Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 21

บทที่ 21

หิมะเหมันต์ ค่อย ๆ ร่วงรินหล่นจากพื้นฟ้า ประดุจปุยเมฆขนาดเล็กที่สวยงามราวกับดาวบนนภาที่พร่างพราว หญิงงามนางหนึ่งในชุดขาวสะอาดตารับกับผิวพรรณที่ขาวนวลไร้ตำหนิ เดินผ่านฝนหิมะอย่างเรียบง่ายสงบนิ่งโดยที่ตัวเธอนั้นไม่เปียกปอนหรือปะทะหิมะหนาวแต่อย่างใด ด้วยว่าชายหนุ่มสูงโปร่งด้านข้างเดินถือร่มกระดาษป้องหิมะแทนนาง

ทั้งสองเดินจูงมือกันไป มือซ้ายชายหนุ่มสัมผัสมือขาวอันขาวผ่องของสาวน้อย ทั้งสองเดินขึ้นบันไดสูงซึ่งปลายทางนั้นคือหมู่ตึกขนาดใหญ่ “ตำหนักหมื่นน้ำแข็ง”

“หิมะ ใยเจ้านามว่าหิมะ” ชายหนุ่มผู้ถือร่มหรือหลินฟงกล่าวต่อหิมะ

“เพราะข้าพเจ้าเกิดในวันที่หิมะงดงามเชกเช่นวันนี้” หิมะตอบพร้อมรอยยิ้ม

“ชะตากรรมเบื้องหน้า ท่านกลัวหรือไม่” หลินฟงกล่าวพร้อมจ้องมองไปยังหญิงสาว

“หากลัวไม่” หิมะกล่าวตอบอย่างเด็ดเดี่ยว

“แต่ข้าพเจ้ากลัว” กลับเป็นหลินฟงที่กล่าวอย่างไม่เขินอายพร้อมทั้งบีบมือนางแน่นขึ้น

“กลัวอันใด”

“หากการเดินทางของเราไร้จุดหมาย ข้าพเจ้าและท่านคงได้ท่องยุทธจักรกันเรื่อยไป ข้าพเจ้าคงไม่ขออะไรอีกแล้ว” เด็กหนุ่มรู้ในใจแน่วแน่ ว่าปลายทางของนางคือการล้างแค้นใช่ท่องเที่ยวเล่นในยุทธภพไม่ และปลายทางที่ตำหนักหมื่นน้ำแข็งคือหนึ่งในจุดหมายแห่งการล้างแค้น

หิมะฟังคำกล่าวหลินฟงก็มีท่าทีสีหน้าเปลี่ยนไป สุดท้ายก็กล่าวออกไปจากใจว่า

“จริงๆ แล้วข้าพเจ้าก็กลัวเช่นกัน” เป็นนางที่บีบมือเด็กหนุ่มแน่น

สิ้นคำกล่าวของหิมะทั้งสองก็ไม่กล่าวอันใดสืบไป ทั้งคู่ได้แต่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเรียบ ๆ จนกระทั้งถึงบันไดขั้นสุดท้ายและเบื้องหน้านั้นพลันเห็นเป็นลูกศิษย์พรรคหมื่นน้ำแข็งซึ่งยืนเรียงเป็นแนวหน้ากระดานนับร้อยตรงหน้าลานกว้างของตำหนักหมื่นน้ำแข็ง

“พร้อมหรือไม่” หิมะกล่าวต่อหลินฟงในขณะที่นางเตรียมพร้อมเดินพลังภายใน เพราะหมู่คนเบื้องหน้าย่อมเป็นศัตรู

แต่ยังไม่ทันที่หิมะ และหลินฟงจะได้ลงมือแสดงยุทธ์ไม่ธรรมดา ก็พลันได้ยินเสียงทุ่มใหญ่ของชายแก่อันทรงพลังดังแทรกขึ้นมาว่า

