Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 12

บทที่ 12


ณ ทุ่งหญ้าเขียวขจีห่างอยู่นอกตัวเมืองลั่วหยางไปไม่ไกลนัก

หวงเย่ว์ยืนนิ่งเพียงลำพังท่ามกลางทุ่งหญ้าที่กว้างไกลไปสุดตา ภายในมือขวาของเขาถือไว้เพียงกิ่งหลิวบอบบาง เหยียดยาวคล้ายแทนกระบี่

สายตาเด็กหนุ่มยามนั้นจับจ้องเพียงหินก้อนมหึมาที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาแน่วแน่ และเพียงหลับตาลงหวงเย่ว์ก็พลันอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงเหตุการ์ณในโรงเตี๊ยมใหญ่ที่ไม่สามารถปกป้องน้องชายของตนหรือหลินฟงไว้ได้ เรื่องราวเหล่านี้ส่งผลทำให้หวงเย่ว์บังเกิดมีสีหน้าหม่นหมอง ผิดหวังยิ่งนัก

แต่เพียงฉับพลันที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็รวบรวมสมาธิเป็นหนึ่งได้แล้ว ก่อนจะดีดตัวกระโดดขึ้นไปกลางฟ้าดุจมังกรทะยานก่อนจะเหินร่อนลงประดุจดั่งหงสา พุ่งตรงไปยังหินก้อนมหึมาที่ขวางหน้าแล้วใช้ออกด้วยกิ่งหลิวในมือประดุจดั่งดังกระบี่เขียนวาดอักษรกลางหินใหญ่ในทันที

“เปลี่ยนกิ่งไม้เป็นกระบี่” ปราณกระบี่ที่รวดเร็วดุจเปลวไฟตัดผ่านหินก้อนใหญ่คล้ายจารึกไว้ด้วยอักษรจีนเป็นคำว่า “ตัด” ในบัดดล จากนั้นจึงเป็นร่างของหวงเย่ว์ที่ค่อยๆ ร่อนลงเหยียดปลายเท้าแตะยืนบนหินก่อนนั้น และฉับพลันที่ปลายเท้าเหยียบถึงบนผิวหิน ก้อนหินมหึมาก็พลันหักขาดตามรอยของตัวอักษรจีนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที

ยามนั้นหวงเย่ว์เองก็ดูพึงพอใจกับฝีมือของตนที่พัฒนาขึ้นมาจากผลของการฝึกฝนอันหนักหน่วงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมามิน้อย ก่อนจะมีเสียงแทรงเข้ามาว่า

“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก” ผู้กล่าวเป็นชายสูงวัย ผอม สูง รูปหน้าผอมซีด มีปานแดงใหญ่ครึ่งค่อนหน้า แก้มตอบ รอบขอบตาคล้ำ ถือม้วนกระดาษคล้ายคัมภีร์ขนาดยักษ์ ชายผู้นี้ย่อมไม่ใช่ใครนอกจากอาจารย์ของหวงเย่ว์หรือ เจ้าสาขาย่อยสำนักเทพกระบี่นาม “กระดาษแดง”

“ที่มาได้ถึงเพียงนี้เพราะอาจารย์กระดาษแดงสั่งสอน” หวงเย่ว์กล่าวนอบน้อม

กระดาษแดงได้ฟังก็พลันยิ้มกว้างแต่ไม่เอ่ยชม ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า

“สิ่งนี้น่าจะตอบแทนความตั้งใจของเจ้าได้” ชายผอมหน้าแดง กล่าวก่อนจะโยนป้ายแผ่นไม้อันหนึ่งไปให้หวงเย่ว์รับ

“ป้ายตำแหน่งครูฝึก!!!” หวงเย่ว์กล่าวเสียงสูง หน้าตาตื่น

“ถูกต้อง ระดับฝีมือของเจ้าในตอนนี้นับว่าเหมาะสม คู่ควรต่อตำแหน่งครูฝึกของสำนักแล้ว” กระดาษแดงกล่าว

“ขอบคุณอาจารย์” หวงเย่ว์รีบคุกเข่ากล่าวขอบคุณไม่หยุดปาก

“แต่ก่อนที่ข้าจะมอบตำแหน่งครูฝึกให้เจ้าอย่างเป็นทางการ เจ้าต้องร่วมเดินทางไปช่วยข้าตามภารกิจที่สำนักใหญ่มอบหมายมาให้ก่อน”

