Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 18

บทที่ 18

ภายในห้องคุมขังขนาดไม่ใหญ่โตนักกับหนึ่งช่องหน้าต่างขนาดเล็ก อู๋จิงนั่งโคจรพลังอย่างสงบนิ่งสีหน้าเรียบเฉยทว่าเปี่ยมไปด้วยความสง่างาม หากจะกล่าวไปก็สุดจะเชื่อได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ดูคล้ายเปี่ยมพลังยุทธ์เสียยิ่งกว่าตอนถูกจับเข้ามาอย่างมากมายยิ่งนัก

ทั้งหมดนี้เพียงเพราะสถานการณ์บีบคั้นให้ฝึกฝนเพาะบ่มฝีมืออย่างเต็มที่ หรือว่าทั้งหมดเกิดขึ้นเรียบง่ายด้วยคัมภีร์มาร?

หูของอู๋จิงค่อยๆ สัมผัสรับฟังเสียงฝ่าเท้ากระทบพื้นซึ่งเคลื่อนเดินเข้ามาใกล้ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ สัมพันธ์กับเสียงฝ่าเท้าที่เข้ามาใกล้ประตูเหล็กใหญ่เบื้องหน้าเรื่อย ๆ จนกระทั้งเมื่อเสียงฝ่าเท้าหยุดลงตรงหน้าประตู ชายหนุ่มก็ลืมตาเต็มที่ สติกลับคืน พลังปราณเต็มเปี่ยม

ไม่นานนักเสียงไขประตูก็ดังขึ้นก่อนจะเป็นภาพของมารโลหิตที่เดินเข้ามาอย่างเรียบง่าย พร้อมใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชาต่างจากทุกที

“วันนี้หากเจ้าล้มข้าไม่ได้ เจ้าก็ต้องทิ้งร่างตายอยู่ในนี้” มารโลหิตกล่าวคำอำมหิต

อู๋จิงใจหายวาปไม่คาดมารร้ายจะตั้งเงื่อนตายเช่นนี้ แต่เมื่อลองพิจารณาดูการที่เก็บขังตัวเขาไว้เช่นนี้ก็ดูไร้เหตุผลรองรับสิ้นดี เหตุใดมารร้ายต้องให้อู๋จิงฝึกตน ฝึกฝนวิชาอันเยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นมีดบินวิหกเหิน หรือการให้หยิบยืมคัมภีร์มาร

“ข้าพเจ้าพร้อมแล้ว” อู๋จิงกล่าวพร้อมโคจรพลัง ตั้งท่าเตรียมประมือ

“หวังว่าคัมภีร์มารที่ข้าให้หยิบยืม คงช่วยยืดเวลาตายให้เจ้าได้” มารโลหิตกล่าวพร้อมยิ้มที่มุมปาก

แต่ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับใด ๆ จากอู๋จิงแม้นแต่น้อยนอกจากร้อยยิ้มแห้ง ๆ มารร้ายจึงกล่าวต่อไปว่า

“เรื่องราววันนี้ล้วนง่ายดายยิ่ง โอกาสของเจ้ามีเพียงหนึ่งเท่านั้น” มารโลหิตกล่าวจบก็โยนผ่านมีดเล่มหนึ่งไปให้อู๋จิงรับไว้

“สวยงามยิ่ง” อู๋จิงกล่าวต่อมีดบินอันที่ได้รับมา มีดนั้นลักษณะงดงาม วัถตุธาติไม่ใช่ของธรรมดา ยิ่งลวดลายด้วยแล้วยิ่งอัศจรรย์

แต่เพียงสิ้นคำกล่าวอู๋จิง มารร้ายก็โคจรพลังทันที และเป็นพลังมารเต็มขั้นอีกด้วย

“โอกาสของเจ้ามีเพียงหนึ่ง” มารร้ายโคจรพลังขั้นสูง ไอมารพิษสีดำกระจายแผ่ซ่านออกจากทั่วกาย แววตาเป็นประกายอำมหิต สีผิวกายพลันเปลี่ยนม่วงยิ่งกว่าเดิม ยิ่งดูยิ่งน่ากลัวน่าเกรงขามยิ่ง อู๋จิงยามนั้นได้แต่ขนลุกชันด้วยความกลัว

หากไม่นับครั้งที่มารโลหิตสู้กับตัดกระบี่แล้ว ย่อมนับว่าที่ผ่านมามารร้ายมิได้เอาจริงต่ออู๋จิงแต่อย่างใดเลย

“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะเข้าไปเอง” มารโลหิตกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉียบไร้อารมณ์ ขณะที่พลังทั้งมวลก็บรรจุไว้ในกายเหมือนศรขึ้นสายเต็มเหนี่ยวแล้ว