“พวกเจ้าหลีกทางให้หลานสาวข้าในบัดดล” ผู้กล่าวย่อมไม่ใช่ใคร มังกรเย็น ยอดยุทธ์เจ้าสำนักหมื่นน้ำแข็งนั้นเอง และพอสิ้นคำกล่าวลูกศิษย์พรรคก็พากันแหวกเปิดทางให้หลินฟงและหิมะเดินเข้าไปใกล้ผู้อาวุโสที่ยืนเด็ดเดี่ยวอยู่กลางลานกว้าง

มังกรเย็น อยู่ในชุดบู๊ขาวรัดกุมคล้ายดั่งล่วงรู้ถึงการมาของหิมะและหลินฟงแล้ว แม้นว่าผู้อาวุโสผู้นี้จะผมขาวทั้งหัวแต่กลับดูไม่แก่วัยแต่อย่างใด อีกทั้งดูมีพลังน่าเกรงขามสมกับที่มีชื่ออยู่ในสิบอันดับสุดยอดแห่งยุทธภพ

มังกรเย็นหรือเจ้าสำนักอาวุโสครานี้จ้องมองไปยังหิมะที่กุมมือเดินเข้ามาพร้อมกับหลินฟงถึงกับลอบยิ้มที่มุมปากและกล่าวสืบไปว่า

“การมาของหลานสาวครานี้หรือว่าจะมาด้วยเรื่องขอให้ผู้เฒ่าผู้นี้ช่วยเป็นธุระแต่งงานให้หรืออย่างไร” มังกรเย็นกล่าวพร้อมทั้งหัวเราะลั่น

“ผิดแล้วข้าพเจ้ามาเอาชีวิตเจ้าพร้อมทั้ง สำนักหมื่นน้ำแข็งคืนต่างหาก” หิมะกล่าวหนักแน่น

“หิมะเอ่ย เจ้าย่อมรู้ว่าเมื่อข้าสำเร็จพลังหมื่นเย็นขั้นสิบ เคล็ดวิชาหยิบยืมปราณสนองกลับของเจ้าย่อมใช้ไม่ได้กับข้าแล้ว ทางที่ดีเจ้ารีบยื่นคัมภีร์เคลื่อนย้ายดารามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสองคน” มังกรเย็นกล่าว

แทนที่สาวน้อยจะตอบโต้วาจา เธอกลับเรียบง่ายหยิบคัมภีร์ออกมาแสดงให้ผู้เฒ่าเห็นเสียอย่างนั้น

“คัมภีร์อยู่นี้แล้ว หากท่านยังพอมีเกียรติให้ยึดถือยู่บ้าง จงออกมาดวลกับข้าตัวต่อตัว อย่าให้ศิษย์ท่านต้องมาตายเปล่าเลย” คำกล่าวของหิมะทำเอาผู้เฒ่าหัวเราะลั่นก่อนจะกล่าวสืบไปว่า

“เพ้อฝันเหมือนกับพ่อเจ้าไม่มีผิด” มันกล่าวกระแทกแดกดันก่อนทำสัญญาณมือให้ลูกศิษย์ของมันนับร้อยกระจายตัวห่างออกไป

“นับว่าท่านยังพอมีเรื่องให้นับถืออยู่บ้าง” แม่นางน้อยกล่าว

“เห็นแก่หน้าพ่อเจ้า ข้าจะไม่ให้เจ้าตายอย่างทรมาณก็แล้วกัน” พอกล่าวจบมันก็กระโจนร่างขึ้นฟ้า โคจรพลังหมื่นน้ำแข็งขั้นสิบ ประดุจดังดั่งมังกรฤดูหนาวอันร้ายกาจเตรียมเข้าโจมตีด้วยกำลังทั้งมวล

พลังปราณน้ำแข็งของมังกรเย็นรุนแรงร้ายกาจเพียงหิมะที่ร่วงหล่นตกปะทะร่างมันก็พลันเปลี่ยนเป็นก้อนน้ำแข็งไปอย่างอัศจรรย์ แล้วนี้หิมะเพียงลำพังจะต้านรับได้หรืออย่างไร ทว่าเช่นนั้นเธอก็หาได้ตื่นตกใจไม่ ยังคงยื่นนิ่งใต้ร่มกระดาษ โดยที่มีหลินฟงเปลี่ยนตำแหน่งไปยืนทางด้านหลังของเธอ

