แน่นอน! หลายคนคงอยากรู้ว่าโรงเรียนประเภทไหนกันแน่ที่มีหลักสูตรการสะกดคำออกมาแบบนี้ จากข้อมูลที่เหล่าผู้ปกครองเข้ามาโต้เถียงกันบนโลกออนไลน์ ได้ความว่า โรงเรียนสารสาสน์ และโรงเรียนในเครือคือต้อตอแบบเรียนเจ้าปัญหาที่ว่านี้ และนี่คือข้อดีและข้อเสียของการสอนด้วยวิธีนี้จากปากคำของผู้ผ่านประสบการณ์มาด้วยตัวเอง
การสอนอ่านแบบสารสาสน์ฯ ไม่ใช่หลักสูตรใหม่อะไรเลยค่ะ ตัวเราเองก็จบจากสารสาสน์ ก็เรียนการสะกดและเขียนอ่านแบบนี้มา ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กก็เรียนสารสาสน์ฯ อยู่ชั้น KG3 ก็เขียนอ่านได้ อ่านนิทานได้เองแล้ว
กำลังจะพาลูกย้ายโรงเรียนไปที่โรงเรียนสารสาสน์ฯ สายไหมค่ะ ซึ่งได้พาลูกไปทดสอบ เพื่อนเข้าเรียนต่อ แต่มีปัญหานิดหนึ่งค่ะ อย่างโรงเรียนเดิมลูก ก็จะสอนภาษาไทย แบบว่า สระเ-า (เอา) เวลาเอาตัวพยัญชนะไปผสม เช่น ก+เ-า = เกา... แต่ที่โรงเรียนสารสาสน์ฯ บอกว่าที่โรงเรียนมีหลักการสอน การอ่านและเขียน เช่น คำว่า เกา จะอ่านว่า เอ+กอ+อา = เกา
ผลที่จากที่ลองสอน ลูกสาวจะอ่านว่า กา ค่ะ ไม่เป็น เกา เหตุผลที่คุณครูให้ในหลักการสอนวิธีนี้คือ น้องจะได้เขียนได้ถูกต้อง ไม่ต้องจำสระเป็นชุดๆ ตอนแรกก็เห็นด้วยค่ะ เลยกลับมาลองสอน แต่ลูกสาวออกเสียง พยัญชนะ+สระ ไม่ได้เลยค่ะ เหมือนเขางง ส่วนตัวแม่เองก็งงค่ะ คือสอนแบบใหม่ก็ดีในแง่เขียน แต่ในแง่เสียงอ่านนี่ มันยากมากเลยค่ะ
ลูกเรียนที่สุราษฎร์ธานี ร.ร.ธิดาแม่พระ ก็สอนให้เด็กสะกดแบบ เอ-กอ-อา = เกา เหมือนกันค่ะ ข้อดีคือ เด็กจะเขียนหนังสือได้เร็ว ส่วนข้อเสียคือ เด็กไม่รู้จักสระที่ถูกต้อง สระเอือ, เอือะ, เอีย, เอียะ ฯลฯ พวกนี้ถ้าเราอ่านออกเสียง แรกๆ ลูกเขียนคำนั้นไม่ถูกเลย
เทอมที่ผ่านมา อนุบาล 3 ลูกมีการบ้านเขียนตามคำบอกทุกวัน วันละ 20 คำ ปัญหาที่เจอคือ เราบอกให้เขียนคำว่า "เลอะเทอะ" ลูกจะสะกดว่า เอ-ลอ-ออ-อะ = เลอะ, เอ-ทอ-ออ-อะ = เทอะ แต่ถ้าวันไหนเขาเหนื่อย ไม่ค่อยจะยอมทำ เขาจะถามว่ามันสะกดยังงัย พอเราสะกดให้ฟังว่า "ลอ-เออะ = เลอะ" ลูกทำหน้างงเลย เพราะเขาจำสระเออะไม่ได้ ไม่ชินกับการสะกดแบบนี้
ที่ทราบมาคือ พอขึ้น ป.1 ร.ร.จะสอนการอ่านเหมือนแบบที่เราเคยเรียนมาสมัยเด็กๆ จึงไม่เข้าใจว่าการให้เด็กสะกดแบบตามตัว เพื่อผลที่จะให้เด็กเขียนได้เร็วนั้น เป็นสิ่งที่ดีหรือเปล่า เพราะพอ ป.1 เด็กคงงงน่าดู เพราะต้องสะกดอีกแบบแล้ว
ร.ร.ในเครือสารสาสน์สอนแบบนี้ทั้งเครือค่ะ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับวิธีการสอนแบบนี้นะคะ เพราะเด็กจะไม่รู้จักสระที่ถูกต้อง แต่ก็ต้องแล้วแต่พ่อแม่พิจารณาแหละค่ะว่าชอบแนวการสอนของ ร.ร. มั้ย
สอนแบบนี้ มันไม่ถูกหลักภาษานะคะ สอนให้จำ แต่ไม่สามารถนำไปใช้ต่อยอดได้ เช่น ถ้าเราสอนแบบปกติ คำว่า เดา เด็กก็จะอ่าน ดอ-เอา-เดา พอคำว่า เบา เด็กก็จะอ่าน บอ-เอา-เบา แค่รู้จักสระเอาก็จะนำไปใช้สะกดตัวอื่นๆ ได้ แต่ถ้าอ่านแบบแยกว่า เอ-กอ-อา = เกา มันเป็นการปูพื้นภาษาที่ผิดมากๆ ตอนแรก คิดว่าจะให้ลูกเรียนที่นี่เพราะใกล้ เจอหลักสูตรพังๆ แบบนี้ คิดหนักเลยค่ะ!!