“เป็นตายอยู่ในคมมีดนี้” อู๋จิงกล่าวก่อนจะค่อย ๆ ถ่ายพลังลงมือซ้ายที่ถือไว้ด้วยมีดบิน

“ถนัดซ้ายรึ!!!” มารร้ายกล่าว เสียงสูงมิคาดคิด

“มีดบินวิหกเหิน!!!” อู๋จิงขว้างมีดบินออกด้วยพลังปราณทั้งหมดสิ้น เดิมพันทุกสิ่งลงเพียงคมมีดนี้ ความเร็วของมันนับว่าเหนือกว่าทุกครั้ง รุนแรงกว่าทุกครั้ง แม้นเสียงตัดอากาศยังแทบจะไม่ได้ยิน

“มาได้ดี” มารร้ายตะโกนลั่น

แต่พริบตาสุดจะคาด แววตาอันอำมหิตของมารร้ายพลันเปลี่ยนสิ้นสูญ กลับคืนสู่สามัญ อีกทั้งพลันคิดเพียงว่า…

“หากได้จบชีพด้วยมีดอันนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องสำนึกเสียใจอีก” มารร้ายกล่าวคล้ายไม่จีรังเหนี่ยวรั้งชีวิต


มีดได้ค่อยๆ เหินบินตัดอากาศเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั้งปักเข้ากลางลำของต้นไม้ใหญ่ได้อย่างรุนแรงมิดด้าม ก่อนจะเห็นผู้ซัดขว้างมีดบินนั้นกลับกลายเป็นมารโลหิตในช่วงวัยรุ่นซึ่งดูเป็นหนุ่มรูปงามดูสำอางยิ่ง เขายิ้มรับกับผลงานการซัดมีดอันร้ายกาจของตน

ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพในอดีตที่มารโลหิตได้หวนคิดคำนึงขึ้นอีกครั้งในขณะกำลังรอคมมีดของอู๋จิง

“ลี่หง เจ้าทำได้ไม่เลวเลย” ชายแก่รุ่นคราวพ่อของมารโลหิตยามที่เป็นวัยรุ่นนามลี่หง ได้กล่าวขึ้นอย่างเรียบเฉียบ คำชมนั้นทำเอาลี่หงถึงกับยิ้มไม่หุบไปทีเดียวก่อนที่ชายแก่จะกล่าวต่อไปอีกว่า

“แต่หากทำได้เพียงเท่านี้ ยังไม่นับว่าใกล้เคียงผู้สืบทอดสำนักมีดบินแม้นแต่เสี้ยวหนึ่ง ระดับที่แท้จริงมันต้องทะลุออกไป” สิ้นคำกล่าวชายแก่คราวนี้ ลี่หง ถึงกลับหน้าชา รอยยิ้มกว้างต้องค่อยๆ จางหายไปอย่างระทม อัดอั้นในใจ

สายตาของเด็กน้อยค่อยๆ หันไปมองปลายด้ามมีดที่ปักอยู่บนต้นไม้อย่างเจ็บใจ ก่อนจะค่อยๆ มองเห็นภาพในอดีตอันใหม่ที่เป็นด้ามมีดอันเดิมปักลงไปมิดด้ามร่างของชายผู้หนึ่ง แต่ทว่าชายผู้นั้นกลับยืนนิ่งเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น

“ไม่เลวสำหรับเด็กน้อยเช่นเจ้า แต่ยังอ่อนหัดเกินกว่าจะล้มข้าได้” เสียงกล่าวนั้นเป็นเสียงอันแหบพร่าน่ากลัวภายใต้หน้ากากประหลาด ที่แท้มีดบินนั้นปักอยู่บนตัวปีศาจ หุ่นชักใย ตัวเดียวกับที่หลินฟงจะได้เจอในภายภาคหน้านั้นเอง

“เจ้าเป็นใครกัน” ลี่หง กล่าวอย่างตะกุกตะกักตื่นกลัว นั่งคุกเข่าเรียบร้อยด้วยว่าโดนมือซ้ายของมารบีบคอและกดไว้ไม่ให้มีสิทธิแม้นแต่จะลุกหนี

“ผู้เปิดทางแห่งนิรันดร ฮะฮะฮะฮะ” มารหน้ากากกล่าวพร้อมกับยื่นคัมภีร์มารเปลี่ยนอสูรให้แก่ลี่หง


กลับคืนสู่ปัจจุบันมีดบินของอู๋จิง ได้พุ่งเข้าใกล้มารโลหิตซึ่งยอมรับความตายอย่างเร็วยิ่ง

“ท่านพ่อ….ข้าพเจ้าไม่เอาไหน นอกจากจะไม่ได้ช่วยสืบสานความสำเร็จของสำนักมีดบิน ซ้ำร้ายยังหลงเข้าทางมารยากหวนคืน... แต่อย่างน้อยวันนี้ข้าก็จะได้จบชีวิตด้วยวิชามีดบินที่ข้าภูมิใจ” มารโลหิตกล่าวก่อนจะมองไปหาคมมีดด้วยสายตาที่เปลี่ยวเหงา

