Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
1 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 15

บทที่ 15

ภายในห้องซึ่งผนังรอบด้านและพื้นประกอบขึ้นจากก้อนหินคล้ายดั่งห้องคุมขัง ยามนั้นภายในห้องมืดเกือบสนิทซึ่งมีเพียงแสงจันทร์แสงดาวส่องลอดผ่านช่องสี่เหลี่ยมคล้ายหน้าต่างขนาดเล็กกว้างเพียงหนึ่งฝ่ามือให้แสงสว่างเพียงเล็กน้อย ยามนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งนอนหลับไหลอยู่บนกองฟางค่อยๆ พยายามลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ

“ที่นี้มันที่ไหนกัน” ชายหนุ่มลืมตา พร้อมทั้งเหลือบสายตามองรอบกายแต่ก็หาได้เห็นสิ่งใดชัดเจนไม่ ความมืดปกคลุมอยู่สิ้น

ชายหนุ่มผู้นั้นแท้จริงแล้วคืออู๋จิงนั้นเอง เขาค่อยๆ ขยับเคลื่อนกาย พยายามจะลุกนั่งพร้อมทั้งเอามือไปจับต้นคอที่รู้สึกเจ็บชา ก่อนจะพบว่าตรงคอของเค้านั้นได้มีผ้าพันแผลที่เต็มไปด้วยเลือดช่วยปิดบาดแผลซึ่งโดนมารโลหิตกัดไว้นั้นเอง

“เจ็บ…” อู๋จิงยังคงรู้สึกเจ็บอยู่มากโดยเฉพาะเมื่อเขาคิดจะหันหน้าหรือเหลียวหันไปทางอื่น

ชายหนุ่มนั่งนิ่งเฉย ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิแล้วจึงค่อยโคจรพลังพักพื้นอาการบาดเจ็บภายในและรวบรวมพลังภายที่เหลืออยู่

ผ่านไปหลายชั่วยามในที่สุดหนุ่มน้อยก็มีแรงพอจะออกเดินสำรวจรอบข้างได้ เขาเดินเอามือสัมผัสผนังหินของห้องไปเรื่อย ๆ จนเดินไปสุดที่ผนังด้านหนึ่งซึ่งมีประตูเหล็กหนากั้นไว้

“นี้เราถูกมารร้ายจับขังไว้สินะ” อู๋จิงกล่าวแผ่วเบาก่อนจะเอาฝ่ามือทาบประตูเหล็กอย่างช้า ๆ ก่อนจะส่งพลังปราณสายหนึ่งเข้าไปแทรกสำรวจดู

“ประตูเหล็กนี้หนากว่าครึ่งฝ่ามืออีกทั้งหนักอย่างยิ่ง” กล่าวจบอู๋จิงก็มีสีหน้าอาการหนักใจทันที ก่อนจะเสี่ยงฟาดฝ่ามือเต็มแรงไปที่ประตูนั้น

เสียงปะทะฝ่ามือดังลั่น ฝุ่นฟุ่งกระจายไปทั่ว แต่นั้นก็ไม่ทำให้ประตูถูกผลักเปิดออกไปได้แต่อย่างใด จะมีก็แต่เป็นมือของเด็กหนุ่มที่สั่นชาไปครู่หนึ่ง พร้อมทั้งสีหน้าเจ็บปวดไม่ธรรมดาของอู๋จิง

“บัดซบ” อู๋จิงกล่าวอย่างเสียมิได้ ก่อนจะเดินไปทางผนังที่มีหน้าต่างเล็กไม่พอที่คนจะลอดผ่าน จากนั้นจึงใช้หลักการเดิมส่งพลังสำรวจผนังห้องอีกครั้ง

“ทำจากหิน ซ้ำร้ายยังหนากว่าทางประตูเสียอีก” อู๋จิงลอบกล่าวอย่างเจ็บใจและสิ้นหวังก่อนจะเดินลูบผนังไปเรื่อยเปื่อยสำรวจหาด้านที่อาจจะบางและเป็นจุดอ่อน

“ผนังตรงนี้….” อู๋จิงลอบกล่าวน้ำเสียงสงสัย ก่อนจะมองไปยังฝ่ามือของตน มิใช่ว่าตรงผนังจุดนั้นจะบางกว่าแต่อย่างไร แต่มันกลับขลุขละเป็นร่องเป็นรอย

“ตัวหนังสือ” ที่แท้มันมีตัวหนังสือที่ถูกแกะสลักอยู่บนผนังนั้นเอง ว่าแล้วอู๋จิงจึงใช้นิ้วมือสัมผัสแทนสายตาในการอ่านอักษรเหล่านั้นจนจบก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่การเรียงร้อยตัวอักษรแบบธรรมดา ๆ