“พลังหมื่นน้ำแข็งขั้นที่สิบ” ยอดยุทธ์เฒ่าประกาศกร้าวพร้อมทั้งรวมพลังปราณสุดเย็นไว้ในมือขวา

และพริบตาก่อนที่พลังปราณมหาศาลภายใต้หมัดของมังกรเย็นจะพุ่งเข้าปะทะร่างของเธอก็เป็นจังหวะเดียวกับที่หลินฟงที่แอบอยู่ทางด้านหลังค่อยๆ เอื่อมมือซ้ายวางแนบบนแผ่นหลังของหล่อน พร้อมเพรียงกับที่เธอยื่นผ่ามือซ้ายรับพลังปราณหมัดอันหนักหน่วงของมังกรเย็น


หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านั้น

ภายในห้องพักแห่งหนึ่งของโรงเตี๊ยมในเมืองเหอเฟย หลิงฟงและหิมะนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางห้องหันหน้าเข้าหากัน สีหน้าเคร่งเครียด

“หลินฟงต่อยมาเลย” หิมะกล่าว

“เอาจริงเหรอหิมะ” หลินฟงตอบกลับแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะง้างหมัดช้า ๆ จ้องมองแววตาของเจ้าหล่อนซึ่งดูเอาจริงเอาจัง สุดท้ายช่วยไม่ได้หนุ่มน้อยจึงปล่อยหมัดออกไป

แต่ก่อนที่หมัดนั้นจะถึงใบหน้าของหญิงสาว นางก็รับหมัดขวานั้นด้วยมือซ้ายอย่างแผ่วเบา และพริบตาเดียวกันนั้นเองหลินฟงก็กลับรู้สึกเหมือนว่าชกโดนเพียงอากาศธาตุ หิมะใช้ออกด้วยวิชาโยกย้ายดาราเปลี่ยนกายให้คล้ายดั่งความว่างรับเอาพลังปราณของเด็กหนุ่มจากมือซ้ายก่อนจะเปลี่ยนถ่ายพลังนั้นไปสู่มือขวาของนางแล้วจึงใช้ออกด้วยเพลงฝ่ามือเข้าใส่หน้าอกเด็กหนุ่มทันที

พริบตาที่เด็กหนุ่มโดนฝ่ามือนั้นก็พลันกระเด็นออกไปไกลจนกระแทกผนังห้องเสียงดังทันที และมีสีหน้าเจ็บปวดไม่เบา

“นี้แหละ โยกย้ายดารา” หิมะกล่าวเรียบ ๆ

“เพิ่งเคยโดนจริงๆ ก็ครั้งนี้แหละ ว่าแต่เมื่อเจ้ามีเคล็ดวิชาหยิบยืมปราณสนองกลับแล้วใยถึงแพ้มังกรเย็นก่อนหน้านี้เสียได้” เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับเอามือขวานวดบริเวณอกที่เจ็บไปพลาง

“เพราะมันสำเร็จพลังไอเย็นสุดยอด สามารถกักพิษไอเย็นไว้ในร่างข้าพเจ้าได้ ทำให้ข้าพเจ้าหยิบยืมปราณสนองกลับไม่ได้”

“เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเจ้าถึงดึงข้าเข้ามาพัวพัน" หลินฟงกล่าว

"เจ้าเข้าใจอย่างไรรีบกล่าว"

"ข้าพเจ้ามีพลังหยกวิเศษต้านพิษไอเย็นได้ และถ้าหากข้าสามารถใช้วิชาโยกย้ายดาราได้ก็ย่อมต้องชนะมันได้สินะ” หลินฟงกล่าวตาเป็นประกาย

หิมะได้ฟังก็เพียงยิ้มเจ้าเลห์ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า