“ภารกิจอันใด โปรดแจ้ง”

“ด้วยว่าเมืองอู๋ฮั่นซึ่งไม่ไกลไปจากลั่วหยางนี้กำลังเผอิญเคราะห์ร้าย ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ท่านรองเจ้าสำนักใหญ่จึงมอบหมายภารกิจให้พวกเราไปสืบเสาะต้นตอ หาทางช่วยเหลือชาวบ้าน”

“ข้าเจ้ามิคิดขัดอันใด แต่กระนั้นท่านอาจารย์หายดีแล้วหรือไม่” หวงเย่ว์กล่าว

“หายดีครบถ้วนแล้ว แต่นึกแล้วยังเจ็บใจ มิทราบใยนางมารหิมะถึงร้ายกาจปานนั้น” กระดาษแดงยามกล่าวก็ยังคงมีแววตานึกสะพรั่งกลัวฝีมือนางมารมิน้อย

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะออกเดินทางกันเมื่อไร ท่านอาจารย์”

“ทันทีที่เจ้าสำนักสาขาย่อยอีกสองคนมาถึง”

“อีกสองเจ้าสำนักย่อย!!! นี้นับเป็นภารกิจใหญ่ไม่ธรรมดาเป็นแน่” หวงเย่ว์กล่าวเสียงสูงคล้ายไม่เชื่อหู

“คาดว่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์พวกเขาจะมาถึงสำนักสาขาของเรา”


หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ณ สำนักเทพกระบี่สาขาย่อยเมืองลั่วหยาง

ยามนั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ มีเพียงหวงเย่ว์แต่ผู้เดียวซึ่งกำลังฝึกร่ายรำเพลงกระบี่ภายในสวนดอกไม้ใหญ่อย่างงดงามด้วยความตั้งใจแน่วแน่โดยมิได้สนใจรอบข้าง ก่อนจะมีเสียงแทรกปรบมือดังขึ้นสองสามจังหวะพร้อมกับเสียงพูดของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นว่า

“ร่ายรำงดงาม” ผู้กล่าวเป็นหญิงสาวในวัยสามสิบกว่าแต่ยังคงดูมีเสนห์เย้ายวนยิ่ง โดยเฉพาะรูปร่างที่ชวนให้หลงใหลไปได้ อีกทั้งดูเย่อหยิ่งไม่ธรรมดาในแบบนักบู๊หญิงผู้งามสง่า แต่งกายคล้ายดั่งเป็นถึงเจ้าสำนักสาขาย่อย อีกทั้งมีผ้าแพรยาวพันโอบรอบกาย

“ผู้น้อยขอบคุณที่ชม” หวงเย่ว์ประสานมือคาระวะตอบกลับ ด้วยว่าแม้นไม่เคยพบนางมาก่อนแต่ด้วยท่าทางการแต่งกายของนางก็พอให้ทราบได้ว่า หญิงผู้นี้ย่อมเป็นหนึ่งในเจ้าสำนักสาขาย่อย

“ชื่นชมอันใด ข้าเพียงกล่าวว่าเพลงกระบี่นั้นงดงามดั่งอิสตรีะหาใช่เหมาะสมเจ้าไม่ ตัวโง่งม” นางกล่าวจบก็สบัดหน้าเดินห่างหายไป

หวงเย่ว์เพียงได้แต่ยืนตะลึงงันมิทราบจะกล่าวต่อไปอย่างไรได้ แต่ไม่นานนักก็มีอีกหนึ่งเสียงทุ่มใหญ่ดังขึ้นมาว่า

“ขออภัยแทนนางด้วย แม้นนางมักพูดไม่เข้าหูผู้อื่นแต่หาได้มีนิสัยต่ำทรามไม่” ผู้กล่าวเป็นชายวัยใกล้สี่สิบ รูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ยิ่งนัก มาตารว่าหวงเย่ว์ซึ่งสูงสง่าแล้วยังสูงมิเท่ามันผู้นั้น อีกทั้งคล้ายเป็นนักบู๊ดูทะมัดทะแมง ในมือถือท่อนซูงมิทราบพกพาไว้เพื่อการใด

“มิกล้า ๆ หากมองไม่ผิดท่านหญิงผู้นั้นและท่านคงจะเป็นเจ้าสำนักสาขาย่อยที่มาตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มิทราบผู้น้อยมองผิดไปหรือไม่” หวงเย่ว์กล่าวอ่อนน้อม