“เคล็ดวิชามีดบินวิหกเหิน!!!” อู๋จิงกล่าวน้ำเสียงสูงอย่างสนใจ ก่อนจะรีบใช้นิ้วสัมผัสอ่านเคล็ดวิชานั้นจนจบ ในเมื่อยังไม่สามารถหาทางออกไปได้ บางทีการฝึกฝนย่อมดีกว่าการนั่งนิ่งเฉย

ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานเท่าไรแต่ดูเหมือนอู๋จิงจะลืมมันไปซะแล้ว เขามัวแต่สนใจวิชาใหม่ทั้งยังฝึกฝนอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย แต่ฉับพลันสีหน้าแววตาของอู๋จิงก็พลันเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เมื่อหูของเขาสัมผัสรับฟังได้ยินเสียงฝีเท้าของชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนหยุดยืนนิ่งที่หน้าประตูเหล็ก

“เจ้าเป็นใคร รีบปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ” อู๋จิงกล่าวเสียงดังลั่น แต่กระนั้นก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ก่อนจะมีเพียงถ้วยชามที่มีอาหารอยู่เต็มได้ถูกส่งลอดผ่านช่องเล็ก ๆ ที่ประตูเข้ามา

“ปล่อยข้าออกไป” อู๋จิงยังคงกล่าวเสียงดังลั่น แต่กลับเป็นเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆ ห่างออกไป ๆ


หลายวันต่อมา เป็นช่วงเช้าของวันหนึ่งที่แสงอาทิตย์ลอดส่องผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ เข้ามา แม้นจะทำให้ไม่สว่างมากแต่ก็พอทำให้อู๋จิงสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องชัดเจนขึ้น แต่กระนั้นก็ยังไม่มีหนทางใด ๆ ให้หนีออกไปได้ ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งโคจรพลังอีกทั้งฝึกวิชาใหม่ไปตามเรื่องตามราว

แต่ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าอีกครั้งที่เดินเข้ามาใกล้ประตูเหล็ก แต่ครานี้ไม่มีอาหารนำมาให้เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่มันกลับยิ่งประหลาดกว่าเดิมเมื่อมีเสียงกุญแจไขประตูดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเป็นประตูที่ถูกเปิดออก

บุคคลที่เปิดประตู ได้เดินไปในห้องขังก่อนจะรีบปิดประตูกลับอย่าวรวดเร็ว และชายผู้นั้นย่อมไม่ใช่ใคร มารโลหิตนั้นเอง

“มารโลหิต….” อู๋จิงกล่าวเสียงสูง คล้ายดั่งยังมีความกลัวอยู่ในใจไม่น้อย

“มิทราบท่านอยู่ที่นี้ สบายดีไหม” มารโลหิตกล่าวพร้อมร้อยยิ้มที่น่ากลัวยิ่ง

“มีธุระอันใดกับข้าพเจ้าหรือไม่ หาไม่มีกิจอันใดแล้วข้าพเจ้าก็ขอลา” อู๋จิงกล่าวก่อนจะประกบกุมสองมือคาระวะและกล่าวร่ำลา แต่เรื่องราวหาใช่ง่ายดายเช่นนั้นไม่

“อันชีวิตเจ้านั้นอยู่ในกำมือข้าแล้ว อันข้านั้นจะทำอย่างไรกับเจ้านั้นเป็นสิทธิของข้า และข้าพเจ้านั้นยังคงไม่ความคิดจะปล่อยเจ้าไปเสียอย่างไร” มารโลหิตกล่าวเย็นชา

“ตัวมารบัดซบ ต้องการสิ่งใดรีบเผย” อู๋จิงกล่าวเสียงแข็ง

“เรื่องราวง่ายดายยิ่ง ขอเพียงเจ้าสามารถล้มข้าพเจ้าได้ เจ้าย่อมไปได้” มารโลหิตกล่าวเรียบ ๆ พูดง่ายแต่ทำยาก อันฝีมือที่แท้ต่างกันราวฟ้ากับเหว

“เช่นนั้นข้าพเจ้าขอดาบดำและหอกไว้คู่มือ หากท่านมิให้ย่อมเท่ากับรังแกผู้เยาว์แต่ฝ่ายเดียวแล้ว” อู๋จิงกล่าวเรียกร้อง