“งั้นเจ้าลองรับหมัดข้าดูนะ เคล็ดวิชาคือเปลี่ยนกายเป็นความว่างให้ปราณควบคุมปราณ ชักนำปราณศัตรูจู่โจมศัตรู” หิมะกล่าวจบก็ต่อยเข้าไปหาหลินฟงทันที และเด็กหนุ่มก็ไม่รอช้ารีบยกฝ่ามือขึ้นมาต้านรับก่อนจะอาศัยสัญชาตญาณเปลี่ยนกายเป็นความว่างทันที แต่สุดจะคาดร่างหลินฟงกลับเหินลอยไปกระแทกผ่าผนังโรงเตี๊ยมเสียงดังสนั่นอีกเป็นครั้งที่สอง ครานี้รุนแรงกว่าเก่าถึงกับเลือดซึมออกปากทีเดียว

“เจ้าโง่!!! วิชาลึกล้ำเช่นนี้หากไม่ฝึกตั้งแต่เด็กอย่างหวังว่าจะใช้ได้เลย” โดนหิมะด่าเข้าให้ ก่อนนางจะกล่าวต่อไปว่า

“แผนการก็คือเจ้าต้องถ่ายพลังปราณวิเศษที่ต้านไอเย็นของเจ้ามาไว้ในกายข้า และเมื่อข้าต้องไปสู้กับมังกรเย็น มันก็คงจะตายใจว่าข้าไม่สามารถหยิบยืมปราณสนองคืนได้ มันก็จะโจมตีข้าเต็มแรงและเมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็เสริมพลังปราณเข้าไปในร่างข้าสลายไอเย็น ส่วนข้าก็จะหยิบยืมพลังปราณอันมหาศาลของมันโจมตีมันกลับ”

“วิเศษ…” หลินฟงกล่าวตอบอย่างเลื่อมใส ก่อนจะทำหน้าสงสัยแล้วพูดต่อไปว่า “ว่าแต่ข้าพเจ้ายังถ่ายพลังไม่เป็นน่ะสิ”

“ตัวโง่งม!!!” หิมะทำหน้าเอือมระอา ก่อนจะใช้มือขวายื่นไปจับกุมมือซ้ายของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงโอนถ่ายพลังนางเข้าไปให้ และพริบตาเดียวเด็กหนุ่มก็เข้าใจหลักการณ์ได้ไม่ลำบาก

“เช่นนี้เอง” พอกล่าวจบเด็กหนุ่มก็เริ่มถ่ายพลังปราณเข้าสู่ร่างหญิงสาว

“น่าแปลกพลังของเจ้าบริสุทธ์ยิ่ง ไม่ต่อต้านพลังข้าเลยแม้นแต่น้อย เช่นนี้เราคงไม่ต้องฝึกฝนเนิ่นนาน”

“เป็นกลยุทธ์ที่ดีจัง” หลินฟงทำหน้ากะล่อนเหมือนดีใจที่ได้กุมมือหิมะ

“ไอ้คนทะลึ่ง” พูดจบนางก็ตบหน้าเด็กหนุ่มเข้าให้ฉาดหนึ่งทันที


ตัดกลับมาที่การประลองยุทธ์ระหว่างหิมะกับมังกรเย็นโดยที่มีหลินฟงเป็นเสมือนอาวุธลับ

พริบตาก่อนที่พลังปราณหมัดอันหนักหน่วงของมังกรเย็นจะปะทะเข้ากับฝ่ามือซ้ายของหญิงสาว พลังปราณวิเศษของหลินฟงก็แล่นไปทั่วร่างของนางแล้ว ด้วยว่าทั้งสองกุมมือกันโดยหลินฟงถ่ายพลังให้นางตั้งแต่ต้นและยิ่งเริ่งเร้าพลังหยกเมื่อครู่โดยการเอามือทาบหลังนางไว้