มีดบินค่อยๆ ตัดอากาศเข้าใกล้ตัวมารโลหิตเรื่อยๆ เข้าใกล้เรื่อยๆ เข้าใกล้เรื่อย ๆ

“อะไรกัน….” มารโลหิตกล่าวก่อนจะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

“อะไรจะช้าเพียงนี้” พริบตาก่อนถึงความตายมารร้ายกลับมีจิตใจเป็นสอง

“บัดซบ!!!” พริบตาก่อนปลายคมมีจะปักเข้าที่อกมัน มารโลหิตกลับตวัดยกมือขวาขึ้นรับขวางทางวิ่งของมีดได้อย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ยิ่ง และมีดนั้นได้ปักทะลุฝ่ามือของมารโลหิตจนมิดด้าม แต่มารโลหิตกลับมีสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งพร้อมทั้งกล่าวต่อไปว่า

“ระดับที่แท้จริงมันต้องทะลุออกไป” มารโลหิตยืมคำกล่าวบิดาตนมากล่าวด้วยน้ำเสียงอันไม่พอใจอย่างยิ่ง ในขณะที่อู๋จิงได้แต่มองตาค้าง ระดับความเร็วในการเลื่อนมือมารับมีดนับว่าเหนือนชั้นอย่างยิ่ง และนี้แสดงให้เห็นว่าที่แท้อู๋จิงไม่ได้ฝึกคัมภีร์มารเปลี่ยนอสูร มีดบินอันนี้จึงไม่สามารถปลิดชีพมารโลหิตได้

และพริบตาเดียวนั้นเองมารร้ายก็ได้ใช้ระดับความเร็วอันน่าตื่นตะลึงพุ่งออกตัวไปด้วยพลังมารที่ร้ายกาจ เพียงครู่เดียวมือซ้ายของมันก็ถึงคอของอู๋จิงเสียแล้ว

มันใช้แขนซ้ายพลักดันอู๋จิงเข้าไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรงจนร่างของหนุ่มน้อยกระตุก กระอักเลือดอย่างหนัก ก่อนมันจะใช้มือซ้ายนั้นบีบคอเขาอย่างเหี้ยมเกรี้ยมแล้วจึงค่อย ๆ กดตัวชายหนุ่มให้นั่งคุกเข่ากับพื้นเหมือนเช่นอดีตที่มารโลหิตเคยเผอิญมา แต่หากกล่าวเป็นว่า

“บัดซบ ทำไมเจ้าไม่เปิดทางมาร ทำไมๆ ๆ ๆ ๆ” มารโลหิตกล่าวอย่างเดือดดาน ในขณะที่อู๋จิงได้เพียงแต่จ้องมองไปยังแววตาของมารโลหิตพร้อมกับกล่าวแต่แผ่วเบาว่า

“เพราะข้าไม่ใช่ท่าน”

เพียงแค่คำกล่าวสั้น ๆ เพียงนี้กลับเสมือนสะท้อนภาพในอดีตของมารโลหิตหรือ ลี่หง อย่างแจ่มชัดยิ่ง พริบตาเดียวกันนั้นเองภาพในอดีตของมารโลหิตค่อยๆ ย้อนกลับขึ้นมาจากเมื่อตอนวัยรุ่นถอยกลับไปจนถึงเมื่อครั้นยังเป็นเพียงเด็กน้อย

มือซ้ายที่คร้ากุมคอของอู๋จิงแน่นค่อยๆ คลี่คลายปล่อยออกพร้อมกับหยดน้ำตาที่ค่อยๆ เลือนผ่านแก้มของมารโลหิตลี่หง

อู๋จิงเมื่อหลุดจากการคร่ากุมก็สำลักไอหลายคราก่อนจะพยายามคืนจังหวะการหายใจ ในขณะที่มารโลหิตนั้นทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งเสมือนไร้ความรู้สึก

และไม่นานนักมารโลหิตก็ค่อยๆ กลับคืนสติ เช็ดหยดน้ำตาแล้วกล่าวแต่แผ่วเบาว่า

“เจ้าสามารถไปได้แล้ว”

“ไปได้หรือ?” อู๋จิงกล่าวทวนคำและมองไปยังมารโลหิตที่ดูเศร้าและเหงายิ่งนัก จากนั้นชายหนุ่มจึงค่อยๆ ยื่นคัมภีร์มารที่ไม่ได้ใช้กลับคืนไปให้ พร้อมทั้งกุมสองมือคำนับลา