“ข้าพเจ้ามีแต่สิ่งนี้ หวังว่าท่านคงใช้มันแก้ขัดไปก่อนได้ ฮะฮะฮะ” มารโลหิตกล่าวก่อนจะโยนมีดปอกผลไม้ขนาดเล็กไปให้พร้อมเสียงหัวเราะอย่างได้ใจ

“ตัวมารบัดซบ” อู๋จิงกล่าวเดือดดาลก่อนจะรีบคว้ามีดเล็กนั้นก่อนตกพื้นเพียงหนึ่งคืบจากนั้นทยานดีดเท้าพุ่งเข้าจู่โจมด้วยเพลงดาบทันที

“หนึ่งดาบปราบสิบ!!!” อู๋จิงใช้ออกด้วยเพลงดาบ วิชาของตัดกระบี่ทันที แต่มีดปอกผลไม้หาใช้ได้เหมาะสมไม่ ปราณดาบจึงไม่รุนแรงสม่ำเสมอ มารโลหิตเพียงเคลื่อนกายเล็กน้อยก็หลบได้อย่างง่ายดาย

แต่อู๋จิงยังไม่ยอมแพ้ฟาดฟันมีดเล็กในมือตัดอากาศเป็นเพลงดาบวุ่นวายเต็มไปหมดแต่ หาได้เฉียดใกล้ตัวมารไม่ แม้นเพียงในห้องขังไม่กว้างใหญ่ มารโลหิตกลับใช้ท่าเท้าเคลื่อนตัวรวดเร็ว คล้ายไร้หลักการแต่กลับจับทางได้ยากยิ่ง

อู๋จิงยามนั้นได้เพียงแต่รู้สึกคล้ายดั่ง ไล่จับเงาตนเอง จนต้องพร่ำบ่นในใจว่า

“อย่าว่าแต่ปราณมีดเลย แม้นตัวเรายังไม่สามารถเข้าเฉียดใกล้มันได้” อู๋จิงลอบกล่าวในใจ มิทราบจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวมารโลหิตได้เลย

สิ้นคำกล่าวอู๋จิงก็ยังไม่ยอมแพ้ทยานเข้าหมายโจมตีด้วยเพลงดาบอีกครั้ง แต่ไม่ทันที่จะง้างมีดเข้าใกล้ มารโลหิตก็ห่างออกไปเสียแล้ว

“ท่าเท้ามันร้ายกาจยิ่ง” เด็กหนุ่มลอบท้อในใจ

จนในที่สุดอู๋จิงก็ทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งหอบเหนื่อยหายใจแรง เสมือนไล่ตามเงาตัวเองจะทำอย่างไรก็หาได้ตามทันไม่

“ยอมแพ้แล้วเหรอ” มารโลหิตกล่าวอย่างได้ที

“ยังหรอก” อู๋จิงยืนนิ่ง ลอบโคจรพลังทั้งหมดไว้เพียงมือขวาที่ถือมีด

“ยังมีกลอะไรก็…” แต่ยังมิทันที่มารโลหิตจะกล่าวจบ ประกายคมมีดก็พุ่งผ่านจากมือของอู๋จิงอย่างรวดเร็วเหนือกว่าศรธนูใด ๆ ในโลกมาก

“มีดบินวิหกเหิน!!!”

มารโลหิตตะลึงงันแววตาเบิกกว้างตื่นตะลึงสุดจะคาด พริบตาเดียวนั้นคมมีดปลอกผลไม้ลากตัดอากาศเข้าใกล้ตัวยิ่งแล้ว

“ท่าเท้าท่องแดนอสูร!!!!” มารโลหิตให้ออกด้วยท่าเท้าสูงส่งพลิ้วกายหลบคมมีดได้เพียงฉิวเฉียด ปล่อยให้มีดผ่านเลยไปจนปะทะผนังหิน ใบมีดแตกกระจาย

“เด็กร้ายกาจ” มารโลหิตกล่าวก่อนจะเอามือไปทาบที่ข้างเอว เสื้อของมันถึงกับขาดเป็นรอยยาวเลยทีเดียวนี้นับว่าน่าตื่นตะลึงยิ่งแล้ว แม้นแต่ผู้ใช้อย่างอู๋จิงยังคงตื่นตะลึงกับฝีมือตนเองไม่หาย

“เจ้าฝึกเคล็ดวิชาบนผนังอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ แบบนี้ถึงค่อยสนุกขึ้นมาบ้าง” มารโลหิตกล่าวก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อเพื่อหยิบบ้างสิ่ง หรือว่าจะเป็นอาวุธเพื่อล้มอู๋จิง แต่สุดจะคาดที่แท้กลับเป็นเพียงหยิบนำหนังสือเล่มหนึ่งออกมา