“ถูกแล้ว และหากข้ามองไม่ผิดเจ้าย่อมเป็น หวงเย่ว์ ครูฝึกอายุน้อยที่ถูกกล่าวขวัญ”

“มิกล้า ๆ” หวงเย่ว์ประสานมือคาราวะนอบน้อมยิ่งนัก

“เมื่อรวม เจ้า, กระดาษแดง, ตัวข้า ไม้เขียว และ ไหมขาว พวกเราก็ครบสี่แล้ว เช่นนี้ควรรีบเดินทางไม่รอช้า” ชายสูงใหญ่นามไม้เขียวกล่าว


หลายวันต่อมาเมื่อทั้งสี่คนพร้อมออกเดินทางก็ได้ควบม้าไปจนถึงยังเมืองอู๋ฮั่นอันเป็นที่หมายอย่างไม่รอช้าจนถึงที่นั้นในยามบ่าย

เมื่อแรกเห็นเมืองอู๋ฮั่นนั้น ทั้งสี่ก็ได้แต่ตะลึงงันด้วยว่าเมืองทั้งเมืองเกือบจะกลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว มองไปแทบไม่เห็นแม้นแต่เงาผู้คน ที่มองเห็นอยู่บ้างก็มีเพียงแต่คนแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว

“นี้มันเมืองร้างหรืออย่างไรกัน” อาจารย์หญิงไหมขาว กล่าวด้วยน้ำเสียงยากจะเชื่อ

“มิทราบใยเมืองนี้จึงเหลือเพียงแต่คนแก่” กระดาษแดงกล่าว

“เช่นนั้นข้าพเจ้าขอออกไปสืบหาเบาะแสจะดีกว่า” หวงเย่ว์กล่าว แต่ก่อนที่เขาจะปลีกตัวออกไปก็ได้เห็นชายแก่ผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้

“ท่านผู้เฒ่ามิทราบเกิดเหตุอันใดกับเมืองนี้ ใยถึงมีเหลือเพียงเหล่าผู้อาวุโสอยู่” ไม้เขียวกล่าว ก่อนที่ชายแก่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเนิบ ๆ ว่า

“ผีดิบ” ชายแก่น้ำเสียงแผ่วเบายิ่ง

“ผีดิบ?” หวงเย่ว์กล่าวเสียงสูงสงสัยก่อนที่ชายแก่จะขยายความว่า

“เมืองนี้มีผีดิบที่ชั่วร้ายตนหนึ่งออกอาละวาด ชาวบ้านชาวเมืองต่างอกสั่นขวัญแขวนพากันทิ้งบ้านช่องและผู้เฒ่าผู้แก่ อพยพหนีไปเมืองอื่นกันหมดแล้ว”

อาจารย์หญิงไหมขาว ได้ฟังก็มีสีหน้าไม่เชื่ออย่างชัดเจนพร้อมทั้งกล่าวน้ำเสียงท้าทาย

“ผีดิบไร้สาระสิ้นดี”

ชายแก่ได้ฟังอาจารย์หญิงก็พลันเงียบงันก่อนจะเดินนำจอมยุทธ์ทั้งสี่ไปยังสุสานก่อนจะยืนยันหลักฐานด้วยการพาไปดูร่างของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ยังมิได้กลบฝัง ร่างของเหยื่อผู้นั้นเหมือนเหือดแห้งคล้ายถูกดูดเลือดไปสิ้น ที่คอมีรอยกัดขนาดใหญ่คล้ายดั่งถูกเสือร้ายขย่ำ นี้นับว่าเหลือเชื่อมากแล้ว

“เป็นไปไม่ได้” กระดาษแดง ลอบกล่าวหน้าซีด ก่อนที่ชายแก่จะกล่าวขอร้องว่า

“พวกท่านจอมยุทธ์จากสำนักเทพกระบี่โปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ” ชายแก่คุกเข่าขอร้องวิงวอน

“ถึงเห็นเป็นเช่นนี้ข้าพเจ้าก็ยังมิเชื่ออยู่ดีว่าผีดิบจะมีจริง นี้อาจเป็นการกระทำของผู้คนก็เป็นได้” อาจารย์หญิงไหมขาวกล่าวแย้งก่อนที่ชาวบ้านอาวุโสจะกล่าวตอบกลับไปว่า