โรงเรียนเอาง่าย ให้เด็กเขียนได้ไวๆ จะได้ดูเหมือนกับว่าเด็กเก่ง ผมว่าน่าสงสารนะครับ เพราะต่อๆ ไปเด็กจะอ่านหนังสือไม่ออก ถามว่าทำไมเขาถึงสอนมาได้หลายรุ่นแล้ว ก็หลายรุ่นแล้วที่เด็กอ่านไม่ออก สมัยรุ่น หลักสูตร แม่ กอ-กา เด็ก ป.4 ยังอ่านหนังสือคล่องกว่าเด็ก ม.1 สมัยนี้อีก
ผมว่าเป็นการสอนภาษาไทยที่งี่เง่ามากครับ รุ่นพี่ผมก็เอาลูกจาก รร.นี้ เพราะเรื่องนี้เช่นกันครับ มีที่ไหน ภาษาไทยแต่ให้ฝรั่งเป็นคนแต่งหนังสือ
หลักสูตรอะไร ถ้าไม่ ใส่ใจ ก็จบ! หลายหลายความคิดเห็นช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์วิธีการสอนที่หลายคนเรียกว่าทำให้ภาษาไทย พิสดาร และหลักสูตร พัง ลองมาฟังความคิดเห็นของ ศ.ดร.อารี สัณหฉวี อาจารย์ประจำโรงเรียนสาธิตบางนา ผู้ศึกษาเรื่องการเรียนการสอนเด็กอนุบาล-ประถมวัยกันดูบ้าง เรื่องนี้อาจารย์ไม่ขอยำเละอะไรมากมายนัก บอกได้คำเดียวว่า สาเหตุที่เด็กอ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ อยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะครูผู้สอน-ผู้ระบุหลักสูตรนี่แหละที่เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขเรื่องที่ไม่ควรแก้ และละเลยเรื่องที่ควรใส่ใจ จึงทำให้ เละ กันอยู่แบบนี้
ไปดูที่เกาหลี ตามบ้านชาวนา เขามีห้องสมุดทุกบ้านนะคะ เพราะเขาปลูกฝังการรักการอ่านมาตั้งแต่เล็กๆ ให้มี หนังสือเล่มแรก ที่ทำขึ้นมาเฉพาะสำหรับสอนเด็กก่อนวัยเรียนเลย ซึ่งคิดว่าถ้าเมืองไทยเราอยากจะแก้ปัญหาเรื่องการอ่าน เราต้องมาจริงจังกับเรื่องนี้ และน่าจะได้ผลตอบรับเรื่องทำให้พ่อแม่กับลูกมีความสนิทสนมกันไปด้วยเลยทีเดียว ถ้าพ่อแม่ให้ลูกนั่งตัก อ่านหนังสือให้ฟัง เด็กจะได้ความอบอุ่น มีความสุข ทำให้เขาชอบหนังสือ
แต่ทุกวันนี้ เด็กของเราส่วนใหญ่ไม่เคยได้ทำความคุ้นเคยกับหนังสือเลย ไม่ค่อยได้ฟังพ่อแม่หรือครูเล่านิทานให้ฟัง พอมาถึงตอนเรียนหลักสูตรสะกด-ผสมคำ ก็เริ่มมาอ่าน กอ-อา = กา กันเลย มันก็เลยไม่ค่อยไปไหน จริงๆ แล้วมันต้องเริ่มมาจากพื้นฐานเลยค่ะ มันเริ่มช้าไปแล้ว เด็กก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและจำไม่ได้ เพราะยิ่งถ้าให้เด็กเริ่มอ่านจากหลักสูตร บังคับให้เด็กสะกดเป็นตัวๆ มันก็แอบทารุณเหมือนกันนะ เด็กบางคนไม่ได้ถูกสอนมาตั้งแต่อนุบาล ไม่มีใครคุยด้วย พอมาสอนตามหลักสูตรแบบนี้ปั๊บ เด็กก็เลยจำไม่ได้สักที