“คราวหน้าหวังว่าคงดีกว่านี้” มารโลหิตกล่าวจบ ก็โยนหนังสือนั้นไปทางอู๋จิงทันที

“คัมภีร์มีดบินวิหกเหิน!!!” อู๋จิงกล่าวตะลึงงัน นี้ขนาดได้ฝึกเพียงส่วนเดียวจากอักษรที่ผนังยังไม่ธรรมดาเพียงนี้ แล้วหากได้อ่านคัมภีร์ทั้งหมดเล่า

ยังไม่ทันทีอู๋จิงจะกล่าวตอบอันใดสืบไปได้ มารโลหิตก็ได้หายตัวไปจากห้องแล้ว


นับจากวันนั้น วันเวลาก็ผ่านเลยไปเนิ่นนาน อู๋จิงซึ่งก็ไม่มีอะไรให้ทำมากมายนักภายในห้องนั้นนอกจากฝึกวิชาที่ได้รับมาใหม่ เพราะมันคงเป็นทางเดียวที่อาจจะพอทำให้เอาชนะมารโลหิตและออกไปจากห้องขังนี้ได้

และวันนั้นก็มีเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ดังเข้าใกล้ประตูเหล็กมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ได้หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น และครานี้ก็ไม่มีอาหารนำมาส่งเหมือนเช่นทุกทีแต่กลับเป็นเสียงไขกุญแจที่ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเพรียงกับสีหน้าแววตาที่บ่งบอกถึงความยินดีของอู๋จิง เวลาที่เขารอคอยได้มาถึงอีกครั้งแล้ว

มารโลหิตค่อย ๆ ปรากฎกายพร้อมกับร้อยยิ้มแห้ง ๆ เชิกเช่นเดิมก่อนจะไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ โยนมีดเล่มหนึ่งไปให้อู๋จิงเป็นอาวุธสู้รบปรบมือ

แต่ที่แตกต่างก็คือมีดอันนี้กลับไม่ใช่มีดปอกผลไม้เชกเช่นเดิม มันเป็นมีดบินที่หมดจดงดงามอันหนึ่งใบมีดเรียวเล็กอีกทั้งคมมีดก็ยาวอย่างยิ่ง ดูไปแล้วใช่เป็นของที่หาได้ง่าย ๆ ไม่

“มีดที่ดี” อู๋จิงกล่าวพร้อมร้อยยิ้ม

“แต่ทั้งหมดนี้อยู่ที่ผู้ใช้” มารโลหิตกล่าวก่อนจะยืนนิ่งเฝ้ารอการจู่โจมของอู๋จิง

“เตรียมรับมือ” อู๋จิงกล่าวก่อนจะเดินลมปราณถ่ายพลังวัตรออกไปสู่มือขวาที่ถือมีด แต่พริบตาก่อนจะปล่อยมีดนั้นเอง สายตาของเด็กหนุ่มก็เหลือบไปเห็นประกายแหลมคมของมีดปอกผลไม้ขนาดเล็กในมือของมารโลหิตเช่นกัน

พริบตาดุจสายฟ้าแลบ ไร้การลังเล เพลงมีดบินในมือขวาของอู๋จิงก็ถูกปลดปล่อยออกไป คมมีดบินนั้นกรีดตัดอากาศพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก ด้วยว่ามีดที่ดีและฝีมือที่พัฒนา

แต่ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วด้วยว่าครั้งที่แล้วมารโลหิตนึกไม่ถึงว่าอู๋จิงจะใช้มีดบินได้ไม่ธรรมดา แต่ครานี้เขารู้แล้ว เขาเฝ้าระวังแล้ว

ตัดสินกันในชั่ววินาที มารโลหิตเมื่อพลันเห็นมีดออกจากมืออู๋จิงก็พลันซัดมีดปลอกผลไม้ในมือตนออกเช่นกัน

มีดบินทั้งสองพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วสุดจะคาดก่อนจะเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง มีดปลอกผลไม้ถึงกับแตกกระจายกลางอากาศแต่มีดของอู๋จิงนั้นเล่าก็ถูกทำให้เสียทิศทาง พลาดเป้าไปด้วย

แต่หากมองกันให้ชัด ๆ จะเห็นได้ว่ามีดของอู๋จิงนั้นเข้าใกล้ตัวมารโลหิตมากกว่ามีดของมารโลหิตที่เข้าใกล้อู๋จิงนี้นับว่าเด็กหนุ่มยิ่งมายิ่งร้ายกาจจริง