“ท่านจอมยุทธ์หญิงโปรดระวัง เจ้าผีดิบตนนี้นิยมเลือดสตรียิ่งกว่าสิ่งใด” สิ้นเสียงชายแก่ หวงเย่ว์, ไม้เขียว และกระดาษแดงล้วนมองไปยังไหมขาวเป็นตาเดียวเหมือนคิดแผนการอันใดได้


ณ ยามค่ำคืนของเมืองอู๋ฮั่น

ท่ามกลางท้องถนนอันเงียบสนิทและมืดสลัวยังคงมีสาวชาวบ้านนางหนึ่งซึ่งเดินแต่เพียงลำพังบนท้องถนน นี้นับว่าดูอันตรายยิ่งนัก ทว่าหญิงผู้นั้นหาได้มีสีหน้าตื่นกลัวแต่อย่างใดเพราะนางคืออาจารย์หญิงไหมขาวซึ่งถูกแปลงโฉมแต่งกายให้เหมือนเพียงหญิงชาวบ้านสามัญชนทว่ายังคงมีผ้าแพรขาวผืนใหญ่ที่โอบพันรอบกายเฉกเช่นเดิม

เธอเดินย้อนกลับไปกลับมาตามถนนสายหลักในเมืองอู๋ฮั่นนั้นหลากหลายรอบแล้ว จนในที่สุดก็เหมือนจะหมดความตั้งใจและคิดจะเดินกลับไปยังที่พัก แต่พริบตานั้นเอง

“รังสีอำมหิต” นางตื่นตะลึงลอบรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม

และก็เป็นจริงดังว่าพริบตาดุจหนึ่งลมพัด เงาดำหนึ่งก็ได้พุ่งออกจากความมืดมาด้วยความเร็วที่สุดจะคาดเข้าจู่โจมมาจากมุมสูงทางด้านหลังนาง

แต่ยามนั้นไหมขาวรีบตั้งสติเตรียมรับมือ จะอย่างไรนางก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงเจ้าสำนักสาขาย่อยของสำนักเทพกระบี่ นางย่อมมีฝีมืออยู่บ้าง

เธอโอนถ่ายพลังปราณลงไปยังผ้าแพรที่พันโอบรอบกาย พริบตานั้นเองผ้าแพรก็พลันแผ่ขยายเป็นวงคล้ายดังกำแพงผ้าโอบคุ้มกันกายโดยรอบ ทั้งยังกระแทกกลับผู้คิดร้าย

เงาดำที่พุ่งจู่โจมยามนั้นสุดจะคาดรีบใช้กรงเล็บออกต้านทานผืนผ้าที่ตีวงเข้าใส่อย่างเร่งด่วน

“มีวรยุทธ์งั้นรึ” เงาดำนั้นลอบเค้นเสียงกล่าวหนัก ๆ หนึ่งคราถ่ายพลังปราณลงกรงเล็บฝ่ามือต้านทานผ้าแพรที่รุกไล่พร้อมดีดตัวถอนกลับ

แต่มิทันจะดีดตัวออกไปได้ไกลนักก็ถูกยอดยุทธ์สำนักเทพกระบี่อีกสองคนเข้าประกบซ้ายขวาทันที

“รับมือข้า เจ้าปีศาจร้าย” ผู้กล่าวเป็นไม้เขียวที่เหวี่ยงเอาท่อนซุงขนาดใหญ่ที่ถือไว้สองมือเข้าฟาดด้วยกำลังปราณรุนแรงทันที ในขณะที่อีกด้านก็เป็นกระดาษแดง ที่โคจรพลังปราณคลี่กระดาษม้วนคัมภีร์ จากนั้นจึงเปลี่ยนกระดาษนั้นให้เป็นคมกระบี่ขนาดยักษ์เข้าฟาดฟันซ้ำเติม

“ไอ้พวกหมาหมู่” ร่างมารเงาดำรีบถ่ายพลังลงมือซ้ายขวา ด้านหนึ่งประทับพลังลงฝ่ามือต้านรับท่อนซุงอย่างหนักหน่วงจนมือไม้สั่นบังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อีกด้านถ่ายพลังลงกรงเล็บต้านคมกระบี่กระดาษสามเพลงยุทธ์อย่างยากเย็น

แรงกดดันซ้ายขวาพลันบีบอัดมิให้มันทะยานหนีต่อได้ ต้องถ่ายพลังเหินร่างลงพื้นอย่างลำบากลำบน