ส่วนตัวแล้วคิดว่า ควรจะให้เน้นเรื่องการอ่านออกเป็นหลักก่อน ส่วนเรื่องการเขียนมันสอนที่หลังได้ค่ะ เปรียบเทียบง่ายๆ จากเด็กอายุ 3 ขวบนะคะ ถ้าบังคับให้เขาเขียนตั้งแต่เล็กๆ เขาจะเขียนไม่ค่อยถูก จับดินสอไม่เป็น กำดินสอแน่นเลย ส่วนเด็กที่เริ่มโตแล้วอย่างเด็กประถม ที่เห็นว่ายังเขียนผิดกันอยู่ อาจจะเพราะเขาอ่านน้อยหรือไม่เข้าใจหลักการสอน เราต้องให้เขาเห็นตัวหนังสือบ่อยๆ ค่ะ เขาก็จะจำได้ เรื่องความจำของมนุษย์เรา ต้องฝึกบ่อยๆ ค่ะ แล้วจะจำได้เอง
เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยากเห็นก็คืออยากให้ครูผู้สอนสนใจสอนเด็กแบบตัวต่อตัวมากขึ้นค่ะ เพราะอย่างสมัยก่อนสอนแบบ เลข-คัด-เลิก คือครูเขียนโจทย์ไว้บนกระดาน แล้วให้เด็กมาตอบทีละคน เด็กก็อ่านออกเขียนได้กัน เพราะครูคอยจี้ แต่สมัยนี้ การฝึกหัดครูของเราแย่หน่อย โดยเฉพาะครูประถม เราไปเน้นทฤษฎีมากเกินไป ไม่ได้ฝึกภาคปฏิบัติ ครูเลยไม่ชินกับการสอนเด็กเป็นกลุ่มเล็กๆ หรือเรียกเด็กมาอ่านทีละคุณเหมือนสมัยก่อนแล้ว จะสอนรวมๆ กัน ทำให้เด็กไม่ค่อยได้ ทำให้เกิดปัญหาเด็กอ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้ อันนี้ไม่ได้โทษครูนะคะ แต่โทษหลักสูตรการฝึกหัดครู มันไม่มีภาคปฏิบัติที่ดีพอ
ถ้าอยากให้เด็กอ่านออก-เขียนได้ เราก็ต้องปลูกฝังเขามาตั้งแต่แรกๆ และช่วยกันสนับสนุนให้มีหนังสือเด็กมากขึ้น ให้เด็กได้อ่านเยอะๆ อย่างน้อยๆ ตอนเย็นก่อนกลับบ้าน อยากให้ครูเล่านิทานให้เด็กฟัง เพราะเวลาเขาฟัง ใจเขาจะคิดตาม เขาจะมองเห็นภาพ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ อ่านหนังสือตอนเช้าๆ ให้เด็กฟังก็ได้ ให้เขาได้อ่านได้ฟังได้พูดมากๆ แต่ทุกวันนี้ เราไม่ค่อยได้ให้อะไรแบบนั้นกับเด็ก แต่ให้เด็กมานั่งเรียงกัน 40-50 คน ครูสอนด้วยไมโครโฟน น่าสงสารเด็กนะ เพราะถึงจะสอนด้วยวิธีใหม่แค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่ใส่ใจนักเรียน เด็กก็อ่านไม่ออก-เขียนไม่ได้อยู่ดี
ก็ได้แต่หวังว่าคำแนะนำจากอาจารย์และคำติชมจากผู้ปกครองครั้งใหญ่ครั้งนี้ จะทำให้ผู้ขยันสร้างหลักสูตรพิสดารหันกลับมาฉุกคิดอะไรได้บ้าง ก่อนที่จะทำให้หายนะเกิดขึ้นกับภาษาไทยและสมองน้อยๆ ของเด็กๆ แม้จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม...
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณข้อมูล: กระทู้พันทิป Pantip.com
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ญามี่ Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น