เบิร์ดเริ่มต้นเรียนหนังสือที่โรงเรียนนิมมานรดี แล้วไปต่อที่ โรงเรียนปัญญาวรคุณ จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี ความที่เป็นคนสนุกสนาน ร่าเริงอัธยาศัยดี เบิร์ดจึงเป็นที่รักใคร่ของครูอาจารย์ และเพื่อนฝูง ความเป็นคนสุภาพ มีสัมมาคารวะ ทำให้ได้รางวัลมารยาทดีจากโรงเรียน และนอกจากนั้น เบิร์ดยังรักที่จะทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เป็นนักกีฬาฟุตบอล และบาสเก็ตบอล ของโรงเรียนเป็นต้น
และเพราะเติบโตมาในครอบครัวที่รักดนตรี ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเสียงเพลง เบิร์ดจึงเป็นเด็กที่ชอบ ร้อง รำ ทำเพลง เวทีในงานโรงเรียนคือสถานที่แห่งแรกที่เบิร์ดได้แสดงพรสวรรค์ของตนเองออกมา ทุกครั้งที่มีการแสดง ไม่ว่าร้องเพลงหรือเล่นละคร หนึ่งคนบนเวทีจะมีเบิร์ดเสมอ
เมื่อเรียนจบ เบิร์ดได้เข้าทำงานที่ ธนาคารกสิกรไทย ฝ่ายต่างประเทศ และหารายได้เพิ่มเติมด้วยการทำงานอื่นๆไปด้วย อาทิ ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา จนกระทั่งไปพบกับ คุณวรายุท มิลินทจินดา ชักชวนให้ไปเล่นละครเรื่อง น้ำตาลไหม้ ซึ่งส่งให้เบิร์ดเป็นที่รู้จักและกล่าวถึงในฐานะนักแสดงหน้าใหม่ที่มีความสามารถ
ก่อนเข้าวงการเพลง เบิร์ดรักการร้องเพลงมากเคยตระเวนร้องเพลงตามเวทีนักร้องลูกทุ่งของ ศรเพชร เพชรสุวรรณ แต่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันเลย
ก่อนออกเทป เบิร์ด เป็นพิธีกรในรายการ เจ็ดสีคอนเสิร์ต ร่วมกับ มยุรา ธนะบุตร
จุดสำคัญที่ทำให้เบิร์ดเข้าสู่วงการเพลงเต็มตัว คือการเข้าสู่วงการเพลง เบิร์ด-ธงไชยเข้าแข่งขันประกวดร้องเพลงของสยามมิวสิกฟาวเดชั่น ปี 2526 กวาดไปถึง 3 รางวัล เด่นที่สุดคือรางวัลนักร้องดีเด่น จากเพลง ชีวิตคือละคร และได้ เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ เป็นผู้ชักนำและเป็นโปรดิวเซอร์ให้
ข้อมูลโดยอินเตอร์เน็ต