“ที่แท้ก็เป็นหมาหมู่จากสำนักเทพกระบี่” ร่างเงาดำยามนั้นยืนนิ่ง เด่นอยู่กลางถนน เป็นชายผอมสีผิวซีดเผือดอย่างยิ่ง คล้ายผีดิบก็ไม่ปานสวมชุดยาวสีดำ ปิดหน้าไว้ครึ่งซีก

“หวงเย่ว์ ใยเจ้าลงมือเชื่องช้าเช่นนี้” กระดาษแดงลอบตำหนิลูกศิษย์ยืนนิ่งที่มิได้ร่วมเข้าโจมตี ในขณะที่หวงเย่ว์ยามนั้นได้แต่ยืนมองตาค้างก่อนจะกล่าวว่า

“เป็นมัน…..” หวงเย่ว์หน้าเสียยิ่งเพราะมิว่าชายเงาดำนั้นจะปิดหน้าเช่นไรเขาก็ยังคงจดจำได้แม่น ชายเงาดำผู้นี้คือคนเดียวกับที่บุกเข้าโจมตีเมื่อครั้งเขาคุ้มกันหยกน้ำเงิน มันคือมารเมฆดำนั้นเอง

“ข้าจำเจ้าได้” ชายชุดดำกล่าวก่อนจะชี้นิ้วไปทางหวงเย่ว์ ทำเอาเด็กหนุ่มเกิดอาการขวัญเสียยิ่งกว่าเดิม

“ไอ้ผีร้าย วาจาไร้สาระอย่างได้กล่าว มีวิชารีบใช้ก่อนจะตายเถิด” อาจารย์หญิงไหมขาวกล่าวด่าใส่ชายชุดดำทันที ก่อนจะตั้งท่าเตรียมจู่โจม แต่มารนั้นหาได้หวาดเกรงไม่พลันกล่าวไปว่า

“คิดว่าใช้พวกมากแล้วจะฆ่าข้าได้ก็ลองดู” สิ้นเสียงมารชุดดำ มันก็ถ่ายโอนพลังลงฝ่ามือทั้งสองก่อนจะกระแทกพลังปราณลงบนพื้นดินทำเอาฝุ่นกระจายคละคลุ้งไปทั่ว

“วิชามารงั้นรึ” ไม้เขียวกล่าวก่อนจะค่อยๆ เห็นมารชุดดำค่อยๆ หายเข้าไปในฝุ่นควัน

“หายไปสิ้นแล้ว” หวงเย่ว์กล่าวขวัญเสีย

ยามนั้นไม่ทราบจะรับการจู่โจมของศัตรูได้จากด้านใดในเมื่อมองมันไม่เห็น เมื่อเป็นเช่นนี้จอมยุทธ์ทั้งสี่จึงหันไปเตรียมรับศึกกันคนล่ะด้าน หันหลังเข้าหากันก่อนที่แต่ล่ะคนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังเพื่อบีบระยะห่างระหว่างตนกับเพื่อนให้แคบลง

และเมื่อยามที่หลังของทั้งสี่ชนกันก็คงจะได้อุ่นใจขึ้นมาบ้างเพราะไม่ต้องคอยระวังหลัง แต่สุดจะคาดที่หลังของทั้งสี่คนนั้นหาได้ชนซึ่งกันและกันไม่ แต่กลับไปชนเอาไหล่ของชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงกลางวงซะได้ และชายที่อยู่ตรงกลางนั้นย่อมไม่ใช่ใครนอกจากมารเมฆดำ

พริบตานั้นเองทั้งสี่ก็สะดุ้งสุดขีดรีบหันกลับมาเตรียมรับมือทันที แต่หาได้เร็วดั่งความคิดไม่ พริบตาดุจลมพัดมารร้ายร้ายก็รำกรงเล็บและฝ่ามือเข้าทำร้ายรวดเร็วฉับไว เริ่มด้วยหวงเย่ว์ที่ถูกฝ่ามือซัดกลางหลังกระอักเลือดกระเด็นไปไกล ก่อนจะเป็นไม้เขียวชายร่างใหญ่ที่โดนจู่โจมฟาดกรงเล็บเข้าที่กลางหลังเลือดกระเซ็นออกตามรอยเล็บดั่งโดนห้าคมกระบี่ จากนั้นเป็นกระดาษแดงที่โดนฝ่ามือเข้าที่หัวไหล่กระอักเลือดเซถลา และแม้นแม่นางไหมขาวที่มีความรวดเร็วเป็นที่สุดก็ทำได้เพียงยกแขนขึ้นมาต้านผ่อนแรงฝ่ามือมารและเซถอยไม่เป็นท่า พริบตาเดียวเจ้าสำนักสาขาทั้งสามก็แตกทัพกันไปทั่ว ในขณะที่หวงเย่ว์ก็พยายามจะฝืนลุกขึ้นมาสู้ต่อ แต่หาทำได้ไม่ มันบาดเจ็บภายในไม่น้อย