แต่พริบตาก่อนที่ชายหนุ่มจะร่ำลาจากไป มารโลหิตก็พลันมีสีหน้าแววตาที่แปลกประหลาดเสมือนรู้สึกถึงการณ์เบื้องหน้ารีบกล่าวพลันว่า

“หยุดก่อน เด็กน้อย”

สิ้นคำมารโลหิต อู๋จิงถึงกลับหน้าเสียไปเล็กน้อยก่อนที่มารโลหิตจะมองไปยังเด็กหนุ่มแล้วจึงล้วงหยิบบางสิ่งออกจากในปกเสื้อ

“เจ้าช่วยนำของสิ่งนี้ไปคืนให้สำนักมีดบินวิหกเหินที” มารโลหิตยื่นหอผ้าหนึ่งให้

“มันคืออะไร” อู๋จิงกล่าวถาม

“ชุดเจ็ดมีดบิน” มารโลหิตกล่าวเรียบ ๆ แต่เพียงอู๋จิงได้รับฟังก็ต้องรีบกล่าวเสียงสูงเสมือนแทบไม่เชื่อหูของตน

“ชุดเจ็ดมีดบิน สุดยอดศาสตราวุทธ์!!!!”

“ใช่แล้ว ช่วยนำมันกลับไปยังที่ที่มันควรจะอยู่ด้วย” มารโลหิตกล่าวก่อนจะยื่นอีกหนึ่งในเจ็ดมีดวิเศษที่ปักอยู่ที่มือขวาของเขาไปให้หลินฟงด้วย

“ท่านไว้ใจข้าเพียงนี้เลยหรือ ไม่คิดว่าข้าจะนำมันไปเป็นของตนหรืออย่างไร”

“หากเจ้าเป็นคนเช่นนั้น เจ้าคงฝึกคัมภีร์มารเปลี่ยนอสูรไปแล้ว” มารโลหิตกล่าวเรียบ ๆ ทว่าโดนใจอู๋จิงยิ่งนัก หนุ่มน้อยถึงกลับกลั้นร้อยยิ้มมิได้

“ข้าพเจ้าจะเป็นธุระให้ ตอบแทนเคล็ดวิชามีดบินที่ท่านได้ถ่ายทอด” อู๋จิงกล่าวตบปากรับคำเป็นมั่นเหมาะ

“ถ้าเช่นนั้นเจ้ารีบไปเถิด ที่นี้ไม่มีอะไรสนใจอีกแล้ว”

“แต่….”

“ไปซะก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ” มารโลหิตกล่าวย้ำน้ำเสียงหนัก อู๋จิงจึงค่อยๆ วิ่งออกห่างไป และเมื่อชายหนุ่มไปพ้นสายตามารร้ายจึงกล่าวต่อไปว่า

“ข้าพเจ้ายังคงพอมีโชคอยู่บ้างที่ได้เจอ เด็กหนุ่มผู้นี้ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตาย” สิ้นเสียงมารโลหิต เขาก็ค่อยๆ เดินไปอย่างช้า ๆ กลับขึ้นไปยังห้องโถงของบ้านก่อนจะประจัญหน้าพบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

แขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้สวมชุดคลุมยาวทั้งตัวพร้อมทั้งหมวกปีกใบกว้างดูลึกลับยิ่งนัก

“มารร้าย เวลาตายมาถึงแล้ว” ทว่าเสียงพูดกลับเป็นเสียงหญิงสาวฟังดูไพเราะยิ่ง เธอค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นชุดบู๊ดูรัดกุมทว่าไม่สามารถซ่อนรูปร่างอันน่าดึงดูดของนางได้ ทั้งยังประหลาดสพายกระบี่ด้านข้างเอวซ้ายขวาด้านล่ะสามเล่ม และสพายกระบี่พาดหลังอีกหนึ่งเล่ม

และเมื่อนางถอดหมวกปีกออกก็เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามสูงส่งราวกับเป็นเทพธิดานางฟ้าก็ไม่ปาน อีกทั้งผิวพรรณขาวเนียนเปล่งปลั่งไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไปแม้นแต่น้อย

จะว่าไปแล้วนางฟ้าผู้นี้ก็เป็นคนเดียวกับที่อู๋จิงเคยพบเมื่อนานมาแล้วที่ร้านขายอาวุธในเมืองใหญ่ นี้ถ้าชายหนุ่มได้เจออีกครั้งย่อมต้องจำได้แน่

“ผู้สืบทอดกระบี่หยกน้ำเงิน งดงามยิ่งแล้ว” มารโลหิตกล่าวทันทีเมื่อเห็นเซียนหญิงผู้นั้นชักกระบี่หยกสีน้ำเงินออกจากฝักที่สพายหลัง




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2550
0 comments
Last Update : 4 ธันวาคม 2550 18:05:26 น.
Counter : 682 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.