“คลื่นลูกใหม่ไม่ธรรมาดา…” มารโลหิตลอบกล่าวพร้อมร้อยยิ้ม แต่ไม่ทันที่จะกล่าวจบก็ต้องตกตะลึงงัน นัยตาเบิกกว้างเมื่อมองไปอู๋จิง

สิ่งที่มารร้ายเห็นยามนั้นคือ เด็กหนุ่มค่อยๆ เปิดเผยมือซ้ายออกมาเผยให้เห็นเศษชามกระเบื้องที่ถูกหักไว้เป็นรูปแนวยาวคล้ายมีด เท่านั้นเองมารโลหิตรีบโคจรพลังทันที แต่เป็นอู๋จิงที่รวดเร็วสุดจะคาดซัดเศษชามกระเบื้องนับสิบพุ่งเข้าโจมตีดั่งมีดบินสูงส่ง

“มวลหงส์ทำลาย!!!!” สุดยอดเคล็ดวิชามีดบินได้ถูกเปิดเผย เศษกระเบื้องทั้งหมดทั้งสิ้นพุ่งแหวกอากาศเข้าโจมตีมารโลหิตอย่างร้ายกาจ

“ท่าเท้าท่องแดนอสูร!!!” มารโลหิตต้องทะยานหนีวิ่งบนกำแพงหลบคมกระเบื้องที่ตามไล่หลังอย่างรวดเร็ว เสียงแตกของกระเบื้องดังไล่หลังมันมาจนแม้นแต่มารร้ายยังต้องหน้าเสีย

จนที่สุดมันก็กระโจนดีดตัวจากกำแพงหลบกระเบื้องบินอันสุดท้ายไปได้ แต่อู๋จิงกลับร้ายกาจกระโจนเข้าดักขวางมันกลางอากาศก่อนจะใช้ท่อนแขนแทนเพลงดาบฟาดตัดอากาศด้วยพลังปราณหนักหน่วงทันที

“พลิกตายกลายเป็นฟื้น!!!” มารโลหิตต้องถึงกลับใช้สุดยอดวิชาโคจรพลังในคัมภีร์มารเปลี่ยนอสูรสลายพลังปราณที่เริ่มถดถอยของตนจนสิ้นแต่วินาทีที่สูญสิ้นกลับเป็นการเริ่มต้นใหม่ พลังมารหวนคืนกลับคืนเหมือนใช้ไม่หมดสิ้น จากนั้นจึงชักนำใช้ออกด้วยเพลงดรรชนีเข้าต้านสันมือของอู๋จิงทันที

ดรรชนีมารปะทะฝ่ามือดาบของอู๋จิงอย่างรุนแรง และสุดท้ายเป็นเด็กหนุ่มที่ยากจะต้านพลังมารพื้นคืนได้ ถึงกลับต้องกระเด็นไปไกลกระอักเลือดช้ำในอย่างยิ่ง ในขณะที่มารร้ายก็เพียงดีดตัวถอยหลังสลายพลังอู๋จิงอย่างไม่ยากเย็น

“มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา กระบวนท่ามวลหงส์ทำลาย มิคาดจะถูกใช้ออกด้วยเด็กอายุเพียงเท่านี้” มารร้ายกล่าวอย่างชื่นชม ในขณะที่อู๋จิงเพียงแค่ลุกขึ้นยืนยังลำบากแล้ว

“ไม่ยุติธรรม วิชามารร้ายกาจเกินไป ทั้งท่าเท้า พลังปราณ เพลงดรรชนี นี้ยังไม่นับกรงเล็บ ปราณพิษ” อู๋จิงกล่าวตัดพ้อ

“แล้วเจ้าจะเอายังไง” มารโลหิตกล่าว แต่ไม่มีคำตอบอันใดจากเด็กหนุ่ม สุดท้ายมารโลหิตจึงเอื้อมมือเข้าไปในเสื้ออีกครั้งก่อนจะเอาออกมาด้วยคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งโยนไปให้เด็กหนุ่ม

เมื่อเด็กหนุ่มได้รับคัมภีร์เล่มนั้นก็อ่านด้วยแววตาที่ลุกวาวพร้อมกลับลอบออกเสียงอย่างลืมตัวไปว่า

“คัมภีร์มารเปลี่ยนอสูร!!!”



Create Date : 01 ธันวาคม 2550
Last Update : 1 ธันวาคม 2550 19:13:48 น. 0 comments
Counter : 481 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.