“ในยามค่ำคืนพวกเจ้ามิอาจมีเปรียบข้าได้หรอก” มารร้ายกล่าวอย่างมั่นใจก่อนจะหายเข้าไปในความมืดและฝุ่นควันที่มันสร้างอีกครั้ง

แต่น่าแปลกอย่างยิ่งที่ยังคงเห็นแววตาที่แสดงออกถึงความมั่นใจจากเจ้าสำนักทั้งสามทั้งที่ได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า

“ค่ายกลเขตแดนกระบี่ผ้ามายา” อาจารย์หญิงไหมขาวร่ายรำวรยุทธ์เคลื่อนย้ายผ้าแพรที่โอบรอบกาย ให้พุ่งกระจายไปทั่วทิศก่อนจะเสร็จสิ้นวางผ้าลงบนพื้นเป็นรูปดาวหกแฉก ครอบคลุมผู้ใช้คล้ายดั่งเขตแดน

“ค่ายกลเขตแดนกระบี่กระดาษ” มิเพียงแต่นางเท่านั้น กระดาษแดงที่ยืนข้าง ๆ นางก็ยังคงทำเฉกเช่นเดียวกันคือใช้พลังปราณคลี่ม้วนกระดาษออก โดยเคลื่อนกระดาษนั้นให้ไปวางบนพื้นเป็นดาวหกแฉกล้อมรอบวงผ้าดาวหกแฉกอีกทีคล้ายดั่งเขตแดนสองชั้น

จากนั้นทั้ง ไหมขาว และกระดาษแดงจึงเรียกให้ไม้เขียวและหวงเย่ว์รีบหลบเข้ามาภายในเขตแดนคุ้มกันทันที

ฉับพลันที่สี่จอมยุทธ์เข้าไปอยู่ในเขตแดนแล้ว ก็มีพลังปราณอันชั่วร้ายพุ่งเข้าโจมตีจากทิศทางที่ทั้งสี่คนยากจะมองทัน แต่ฉับพลันสุดจะคาดก่อนที่มารร้ายจะเข้ามาในเขตแดนผ้าและกระดาษ พริบตานั้นเอง ผืนผ้าและกระดาษก็ดีดตัวจากพื้นด้วยพลังปราณเข้ากระแทกขวางมารร้ายไว้ทันท่วงที

“อะไรกัน” มารร้ายลอบกระแทกเสียงหนัก ๆ ยากจะคาดคิดได้ถึง รีบร่ายรำเพลงฝ่ามือเข้าต้านรับวงกระดาษและวงผ้าที่พุ่งเข้ากระแทกอย่างอัศจรรย์ สองมือมันต้องวุ่นวายกับการปัดป้องเป็นการใหญ่

“เขตแดนกระบี่กักขัง” อาจารย์หญิงไหมขาวกล่าวพร้อมเพรียงกับกระดาษแดงก่อนที่ทั้งสองจะรีบถ่ายเสริมพลังปราณเคลื่อนย้ายผ้าแพร และกระดาษเข้าโอบล้อมโจมตี ให้มารร้ายได้แต่วุ่นวายปัดป้อง

จนที่สุดแล้วเมื่อกระดาษและผ้าแพรได้โอบกลับมาโจมตีมารร้ายเสร็จสิ้นไปกว่าห้าสิบเพลง ผ้าและกระดาษจึงถูกวางล้อมกรอบศัตรูเป็นรูปหกดาวแฉก ประดุจเปลี่ยนจากหกดาวปกป้องเป็นหกดาวกักขัง

