราวะอาจารย์
ไร้สาระ ใครกันบอกจะให้เจ้าเป็นศิษย์ ข้าเพียงกล่าวไปตามที่เห็น ตัดกระบี่กล่าวพร้อมทั้งรินเหล้าไปด้วย
ได้โปรดรับข้าเป็นศิษย์เถิด อู๋จิง ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ กล่าวตื้อ
สุรา รสเลิศยิ่งนัก ตัดกระบี่ดูเหมือนจะไม่สนใจต่อความยาวสาวความยืดกับ อู๋จิงเท่าไรนัก เพียงแต่สนใจในรสสุราเสียมากกว่า อู๋จิงเห็นตัดกระบี่ไม่สนใจเช่นนั้นจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
หากท่านนิยมสุราเช่นนี้ งั้นข้าพเจ้าขอเชิญท่านไปดื่มกับหัวหน้าข้า เขามีสุราที่ดียิ่งกว่านารีแดงเสียอีก อู๋จิงกล่าว
หัวหน้าเจ้าคือใครกัน ตัดกระบี่กล่าว
หัวหน้าข้า คือ เจ้าสำนักคุ้มภัย ทวนพยักษ์ อันมีนามว่า พยักษ์ขาว พยักษ์ขาวงั้นรึ
. ตัดกระบี่หยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า
ไปเยือนมันเสียหน่อยคงไม่เสียหาย
ขอบคุณผู้อาวุโส หัวหน้าข้านิยมคบหาผู้มีฝีมือยิ่ง หากได้พบกับท่านผู้อาวุโสย่อมต้องเป็นการดีแน่ อู๋จิงกล่าวยินดี
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 17:05:19 น. |
|
1 comments
|
Counter : 679 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ตุ้ย (LovelyPanda ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:25:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
วันไหนไม่ได้อ่าน ก็จะกระวนกระวายใจมากครับ