พริบตานั้นเองหิมะก็ใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาโยกย้ายดาราทันที เปลี่ยนร่างให้ดุจดั่งความว่างเปล่ารับเอาพลังปราณน้ำแข็งของมังกรเย็นมาทั้งหมดทั้งมวล และก็เป็นไปดั่งคาดพลังไอเย็นเมื่อโดนพลังปราณวิเศษของหลินฟง พลังปราณนั้นก็ไม่เยือกเย็นอีกต่อไปหิมะจึงหยิบยืมปราณสนองคืนผู้ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยโยกย้ายพลังปราณมหาศาลนั้นจากมือซ้ายเปลี่ยนเข้าไปสู่มือขวาแล้วจึงใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือเต็มแรง อีกทั้งยังเสริมพลังของนางเข้าไปอีกด้วย

“โยกย้ายดารารึ เป็นไปไม่ได้!!!” มังกรเย็นตื่นตะลึงมองตาค้างเมื่อสำนึกตนว่าเหมือนชกโดนเพียงอากาศธาตุ ก่อนจะค่อยๆ เห็นฝ่ามือของหิมะเคลื่อนแหวกอากาศเข้าหาสีข้างของมันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้

“ไม่มีทางงงงงงง” มังกรเย็นตะโกนลั่น เอี่ยวตัวกลางหาวใช้ออกด้วยมือซ้ายที่ว่าง ยกขึ้นต้านรับพลังปราณมหาศาลที่แผ่พุ่งมากับฝ่ามือหิมะ

ฉับพลันที่สองฝ่ามือปะทะกันก็เกิดเสียงดังกระฉ่อนไปทั่ว มวลหมู่หิมะบนพื้นก็กระจายตัวเป็นวงกว้างนับว่าการปะทะกันครั้งนี้ดุจดั่งฟ้าถล่มดินทลายก็ว่าได้

มังกรเย็นกัดฟัดกรอด พร้อมกับเสียงกระดูกข้อมือซ้ายของมันที่ค่อยๆ แตกละเอียด แถมไม่พอพลังปราณยังไม่หยุดยั้ง แผ่พุ่งทำลายสืบไปพริบตาเดียวกระดูกท่อนแขนของมันก็แตกหักยับเยิน แต่พลังก็ยังลามไปได้เรื่อยๆ ถ้าปล่อยไว้พลังนี้ย่อมทะลวงไปถึงอวัยวะภายในให้ต้องบอบช่ำเป็นแน่

แต่สุดจะคาดมังกรเย็นกลับแก้ไขโดยฟาดฝ่ามือขวาไปที่ไหล่ซ้ายที่กำลังจะถูกพลังรุกราน โดยแยกกระดูกไหล่ให้หลุดออกจากลำตัวเพื่อหยุดการรุกคืบของพลัง อีกทั้งใช้พลังหมื่นเย็นจนหัวไหล่เป็นน้ำแข็งไปสิ้น สลายพลังปราณอันตรายไปได้เกือบทุกส่วน

“ร้ายกาจ” หิมะกล่าว

มังกรเย็นหลังเสียแขนไปหนึ่งข้างก็รีบดีดตัวหนีออกจากวงต่อสู้ทันที แต่ไม่หนีเปล่ายังคงส่งสัญญาณมือให้ลูกศิษย์ของตนเข้ารุมโจมตีหิมะและหลินฟงอีกด้วย

“หลินฟง ฝากด้วยนะ” หิมะไม่รอช้ากระโดดเหินฟ้าใช้เพลงเตะเข้าโจมตีลิ้วล่อที่เข้ามารุมพร้อมทั้งทะยานตนไล่ตามมังกรเย็นอย่างไม่ลดละ

“ข้าพเจ้าจะระวังหลังให้ท่านเอง” หลินฟงรับคำ ร่ายรำร่มกระดาษในมือแทนพลองฟาดโจมตีรอบทิศสลายกำลังกลุ่มลูกศิษย์ที่เข้ารุม แต่ถึงกระนั้นศัตรูก็มากเหลือเกินพริบตาเดียวก็ล้อมชายหนุ่มไว้หมดทุกด้านแล้ว

ในขณะที่หิมะนั้นหาได้สนใจลิ่วล้อไม่นางเหินร่างเหยียบไหล่พวกมันแทนสะพานจนมุ่งเข้าไปหามังกรเย็นที่กำลังจับหัวไหล่ไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่
“อย่าอยู่เลย” นางฟาดฝ่ามือเข้าใส่เต็มที่