มารร้ายลอบมองวงล้อมดาวหกแฉกที่สร้างจากผ้าและกระดาษอย่างสงสัยก่อนจะพยายามเหินร่างออกไป แต่ฉับพลันที่มันคิดจะเคลื่อนกาย ผ้าแพรและกระดาษก็โอบเข้าโจมตีปะทะด้วยพลังปราณของกระบี่ดาษและไหมขาวทันที ไม่ให้มารร้ายหนีได้

“บัดซบ!!!” มารร้ายได้เพียงแต่ลอบตำหนิในความประมาทของตน พร้อมร่ายรำฝ่ามือต้านการกระแทกโจมตีจากผ้าและกระดาษ

“แค่วงล้อมผ้ากับกระดาษอย่าคิดว่าจะกันข้าได้อยู่” มารร้ายครานี้ได้โคจรพลังขึ้นถึงระดับสูงสุดหมายปะทะรุนแรงทะลวงค่ายกลออกไป และก็ทันทีที่มันเคลื่อนกายค่ายกลผ้าและกระดาษก็ถูกยกขึ้นมาป้องกันมิให้มันหนีทันที แต่เป็นดั่งมันคิดเพียงกำแพงกระดาษและผ้าแพรใยจะกั้นพลังมารเต็มขั้นได้

มันใช้พลังฝ่ามือและกรงเล็บมารทะลวงผ่านกำแพงผ้าแพรและกระดาษไปได้หลายชั้นจนแทบจะหลุดจากค่ายกลไปได้แล้ว แต่พริบตาที่เกือบจะพบความสำเร็จนั้นเอง ฝ่ามือมารของมันที่พุ่งเข้ากระแทกกำแพงผ้าแพรด้านสุดท้ายก็ต้องสั่นสะท้าน ไม่สามารถทำลายลงได้ เพราะว่าเบื้องหลังผ้าแพรผืนสุดท้ายนั้นยังคงเป็นไม้เขียวที่ฟาดสองฝ่ามือเสริมพลังเข้าปะทะหยุดมารร้ายไว้ จนมันต้องเซถอยหลังไป

มารร้ายเมื่อไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ในคราเดียว ค่ายกลผ้าและกระดาษก็ฟื้นตัว จัดเรียงขึ้นมาคุมขังมันไว้เช่นเดิม

“ไอ้พวกหมาหมู่” มารเมฆดำลอบตะโกนเกรี้ยวกราดไปทั่วก่อนจะฟาดฝ่ามือเข้าใส่ม่านกำบังอย่างบ้าคลั่งไม่ยั้งแต่ทุกครั้งที่มันเกือบจะหลุดไปได้ก็ต้องพบกับฝ่ามืออันเปี่ยมพลังของไม้เขียวอยู่ร่ำไป ทำให้ไม่สามารถฝ่าทำลายค่ายกลออกไปได้

หากแม้นมิใช่การประสานพลังของสามเจ้าสำนักสาขาเทพกระบี่แล้วก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกักขังมารตนนี้ไว้ได้

“พวกไร้ยางอาย ถึงแม้นกักขังข้าได้แต่หาได้ฆ่าข้าได้ไม่” มารชุดดำยืนนิ่งหมดความพยายามก่อนจะได้ยินเสียงแทรกเข้ามาว่า

“พวกข้าก็ไม่คิดว่าเพียงค่ายกลผ้าและกระดาษเช่นนี้จะสามารถฆ่าเจ้าได้หรอก เพียงแต่ยืดเวลาจนถึงเช้าเท่านั้นเอง อยากดูว่าผีดิบเช่นเจ้าเมื่อถึงตอนเช้าจะเป็นอย่างไร” ไหมขาวกล่าวเสียงใสได้ที

คำกล่าวของอาจารย์หญิงไหมขาวยามนั้นทำให้มารชุดดำต้องลอบใจหาย นี้ถ้าหากมันไม่สามารถฝ่าทำลายไปได้มิทราบเมื่ออาทิตย์ยามเช้าขึ้นจะเป็นเช่นไร



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2550 18:35:12 น. 1 comments
Counter : 489 Pageviews.

 
แวะมาครับพอดีเห็นเขียนเกี่ยวกับเรื่องจีนๆ...

โห พอเข้ามาดู นี่เอานิยายมาลงกันเลยนิครับ

อย่างไรฝากเมนต์บทความผมหน่อยนะครับเกี่ยวกับเรื่องหนังจีนน้ำเน่า เผื่อมีอะไรแนะนำ


โดย: แดนน้อย วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:05:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.