“แม้นข้าจะใช้ได้เพียงแขนเดียว แต่ถ้าดวลด้วยพลังปราณนั้นเจ้าย่อมไม่ใช่คู่มือข้า” มังกรเย็นฟาดฝ่ามือปะทะอย่างหนักหน่วงและเป็นหิมะเองที่ต้องกระเด็นออกไป

"เจ้าคนเดียวจะทำอะไรได้" มังกรเย็นไม่รอช้าตามติดเข้าปะทะกับหิมะทันที ทั้งสองจึงด้วยเพลงฝ่ามือเข้าดวลกันอย่างดุเดือด หิมะนั้นมีเพลงฝ่ามือที่รวดเร็วในขณะที่มังกรเย็นนั้นหนักหน่วง

“วาดดารากลางฟ้ามืด” หิมะหลบหลีกฝ่ามือศัตรูอย่างคล่องแคล่วก่อนจะสวนกลับฟาดสามฝ่ามือเข้ากระแทกที่ใบหน้าของมังกรเย็นอย่างจัง

“เบาดุจปุ่ยฝ้าย” แม้นเพลงฝ่ามือทั้งสามจะเข้าเป้าอย่างจังให้มังกรเย็นต้องมึนคง แต่มันยังคงอาศัยประสบการ์เก่า พร้อมทั้งจังหวะที่หิมะประมาทฟาดหมัดสวนคืนเข้าที่ท้องน้อยของหิมะ ให้นางก็ต้องตัวงอพร้อมทั้งกระอักเลือดรุนแรง

แต่หิมะกลับฝืนพุ่งเข้าปะทะแลกหมัดดวลเพลงยุทธ์กับมังกรเย็นอย่างถึงขั้วแบบไม่ยอมถอยแม้นเพียงก้าว ให้ความแค้นทั้งหลายครอบงำจิตใจสู้แบบแลกชีวิตกันไปข้าง


ในขณะที่ทางด้านหลินฟงก็โดนศัตรูบุกเข้าจากทุกด้าน สุดท้ายด้วยความเป็นห่วงหิมะจึงเหวี้ยงความร่มนั้นดุจลูกข่างเปิดทางให้แหวกออกไป แต่มิเพียงแหวกหนีเปล่าเท่านั้น

“ประทับเทพ พันมือ” หลินฟงประทับสมาธิ ร่ายรำดรรชนีอย่างรวดเร็วจนคล้ายดั่งเห็นเป็นพันมือเข้าจู่โจมจี้จุดศัตรูให้ยืนตัวแข็งเป็นหุ่นไปเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งวิ่งฝ่าแนวป้องกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งแหวกวงล้อมไปได้ในที่สุด แต่ภาพที่เห็นเบื้องหน้ากลับทำให้ต้องใจหายยิ่งนัก

ภาพที่เห็นนั้นเป็นหิมะถูกมังกรเย็นที่บอบช้ำไม่น้อยยืนบีบคอและยกร่างเธอลอยขึ้นเหนือพื้น ทว่านางกลับไม่มีอาการขัดขืนแต่อย่างใดด้วยว่าทั่วทั้งร่างของนางนั้นแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดแล้ว

“หิมะ” หลินฟงโกรธจัดทะยายร่าง ปล่อยหมัดเข้าโจมตีใส่มังกรเย็นสุดกำลัง

“เด็กร้ายกาจ” ด้วยว่าแขนข้างหนึ่งของมังกรเย็นนั้นหักสนิท แขนอีกข้างจึงต้องละมือปล่อยหิมะเพื่อมาใช้ต้านรับหมัดของหลินฟง และเพียงมือขวาผู้เฒ่ารับหมัดเด็กหนุ่มก็ต้องลอบยิ้มที่มุมปากทันที

“เด็กร้ายกาจ” มันกล่าวเป็นครั้งที่สองก่อนจะผ่อนแรงหมัดด้วยการถอยตัวหนี ปล่อยให้หลินฟงรีบประคองรับร่างของหิมะไว้

“หิมะเจ้าได้ยินข้าไหม” หลินฟงกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงยิ่ง

แต่แทนที่จะได้คำตอบ หิมะกลับทำได้เพียงเสียหนึ่งหยดน้ำตาให้ แต่ทว่าน้ำตานั้นเพียงหลั่งถึงแก้มก็พลันแข็งเป็นน้ำแข็ง ชีพจรของนางค่อยๆ เต้นช้าลง ๆ

“ไม่ได้การแล้ว” หลินฟงใช้สองมือที่โอบรอบกายนางถ่ายพลังเข้าช่วยทันที แต่ทว่าการช่วยเหลือก็ดูเหมือนจะช้าเกินไปชีพจรของนางค่อยๆ แผ่วเบาไปเรื่อยๆ หรือว่าเขามาช้าเกินไปจริงๆ หรือนี้

“ต้องมีทางสิ” สวรรค์มีตาหรือฟ้ามีใจ สุดจะคาดชายหนุ่มพลันนึกวิธีขึ้นได้

สุดท้ายเด็กหนุ่มพลันก้มลงประทับริมฝีปากเขากับริมฝีปากกับนาง แต่นั้นมิใช่เพียงจูปธรรมดาแต่เขากลับใช้พลังปราณที่มีทั้งมวลดึงดูด ซึมซับเอาพลังน้ำแข็งพิษที่ค้างคาในตัวนางมาไว้ในตัวเขาแทนที่

“อยากตายแทนนางนั่นงั้นรึ โง่งมยิ่งนัก” มังกรเย็นเพียงเฝ้ามองดูหิมะและหลินฟงอย่างไม่สนใจ เพียงนึกไปว่ากำลังดูละครรักฉากจบ

ทว่าไม่นานนักมันก็เริ่มเอะใจถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป น้ำแข็งรอบตัวหิมะพลันค่อยๆ ระเหยหายไปสิ้นในขณะที่รอบกายชายหนุ่มกลับเสมือนถูกโอบล้อมไปด้วยพลังปราณอันเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ

มิคาดพลังปราณน้ำแข็งเมื่ออยู่ในร่างหลินฟงกลับไม่เพียงแผลงฤทธิซ้ำร้ายเด็กหนุ่มยังดูดกลืนพลังนั้นเป็นของตนอย่างที่เคยทำมาก่อนแล้วอีกต่างหาก ยิ่งครานี้เด็กหนุ่มผู้รู้ยุทธ์แล้วเมื่อได้รับพลังใหม่ก็เสมือนก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ระดับฝีมือทะลุขึ้นไปอีกหลายขั้น มิเพียงเท่านั้นสติปัญญาพลันแจ่มใส่
หลินฟงพลันตระหนักได้รีบใช้หนึ่งฝ่ามือประทับวางตรงอกหิมะ ถ่ายพลังกระตุ้นไปยังหัวใจนางที่เพิ่งหยุดเต้นให้กลับเต้นอีกครั้ง

“เป็นไปไม่ได้” มังกรเย็นมองตาค้าง ก่อนจะสำนึกได้ว่าคงอยู่เฉยมิได้แล้ว มันรีบกระโจนร่างเข้าหมายโจมตีหักดิบกับหลินฟงทันที แต่หลินฟงยามนั้นกลับนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิมมากนักพลันคล้ายเปลี่ยนดั่งเป็นคนล่ะคนไปแล้วสิ้น มิเพียงพลังอันเพิ่มพูนอีกทั้งจิตที่กระจ่างแจ้ง

“ข้าพเจ้า…เข้าใจแล้ว” หลินฟงค่อย ๆ วางหิมะซึ่งเพิ่งคืนสติลงนอนบนพื้น ก่อนจะหันกลับไปเผอิญหน้ากับมังกรเย็นอย่างเรียบเฉยไม่แม้นจะตั้งท่าปัดป้องแต่อย่างใด

และพริบตาเดียวก่อนที่หมัดของมังกรเย็นจะปะทะเข้าที่ใบหน้า เด็กหนุ่มก็เพียงยกฝ่ามือรับหมัดนั้นไว้พร้อมทั้งแววตาเรียบเฉย

“โยกย้ายดารา!!!!!” มังกรเย็นตาเบิกกว้างลอบกล่าวตะลึงงันนึกไม่ถึงผู้ใช้จะเป็นเด็กหนุ่มเบื้องหน้า

หลินฟงรับหมัดด้วยฝ่ามือที่ว่างเปล่าซึมซับพลังหมัดของมันจากมือซ้ายก่อนจะเปลี่ยนถ่ายไปสู่มือขวาแล้วจึงฟาดฝ่ามือเข้าเต็มสีข้างจนร่างของมังกรเย็นต้องสะท้าน และมิเพียงโดนพลังของตนเล่นงานซ้ำร้ายในเพลงฝ่ามือนั้นยังแฝงพลังใหม่ของหลินฟงซึ่งร้ายกาจกว่าเดิมอีกด้วย

ความรุนแรงนั้นเรียกว่าแทบหักกระดูกซี่โครงมันได้หมดสิ้น และร่างมันสมควรจะกระเด็นไปไกลแต่หลินฟงกลับร้ายกาจใช้มือซ้ายที่เพิ่งรับหมัดพลันเปลี่ยนเป็นคว้าจับข้อมือมันไม่ให้ไปไหนก่อนจะบิดหมุนข้อมือจนร่างของมังกรเย็นลอยหมุนคว่างเป็นลูกข้าง และพริบตานั้นเองหลินฟงก็พลันประทับสมาธิเตรียมเผด็จศึก

“ประทัพเทพ พันดรรชนี” แม้นร่างของมังกรเย็นหมุนควงกลางหาว แต่หลินฟงยังคงร้ายกาจสามารถบรรเลงดรรชนีจี้สกัดทุกจุดสำคัญได้หมดสิ้นซ้ำยังแฝงพลังปราณรุนแรงทะลวงทำลายทุกจุดอีกด้วย และเพียงชั่วอึดใจเดียวที่ฝ่าเท้าของชายแก่ลงพื้น มังกรเย็นที่เคยร้ายกาจก็ไม่มีอีกต่อไปแล้วหลงเหลือเพียงชายแก่ธรรมดาผู้บอบช้ำไร้สิ้นวรยุทธ์

“ฆ่าข้าไม่ง่ายกว่าเหรอ” ชายแก่กล่าวพร้อมกระอักเลือด สีหน้าไร้สิ้นสีเลือดแต่อย่างใด

“ข้าพเจ้าไม่มีความแค้นต่อท่านถึงเพียงนั้น”

“แต่ข้าพเจ้ามี” หิมะกล่าวแย้งพร้อมทั้งเดินกระเซอะกระแซะเข้าไปหามังกรเย็นซึ่งไร้เรี่ยวแรงแม้นจะขยับตัว

“หิมะ ข้าพเจ้าไม่เห็นมังกรเย็นแล้ว ท่านยังจะล้างแค้นอีกหรือ” หลินฟงกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปกุมมือนางไว้

หิมะมองจ้องไปที่มังกรเย็นซึ่งไม่เหลือสภาพ เจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่แม้นแต่น้อยเป็นเสมือนชายแก่ผู้หนึ่งซึ่งอ่อนแรงเต็มทนแล้ว ภาพนั้นกลับทำให้นางนึกไปถึงวาระสุดท้ายของบิดาที่ลอบคำสั่งเสียเพียงว่า “จงเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมเถิด” สุดท้ายนางจึงได้แต่หลั่งน้ำตาหันไปกอดกับหลินฟงพร้อมกล่าวว่า

“ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นมันแล้ว”



Create Date : 07 ธันวาคม 2550
Last Update : 7 ธันวาคม 2550 17:56:05 น. 1 comments
Counter : 512 Pageviews.

 
โอ้โห........................... แต่งเองเปล่าเนี่ย


โดย: POL_US วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:11:31:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.